ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอส => สายลมรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #11 : ปราการแห่งแสงสว่าง(2)

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 49


    ฮ้าว...

                    ปากที่อยากจะอ้ากว้างแล้วสูดลมหายใจเข้าเต็มที่เพื่อรับออกซิเจนในอากาศ และแสดงความง่วงนอนอย่างสุดซึ้งเป็นอันต้องเก็บเอาไว้ในใจ...

                    หาวก็ต้องหาวในใจ

                    ทำไมเธอต้องสำรวมกิริยาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนอย่างนี้น่ะหรอ

                    เฟี้ยว... ฉึก!

                    นั่นไง!

                    นักฆ่าปัญญาอ่อนที่แม้จะแอบงีบแต่ก็ยังสามารถหลบมีดบินของลอเรนซ์ได้โดยยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ

                    ที่บ้านฝึกมาดีชะมัด... นักฆ่าปัญญาอ่อนยังคงหลับต่อไป แม้สีหน้าของอาจารย์ผู้สอนจะหงุดหงิดเหลือบรรยาย ดวงตาสีอะเมธีสต์ฉายแววกรุ่นโกรธก่อนตะโกนด้วยเสียงอันดัง

                    คีลมัส!”

                    โอ้พระเจ้า ตอนนี้เธอรักชามัลจังเลย

                    ถ้าว่าการเรียนกับชามัลน่าเบื่อ

                    เรียนกับลอเรนซ์คงเรียกว่า น่าตื่นเต้น

                    เพราะมีดจะเสียบหัวเท่อไหร่ก็ไม่รู้ขณะที่รุ่นพี่แกพล่ามราวกับสวดคาถามอยู่ข้างหน้า

                    รายการสอนพิเศษตอนตี 5 หน้าปราการแห่งแสงสว่างเริ่มมาได้สักพักหนึ่งแล้ว ผู้คนที่อยู่แถวนั้นก็ต้องประหลาดใจที่เห็นกลุ่มเด็กๆที่มานั่งเรียนประวัติศาสตร์กันหน้าปราการแต่เช้ามืด โดยอาศัยแสงสว่างจากไฟตามทางเดิน หนังสือเล่มโตที่ขนมาได้อย่างไรก็ไม่รู้โผล่มาทักทายบนที่นอน ด้วยการร่วงลงมาจากมือนางฟ้าตามแรงโน้มถ่วง แล้วนางฟ้าก็ลากเธอมาเดินทาง แม้เธอจะหลังตลอดในเกวียน แต่เธอก็ยังอยากหลับต่อในขณะที่คนตัวโตที่นั่งข้างๆยังคงคร่ำเคร่งอยู่กับหนังสือเล่มโตตรงหน้า

                    คาโลมองหญิงสาวที่สะลืมสะลืออยู่ข้างๆ นัยน์ตาคู่สวยทอดมองไปเป็นระยะๆพร้อมพยายามส่งสายตาดุๆให้คนข้าง แต่ดูท่าเจ้าตัวยังไม่ยอมตื่นซักที ในขณะที่คนที่นั่งถัดไปเอาหนังสือหนุนนอนไปแล้ว

                    คิลมัส ฟีลมัส ที่ยังไงก็ยังหลับไปหลบมีดไป แต่คนตื่นที่นั่งข้างๆหนาวๆร้อนๆว่ามีดจะเสียบตัวเองแทบคนที่หลับ แม้อาจารย์ผมทองจะหงุดหงิดมากมายขนาไหน หรือตะโกนเรียกชื่อเขาเพียงใด ดูเหมือนความง่วงอันหนักอึ้งจะฉุดเขาให้เข้าสู่นิทราได้ทุกครั้ง ในขณะที่คาโลและแองจี้ต้องคอยพยามไม่ให้เฟรินหลับไปทั้งๆที่ลืมตา เจ้าหญิงคนงามแห่งป้อมทโมนก็อดรนทนไม่ไหวต้องสะกิดคนที่หลับอย่างโจ่งแจ้ง แต่พอปลุกขึ้นมานั่งฟังได้สักพักก็ทำท่าจะหลับซะอีก...

                    เพื่อนซี้ที่เกิดมาเพื่อกันและกันเลยคู่นี้

                    คนอื่นๆถอนใจเฮือกใหญ่ ในขณะที่นักเรียกกิตติมศักดิ์ของอาจารย์ลอเรนซ์ยังคงจิบชาแล้วก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดีกับขอทานกิตติมศักดิ์ข้างๆ

                    แล้วมันจะได้เรียนไหมล่ะเนี่ย...

              และแล้วการเรียนที่เหมือนการพักผ่อนของใครบางคน แต่เป็นเรื่องน่าหนักใจสำหรับคนที่เหลือก็สิ้นสุดลงเมื่อ

                    วันนี้ไว้แค่นี้แล้วกัน

                    เจ้าตัวดีที่ทำหน้าตาหายสะลืมสะลือทันทีที่ได้ยินเสียงจากสวรรค์ ส่วนนักฆ่าที่หลับลึกไปแล้วยังคงฟุบอยู่

                    ไอ้คิลตื่น หัวขโมยกำลังปลุกนักฆ่าที่ขี้เซาเป็นพิเศษในวันนี้

                    ทำต้องถ่อมาเรียนถึงที่นี่เนี่ย นักฆ่าบ่นขณะที่กำลังขยี้ตา

                    ขนาดมาเรียนถึงนี่คุณคิลยังหลับลงได้เลยนะคะ ขืนเรียนที่โรงแรมมีหวังคุณคิลหายไปนอนต่อแน่เลยค่ะ เรนอนอดจะเอ็ดไม่ได้ ปกติเธอไม่ใช่คนชอบบ่นขนาดนี้นี่นา ทำไมกับคนๆนี้...

                    ก็เพราะนี่ไง เสียงของเจ้าตัวดีดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เจ้าตัวผายมือออกไปด้านหลัง

                    แล้วคนที่นั่งอยู่ก็ต้องมนต์แห่งแสงอรุณ

                    ภาพที่ละสายตาไม่ได้

                    แสงสีทองจากดวงตะวันเจิดจ้าที่กำลังทอประกายล้อกับผนังของป้อมสีขาวเป็นสีทองงดงาม

                    ดวงตะวันกำลังค่อยๆโผล่พ้นตัวป้อมที่ไม่สามารถบังได้หมด แสงสีทองกำลังลอดผ่านช่องประตูหน้าต่างที่สร้างขึ้นให้ตรงกันทุกบาน หมุ่แมกไม้สีเขียวที่รายล้อมป้อมก็ราวกับพลิ้วไหวไปกับบรรยากาศแห่งความรื่นรมย์ตรงหน้า

                    สวยงามราวกับสรวงสวรรค์... งดงามราวกับออกมาจากจิตนาการ...

                    สวย... เจ้าชายบนหอคอยงาช้างผู้ไม่เคยได้เห็นดวงตะวันงดงามขนาดนี้มาก่อนเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก ในขณะที่คนอื่นๆยังคงหลงในภวังค์ของมนต์สะกดของรุ่งอรุณ

                    ใช่มั๊ยล่ะ หัวขโมยที่ยิ้มกว้างอยู่แล้วยิ้มกว้างขึ้นไปอีก

                    นายรู้ด้วยหรอว่าจะตอนพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่จะสวยขนาดนี้ คิลเอ่ยถาม

                    แกลืมไปแล้วหรอ ฉายาฉัน เดอะทีฟออฟบารามอสนะเฟ้ยย ออฟบารามอสไม่รู้ก็แปลกแล้ว ไม่งั้นจะยอมแหกขี้ตามานั่งฟังลอเรนซ์พึมพำเรอะ เจ้าตัวรีบตะครุบปากก่อนหันไปมองเจ้าของชื่อที่โดนสอยเข้ามาร่วมวงนินทา แต่ดูเหมือนความงดงามของบรรยากาศจะพาให้นักบวชมาสนใจคำพูดของหัวขโมย

                    ดูเหมือนจะไม่ได้ยินแฮะ เจ้าตัวถอนหายใจโล่งอก ก่อนไปมองคนอื่นที่อยู่รอบๆ

                    จะไม่ให้เธอรู้ได้อย่างไร ก็สมัยก่อน เธอกับพอก็อาศัยจังหวะนักท่องเที่ยวตะลึงอึ้งทึ่งกับความงามฉกกระเป๋าได้หลายสิบใบ

                    มาที่ป้อมนี่ทีมีกินมีใช้ไปหลายเดือน

                    ภาพความงามของรุ่งอรุณของป้อมแห่งแสงสว่างกำลังจะจางไป...

                    แต่ทำไมนักท่องเที่ยวยังอ้าปากค้างอยู่ล่ะนั่น โดยเฉพาะพวกผู้หญิง

                    มันน่าไปฉกกระเป๋าตังค์ซักใบสองใบ สร้อยนั่นเพชรระยิบระยับเลยนั่น

                    เจ้าตัวหันไปพร้อมมองดูลาดเลา แล้วก็อ้าปากค้างไปอีกคน

                    ภาพของเจ้าชายหอคอยงาช้างผู้ไม่เคยเห็นดวงตะวันที่งดงามขนาดนี้กำลังจ้องมองตัวป้อมที่บัดนนี้เป็นสีทองกลายๆ ด้วยแสงจากสุริยา      ใบหน้ารูปสลักแม้จะนิ่งเฉย แต่ประกายตาที่กำลังชื่นชมความงามของรุ่งอรุณนั่น ทำเอาสาวๆนักท่องเที่ยวหลงมนต์เสน่ห์เข้าเต็มๆ  ถึงแม้เจ้าตัวจะทำหน้ารำคาญนิดหน่อยที่มีคนมาจ้องตนมากมาย แต่นัยน์ตาคู่สวยยังคงไม่ละจากภาพตรงหน้า แสงสีทองล้อไปกับเส้นผมสีเงิน

                    เทพบุตร...

                    เฮ้ย ไอ้เฟริน แกคิดอะไรของแกล่ะเนี่ย

                    รู้แล้วว่ามันหล่อ แต่ดูมันทำเข้าสิ เก๊กซะไม่มี หยุดคิดเดี๋ยวนี้เฟริน เดอเบอร์โรว์

                    ก่อนจะต้องมนตร์ของเจ้าชายแห่งคาโนวาล หัวขโมยสาวสะบัดหัวไล่ความคิดไม่เข้าท่าก่อนนั่นชมความงามของรุ่งอรุณที่กำลังจะหายไปในไม่ช้า แต่ก็ยังเหลือบมายังเจ้าชายคาโนวาลบ่อย

                    ว่าแต่จะมานั่งชมความงามของป้อมทำเป๊าะอะไรเนี่ย

                    ไหนว่ารีบเดินทางกันจะเป็นจะตาย

                    เจ้าตัวดีคิดพลางหันไปทางผู้คุมกฎทั้งสอง

                    หายไปแล้ว!

                    ไวเท่าความคิดเจ้าตัวรีบไปคว้าแขนเสื้อของคนที่นั่งข้างไว้หมับ กลัวว่าคนข้างๆจะหายไปด้วยอีกคน เพราะตอนนี้มองไปรอบๆ

    พบแต่ความว่างเปล่า...

    ผู้ร่วมเดินทาง คิล โร เรนอน แองเจลีน่าไม่อยู่แล้ว!

    ----------------------------------------------------------------*
    Talk => ขออภัยท่านที่ติดตามอ่านด้วยนะขอรับ ที่หายหน้าไม่ลงและไม่ได้บอกกล่าว ขออภัยจริงๆขอรับ ถ้าเป็นคำแก้ตัวคงเป็นคำว่าไม่ว่าง แต่ถ้าเป็นคำอธิบายจริงๆคงเป็นคำว่า ไม่มีอารมณ์จะเขียนน่ะขอรับ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์นิดหน่อยที่ทำให้ไม่มีกะจิตกะใจจะเขียน รึเขียนไปแล้วก็ลบไปเนื่องจากมันมืดมนไปตามอารมณ์คนเขียน กลัวจะทำเอาคนอ่านเบื่อนะขอรับ  แต่ดีใจและอยากจะขอขอบคุณคนที่คอมเมนต์มาตามมากเลยคับ เหมือนเป็นน้ำทิพย์ชโลมจิตใจอันห่อเหี่ยวให้มีกำลังจริงๆ ^ ^

    อาจจะเป็นคำซ้ำซากแต่ว่า 'ขอบพระคุณ' จากใจจริงขอรับ
    (เปิดเทอมแล้วอาจจะทำให้มาอัพยากกว่าเดิมนิดหน่อย แต่ถ้าไม่มีงานหรือสอบอะไรจะพยายามอัพให้เร็วที่สุดขอรับ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×