ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~@~Pretty BOY~@~ทำยังไงดีผมไม่อยากเป็นเคะ!!!(YunJae)-Yaoi

    ลำดับตอนที่ #5 : เมื่อเจ้าชายหน้าหมีกับนางฟ้าต้องมาอยู่ด้วยกัน

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ค. 53


    Chapter 5


                        หลังจากเรื่องวุ่นวายที่โรงพยาบาลจบไป ผมก็ถูกฮีนิมลากกลับบ้านและโดนด่าจนหูชา ส่วนเพื่อนๆ ผมไม่ต้องห่วงพวกนั้นสภาพไม่ต่างจากผมตอนนี้หรอก ก็ฮีนิมเล่นอาระวาดซะโรงพยาบาลแทบพัง หมอและพยาบาลวุ่นวายกันใหญ่ตอนผมตื่นขึ้นมาพยาบาลที่ทำแผลผมมือสั่นใหญ่เลย เพราะฮีนิมเล่นยืนคุมทุกฝีก้าว

                        ด้วยกลัวว่าพยาบาลจะทำแผลผมไม่ดีแล้วทำให้เป็นแผลเป็น เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงฮีนิมขู่ว่าจะฟ้องหมอและพยาบาลที่รับผิดชอบผมทุกคนเอาให้หมดตัวเลยกันไปเลย ฮีนิมพี่สาวผม! เฮ้ย!! พี่ชายผม! หน่ะเวลาโมโหใครก็เอาไม่อยู่ ขนาดอาปาผมที่ว่าแน่เจอฮีนิมเข้าไปยังกลัวเลย บ้านผมมีกันอยู่แค่สามคน ออมม่าที่รักของผมหนะจากพวกเราไปตอนผมได้ 6 ขวบ ฮีนิม 7 ขวบ

                         อาปาผมรักฮีนิมมาก เพราะฮีนิมหน้าเหมือนออมม่าที่รักด้วยนั้นแหละอาปายิ่งหลงฮีนิมเข้าไปใหญ่ ในบ้านนี้ไม่ใช่อาปาหรอกที่ใหญ่ที่สุดแต่เป็นฮีนิมนี้แหละ นี่เป็นอีกคนที่ผมและคุณควรระวัง


                         "แจจุง แจจุงแกฟังที่ฉันพูดอยู่หรือเปล่า?"

                         ผมถามเจ้าน้องชายตัวแสบที่ขยันหาเรื่องปวดหัวเข้าบ้านตลอดเวลา ตั้งแต่ผม อีทึก และซองมินไปรับตัวมันกลับมาจากโรงพยาบาล มันก็ไม่พูดไม่จาสักคำ ถามอะไรมันก็เงียบ หรือสมองมันจะมีปัญหาหลังจากที่หัวมันแตกเนื่องจากอุบัติเหตุจากความซ่าไม่เข้าเรื่องของมัน แต่หมอก็บอกว่ามันไม่เป็นอะไรมากอาจจะช็อคกับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเล็กน้อยเดี๋ยวพักผ่อนสักพักก็หาย แต่ดูเหมือนมันจะเอ๋อๆ อยู่ ดีนะที่วันนี้อาปาไม่อยู่บ้านตั้งแต่เพื่อนโทรมาเมื่อช่วงเย็นว่าวันนี้คงมาไม่ได้ อาปาเลยไปหาเพื่อนที่โรงแรมแทนแล้วอาจจะไปดื่มต่อรำลึกความหลังกันเพราะไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว นี่ถ้าอาปารู้ผมเองก็ไม่อยากจะรับรองความปลอดภัยของไอ้แสบนี้เลยจริงๆ

                          "แจจุง คิมแจจุง " ผมโบกมือตรงหน้าแจจุง เมื่อเห็นว่าน้องผมยังดูเหม่อๆ อยู่ ผมจึงเริ่มจับไหล่มันเขย่าดูเผื่อจะรู้สึกตัว

                           "ฮะ ฮีนิมว่าอะไรนะ"

                           "ฉันถามว่าแกยังเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า?"

                           "อืม...เออ... แค่ปวดหัวนิดหน่อย แล้วอาปาไม่อยู่หรอ"
     
                           "ทำไม แกอยากให้อาปากลับมาเห็นแกสภาพนี้หรือไง"

                           "ฮีนิมก้อ... เค้าแค่สงสัยที่ไม่เห็นอาปา" 

                            ฮีนิมพยุงผมมาส่งที่ห้องนอน แล้วเดินกลับไปหยิบน้ำและยามาไว้ให้ผมที่โต๊ะตรงหัวเตียง ผมพยายามส่งสายตาวิ้งๆออดอ้อนตามแบบฉบับคิมแจจุงเท่านั้นที่ทำแล้วน่ารักโคตร...ไรท์เตอร์บอกผมมา อิอิอิ (แล้วมันจริงไหมหละ;ไรท์เตอร์)มักจะใช้เวลาอ้อนพวกเพื่อนๆผม ส่งไปให้ฮีนิมเพราะมันมักจะได้ผลทุกครั้งที่ทำ และถูกต้องกับฮีนิมก็ได้ผลเช่นกัน

                           ถึงฮีนิมจะดุทำตัวจู้จี้เหมือนแม่ แต่ฮีนิมก็รักผมที่สุดนะถึงจะแกล้งผมบ่อยๆก็เหอะ เพราะตั้งแต่เด็กเวลาผมถูกเพื่อนแกล้งหรือล้อเลียนว่าเป็นเด็กผู้หญิง ก็มีฮีนิมแหละที่ออกมาปกป้องผม

                          "อาปาไปดื่มกับเพื่อนอีกนานกว่าจะกลับบอกว่าวันนี้ไม่ต้องรอ ไม่งั้นวันนี้แกคงไม่ได้มานั่งสบายอยู่ตรงนี้หรอก เอ้านิ ยา กินซะแล้วรีบนอน พรุ่งนี้ไม่ต้องขับรถส่งของแล้ว ฉันจะบอกพ่อให้เลิก ทำโทษแกเพราะแกไม่สบาย แต่อย่าได้คิดซ่าออกไปไหนอีก เพราะฉันคาดโทษหมายหัวพวกเพื่อนแกไว้หมดทุกคนแล้ว"


                          "ครับผม ผมจะเป็นเด็กดี แต่ฮีนิมห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกอาปานะ" ผมรับยาและน้ำมากินตามที่ฮีนิมสั่งและอ้อนฮีนิมต่ออีกหน่อยเพื่อความอยู่รอด แต่ฮีนิมมองผมด้วยสายตาที่ไม่ไว้วางใจพร้อมกับยื่นมือมาบีบที่แก้มอย่างจังจนผมร้องโอ้ย..

                         "ฮีนิมเจ็บนะ ทำบ้าอะไรเนี่ย" ผมเผลอตะคอกกลับอย่างลืมตัว จับมือฮีนิมที่บีบแก้มผมอยู่และพยายามสะบัดหน้าออกจากแรงบังคับของฮีนิม

                        "แกคิดว่าฉันโง่ตามแกไม่ทันหรอ คิมแจจุง กลืนมันลงไปเดี๋ยวนี้ โตขนาดนี้แล้วกินยายังต้องให้บังคับกันอีก กลืนลงไป" ฮีนิมสั่งผมเสียงเฉียบ บังคับให้ผมกลืนไอ้เม็ดยาเจ้ากรรม ที่ผมอุตส่าห์อมไว้ข้างกระพุ้งแก้ม อุตส่าห์แสร้งกินอย่างเนียนๆแล้วยังจะจับได้อีก ใจร้าย....ชริ


                       ยังไม่ทันที่ผมจะกลืนไอ้ยาเม็ดขมๆที่ผมเกลียดนักเกลียดหนา ฮีนิมก็หยิบแก้วน้ำส่งสิ่งที่บรรจุในแก้วกรอกใส่ปากผมตามทันที ผลทำให้ผมกลืนทั้งน้ำกลืนทั้งยาแทบจะไม่ทัน จนเกิดอาการสำลักแต่ไอ้ยาบ้าก็ล่วงลงไปคาติดอยู่ในลำคอจนผมทั้งไอทั้งสำลักจนตัวโยนกว่าเดิม แต่ความโหดของฮีนิมยังไม่หมด ยังจะบืบปากผมส่งน้ำตามเข้ามาอีกเพื่อให้ยาที่ค้างอยู่ในลอได้ล่วงลงไปนอนเล่นแวกว่ายอยู่ในกระเพาะอย่างสมใจ

                      "แค่กๆๆๆ ฮีนิมจะฆ่ากันหรือไงบอกกันดีๆก็ได้ แค่กๆๆๆ"ผมสำลักจนน้ำไหลออกมาทั้งปากและจมูก น้ำหน่วยเล็กๆคลอเต็มสองเบ้าตา หันมองฮีนิมที่เอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชู่มาซับน้ำที่ไหลเปรอะตามผ้าห่มบนที่นอน ผมอย่างเคืองๆ


                      "บอกแกดีๆ อย่างกับแกจะทำ แกคิดอะไรฉันรู้ไส้รู้พุ่งแกหมดนั้นแหละคิดหรอจะหลอกฉันได้" ฮีนิมหันไปหยิบทิชชู่อีกครั้งแต่คราวนี้หันมาเช็ดหน้าเช็ดมือที่เปรียกน้ำจากการสำลัก ดึงผ้าห่มเลิกขึ้นจัดแจงให้ผมนอนพร้อมลุกขึ้นมา ห่มผ้าห่มให้แล้วนั่งลงที่ข้างเตียงอย่างเดิมพรางเอามือลุบบนผ้าพันแผลที่หัวผลอย่างแผ่วเบา

                     "เจ็บมากไหม?" ถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผมได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ

                     "ดีแล้วงั้นรีบนอนซะหมอบอกพรุ่งนี้ตื่นมาอาจจะมึนๆและเจ็บแผลนิดหน่อย ฉันให้แกนอนโรงพยาบาลแกก็ไม่ยอมไม่รู้จะดื้อไปไหน ดีนะที่สแกนสมองแล้วไม่เป็นไรมาก แต่ต้องรอดูอาการต่อไปอีก ถ้าอาปารู้จะกลุ้มใจแค่ไหนแกรู้ไหม?"

                     ถ้าผมตาไม่ฟาดผมว่าผมเห็นน้ำใสๆบางอย่างไหลเอ่อลนมาที่ดวงตากลมโตของฮีนิม ฮีนิมร้องไห้ ผมทำฮีนิมร้องไห้ ผมควรทำยังไงดีที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กผมแทบไม่เคยเห็นฮีนิมร้องไห้สักครั้ง ฮีนิมเข้มแข็งมาตลอดตั้งแต่เราสามคนเสียออมม่าที่รักไป
     แต่นี่ผมเป็นคนที่ทำให้ฮีนิมน้ำตาไหล ผมจะทำอย่างไรดี ผมมองฮีนิมเลิกลัก


                      "ฮีนิม..... "

                     "ไม่ต้องพูดมาก หลับซะ เช้าเดี๋ยวฉันให้ป้าเยอึนเอาข้าวขึ้นมาให้ แล้วกินยาตามที่หมอสั่งถ้าฉันเสร็จธุระกับอีทึกกลับมาแล้วป้าเยอึนบอกว่าแกงอแง แกตายแน่คิมแจจุง"

                     ต้นประโยคดูเหมือนจะอ่อนโยนกับผมมาแต่ท้ายประโยคความรู้สึก เสียวสันหลังตามมาเหมือนโดนขู่ฆ่ายังไงไม่รู้ ผมรีบหลับตาทันทีก่อนที่ฮีนิมจะเกิดอารมณ์พิฆาตผมอีกถ้าผมดื้อ ผมรู้สึกถึงแรงเคลื่อนตัวข้างที่นอน ฮีนิมปิดไฟที่หัวเตียงแล้วกำลังเดินออกไปที่ประตู


                    "อ๋อ แล้วอีกอย่างฉันนับไว้แล้วว่ายาแต่ละตัวมีกี่เม็ด อย่าคิดทิ้งหรือซ่อนเพราะถ้าฉันรู้หรือหาเจอ คงไม่ต้องบอกนะแจจุงว่าแกต้องเจอกับอะไร" 

                    ไม่ต้องมองเลยครับ แค่ฟังเสียงขนทั้งตัวก็สามัคคีกันลุกโดยไม่ได้นัดหมาย รังสีอำมหิตแผ่ซ่าน ครอบคลุมทุกพื้นทันที ตามด้วยเสียงปิดประตูและเสียงผีเท้าที่ก้าวห่างออกไป ผมลอบถอนหายใจทันทีที่ประตูปิดลงนี่แหละฮีนิมเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนตามไม่ทัน อารมณ์ขึ้นลงอย่างกับคลื่นไฟฟ้า แปรปรวนไปมายิ่งกว่าสภาพอากาศประเทศไทย(เกี่ยวกันไหมเนี่ย;ไรท์เตอร์อีกแล้ว)
      .
      .
      .
      .
      .
      .
                    ผมตื่นมาตอนเช้า ไม่สิ ต้องตอนบ่ายมากกว่าเพราะแสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านตรงหน้าต่างส่องหน้าผมจนแสบตา อาการปวดจี๊ดที่แผลเข้าเล่นงานผมทันทีที่ลืมตา แถมอาการมึนหัวตามเข้ามาอย่างหนักจนผมแทบจะยกหัวไม่ขึ้นจากหมอน ผมพยายามดันกายขึ้นมานั่งพิงที่หัวเตียงปรับสายตาให้เป็นปรกติ ส่ายหัวสองสามครั้งไล่ความมึนงงออกไปจากหัว มองดูเสื้อผ้าของตัวเองปรากฎว่าคนละชุดกับเมื่อคืนที่ผมใส่ก่อนนอน โต๊ะข้างหัวเตียงมีถ้วยข้าวต้มส่งกลิ่นหอมฉุย พร้อมด้วยบุคคลแปลกหน้าที่นั่งไขว่ห้างถือหนังสือที่พึ่งละสายตาจ้องผมอยู่

      
                  "ตื่นแล้วหรอ?" คนตรงหน้าผมยังคงมองผมด้วยสายตาแปลกๆ สงสัยยังคงมึนหัวอยู่ ผมพึ่งรู้วันนี้เองว่าบ้านเพื่อนของพ่อผมที่จะให้ผมมาอยู่นี้ เป็นบ้านของคนหน้าหวานที่ผมพึ่งช่วยไว้เมื่อคืน ตอนแรกผมว่าจะคิดหาทางปฎิเสธไม่อยากอยู่ที่นี่แต่ตอนนี้ผมชักอยากจะเปลี่ยนใจแล้วสิ
     
                  ก็เพราะคนตรงหน้าผมเนี่ยแหละ เมื่อคืนตอนช่วยผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่เรียวสวยขนาดนี้ ตากลมโตอย่างกับลูกแก้ว จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากอิ่มแดงฉ่ำที่สะกดสายตาผมทุกครั้งที่มองเหมือนต้องมนต์สะกดอย่างประหลาด ผิวที่ขาวเนียนละเอียดยิ่งกว่าผู้หญิง ดูไปดูมาหมอนี้เหมือนตุ๊กตาเดินได้เสียมากกว่า


                   "นายเป็นใคร?"เจ้าตุ๊กตามองผมอย่างสงสัย

                   "ชองยุนโฮ" ผมปั้นหน้าปกติตอบไปพร้อมทั้งหันมาสนใจหนังสือในมือต่อไม่อยากให้เจ้าตุ๊กตารู้ตัวว่าผมแอบมองริมฝีปากที่มีมนต์สะกดของเจ้านี้อยู่ 

                    "ชอง ยุนโฮ... แล้วนายมาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง?" เจ้าตุ๊กตาทวนชื่อผม พร้อมใช้ดวงตากลมใสจ้องมองผมอย่างสงสัย ซึ่งเป็นท่าทางที่แบ๋วมาก!! แบ๋ว!!จนใจผมมันเต้นแรงโดยไม่มีสาเหตุ ทำไมเต้นแรงแบบนี้ว่ะ!!!ผมแอบคิดในใจ 

                     ก็แค่คนตรงหน้ายังคงมึนงงกับเหตุการณ์ต่างๆแล้วถามผมอย่างสงสัย แต่ตามันแบ๋วมาก!!!! แบ๋วมากไปแล้ว!!!!จะแบ๋วไปไหนว่ะ!!!!! ไอ้นี่มันผู้ชาย!!!จริงหรือเปล่าเนี่ย?

                     "เออ...ฉัน...ฉัน..มาเฝ้านายแทนป้าเยอึนหน่ะ" ผมตะกุกตะกักตอบไป

                     "ป้าเยอึน.... แล้วป้าเยอึนไปไหน?"

                     "ไป..ไปซื้อของข้างนอกเดี๋ยวกลับ"

                     "แล้วฮีนิมอยู่ไหน?" เอ๊ะ หมอนี่เป็นเจ้าหนูจัมไมหรือไงเนี่ยตื่นมาเอาแต่ตั้งคำถามผมไม่หยุด

                     "ไม่รู้... ตั้งแต่ฉันขึ้นมาข้างบนนี้ก็ไม่เห็นใครนอกจากนายกับป้าเยอึน"

                    "อืม.."เจ้าตุ๊กตา พยักหน้าเข้าใจช้าๆแล้วเงียบไป บทจะหมดคำถามเจ้านี่ก็เงียบไปซะเฉยจนผมตามไม่ทัน

                     "เอ๊ะ!! เดี๋ยวป้าเยอึนไปนานหรือยัง?" น่านยัง ยังไม่หมดข้อสงสัย แต่เหมือนจะเปลี่ยนโหมดน้ำเสียงตกใจจากเดิมเล็กน้อย

                      "ได้สักพักแล้ว"
     
                      ผมเริ่มเติมน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย แล้วเก็บหนังสือเตรียมออกไปนั่งรอพ่อแม่ผมที่คุยกับเพื่อนของท่านอยู่ชั้นล่าง ด้วยเพราะผมเป็นคนไม่ชอบมานั่งตอบคำถามใครนานๆ มันน่าเบื่อ และคนตรงหน้าก็ไม่หมดข้อสงสัยสักที

                      "เดี๋ยวสิ!! แล้วใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉัน!!" เจ้าตุ๊กตาเริ่มเปลี่ยนโหมดเป็นลูกแมวขู่ฟ่อแล้วในทันตา

                      "ฉันเอง ทำไมหรอ? เพราะตอนที่ฉันเอากระเป๋าขึ้นมาเก็บก็เห็นป้าเยอึนกำลังจะเช็ดตัวให้นายเพราะนายนอนเหงื่อแตกทั้งตัว ป้าแกเองกลัวนายนอนไม่สบายตัวกลัวจะมีไข้เลยเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนชุดให้ แต่ป้าแกก็ยกตัวนายไม่ไหวเลยวานให้ฉันช่วยทำแทน แล้วข้าวต้มเนี่ยฉันอุ่นให้แล้วกินซะ ยาเนี่ยก็จัดให้แล้ว มีอะไรอยากจะถามอีกไหม ถ้าไม่มีฉันจะไปแล้ว"

                        ผมตอบคำถามแบบรวดเดียว เพราะกลัวคนตรงหน้าจะเกิดความสงสัยและตั้งคำถามอะไรขึ้นมาอีก ลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ และกระเป๋าสตางค์แล้วก็หมวกที่วางไว้บนโต๊ะ เตรียมจะออกไปดูโรงเรียนใหม่กับยูชอนแล้วซื้อหนังสือกับชุดนักเรียนใหม่

                      "เดี๋ยวสิ! ฉันบอกว่าเดี๋ยว!!! นายยังตอบคำถามฉันไม่หมด!!" เจ้าตุ๊กตาที่กลายร่างเป็นนางพญาแมวเริ่มเกิดอาการฉุนเฉียวขู่ผมฟ่อๆ ลุกขึ้นมายืนบนเตียง

                       "อะไรอีกหละ! "ผมเองก็เริ่มเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

                       "นายบอกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันแล้วเห็นอะไรบ้าง!!" พร้อมทั้งยกมือกอดตัวเอง เจ้านี้ทำเป็นหวงตัวเป็นผู้หญิงไปได้ทั้งที่ไม่ใช่สักหน่อยถึงจะดูเหมือนก็เหอะ จนผมชักอยากแกล้งขึ้นมาแล้วสิ ความจริงผมเองก็ไม่เห็นอะไรสักเท่าไรหรอเพราะผมมาแค่ช่วยใส่เสื้อให้เฉยๆ

                      ขึ้นมาก็เห็นป้าเยอึนเขาเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนกางเกงให้เรียบร้อยแล้วเหลือเพียงแต่ใส่เสื้อให้เนี่ยแหละที่แกทำไม่ไหวเพราะไม่มีแรงยกตัวหมอนี่ขึ้น ผมเลยต้องช่วยทำให้แทน

                       "ก็เหน.........เห็นหมดนั้นแหละ" ผมใช้สายตาจับจองหมอนั้นทุกส่วนตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมยิ้มยั่วให้หมอนั้นคิดไกลอีกหนึ่งที

                       "ไอ้บ้าเอ้ย!! กล้าดียังไงห่ะ!! มาดูของฉันแล้วสายตาแบบนั้นหมายความว่าไง อยากตายใช่ไหม!!! ขนาดอาปาฉัน ฉันยังไม่ให้ดูแล้วแกเป็นใคร !!!มามองฉันแล้วใช้สายตาทุเรศแบบนั้น!! ตายซะเถอะแก!!! ย๊ากกกก"

                       แล้วหมอนั้นก็ใช้ทั้งหมอนและผ้าห่มบนที่นอนนั้นแหละเป็นอาวุธฝาดฟันกับผมจนวุ่นวายไปหมด พอหมดทางสู้แรงผมไม่ได้ก็เปลี่ยนเป้าหมายมาจิกทึ้งผมบนหัวของผมแทน จนผมแทบจะหลุดออกจากหนังหัวเป็นกระจุก ผมจับแขนพยายามผลักออกแต่ไม่เป็น มือหมอนี่เหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแก 

                       ผม จึงเปลี่ยนมาจับเอวหมอนั้นแทนแล้วได้ผลเจ้าแมวน้อยเกิดอาการหยุกหยิกสงสัยจะบ้าจี้ ไม่รอช้าผมเปลี่ยนมาจี้เอวทันทีจะว่าไปเอวหมอนี้ก็เล็กคอดยังกับเอวผู้หญิงเนื้อตัวนุ่มนิ่มน่าจับ สงครามระหว่างผมกับแมวน้อยดูยังไม่สิ้นสุดเจ้านี้ทั้งหยิกทั้งข่วน แขนผมดิ้นไปมาหวังให้หลุด แต่แล้วก็สะดุดผ้าห่ม

                       ผลั่ก!!   ตึ้ง!!  ตุบ !! อั๊ก!! ผมคว้าแมวน้อยร่วงลงมาด้วยหลังผมกระแทกพื้นเข้าอย่างจังจนเจ็บ แต่จุกที่เจ้าตัวแสบหล่นลงมาทับผมมากว่า แต่แล้ว 

                       อุ๊บ!!!!!!

    ********************************************************************************

    เฮ้อ.....ปาดเหงื่อ จบไปอีกหนึ่งตอน เจอกันจังๆ สักทีสำหรับคู่นี้

    รีดเดอร์เป็นยังไงกันบ้างช่วงนี้ร้อนมากกกกกก เลยเนอะ

    ฝนที่บ้านไรท์เตอร์ไม่ตกเลยสักหยด ร้อนกันได้อีก ส่วนรูปบน Hard ถึงจะกันบ่อยแล้วแต่เป็นอะไรที่ชอบมาก

    โดยเฉพาะสายตาแจที่มองยุน แบบว่ากรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดได้อีก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×