ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF,OS] EXO ALL CHEN โลกเล็กๆของคิมจงแด

    ลำดับตอนที่ #10 : STORY : SF เราต่างกัน [Krischen] (1)

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 58


    © themy  butter




     

     



                นายพร้อมแล้วจริงๆใช่มั้ยเฉิน...

     

    นายทำได้จริงๆใช่มั้ย...

     

    "พร้อมแล้วก็ออกมา" เสียงเข้มดังขึ้นฉุดให้เฉินหลุดออกจากภวังค์ที่คอยแต่ถามตัวเองซ้ำๆมาหลายนาทีแล้ว

     

    ว่าเขาพร้อมจริงๆเหรอ...ที่จะขายความบริสุทธิ์แลกกับเงิน!

     

     

     

     

     

    ช่วงเวลากลางคืนคือช่วงเวลาที่นักล่าราตรีออกโฉบเฉี่ยวหาความสุขสนุกสนานใส่ตนเอง แต่ก็มีไม่น้อยเช่นกันที่มีผู้คนกำลังเป็นทุกข์ เช่นเดียวกับ 'เฉิน' ร่างบางนอนอยู่บนฟูกใบเก่าที่ไม่มีแม้แต่ความนุ่ม นัยน์ตากลมเรียวจ้องมองไปยังเพดานซ่อมซ่อพร้อมกับมือที่เกยหน้าผาก

     

    "พี่ครับ" เสียงทุ้มนุ่มของเด็กชายวัยสิบหกเรียกพี่ชายของตัวเองที่นอนนิ่งอยู่อย่างนั้น เสียงนุ่มๆที่ทำให้เฉินยิ้มออก กำลังใจเดียวที่ทำให้เขายังอยากมีชีวิต น้องชายอันเป็นที่รัก

     

    "ว่าไงเทา" เฉินถามพร้อมรอยยิ้มสว่างสไวที่เขามักจะมีมันติดตัวตลอดเวลา

     

    "คุณครูบอกว่าเลื่อนให้ได้จนถึงวันศุกร์นะครับ" เทาบอกพร้อมกับใบหน้าที่ดูเป็นกังวล ที่จริงเขาอยากจะหางานพิเศษทำ ติกตรงที่พี่ชายตัวดีที่ห้ามจะเป็นจะตายเพราะกลัวน้องชายเหนื่อย แต่กลับไม่ห่วงตัวเองสักนิด

     

    เฉินชะงักไปก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้น มือเรียวเอื้อมไปลูบหัวของน้องชายก่อนจะพูดเสียงร่าเริงพร้อมรอยยิ้มตาปิด

     

    "ไม่ต้องห่วงนะเทา! เดี๋ยวพี่จัดการเอง ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงนะ"

     

    "ครับ!" เทารับพร้อมกับรอยยิ้ม ร่างสูงวิ่งดุกดิ๊กไปยังที่นอนของตนเองก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างง่ายดาย

     

    รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของเฉินดับวูบแทบจะทันที เงินค่าเทอมของน้องชายที่เขาต้องหามาให้ได้ภายในวันศุกร์นี้ทำให้เฉินอยากจะร้องไห้ แค่เงินค่ากับข้าวทุกวันนี้ยังจะไม่มี แล้วเขาจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหนกัน

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    และนั่นก็คือสาเหตุที่เฉินคนจนมายืนเสนอหน้าอยู่ตรงนี้! ในตู้กระจกที่มองออกไปก็เห็นแต่เหล่าชายแก่ตัณหากลับที่มาคอยชี้เลือกเด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มไปเป็นของเล่น

     

    เฉินพยายามยิ้มอย่างที่ผู้จัดการร้านบอก แต่นัยน์ตาสวยกลับเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆราวกับพร้อมจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ

     

    แต่เพื่อน้องชายที่รัก เขายอมทำได้ทั้งนั้นไม่ว่าอะไร อีกอย่างเป็นผู้ชาย เรื่องอย่างนี้ก็คงจะไม่เสียหายเท่าไหร่ จะมีก็แต่ความเจ็บปวดเท่านั้น

     

    รู้ตัวอีกที คนที่นั่งรอบข้างเขาก็ถูกเลือกออกไปจนเกือบจะหมด พร้อมกับเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปเรื่อยๆ สร้างความโล่งอกให้แก่ร่างเล็ก

     

    แต่แล้วแล้วความโล่งใจก็ถูกถีบกระเด็น เพราะหากไม่มีคนเลือก นั่นก็หมายถึงไม่ได้เงินน่ะสิ!

     

    โอ้ยเฉิน ชีวิตแกนี่มันบัดซบจริงๆ!

     

    "เบอร์ 21"

     

    "...!"

     

    "เบอร์ 21 ออกมา!"

     

    "ผะ ผมเหรอครับ?!"

     

    "เออสิ รีบออกมาเลย วีไอพีนะ อย่าชักช้า!"

     

    เฉินลุกขึ้นเดินตามผู้จัดการร่างสูงออกจากห้องกระจกใสอย่างกล้าๆกลัวๆ สมองในตอนนี้ขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น รู้แต่ว่าอีกไม่นาน ศักดิ์ที่มีอยู่จะถูกใช้แลกกับเงิน

     

    "ขึ้นไปหาลูกค้าที่ห้องเบอร์ 4"  ผู้จัดการบอก เฉินพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปช้าๆ

     

    "นี่เฉิน" ผู้จัดการเห็นท่าทางอย่างนั้นก็อดเป็นห่วงนิดๆไม่ได้ ถึงเขาจะเป็นผู้จัดการร้านโฮสต์คลับ แต่เขาก็ไม่เคยบังคับใครทั้งนั้น พนักงานทุกคนเต็มใจมาเอง

     

    "ถ้านายทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำก็ได้นะ "

     

    เฉินแทบจะปล่อยโหออกมาอย่างตื้นตัน

     

     แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะทำมัน น้องชายที่น่ารักของเขารออยู่ การจะหาเงินครึ่งหมื่นในเวลาไม่กี่วันนี่ไม่มีทางไหนอีกแล้ว

     

    "ขอบคุณนะครับ แต่ผมจะพยายาม"

     

    เฉินส่งยิ้มกว้าง ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆและวิ่งขึ้นไปยังโซนห้องคาราโอเกะแบบวีไอพี

     

    นัยน์ตาสวยกวาดมองหาห้องหมายเลขสี่ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าห้องอย่างเตรียมใจ ถ้าพบว่าเป็นตาแก่พุงพลุ้ย เฉินคิดว่าตัวเองอยากจะได้ยาปลุกเซ็กหรือยาหลอนประสาทซะก่อน

     

    มือเรียวเอื้อมออกไปก่อนจะผลักประตูเข้าไปเบาๆ บรรยากาศภายในห้องมืดสลัว มีเพียงแสงเล็กๆจากโคมไฟสองสามจุด แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้เฉินเห็นใบหน้าหล่อเหลาของคุณลูกค้า

     

    ร่างสูงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาตัวหรู ใบหน้าหล่อคมนิ่งสนิทไม่แสดงอารมณ์ใดๆ นัยน์ตาเรียวจ้องมองมาที่ร่างบางที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามานิ่ง

     

    "คือว่าผมเป็นพนักงาน..."

     

    "มานั่งนี่" ยังไม่ทันที่เฉินจะพูดจบประโยค เสียงทุ้มก็ดังขึ้นก่อน เฉินพยักหน้าอย่างงงๆ ก่อนจะค่อยๆเดินไปนั่งที่โซฟา ในขณะที่นัยน์ตาเรียวของร่างสูงไม่ได้ละจากร่างบางเลยแม้แต่วินาทีเดียว

     

    เฉินนั่งห่างจากอีกคนอยู่พอสมควร จนได้รับสายหงุดหงิด

     

    "มานั่งใกล้ๆสิ!" ในที่สุดร่างสูงก็บอกอย่างหงุดหงิด

     

    เฉินทำหน้ามึนๆ แต่ก็ยอมขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ

     

    "ฉันชื่อคริส"

     

    "ผะ ผมเฉินครับ" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแนะนำตัว เฉินก็ทำตาม

     

    "เริ่มสิ"

     

    ประโยคสั้นๆจากคริสทำเอาเฉินงงเป็นไก่ตาแตก

     

    "ระ เริ่มอะไรครับ"

               

    และคำถามนั้นก็เรียกความหงุดหงิดจากคริสอีกครั้ง วันนี้เขาเจอเรื่องน่าอารมณ์เสียมามากพอ จนอยากจะได้คนมาระบายอารมณ์ตามที่เพื่อนแนะนำ ทั้งที่ไม่เคยใช้บริการอะไรแบบนี้มาก่อน แต่ดูเหมือนอารมณ์เขาจะจะถูกกวนให้ขุ่นมัวมากขึ้นไปอีก

     

    คริสมองหน้าใสซื่อของเฉินก่อนจะเหยียดยิ้มเล็กๆ คนที่ทำงานด้านนี้จะไม่เข้าใจได้ยังไงว่าเขาหมายความว่ายังไง กะจะมาแอ๊บใสเพื่ออัพราคารึไง ได้ ถ้าจะเอาอย่างนั้นเขาก็จะเล่นด้วยสักหน่อย

     

    "จูบฉัน" คริสพูดออกไปตรงๆจนเฉินหน้าแดงก่ำ กะจะด่าให้ยางอายโผล่ แต่ก็ต้องกลืนคำด่าลงไปเมื่อเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองกำลังทำงานอะไรอยู่

     

    เฉินขยับตัวเข้าไปใกล้อีกคนอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะยื่นปากเข้าไปจุ๊บที่ริมฝีปากของอีกคนแล้วผละออกอย่างรวดเร็วจนคริสอึ้ง...

     

    นี่มันเรียกว่าจูบได้ที่ไหนล่ะไอ้บ้า!

     

    คริสหงุดหงิดจนอยากจะล้มโต๊ะ แต่ขณะเดียวกัน ความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้นในใจ นัยน์ตาคมจ้องมองใบหน้าน่ารักมีเสนห์ที่หันหนีไปทางอื่น ใบหูขาวแดงก่ำจนน่าขำ

     

    คริสยิ้มออกมานิดๆ เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าตัวเองทำไมอยู่ดีๆก็อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างนั้น กับคนที่พึ่งรู้จัก แถมยังทำงานบริการอย่างว่า...

     

    "นี่เฉิน ใจคอนายจะทำแค่นี้เหรอ รู้มั้ยฉันจ่ายเท่าไหร่กับค่าตัวนายน่ะ" คริสพูดขึ้นด้วยท่าทีขึงขัง กะจะแกล้งอีกฝ่าย เฉินหันหน้ากลับมามองอีกคนด้วยท่าทีเลิกลั่กจนคริสอยากจะหัวเราะ อารมณ์หงุดหงิดหายไปหมด

     

    ทำไมท่าทางถึงได้เป็นธรรมชาติขนาดนี้ะ นายแค่แกล้งใส หรือใสจริงกันแน่? คริสได้แต่ถามตัวเองในใจ

     

    "ผะ ผมต้องทำอะไรอีกครับ" เฉินถามท่าทางตื่นๆ

     

    "นายต้องจูบฉันตรงแก้มทั้งสองข้าง" คริสบอกพร้อมกับเอานิ้วจิ้มไปที่แก้มทั้งสองข้างของตัวเอง

     

    เฉินเบิกตาโพล่งก่อนจะหลับตาแน่นแล้วยื่นปากบางของตัวเองไปจุ๊บที่แก้มทั้งสองข้างของคริสเร็วๆ แต่ยังไม่ทันที่จะถอยออก คริสก็ใช้มือใหญ่ของตัวเองรั้งคอของเฉินไว้

     

    "จูบที่ปากของฉันแล้วเอาลิ้นเข้ามาด้วย" คริสกระซิบบอกเสียงแผ่ว พร้อมกับร้อยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เฉินเห็นแล้วรู้สึกร้อนๆหนาวๆ

     

    "เอาลิ้นเข้าไป...มะ มันทำได้เหรอครับ" เฉินถามอย่างแปลกใจ เล่นเอาคริสเกือบหลุดขำ นี่นายจะใสเกินไปรึเปล่านะ เดี๋ยวก็คงได้รู้กัน ว่านายบริสุทธิ์จริงหรือแค่แกล้งอัพราคาตัวเอง

     

    "ได้สิ และนายต้องทำด้วย เพราะฉันจ่ายค่าตัวนายไปแล้ว" คริสพูดดวยใบหน้าสบายใจ และคำพูดนั้นก็ทำให้เฉินหมดซึ่งทางเลือก เพราะคนๆนี้คือคนที่ให้เงินค่าเทอมแก่น้องชายของเขา

     

    เฉินเลื่อนหน้าเข้าไปชิดก่อนจะประกบจูบ ลิ้นบางพยายามยื่นเข้าไปยังโพลงปากหนาของอีกคน แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อลิ้นร้อนของคริสเกี่ยวกระหวัดลิ้นตัวเองแล้วดูดดึงอย่างเร้าร้อน ลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามายังโพลงปากของเฉิน ควานหาความหวานอย่างลุกล้ำจนเฉินร่นตัวหนีอย่างหวาบหวาม เกิดมายังไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน

     

    คริสถอนจูบอย่างอ้อยอิ่ง ใช้ลิ้นเลียเบาๆไปที่มุมปากของอีกคนก่อนจะผละออกมามองหน้าแดงก่ำของเฉินที่ยังคงหอบหนักๆอย่างหายใจไม่ทัน

     

    ความไม่ประสีประสาที่แสดงออกมายิ่งทำให้คริสใจเต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นี่เขาเจอกับผ้าสะอาดเข้าเหรอเนี่ย!

     

    แต่แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็หมดไป เมื่อเขาเริ่มคิดว่าเหตุใด คนที่ไม่เคยแม้แต่จูบ ถึงได้ตัดสินใจมาทำงานนี้

     

    "นี่เฉิน นายมาทำงานนี้ทำไม"

     

    "...!"

     

    คำถามของคริสทำเอาเฉินสะดุ้ง นัยน์ตาสวยมองหน้าคริสอย่างชั่งใจ เขาควรจะพูดปัญหาของตัวเองออกไปเหรอ เมื่อไม่ว่ายังไงคนๆนี้ก็เป็นแค่ลูกค้า ที่ต้องการคนสำเร็จความใคร่ เข้ามาก็จากไป

     

    แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น...เฉินก็อดแปลกใจกับใจที่เต้นแรงของตัวเองไม่ได้...

     

    "ผมต้องการเงิน..."

     

    "เอาไปทำอะไร มันจำเป็นขนาดต้องมาทำอย่างนี้เลยเหรอ" คริสถาม เขาก็แปลกใจตัวเองไม่น้อย ปกติเขาไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น โดยเฉพาะคนที่เพิ่งรู้จักด้วยแล้ว แทบไม่ชายตามองเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับเฉินมันต่างออกไป...

     

    "จำเป็นมากสิครับ! น้องชายผมจะไม่ได้เรียนต่อ ถ้าผมไม่เอาเงินไปจ่ายค่าเทอม" เฉินพลั้งปากตอบออกไป ก่อนจะเม้มปากตัวเองแน่น เมื่อเพิ่งมาคิดได้ว่าตัวเองบอกความน่าสมเพชของตัวเองออกไปให้คนที่ไม่รู้จักรู้ เขาต้องหัวเราะเยาะแน่...

     

    แต่เปล่าเลย

     

    คริสกลับมองร่างบางตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย มือใหญ่เอื้อมไปดึงร่างบางมากอดไว้คล้ายปลอบประโลม แค่นั้นก็ทำให้เฉินน้ำตาไหลเป็นเขื่อนแตก กราดด่าชีวิตอันแสนทุลักทุเลของตัวเองออกไปอย่างลืมตัว คริสก็ได้แต่ลูบหัวร่างบางไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จักเบื่อ

     

    รู้ตัวอีกทีเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงตีสองกว่าๆแล้ว เฉินผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่นก่อนจะขอโทษรัวๆที่ไปแสดงท่าทีไม่เหมาะสม คริสได้แต่หัวเราะ และบอกว่าไม่เป็นไร

     

    "คุณจ่ายไปเยอะใช่มั้ยครับ...แต่กลับไม่ได้อะไรเลย ผมสัญญาว่าจะหาเงินมาคืนคุณให้หมด! ขอเลขบัญชีธนาคารด้วยครับ!" เฉินโค้งตัวพร้อมกับพูดรัวๆ มือสองข้างยื่นปากกากับกระดาษให้คริส ที่ยังนั่งนิ่งบนโซฟาตัวหรู

     

    ที่จริงเฉินอยากจะคืนเงินให้ทั้งหมดตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่เขาจำเป็นต้องใช้มันในวันพรุ่งนี้แล้ว มันจำเป็นมากจริงๆ!

     

    "ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ฉันก็ได้ไปเยอะแล้วนี่" คริสตอบพร้อมกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม ประโยคที่ว่า 'ได้ไปเยอะ' ของคริสทำเอาเฉินหน้าขึ้นสีอีกครั้ง

     

    "ตะ แต่ว่า..."

     

    "ถ้านายไม่สบายใจ ก็เอาเบอร์โทรของนายมา"

     

    "ได้ครับได้!" เฉินรับอย่างกระตือรือร้นก่อนจะจดเบอร์ตัวเองลงไปในกระดาษแทน

     

    "ฉันขอถามอีกอย่าง...นายจะยังทำงานนี้ต่อไปมั้ย?"

     

    เฉินเงียบไปกับคำถาม ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาจนคริสเผลอมองด้วยความหลงไหล

     

    "ไม่มีทางแล้วล่ะครับ ครั้งนี้เพราะมันกระทันหัน และผมไม่มีทางเลือกจริงๆ"

     

    "นั่นดีแล้วล่ะ..."

     

    เพราะแค่คิดว่านายต้องไปอยู่ในอ้อมกอดใคร ฉันก็ทนไม่ไหวจนอยากจะขาดใจตายไปเลย...

     

     

    .

    .

    ..

    .

    .

    .

     

     

     

    เงินที่ได้จากการแลกศักดิ์ศรีครั้งแรกเยอะมากจนสบายไปได้อีกหลายเดือน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สูญเสียอะไรไปมากอย่างที่คิดก็เถอะ

     

    เฉินยิ้มหน้าบานหลังจากที่เขาให้เงินค่าเทอมน้องชายไป รอยยิ้มของเทาทำให้เขามีกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไป

     

    และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาต้องสู้ เฉินยิ้มให้กำลังใจตัวเองในกระจก จัดแจงชุดนักศึกษาที่สวมใส่อยู่ให้เรียบร้อย

     

    เขาเรียนอยู่ปีหนึ่งที่มหาวิทลัยเอกชนชื่อดังใจกลางเมืองใช่แล้วล่ะครับ เขาเรียนเอกชน นั่นเพราะว่าเขาสอบชิงทุนนักเรียนเรียนดีแต่ยากไร้ได้ จึงเป็นผลให้เขาได้เข้าไปเรียนที่นั่น แต่ก็ใช่ว่าชีวิตเฉินจะดีขึ้น

     

    ขึ้นชื่อว่าเอกชน แน่นอนว่ามันมักจะมีแต่คนรวยๆ และคนเหล่านั้นก็เป็นจำพวกชอบเหยียดหยามซะด้วยสิ...

     

    ถึงแม้ว่าเฉินจะเรียนดีแค่ไหน แต่สำหรับนักศึกษาในมหาลัยนี้แคร์เรื่องยี่ห้อเสื้อผ้ามากกว่าระดับของสมอง นักเรียนทุนอย่างเฉินจึงไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว คนที่จะคุยกันก็มีแต่พวกเด็กทุนด้วยกัน ซึ่งเด็กทุนทุกคนต้องรักษาอันดับตัวเองให้ได้หนึ่งในสิบห้าของมหาลัย ใครที่คะแนนตกจะถูกตัดทุนทันที นั่นเป็นอีกข้อที่เฉินกลัว

     

    ร่างบางของเฉินพาตัวเองขึ้นไปเบียดเสียดกับหลายชีวิตบนรถเมล์ ก่อนที่เขาจะต่อรถเล็กเพื่อเข้าไปยังตัวมหาลัย และที่อยากบอกเลยคือมีนักศึกษาไม่ถึงร้อยคนหรอก ที่จะนั่งรถเล็กหรือรถเมล์ ส่วนมากมักจะมีรถเป็นของตัวเองแล้วทั้งนั้น

     

    อีกสี่ปีเท่านั้นเฉิน... ชีวิตนายต้องดีขึ้น...

     

    เป็นอีกครั้งที่เฉินให้กำลังใจตนเอง...

     

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    "เฮ้ยไอ้คริส เป็นเชี่ยอะไรวะ คิ้วขมวดแต่เช้า!" ชายยอลทักเพื่อนสนิทของตัวเอง ที่เพื่งย้ายมากจากแคนาดา เพื่อมาเรียนต่อปีสามที่มหาลัยในโซล ด้วยเหตุผลทางครอบครัวบางอย่าง

     

    "เปล่า ยุ่งอะไรกับกู" คริสตอบปัดก่อนจะด่าไปนิดหน่อยพอเป็นพิธี แปลแบบไม่สุภาพคือ 'เสือกไรมึง'

     

    "คนอุตส่าห์เป็นห่วง มึงนี่!" ชาลยอลทำท่าเหมือนงอนซะเต็มประดา ก่อนจะกลับมาดี๊ด๊าอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นสาวๆสวยๆเดินผ่าน

     

    คริสส่ายหน้าให้กับความปัญญาอ่อนของเพื่อนตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะเข้าสู่ภวังค์ของตัวเองต่อไป

     

    เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน...คิดถึงใครบางคนจนแทบทนไม่ไหว อยากสัมผัส อยากเจอ แต่กลับไม่กล้าโทรหา ไม่กล้าทำอะไรอย่างที่ใจคิด ถึงจะเป็นต่อในเรื่องที่เขาจ่ายเงินซื้อตัวมาแล้วก็เถอะ

     

    แต่เพราะเฉินแตกต่างจากทุกคน เขาจึงไม่อยากทำอะไรที่อีกฝ่ายไม่ได้ยินยอม

     

    เขาไม่เคยงงตัวเองขนาดนี้มาก่อน ว่ากลายเป็นคนที่เห็นใจคนอื่นไปตัเงแต่เมื่อไหร่...

     

     

    ให้ตายเถอะคริส

     

     

    ผู้ชายคนนั้นทำเอานายปั่นป่วนไปหมดแล้วใช่มั้ยเนี่ย!

     

     

    และคริสก็ยังคงต้องว้าวุ่นต่อไป เพราะคำถามที่เขาใช้ถามตัวเอง มันยังไม่ได้คำตอบน่ะสิ!

     

     

     

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    วันนี้มีบางอย่างแปลกไป...

     

     

    ใช่ เฉินอาการแปลกไป  ทั้งคอยพะวงกับโทรศัพท์ และนั่งจ้องโทรศัพท์อยุ่ทุกทีที่ว่าง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังคงไม่มีสายเรียกเข้ามา สร้างความผิดหวังจนเฉินเดินหน้าหงอยเข้าห้องพักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

     

     

    เทาที่เห็นคนเป็นพี่แปลกไปก็ปิดความสงสัยไม่มิด ลุกจากโต๊ะทำการบ้านมาช่วยถือกระเป๋าเรียนแสนหนักของพี่ชายทันที

     

    "เหนื่อยมั้ยครับวันนี้" เทาถาม ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเฉิน

     

    "ไม่เลย" เฉินตอบพร้อมกับชูแขนทำท่าเบ่งกล้าม เรียกเสียงหัวเราะจากเทาได้เป็นอย่างดี ทาเป็นเด็กดี นั่นคืออีกอย่างที่เฉินภูมิใจ น้องชายของเขาตั้งใจเรียนและไม่เคยสร้างปัญหาอะไรให้เขาแม้แต่น้อย ถึงแม้หน้าตาจะออกแนวดุๆคล้ายพวกเด็กเทคนิกก็เถอะ

     

    เฉินมองเทาที่ตัวสูงเอาๆ อย่างไม่เกรงใจพี่ตัวเอง ที่ความสูงหยุดอยู่ที่ร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ จนตัวเล็กกว่าน้องชายไปแล้ว

     

    "โตขึ้นมากเลยนะเทา เป็นคนดีไว้ล่ะ ตั้งใจเรียน ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น พี่จะเลี้ยงนายเอง อยากได้อะไรบอกพี่" เฉินบอกพร้อมกับมือที่ยื่นไปลูบหัวเทา น้องชายตัวสูงพยักหน้าก่อนจะซุกกอดพี่ชายตัวเองแน่น ครอบครัวของเขาก็เหลือกันอยู่แค่นี้

     

    หลังจากที่พ่อแม่ตายจากไป ชีวิตที่มีกินมีใช้อย่างปานกลางก็เปลี่ยนไป บ้านที่เคยเป็นของครอบครัวเขาก็ถูกยึด พวกเขาไม่เหลืออะไรเลย ล่วงเลยมาแล้วสองปี ชีวิตของพวกเขาก็ยังคงลุ่มๆดอนๆ รอวันที่จะเรียนจบและสร้างชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น

     

    "กินข้าวรึยังเทา" เฉินถามค่อยๆดันร่างใหญ่ของน้องชายออก

     

    "ยังครับ พรุ่งนี้ผมมีสอบด้วย" เทาตอบพร้อมกับลูบท้องตัวเอง เรียกเสียงหัวเราะจากเฉิน ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาอาจจะลำบากใจ เพราะไม่มีเงินไปซื้อข้าวให้น้องชายกินเพิ่มพลัง

     

    แต่ตอนนี้เขามีแล้ว เยอะด้วยซ้ำ เงินที่ได้มาจากเขาคนนั้น ที่ในหัวยังคงคิดถึงตลอดเวลา...

     

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    เฉินเดินออกมาจากร้านอาหารพร้อมกับข้าวสองกล่อง เขากะไว้เหมือนกันว่าจะต้องซื้อผัก ราเมน เนื้อและข้าวตุนไว้เยอะๆ เผื่อวันไหนไม่มีเงินจะได้ไม่ต้องทนหิว

     

    "...!"

     

    เฉินเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงกระช้ากที่แขน ก่อนจะต้องยิ้มออกมาอย่างลืมตัวเมื่อพบว่าเป็นใคร

     

     

     

    .

     

    คริสขับรถกลับคอนโดด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่กล้าที่จะโทรหาอยู่ดี

     

    แต่แล้วก็เหมือนสวรรค์บันดาล เมื่อนัยน์ตาคมเหลือบไปเห็นร่างบางที่เดินแกว่งถุงข้าวอยู่ข้างทาง แค่มองปราดเดียวเขาก็รู้ทันทีว่าใช่

     

    ไวเท่าความคิด คริสหักรถเข้าจอดเทียบข้างทางทันที ก่อนจะเปิดประตูแล้ววิ่งตรงเข้าไปดึงแขนเล็กของอีกคนไว้ ทั้งที่ใจจริงอยากจะวิ่งเข้าไปสวมกอดด้วยซ้ำ!

     

    เฉินหันหน้าตามแรงกระช้าก นัยน์ตาสวยมีแววตื่นตระหนก ก่อนที่เรียวปากปากจะยกยิ้มขึ้นอย่างสดใส

     

    อย่ายิ้มอย่างนั้นนะเฉิน...ฉันทนไม่ได้ที่จะไม่กระช้ากตัวนายเข้ามาจูบ!

     

    "คุณคริส!"

     

    "ไม่ต้องเรียกคุณ คริสก็พอ" คริสตำหนิอย่างไม่จริงจัง พร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้ มือใหญ่ปล่อยแขนเล็กๆนั่นให้เป็นอิสระ ก่อนจะใช้มันเกาหัวตัวเองแก้เก้อ

     

    "จะ จะดีเหรอครับ"

     

    "ดีสิ! แล้วนี่นายจะไปไหน"

     

    "ผมจะกลับบ้านน่ะครับ ผมออกมาซื้อข้าวให้น้องชาย" เฉินตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง เรียกอาการหัวใจกระตุกจากคริสได้เป็นอย่างดี

     

    "แสดงว่านายยังไม่ได้กินข้าว"

     

    "...?" เฉินมองหน้าคริสงงๆ

     

    "งั้นไปกินข้าวกับฉันหน่อย"

     

    "ผมเหรอครับ?" เฉินถามย้ำพลางเบิกตากว้าง นี่มีคนชวนเขากินข้าวเหรอเนี่ย เป็นอีกเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต!

     

    "นายจะถามย้ำทำไมเล่า ก็นายนั่นแหละ เอาข้าวไปให้น้องนายก่อนก็ได้" คริสร่ายยาวก่อนจะคว้ามือของเฉินมาจับแล้วกึ่งลากกึ่งจูงไปยังรถของเขาที่จอดอยู่

     

    เฉินมองมือใหญ่ที่กุมมือตัวเองอยู่ด้วยความรู้สึกร้อนๆบนใบหน้า คริสจะรู้มั้ยนะ ว่าแค่การกุมมือแค่นี้ถึงเขาจะไม่ได้คิดอะไร แต่สำหรับเฉิน มันรู้สึกดีมากๆเลย...

     

    คริสทำเป็นทำหน้าขึงขังลากอีกฝ่ายไปขึ้นรถแบบไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ ทั้งที่จริงๆ รู้สึกเขินแทบแย่ ที่ได้กุมมือเล็กเอาไว้อย่างนี้ ถึงแม้เฉินจะไม่ได้คิดอะไรมากกับการถูกกุมมือก็เถอะ...

     

    คริสเปิดประตูรถก่อนจะปล่อยมือให้เฉินขึ้นไปนั่ง ส่วนตัวเองก็รีบวิ่งไปขึ้นอีกฝั่ง

     

    เมื่อขึ้นมานั่งบนรถแล้ว คริสจึงได้เห็นท่าทางเงอะๆงะๆ เหมือนไม่เคยนั่งรถของเฉิน มันไม่ได้ดูน่าหัวเราะ แต่มันดูน่ารักซะมากกว่า

     

    "นายไม่เคยขึ้นรถเหรอเฉิน?" คริสถามพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ

     

    "ไม่เคยกับรถที่ดูท่าจะแพงขนาดนี้ครับ" เฉินตอบตรงๆจนคริสหลุดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เฉินเมื่อเห็นอย่างนั้นก็ก้มหน้าหงุดด้วยความอาย

     

    "งั้นเดี๋ยวฉันจะรัดเข็มขัดให้" คริสหยุดขำเมื่อเห็นว่าอีกคนเขินจนแทบจะจิกกางเกงตัวเองขาดได้อยู่แล้ว ก่อนที่จะเอี่ยวตัวไปดึงเข็มขัดออกมาแต่แค่เพียงได้เฉียดเข้าใกล้ กลิ่นสบู่อ่อนๆของเฉินก็ทำเอาคริสแทบคลั่ง ไหนจะลมหายใจอุ่นที่รดลงมาโดนเขาเบาๆ

     

    "เอ่อ...คริสครับ ยังไม่เสร็จอีกเหรอ" เฉินถามขึ้นมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าอีกคนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นหลายนาทีแล้ว

     

    "เสร็จแล้ว" คริสหลุดจากภวังค์ก่อนจะค่อยๆเอี่ยวตัวกลับ แต่ก็ผิดคาดไปหน่อยตรงที่เฉินก้มหน้าลงมามองความเรียบร้อยพอดี ริมฝีปากนุ่มนั่นจังเฉียดลงบนแก้มของคริสอย่างไม่ได้ตั้งใจ

     

    เฉินเบิกตากว้างก่อนจะใช้มือปิดปากตัวเองแน่นคล้ายจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่คริสกลับยิ้มกรุ่มกริ่มคล้ายชอบใจซะงั้น!

     

    "ผมขอโทษครับ คือผมไม่ได้ตั้งใจ"

     

    "ไม่เป็นไรหรอก" คริสมองท่าทีลนลานนั่นก็ยิ่งยิ้มเข้าไปใหญ่

     

    "ขอโทษจริงๆนะครับ "

     

    "ถ้านายรู้สึกผิดจริงๆ นายต้องให้ฉันหอมแก้มคืน" คริสเสนอด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เล่นเอาอีกคนใบหน้าขึ้นสีหนักกว่าเก่า

     

    "นั่นมัน..."

     

    "ไม่ได้เหรอ" คริสแสร้งทำหน้าเศร้า

     

    "ดะ ได้สิครับได้" เฉินเมื่อเห็นว่าอีกคนมีสีหน้าเศร้าลงก็ตอบตกลงอย่างไม่คิดชีวิต หลับตาปี๋เตรียมพร้อมโดนหอมคืน

     

    คริสเมื่อเห็นอย่างนั้นก็กลั้นขำ ก่อนจะค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปหา แกล้งเป่าลมลงบนเปลือกตาขาวเบาๆ จนอีกฝ่ายสะดุ้ง

     

    "อย่าแกล้งผมสิ!" เฉินประท้วงอุบอิบ เรียกเสียงหัวเราะจากคริสได้เป็นอย่างดี ก่อนที่คริสจะเริ่มกดจูบลงบนแก้มใสฟอดใหญ่เนิ่นนานจนเฉินชักเขินหนัก

     

    เมื่อรู้สึกได้ว่าอีกคนถอนริมฝีปากออกไปแล้ว จึงค่อยๆลืมตาขึ้น แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเจอกับใบหน้าหล่อเหลาในระยะประชิด ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรออกไป คริสก็ประกบจูบลงมาบนริมฝีปากบาง บดขยี้อย่างหนักหน่วงทว่าอ่อนโยน ก่อนจะเลื่อนออกมากดจูบยังแก้มเนียนอีกครั้ง

     

    "ถือซะว่าปลอบใจฉันที่โดนนายขโมยหอมแก้ม" คริสกระซิบที่ข้างหูเสียงแผ่วเบาก่อนจะใช้ลิ้นชื้นไล่เล็มติ่งหูเล็กนั่นเบาๆ จนเฉินถดตัวหนีด้วยความวาบหวาม

     

    "ผะ ผมไม่ได้ทำขนาดนี้สักหน่อย!" เฉินประท้วง

     

    "นายจะทำคืนก็ได้นะ"

     

    "ใครมันจะไปทำเล่า!"

     

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

    คริสยังไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตตัวเองมีอะไรน่าสนใจขนาดนี้มาก่อน ภาพความทรงจำเมื่อคืนไหลวนเข้ามาแต่เช้า ทำให้เขาอารมณ์ดีจนถึงขั้นยิ้มหน้าบาน มือใหญ่คว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาเบอร์ที่เขาพึ่งเมมไว้

     

    [ฮัลโหล] แค่ได้ยินเสียงของเฉินอะไรก็ดูจะเบิกบานไปหมดในตอนนี้ โดยเฉพาะคริส

     

    "นายจะไปมหาลัยกี่โมง" คริสถามก่อนจะก้าวขึ้นรถ จากที่ไปนั่งกินข้าวและคุยเรื่องสัพเพเหระกันเมื่อคืนก็ทำให้ได้รู้อีกอย่างว่าเฉินเองก็อยู่มหาลัยเดียวกับเขา คราวแรกก็แปลกใจ แต่พอรู้ว่าเป็นเด็กทุนก็ค่อยหายสงสัยหน่อย ไม่ใช่ว่าเขาจะดูถูกอะไรเฉิน แต่มหาลัยของเขามันเก็บค่าเทอมมากกว่ามหาลัยปกติไปมากโขอยู่ ครอบครัวฐานะปานกลางจนถึงครอบครัวรวยๆบางคนยังไม่กล้าส่งลูกเข้าเรียนเลย

               

    [ผมกำลังจะออกไปครับ] เฉินตอบกลับมาพร้อมกับเสียงกุกกักอะไรหลายๆอย่าง

     

    "ให้ฉันไปรับได้มั้ย"

     

    [จะดีเหรอครับ]

     

    "หยุดถามว่าดีไม่ดีได้แล้ว อยู่นั่นรอ ฉันกำลังจะไป" คริสวางสายก่อนจะรีบบึ่งรถออกไปทันที

     

    .

    .

    .

     

     

    คริส คุณจะรู้มั้ยว่าทำอย่างนี้มันทำให้ผมหวั่นไหว

     

    ดูก็รู้ว่าเราต่างกัน...

     

    ถ้าคุณแค่จะมาเล่นๆกับผม ขอทีหยุดเถอะ...

     

    คำขอร้องอ้อนวอนต่างๆของเฉินยังคงถูกเก็บไว้ในใจ ขณะที่ทั้งสองคนนั่งกินข้าวกันอยู่ ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ วันนี้ก็เป็นอีกวัน ที่คริสรับเฉินออกมากินข้าวเย็น...

     

    เขายังคงเสมอต้นเสมอปลาย ในขณะที่เฉินนั้นเริ่มเกิดความกังวลขึ้นเรื่อยๆ... ความสัมพันธ์ของพวกเขาคืออะไร เฉินอยู่ในฐานะไหน คำถามมากมายรุมเร้าภายในหัว จนเฉินเผลอขมวดคิ้วออกมา

     

    คริสซึ่งก็คอยสังเกตท่าทีเหม่อลอยของคนตรงหน้าอยู่ก่อนแล้วก็อดขมวดคิ้วตามไม่ได้

     

    "เป็นอะไรน่ะเฉิน" คริสที่ทนไม่ไหวก็เอ่ยปากถาม

     

    เฉินสะดุ้งตื่นจากการเหม่อลอย มองใบหน้าหล่อเหลาที่มองเขาพร้อมกับคำถาม ก็ต้องฉีกยิ้มกว้างบังหน้าอย่างหมดทางหนี

     

    "เปล่าครับ แค่นึกถึงรายงานที่อาจารย์สั่งเมื่อเช้านะครับ" และคำตอบพร้อมกับรอยยิ้มก็ทำให้คริสหมดข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้นราวกับคนโง่ คนโง่ที่เชื่อทุกอย่างในตัวเฉิน

     

    "อย่าไปคิดมากเลยน่า ถ้ามันยากเกินไปก็ถามฉันได้" คริสบอกพร้อมเอื้อมมือไปขยี้กลุ่มผมนุ่มของอีกคน

     

    "ครับ"

     

    มันยากเกินไปจริงๆ...ที่ผมจะเอ่ยถามออกไปว่าคริสมาทำดีกับคนอย่างผมทำไม....

     

    ถึงมันจะรู้สึกดี แต่ผมก็ยังไม่ได้ลืมฐานะของตัวเอง คนสูงส่งอย่างคุณ คงไม่ได้คิดจริงจังกับผมใช่มั้ยครับ...

     

    อีกไม่นานคุณคงจากไปใช่มั้ยคริส...

     

    .



    ****
    รู้สึกว่าไรท์จะคริสเฉินเยอะไปหน่อย (ไม่หน่อยแล้วล่ะ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×