ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi/fiction] You're my sunshine I Laychen

    ลำดับตอนที่ #3 : SUNSHINE : 1 SWEET

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 58


    O W E N TM.

    SUNSHINE : 2

    SWEET

     

     

                            เวลาเที่ยงคืนเศษๆ ภายในซุปเปอร์มาร์เก็ตสะดวกซื้อช่างเงียบเหงาต่างจากตอนกลางวัน...ยิ่งถ้าบวกกับสถานการณ์ตอนนี้

                            ยิ่งวังเวงเข้าไปใหญ่!

                            “หนึ่งพันหนึ่งร้อยวอนครับคุณลูกค้าเจ้าของผิวสีเข้มในชุดพนักงานแจ้งจำนวนเงินด้วยน้ำเสียงเนิบๆและสายตาปรือๆ ราวกับพร้อมจะถลาลงไปนอนกับพื้นตลอดเวลา แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับจางอี้ชิงหรอก...ปัญหามันอยู่มันอยู่ที่ว่า

                            ของเล่นน้อยของเขาไปไหน!

                            ร่างโปร่งยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเช่นเดิม ต่างจากสายตาที่ฉายชัดออกมาว่าหงุดหงิดสุดๆ  อี้ชิงคว้าน้ำเปล่าขวดละสิบกว่าวอนบนเคาร์เตอร์ขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่ที่ไม่ค่อยจะมั่นคงนัก เขาจะถ่อมาถึงนี่ทำไมถ้าต้องการแค่น้ำเปล่าที่หาได้ดาษดื่นทั่วไปตามข้างทาง ที่ผมว้อนจริงๆมันเป็นพนักงานครับ พนักงานตัวเล็กๆที่หน้าตาน่าแกล้งสุดๆ ไม่ใช่ไอ้คนหน้ามึนๆที่ยืนเหมือนจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่

                          คิมจงอินเลิกคิ้วมองคุณลูกค้าหน้าหล่อที่เขาจำได้แม่นว่าเป็นคนเดียวกับที่ซื้อถุงยางเป็นกระจาดไปเมื่อวานและยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวเล็กของเขาขอแลกกะกับพี่นามิ ที่ตอนนี้กำลังจัดของเข้าชั้นอยู่อย่างขะมักเขม้น

                            “มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าครับ”

                            “มีครับ” อี้ชิงตอบทันทีที่อีกคนเอ่ยปากถาม ด้วยใบหน้ายิ้มๆที่ดูกวนประสาทโคตรๆในสายตาของคิมจงอินผู้นี้

                            “ถ้าช่วยได้ก็จะช่วยนะครับ” จงอินดักทางไว้ก่อนด้วยรอยยิ้มมุมปากแบบที่น้องสาวชมว่าหล่อบ่อยๆ ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เส้นประสาทอี้ชิงกระตุกเล็กๆ

                            “พนักงานคนเมื่อวาน เค้าชื่ออะไรเหรอครับ?”

                            “อ่า...เรื่องนั้น”

     
     

                            ภายในร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่นั่งริมกระจกด้านในสุดถูกจับจองโดยร่างบางเจ้าของใบหน้าหวาน บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบราวกับมีสายน้ำเย็นเอื่อยๆไหลผ่านตลอดเวลาและนั่นก็ทำให้เขาดึงดูดสายตาหลงใหลทั้งจากเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันได้หลายคู่ทีเดียว

                            “ลาเต้ร้อนครับ” คิมจงแดพึมพำเบาๆก่อนจะวางถาดในมือลงบนโต๊ะพร้อมกับยกแก้วกาแฟร้อนออกมาวางบนโต๊ะอีกที

                            “นั่งก่อนได้มั้ยจงแด?” เสียงนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับนัยน์ตาคู่สวยที่จ้องมองราวกับจะสะกดให้อีกคนนั่งลงมันซะตอนนี้เลย

                            “ผมทำงานอยู่ครับ” จงแดตอบกลับแทบจะทันทีโดยการปฏิเสธทางอ้อมที่ดูจะนุ่มนวลที่สุดแล้วสำหรับเขาตอนนี้ ร่างบางไม่ได้ตั้งใจที่จะคุยกับพี่ชายมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะไม่ว่ายังไงมันก็เดาได้ไม่ยากว่าหัวข้อบทสนทนาในครั้งนี้คืออะไร เขาไม่เหมือนกับพี่ ไม่ใช่คนที่พร้อมจะเดินตามเส้นทางที่ใครกำหนดไว้ให้ ไม่ใช่คนที่ก้มหน้ารับฟังคำสั่งโดยที่ไม่โต้แย้ง เพราะเขาทำอย่างนั้นมาครึ่งชีวิตแล้วและตอนนี้ก็ขอพอกันที

                            “งั้นพี่จะรอจนกว่าจงแดจะเลิกงาน”

                        คิมมินซอกตอบออกไปถึงแม้จะรู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่น้องชายไม่พึงพอใจที่จะได้ยินเท่าไหร่ เขารู้จักคิมจงแดดี หัวรั้นและมุทะลุ ถ้าได้เชื่ออะไรแล้วก็จะไม่มีวันเปลี่ยนความคิดเด็ดขาด พ่อของพวกเขาก็เช่นกัน เพราะอย่างนั้นถึงปล่อยให้ทั้งสองคุยกันไม่ได้ นอกจากจะทะเลาะกันแล้ว เรื่องมันยังบานปลายมาจนถึงขนาดนี้อีก คนที่พอจะเกลี่ยกล่อมทั้งคู่ได้ก็เห็นจะมีแต่พี่ใหญ่ของตระกูลอย่างเขา มินซอกรู้ดีว่าพ่อรักจงแดมากแค่ไหน แต่ก็เพราะทิฐิที่ทั้งคู่มีนั่นแหละ ถึงทำให้เรื่องมันแย่และยากลงไปทุกที

                            “ผมไม่คิดว่าจะมีเวลาให้พี่” จงแดบอกออกไปตามตรง ใบหน้าเรียบเฉยติดจะหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยแล้ว เขาไม่ชอบเลยจริงๆเวลาที่พี่มองเขาเหมือนยังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ

                            “เราไม่ได้คุยกันมานานแล้วนะ”

                            “ก็แค่ไม่กี่เดือน”

                            “มันนานที่สุดเท่าที่พี่จะจำได้แล้วล่ะ”

                            “...”
     


                            “พ่อให้มาง้อเหรอครับ” จงแดเริ่มบทสนทนาด้วยประโยคที่ทำให้มินซอกหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ถึงจะรู้ว่าประชดก็เถอะ

                            “เปล่าหรอก พี่แค่คิดถึง” มินซอกบอกความจริงออกไปครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งก็คือพ่อบอกให้มาดูว่าลูกชายคนเล็กเป็นยังไงบ้าง ถึงแม้ว่าจะถูกสั่งมาด้วยประโยคที่ว่า ฉันอยากรู้ว่ามันตายรึยัง ไปดูมันให้หน่อยสิแต่มินซอกก็สามารถแปรคำพูดออกมาเป็นประโยคสวยๆอย่าง พ่อเป็นห่วงจงแด ไปดูให้พ่อทีได้

                            “แล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่สบายดีรึเปล่า”

                            ถ้าไม่นับรวมที่กินบะหมีกึ่งสำเร็จรูปติดกันมาแล้วสี่วันกับการค้างค้าเช่ามาสองเดือนแล้วล่ะก็ “สบายดีครับ” ร่างบางพึมพำตอบออกไปโดยจงใจที่จะเว้นต้นประโยคไว้

                            “ได้ยินอย่างนั้นพี่ก็ดีใจ” มินซอกยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวน้องชายที่แสนจะคิดถึง ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาทำเอาจงแดถึงกับนิ่งงันไป เสียงหัวใจเหมือนจะเต้นช้าลงราวกับเวลาถูกทำให้เดินช้ากว่าเดิม เขารู้สึกเหมือนกับว่าน้ำตากำลังจะไหลเพราะการมองเห็นที่เริ่มพร่ามัวและวินาทีนี้เองที่คิมจงแดได้รู้ว่า

                            หัวใจของเขาไม่สามารถจะเย็นชาต่อครอบครัวได้

                            ไม่...แม้แต่นิดเดียวจริงๆ

                            ให้ตายเถอะ! ผมคิดถึงพี่จะตายอยู่แล้ว!

                            “พอเถอะครับ ผมไม่ใช่เด็กแล้ว” จงแดพึมพำบอกพร้อมกับการหันหลังหนี ถึงแม้ในใจจะรู้ดีว่าตัวเองคิดถึงพี่แค่ไหน แต่เขาไม่อยากให้ข้อนั้นมันมาทำลายความตั้งใจของตัวเอง จงแดเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อเป็นการไล่น้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา ความอบอุ่นในหัวใจยังคงอยู่และมันจะทำให้เขาใจอ่อนได้ในไม่ช้าแน่ ความจริงข้อนั้นผลักดันให้เขารีบบอกลาจากคิมมินซอก

                            “จงแดอ่า...กลับไปกับพี่เถอะ กลับบ้านเรา” มินซอกอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่มักจะใช้ได้ผลเสมอกับคิมจงแด แต่อะไรบางอย่างบอกกับเขาว่าครั้งนี้มันจะไม่ได้ผล

                            “ผมจะกลับไปแน่”

                            “...”

                            “ในตอนที่พ่อยอมรับในสิ่งที่ผมเลือก”

     

     
     

                            ในตอนที่จงแดเพิ่งสำนึกได้ว่าควรจะหยุดเดินแล้วหันหลังวิ่งหนีไปซะ มันก็ดูเหมือนว่าจะสายเกินไปแล้ว ร่างบางชะงักกึกอยู่กับที่เมื่อพบว่ามีใครบางคนยืนพิงรถซุปเปอร์คาร์เท่ๆอยู่ตรงทางเข้าหอพักของตัวเอง ไม่ใช่แค่รถหรอกที่เท่ แต่รวมถึงร่างโปร่งในชุดสูทเซอร์ๆ ที่ยืนนิ่งๆสูบบุหรี่อยู่ด้วยและจริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาสักนิดที่จะมานั่งพินิจพิเคราะห์ว่าใครมันจะมายืนเท่อะไรแถวนี้ เรียกง่ายๆว่าเขาไม่ใช่คนที่จะมาสนใจเรื่องของชาวบ้าน แต่สิ่งที่ทำให้ร่างบางหยุดชะงักไปก็มันเป็นเพราะเครื่องหน้าหล่อเหลาที่เด่นสะดุดตาและมากไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนแปลกนั่นต่างๆหาก

                            ไอ้ลูกค้าจอมกวนประสาท!

                            จงแดถอนหายใจพรืดใหญ่เป็นการระบายอารมณ์ก่อนจะตัดสินใจเดินตีวิถีโค้งออกห่างจากจุดที่อีกคนยืนอยู่หลายเมตร เป้าหมายเดียวของเขาตอนนี้มีแค่ฟูกนอนเท่านั้นถึงแม้ว่าคนๆนี้จะไม่ได้ตั้งใจมาหาเขาหรือว่าจะมาทำบ้าอะไรแถวนี้ก็เถอะ เขาก็ไม่อยากจะเฉียดเข้าใกล้แม้แต่มิลเดียวอยู่ดี เขาถือคติที่ว่าคนหน้ารำคาญยังไงก็คือคนน่ารำคาญ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวด้วยจะเป็นการดีที่สุด

                            “นี่คุณ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นช่างฟังดูเย้ายวนและนุ่มนวลราวกับจะฉุดให้ใครก็ตามที่ได้ยินหลงใหลและพร้อมจะทำตามทุกอย่างที่ถูกเอ่ยขอ แต่คิมจงแดก็คงเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ถูกยกเว้นสำหรับเรื่องบางเรื่องไว้ในหลายๆกรณีล่ะนะ เช่นในตอนนี้ที่ร่างบางไม่ได้คิดจะขานรับหรือหันกลับไปสนใจอีกคนที่ก้าวเดินตามมาสักนิด เขาไม่อยากจะคิดเองเออเองไปหรอกนะว่าคนๆนี้หมายถึงเขาอยู่ แหงล่ะ คนไม่เคยรู้จักมักจีอะไรกันจะมาหากันได้ยังไงมันแปลกพิลึก ถึงจะเคยเห็นหน้ากันมาแล้วก็เถอะ แต่แค่ครั้งเดียวจะไปจำได้ยังไง ประสาทไปแล้ว (ทั้งๆที่ตัวเองก็จำได้เนี่ยนะ)

                            “คุณพนักงานร้านสะดวกซื้อ”

                            “...”

                            บ้าไปแล้วชัด...

                            “ผมไม่คิดว่าตัวเองจะจำคนผิดหรอกนะ”

                            ฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะจำคนผิดเหมือนกัน แต่ว่าทำไมเราจะต้องบังเอิญมาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้ด้วยไม่ทราบวะ!

                            ไม่สิ! ทำไมต้องเจอกันอีกมากกว่า!

                            “มีอะไรให้ช่วยครับ” ในที่สุดจงแดก็ยอมหยุดเดินพร้อมกับขานรับออกไป เสียงถอนลมหายใจหนักๆที่แสดงให้เห็นว่าร่างบางกำลังหนักใจแค่ไหนยิ่งทำให้ ตัวก่อกวนชีวิตเผยรอยยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก จางอี้ชิงทิ้งมวนบุหรี่ในมือลงบนพื้นก่อนจะเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างบางที่กำลังยืนทำหน้ามุ่ยแบบปิดไม่มิดสุดๆอยู่

                            ฮ้าห์ แค่ได้เจอก็ชื่นใจแล้ว ถ้าได้กอดจะรู้สึกสุดยอดแค่ไหนนะ ตัวคงนิ่มน่าดู...เหมือนตุ๊กตากระต่ายที่เขามีตอนเด็กๆ...

                            สองอาทิตย์ที่ผ่านมา จางอี้ชิงทำตัวโรคจิตแบบสุดๆ อย่างการจ้างนักสือเอกชนให้หาข้อมูลและสะกดรอยตาม คิมจงแดนักศึกษาหนุ่มธรรมดาๆที่มีกิจวัตประจำวันคือการเรียนและทำงานพิเศษเท่านั้น แถมบางวันเจ้าตัวยังแอบเนียนเข้าไปนั่งในห้องบรรยายนิ่งๆตั้งชั่วโมงสองชั่วโมงเต็มๆ เพื่อนั่งจ้องด้านหลัง (และด้านข้างในบางวัน) ของผู้ชายร่างบางคนนี้โดยไม่รู้จักเบื่อหน่ายหรือจะเรียกว่าอาการเห่อของใหม่ก็อาจจะใช่เพราะสำหรับจางอี้ชิงแล้ว อะไรที่ยังไม่ได้มา มันก็ยังไม่น่าเบื่อ แถมถ้าไม่ได้มาง่ายๆ ก็ยิ่งไม่น่าเบื่อไปใหญ่

                            และวันนี้ก็เป็นวันดีเหลือเกินที่จางอี้ชิงตัดสินใจที่จะมาฉุดของเล่นไปเล่นที่ห้องสักที

                            “ผมหลงทาง” ร่างโปร่งตอบออกไปหน้าตาย ใบหน้ายียวนกวนประสาทในสายตาคิมจงแดไม่ได้มีวี่แววของคนที่วิตกกังวลเพราะขับรถหลงทางสักนิด มันเหมือนกับจงใจหลงทางมาจอดตรงนี้เพื่อก่อกวนเขามากกว่า!

                            บ้าจริง! ไอ้ผู้ใหญ่เสเพลคนนี้มันรู้บ้างมั้ยว่าเรียนแพทย์มันหนักแค่ไหน แถมแต่ละวันก็พักผ่อนไม่เคยจะเพียงพอ วันนี้เป็นวันเดียวที่ได้หยุดทำงานจากทั้งสามร้านที่ทำอยู่แท้ๆ เขาควรจะได้ล้มตัวลงนอนบนฟูกโทรมๆในห้องสักที! ไม่ใช่มายืนโง่ๆให้กวนประสาทอยู่อย่างนี้!

                            “แล้วคุณจะไปไหนครับ” จงแดพยายามกดเสียงให้ต่ำเพื่อที่จะห้ามตัวเองไม่ให้ตวาดออกไปและเขาก็ไม่มีอารมณ์มากพอที่จะต่อความยาวสาวความยืดว่าคนตรงหน้าจำเขาได้ยังไง

                            “นามิบ้านเช่า”

                            “...”

                            จงแดมองหน้าอีกคนนิ่งก่อนจะชี้ไปตรงป้ายไม้โทรมๆอันบักเอ้กที่ติดอยู่เหนือหลังคาบ้านเช่าที่เขาซุกหัวนอนอยู่...และใช่ มันก็คือที่นี่แหละ!

                            WTF!

                       กวนกันชัดๆเลยสินะ...

                            จงแดพ่นลมหายใจใส่คนตรงหน้าหนักๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินหนีด้วยความรู้สึกว้าวุ่นในใจ...ว้าวุ่นว่าจะถอดรองเท้าฟาดหน้าดีหรือหนีไปนอนดี

                            และโชคดีของอี้ชิงจริงๆที่อาการง่วงนอนเอาชนะทุกอย่าง ณ เวลานี้

                            “งั้นถ้าเป็นที่นี่...ผมมาตามหาคนชื่อคิมจงแด

                            จะตามหาใครมันก็เรื่องของคะ...ห๊ะ?

                            คิมจงแดมันชื่อเรานี่

                            “คุณมีธุระอะไร? บอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมน่ะหงุดหงิดสุดๆไปเลยและตอนนี้ก็อยากเข้านอนแล้วด้วย ถ้าจะก่อกวนละก็...ขอความกรุณาอย่า

                            “เอ๋...ไม่ได้จะก่อกวนอะไรสักหน่อย” รอยยิ้มที่มุมปากเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ลักยิ้มสองข้างแก้มเด่นหราประดับเครื่องหน้าที่แสนจะสมบูรณ์พร้อมอยู่แล้วให้ดูมีเสน่ห์ขึ้นไปอีก จนจงแดอดจะชื่นชมอยู่ลึกๆไม่ได้ ถ้าไม่ติดที่ว่าเป็นคนแบบนี้ (เหล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้า) ก็คงจะเป็นคนที่น่านับถืออยู่ไม่น้อย

                            “แล้วมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ?” จงแดถามย้ำอย่างใจเย็นและถึงแม้ว่ากำลังพูดคุยกันอยู่ ตอนนี้เขาก็ไม่ได้คิดจะหยุดยืนคุยเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว สองขาก้าวเดินพาตัวเองขึ้นบันไดไม้ที่เหมือนจะพังแหล่ไม่พังแหล่อยู่ทุกวัน โดยที่อีกคนก็เดินตามมาด้วยอย่างกับเป็นเงาตามตัวที่แสนจะน่ารำคาญสุดๆ

                            “ก็วันนั้นบอกไปแล้วไง”

                            “อะไรครับ?” จงแดถอนหายใจพรืดใหญ่ รู้สึกว่าเริ่มจะหมดความอดทนกับน้ำเสียงยียวนกวนประสาทและใบหน้าดูดีที่เอาแต่ลอยไปรอยมานั่นในไม่ช้า ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะหยุดอยู่หน้าประตูห้องของตัวเองและเตรียมจะเข้าไปข้างในเพื่อล้มตัวลงนอนเป็นตายเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับวันพรุ่งนี้ต่อแล้วก็ตาม

                            “...!

                            ในขณะที่มือเรียวกำลังพยายามควานหากุญแจห้อง เงาที่คอยเดินตามมาตลอดก็ทาบทับผ่านแบบไม่ทันรู้ตัวลำแขนสองข้างภายใต้ชุดสูทหรูตอนนี้ยื่นผ่านหน้าเขาไปยันประตูห้องไว้ราวกับจะกันไม่ให้เขามีทางหนีไปจากกรงขังมีชีวิตนี้ วินาทีนั้นเองที่ร่างบางรู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว ไม่อยากจะนึกภาพว่าตอนนี้ตัวเองตกอยู่ในสภาพไหน จะหันกลับไปเผชิญหน้าก็ดูจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะในเมื่อใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดลงมาบนหัวขนาดนี้ ถ้ายังดึงดันจะหันกลับไปก็คงจะเจอกับอะไรที่...ยิ่งกว่าใช่รึเปล่า?

                            “คุณคิดจะทำอะไร?” จงแดเอ่ยถามเสียงแข็ง ร่างบางพยายามอย่างเต็มที่ไม่ให้เสียงสั่น เขาจะแสดงอาการว่ารู้สึกเกร็งหรือตกเป็นรองออกไปไม่ได้เด็ดขาด อะไรกันเนี่ย ปล้นงั้นเหรอ? แต่ผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของรถซุปเปอร์คาร์เชียวนะหรือว่าไปขโมยใครมาอีกทีวะนั่น!

                            “ก็เคยบอกไปแล้วว่าอยากกอด” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูสร้างความรู้สึกขนลุกแปลกๆให้กับร่างบางได้เป็นอย่างดี ไหนจะลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดลงมาที่ซอกคออย่างจงใจนั่นอีก

                            โรคจิตชัดๆ!!

                            “ถอยออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นผมจะเรียกให้คนช่วย”

                            ตลกแล้วจงแด! เรียกให้คนช่วยเนี่ยนะ! แมนชะมัดเลยนะนั่น! แต่มันก็ถือเป็นทางเดียวที่พอจะช่วยตัวเองได้ในขณะนี้แล้วซะด้วย

                            “หืม? ก็ลองดูสิ”

                            “ถอยออกไป!

                            “เรียกให้คนช่วยสิครับ J

                            “นี่คะอื้อ!

                            ก่อนที่จะทันได้เริ่มตะโกนเรียก เสียงทั้งหมดก็ถูกกลืนหายไปเสียก่อนด้วยริมฝีปากหยักสวยที่ประกบลงมาเพียงเสี้ยววินาทีที่ร่างบางถูกกระชากให้หันกลับมารับสัมผัสอุ่นซ่านนั้น นัยน์ตาสวยเบิกโพล่งด้วยความตกใจและลิ้นร้อนชื้นที่เลียเบาๆบนริมฝีปากบางก็ทำให้จงแดรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วด้วยเหมือนกัน

                            สองแขนรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายทั้งที่มันอ่อนเปลี้ยไปหมด ผลักแผ่นอกแกร่งสุดแรงจนคนที่กำลังรุกรานอยู่เซถอยออกไปเล็กน้อยและเหมือนว่าจะตั้งใจถอยออกไปเองมากกว่าเพราะถูกผลักซะด้วย

                            คิมจงแดหายใจหอบถี่แข่งกับหัวใจที่เต้นรัวอย่างกับวิ่งหนึ่งพันกิโลในชั่วโมงพละ แขนข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาถูริมฝีปากอย่างแรงจนแดงเถือก ใบหน้าหวานขึ้นสีเมื่อพบว่าคนตรงหน้าไม่ได้สำนึกเลยว่าทำอะไรลงไป

                            ไอ้ความรู้สึกโกรธเหมือนอยากจะฆ่าให้ตายมันเป็นอย่างนี้นี่เอง!

                            “ไอ้...โรคจิต”

                            จางอี้ชิงยิ้มรับคำชม (?) นั้นด้วยรอยยิ้มที่ดูจะกว้างกว่าเดิมก่อนที่จะส่งลิ้นร้อนออกมาเลียวนรอบริมฝีปากตัวเองเพื่อเป็นการยั่ว (โมโห)

                            “หวานจัง J” 

                            “ไปตายซะ!


     

    “คุณพนักงานร้านสะดวกซื้อ”






    ******************
    บอกไว้ก่อนว่าเรื่องนี้แต่งโดยไม่มีพล็อตแหละค่ะ... #ปาดเหงื่อ
    อาจจะดูไร้ทิศทาง แต่ว่าแต่ละตอนมันก็จะออกมาจากฟีลลิ่งของไรท์จริงๆ
    เพราะงั้นบางตอนจะเป็นอย่างไรก็ให้เดาที่อารมณ์ไรท์เข้าไว้ #เดี๋ยวๆ
    นี่ยังไม่แน่ว่าต่อไปจะมีมาม่าหนักหรือไม่อย่างไรนะคะ ฮะๆ 
    ส่วนเนื้อเรื่องส่วนมากก็คงจะโทนๆสีหม่นๆบ้างสีสดใสบ้าง 
    ส่วนตัวแล้วชอบเคะแบบเย็นชามากค่ะ ยิ่งแมนๆยิ่งชอบ
    แต่จงแดนี่จะให้แต่งยังไง๊ยังไง ทำไมมันก็ไม่แมนไม่รู้ =[]= #จบประเด็นนี้ไป
    แต่ละตอนจะค่อนข้างดำเนินเรื่องช้า ถูกใจไม่ถูกใจยังไงติชมได้นะคะ

    เจอกันตอนหน้าค่ะ!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×