ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอส => สายลมรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #6 : เริ่มภารกิจ

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 49


    ตอนที่ 6  เริ่มภารกิจ

             "คาโล" ร่าบางอ้อนคนตรงหน้าเสียงหวานเชี๊ยบ

             "ฉันไม่ไหวพอทีเถอะนะ" เจ้าหญิงแห่งบารมอสยังคนอ้อนต่อ

              โป๊ก

               ไม่ต้องเดาก็รู้ๆกันอยู่ คทาคู่กายอันนี้ น้ำหนักมือโหดแบบนี้

              "เฟลิโอน่า อย่าอู้ไปทำงานเลย"   นางฟ้าแห่งป้อมอัศวินแหวใส่เฟรินที่ยังทำหน้าอ้อนคนตัวโตตรงหน้า

               "ฉันปวดแขนแล้วน้า" เมื่ออ้อนผู้ชายไม่สำเร็จอ้อนผู้หญิงก็ได้ฟระ ให้มันรู้กันไปมือระดับเฟรินเดอเบอร์โรว์คนนี้

                 "แองจี้จ๋าาาา" เจ้าตัวดีลากเสียงยาวหันมาอ้อนร่างบางตรงหน้า พลางทำท่าจะกระโดดกอด

                โป๊ก

                 เจ้าตัวดีคลำหัวป้อยๆ โดนอีกลูกโทษฐานไม่ดูสภาพตัวเอง

                 "ฉัน ย้ำ แล้ว นะ อย่า อู้!" เมื่อสาวสวยขอร้องมีหรือสุภาพบุรุษอย่างเธอ(!? ) จะไม่ทำตาม ไม่อู้ก็ได้

               คนใจร้าย!

               หลังจากวันนั้นที่ได้รับมอบหมายให้ไปเอาอัญมณีสรรพคุณไฮโซของราชินีแห่งสโนแลนด์เพื่อเรียกวิญญาณไฮคิงมาตัดสินเรื่องของสองประเทศใหญ่ในเอเดน เธอกับคาโลก็ต้องจัดคณะผู้เดินทางไปสโนวแลนด์

               คนแรกเป็นใครไม่ได้ นอกจากนักฆ่าขาประจำ เฮไหนเฮนั่นทุกที่ ฝีมือเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าไว้ใจได้...

              คนที่สอง ห้องสมุดเคลื่อนที่ ที่รู้ไปกับเขาซะทุกเรื่อง แถมฝีมือใช่ย่อยซะที่ไหน...

              คนที่สาม นางฟ้าแห่งป้อมอัศวินที่สั่งตรงมาเพื่อควบคุมความประพฤติของเจ้าตัวดีไม่ให้ออกนอกลุ่นอกทางระหว่างเดินทางโดยเฉพาะ!

              คนที่สี่ เจ้าหญิงคนงามแห่งป้อมอัศวิน เนื่องจากมีพลังในการรักษาสูงจึงต้องเข้าร่วมในคณะเดินทางด้วย ซึ่งในที่นี้การมีสาวงามเป็นด้วยทำให้จิตใจที่ห่อเหี่ยวของเฟรินดีขึ้นเยอะ

               แต่กับคนที่เหลือนี่สิ...

               สโนวแลนด์นั้นห่างไกล การเดินทางครั้งนี้อาจกินเวลาอย่างน้อยก็เป็นเดือน ถ้าล่าช้าอาจเป็นปี นับเป็นการเสียงการเรียนอย่างยิ่งเพราะฉะนั้นจะเป็นการดีอย่างยิ่งถ้ามีคณะผู้ติดตามเป็นผู้ที่รู้วิชาในปีสามดีพอสมควร เพื่อจะได้สอนวิชาของปีสามให้กลับมาสอบกันผ่านในบางครั้ง และมีฝีมือที่ไว้ใจได้

              สองผู้คุมกฎแห่งป้อมอัศวิน

              ลูคัส  และ ลอเรนซ์

              .....................................................................

              เมื่อได้รับคำสั่ง ได้ข่าวว่าลูคัสเสนอรับมาเดินทางอย่างเต็มอกเต็มใจ พร้อมทั้งลากลอเรนซ์มาด้วยแม้นักบวชหนุ่มจะไม่เต็มใจก็ตาม

              คำถามข้อแรก ไอ้เรื่องฝีมือสองคนนี้ไม่ต้องห่วง แต่สองคนนี่ก็ต้องเรียนเหมือนกัน ปีสุดท้ายเสียด้วย จะต้องมานั่งตามคณะเดินทางออกไปนอกเอดินเบิร์กแล้วคอยสอนเนื้อหาของชั้นปีสามระหว่างเดินทาง ไม่ใช่งานที่น่ารับทำ

              คำตอบจากปากขอลูคัสคือ...

              "แหม เฟรี่เอาน่า คนในป้อมก็ต้องช่วยกันใช่ม้า ฉันเองก็ไม่ได้ไปเที่ยวกับลอรี่มานานแล้ว ออกไปข้างนอกบ้างคงจะดี"

             นั้นพี่ท่านเรียกว่าไปเที่ยวเรอะ ต้องไปปะทะกับราชินีสโนวเเลนด์นะเฟ้ย!

            "เรื่องเรียนไม่ต้องห่วง เห็นอย่างนี้ก็เถอะลอรี่ได้คะแนนสูงเชียวน้า เรื่องสอนพวกปีสามลอรี่สอนได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวพวกเราเรียนไม่ทันหรอกน้า ความจริงถ้าสอบตกแล้วได้อยู่ที่นี่ต่อกับลอรี่อีกปีก็ดีเหมือนกัน เนอะลอรี่เนอะ"

             เฟี้ยว ฉึก!

             แล้วซาตานแห่งป้อมอัศวินที่พูดเอาฝ่ายเดียวก็ต้องรีบหลบมีดของนักบวชเป็นพัลวัน 

             เฮ้อ....

             เจ้าตัวดีได้แต่ถอนหายใจ คำนึงถึงความวุ่นวายที่จะมาจากคณะเดินทางที่เต็มไปด้วยป้อมอัศวินจอมบ้าเลือดเต็มเกวียน กับดินแดนสโนวแลนด์แสนยะเยือก

            แค่คิดก็ปวดหัว

            แต่คงสนุกไม่น้อย...

           หึๆๆๆ เจ้าตัวหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดีนึกถึงการผจญภัยข้างหน้า

            "เป็นบ้าอะไรของเธอ ขนต่อสิ"

             "คร้าบบบบบบบ" เจ้าตัวขานรับกวนๆ ก่อนแบกกล่องเสื้อผ้าชุดเบื้อเร่อลงท้ายเกวียน

             "นี่ยังไม่หมดอีกหรอแองจี้" เจ้าตัวว่าพลางปาดเหงื่อ

             "อะไรกันยะ เสื้อกันหนาวของคนแปดคน ตัวไม่ใช่เล็กๆกันซะหน่อย จะให้ใส่หีบเดียวได้ยังไง ตรงนั้นยังมีอีก แล้วก็ขนเสบียงที่เหลือด้วย เราหน่ะกินน้อยซะเมื่อไหร่" แองจี้ว่ายาวเป็นชุดขณะที่คนฟังทำหน้าเหยเก แล้วก็เดินคอตกไปขนของต่อ

             นี่คือบทลงโทษ

              คาโลบอกว่าในเมื่อเธอย่างเป็นผู้ชายนักงานหนักก็ต้องห้ามบ่น ก็เลยให้เธอขนสัมภาระทั้งหมดจากหอลงมาเกวียนคนเดียว

              โดยมีนางฟ้าควบคุม...

               เป็นอันว่าเธออู้ไม่ได้ อ้อนไม่ได้ จะอ้าปากถึงสิทธิสตรีก็ไม่ได้ ...

              กฏของคาโนวาล ใครทำยังไงก็ต้องได้อยากนั้น นักโทษในคาโนวาล ถ้าผิดเพราะพูดไม่ดี ก็ต้องถูกส่งตัดลิ้น ยังนับว่าดีนักหนาที่เธอไม่ได้เกิดมาเป็นชาวคาโนวาลเพราะไม่เช่นนั้นป่านนี้ ต่อให้เจอตัวมีพันลิ้มก็คงถูกส่งตัดหมด

              เธอไม่ชอบกฎนี้จริงๆเลย

             ถ้าไปอยู่คาโนวาลจริงๆไม่รุ้จะอยุไหวรึปล่าว

             แต่คาโลลองเอากฎคาโนวาลมาใช้กับเธอแบบเบาะเธอก็จะเหนื่อยตายอยู่แล้ว

             เจ้าตัวขนของไปพลางก่นด่าถึงเจ้าชายคนที่สั่งให้เธอต้องมาเหนื่อยยากอยู่อย่างนี้

             เป้าหมายการด่าอยู่ในระยะสายตาที่สิบสองนาฬิกา

             เป็นสาวงามทั้งทีก็ต้องมีลูกอ้อน...

             "อ๊ะ" เจ้าแกล้งร้องอย่างเสแสร้ง  ก่อนทำทีถือหีบเซไปซามา หีบในมือจะร่วงมิร่วงแหล่

             เป้าหมายเข้ามาด้วยความเร็วตามที่คาดการณ์

              "ไม่ไหวก็นั่งพักก่อน" คาโลว่าด้วยความเป็นห่วง

              เชอะ ทำมาทำเป็นห่วง แล้วมาใช้สาวงามแบกของเป้นจับกังเรอะ

              ตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ!

              "ไม่เป็นไร ฉันไหว" เจ้าตัวมองลงไปที่หีบของก่อนแกล้งทำเสียงหอบเล็กน้อย ก่อนเดินไปต่อแล้วก็ทำท่าราวกับจะเป็นลมเป็นแล้ง

              คนตัวโตกว่ารีบเข้าไปประคองร่างบางไว้แล้วก็แย่งหีบไปถือซะเอง

              "เอามาคาโล ฉันจะรีบขนให้เสร็จ ฉันไหวน่า"

              "ไม่ต้อง ลงโทษแค่นี้พอ ไปพักได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เดินทางไม่ไหว" แม้สีหน้ายังเรียบเฉย แต่น้ำคำแสดงถึงความห่วงใยที่มีต่อหญิงสาวตรงหน้าทำเอาคนแกล้งป่วยรู้สึกสำนึกนิดๆ

               แล้วคาโลก็จัดการขนของที่เหลือซะเอง

              เฮ้อ ทำไมมันน่ารักอย่างนี้วะ

              ถึงจะดุไปหน่อยก็เหอะ...

              คนเราบางคนไม่ต้องพูด...

              แต่การกระทำที่แสดงออกมันยิ่งกว่าคำพูด

             ปากพร่ำบอกว่าไม่ได้ๆ ลงท้ายเขาก็ใจอ่อน

              เฟรินเดินฮัมเพลงกลับไปพักอย่างอารมณ์ดี

             ไปอยู่คาโนวาลเธอคงไม่ต้องกลัวแล้ว... ก็ใจคนคุมกฎอ่อนยวบยาบซะขนาดนี้

              แหม... เป็นสาวงามก็สบายด้วยประการละฉะนี้แล.... ฮิๆ

    (ขอแอบเม้นต์เอง: เฟริน แกนี่ชั่วเชียะ ไปหลอกเค้ามากๆเดี๋ยวโดนเค้าเจ้าเล่ห์ใส่มั่งห้ามบ่นนะเว้ยเห้ย)

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    TALK è และแล้วก็อัพทันตา เพราะว่าเตรียมไถ่บาปลงสองตอนรวดนั่นเองคับ ^ ^

    โปรโมชั่นวันนี้ : หากคุณอ่านฟิคจบภายในตอนนี้(มาถึงตรงนนี้ก็อ่านจบอยู่แล้วนี่หว่า) เรามีข้อเสนอให้คุณดีสุดๆ! แถมฟรีบทสัมภาษณ์ตัวละครในเรื่อง  (คนอ่าน : ไม่เห็นอย่างได้เลย...)

    คนเขียน  - โฮะๆๆๆ ทำตัวสมเป็นแฟนตาซีสักที หลังจากออกแนวอื่นซะนาน เรามาถามนักแสดงกันดีกว่าว่ารู้สึกเป็นไงที่ถูกลากเข้ามาในฟิค

    คาโล - ................... ไม่ได้รู้สึกอะไร(ก็แกถูกลากทุกฟิคนี่หว่า)

    เฟริน - ไอคนเขียนงก ไม่ให้ค่าตัวสักแดง (คนเขียนก็จนกร๊อบลูกเอ๊ยยย)

    คิล - อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น! (แหมตอบให้ตรงคำถามสิคับ ที่รัก + - + )

    เรนอน - เอ่อ มีอะไรก็คุยกันดีๆนะคะ (ได้รับรังสีอาฆาตจากคนเขียน เพราะเป็นคู่ของคิล)

    แองจี้ - ก็โอเคอ่ะ

    ลูคัส - ขอบคุณที่พาออกไปเที่ยวกับลอรี่น้าาาา

    ลอรี่ - ฉัน จะ ฆ่า แก

    (ชะอุ๊ย.... เย็นๆกันนะโยมทั้งหลาย)

    คำถามที่สอง : แล้วคาดหวังว่าจะได้อะไรจากการแสดงฟิคนี้อ่ะคับ

    คาโล - .......................... ไม่ได้คาดหวังอะไร (โหย คาดหวังหน่อย อุตส่าห์ตั้งใจแต่งนะ)

    เฟริน - คงไม่เปลืองตัว   ใช่มั๊ย? (อันนี้แล้วแต่ระดันความหื่นแต่ละวัน ลูกเอ๊ยยย)

    คิล - คาดหวังว่าเธอจะไม่มายุ่งกับฉัน (อย่าตัดเยื่อใยอย่างนั้นสิดาร์ลิ้ง)

    เรนอน - ให้ทุกคนมีความสุขกับการแสดงค่ะ (นางเอ๊กนางเอก)

    แองจี้ - คงไม่เป็นเบาหวานใช่มั๊ย (ทำใจๆ บางทีไอหลายๆคู่มันหวานกันซะ)

    ลูคัส - ได้อยู่กับลอรี่ (..........................)

    ลอรี่ - ฆ่ามัน (มันอะไรใคร ไม่ใช่นู๋ใช่ม้า)

    ขอจบกระบวนการกวนประสาทตัวละครในวันนี้แต่เท่านี้ฮะ (ทำเพื่อดับความโรคจิตในตัวเฉยๆ อย่าคิดมากขอรับ)

    TBC-------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×