ลำดับตอนที่ #18
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ลืมมันซะ.............(กลับมาแล้วจ้า)
Chapter 17
“หงุดหงิดโว้ย!!!!!!”
“เป็นอะไรของแกว่ะโว้ยวายแต่เช้า เมื่อเช้าไม่ได้เข้าห้องน้ำหรือไง”
“เรื่องของฉันน่า.....พูดมาก”
“ไอ้นี่....ถามดี ๆ ทำมาเหวี่ยงใส่ ถ้างั้นไปนั่งถอนหายใจแล้ว ไปโว้ยวายเสียงดังไกล ๆ ฉันเลย รบกวนสมาธิคนจะทำรายงาน”
ผมโดนไอ้คุณชายคิม คิบอมผู้ซึ่งเป็นเหมือน “มันสมอง” ของกลุ่มไล่เนื่องจากทำเสียงดังรบกวนสมาธิการทำรายงานกลุ่มส่งอาจารย์ของมัน ถ้าผมหือกับเจ้านี่มีหวังหน้าปกรายงานเล่มนี้ไร้ชื่อสุด(สวย)หล่ออย่าง คิม แจจุงแน่นอน ผมจึงรีบเดินหนีหามุมนั่งปลงชีวิตของผมต่อไป
“ไอ้บอมแกอย่าไปใส่ใจมันเลยว่ะ สอง สามวันมาเนี่ยไอ้แจมันทำเหมือนโดนผีเข้าแม่งทุกวัน จนพวกเราเริ่มชินแล้ว”
ไอ้ฮยอนจุนเสริมขึ้นแล้วหันไปพยักหน้ากับไอ้เทมป์ที่มันนั่งอ่านหนังสือ(การ์ตูน)กันคนละมุมในห้องชมรม ที่พวกผมมักใช่เป็นที่ห้องอเนกประสงค์เวลาว่างเสมอ
“อยากตายหรือไงว่ะไอ้ฮยอนจุน คนยิ่งกลุ้ม ๆ อยู่” ผมหันไปขู่ฮยอนจุนทันที
“กลุ้มอะไรของแกหนักหนาว่ะ พวกเราทนมองแกเวลาทำหน้าเป็นตูดมาจะอาทิตย์แล้วนะโว้ย จะบอกได้หรือยังว่าเป็นอะไร”
“จริงอย่างไอ้เทมป์ว่า แกมีเรื่องอะไรกันแน่ไอ้แจ ขนาดฉันที่มัวแต่นั่งทำรายงานให้พวกแกหลังขดหลังแข็งยังรู้สึกได้เลย”
“แหม่ไอ้คุณคิบอมดูเหมือนห่วงเพื่อนนะ แต่มันรู้สึกเหมือนกำลังโดนแกกัด ๆ ยังไงไม่รู้”
“เออนะ...จะบอกได้หรือยังว่าที่มานั่งพาล ชาวบ้านชาวช่องเขาแบบนี้เป็นอะไร เพราะถ้าจำไม่ผิดช่วงนี้น้องฮโยจูกลับมาแล้ว แกก็ต้องทำหน้าเบิกบานมีความสุขนี่หว่า ฮื้อ”
“มันก็ใช่ถ้าหากวันนั้น... วันนั้น....”
“วันไหนหละทำเป็นติดอ่างอยู่ได้ ลุ้นนะเว้ย”
“วันนั้น...ช่างเหอะ ๆ พวกแกจะทำอะไรก็ทำไปป่ะ ถ้าฉันน่ารำคาญนักหละก็ ฉันไปเองก็ได้” ผมพูดเสร็จรีบชิงเดินหนีพวกมันทันที
สาเหตุที่ผมต้องมานั่งหงุดหงิดแบบนี้พวกคุณคงรู้ ๆ กันดีว่าวันนั้น....ผมเจอะเจออะไรมาบ้าง แต่มันคงยังไม่ใช่ทั้งหมดที่พวกคุณรู้กัน เพราะที่ผมกลุ้มใจเนื่องจากเรื่องราวมันบานปลายไปมากกว่านั้นเหตุเพราะว่า.....
Flash Back
.
"ถ้าฉันบอกว่าขอโทษ ฉันรู้ว่าแน่นอนนายไม่ทางให้อภัย เพราะฉะนั้น ฉันจะไม่พูดมันออกมาให้นายได้ยินแน่ แต่จะยืนยันคำเดิมแทนว่าต่อจากนี้ไป นายไม่มีทางได้จูบใครอีกแล้วหละคิมแจจุง นอกจากฉันชองยุนโฮคนเดียวเท่านั้น"
"และจากวันนี้เป็นต้นไป นายจะไม่ทางหนีฉันพ้นอีกแล้ว เพราะฉันจะเริ่มต้นทำทุกวิถีทางให้นายเป็นของฉันเพียงแค่คนเดียวตลอดไป เตรียมใจไว้ได้เลย"
....ฟอด...ฟอด....
เจ้าบ้าชอง ยุนโฮก้มลงมากระซิบแนบกับหูผมให้ชัดเจนอีกว่าผมเป็นของมัน จะบ้าตายผมกลายเป็นของมันตั้งแต่เมื่อไรทำไมเจ้านี่ถึงมีนิสัยขี้ตู่ขนาดนี้ แถมยังขโมยหอมแก้มผมซ้ำทั้งซ้ายขวาอีก
“มันจะมากไปแล้วชอง ยุนโฮ”
“อุปป้า...ฮึก....”
ผมที่ได้สติหลังจากที่เจ้านั้นขโมยไปหมดทั้งหอมแก้ม แล้วก็จูบ กำลังจะกรนด่า แต่ต้องชะงักเพราะเสียง ๆ หนึ่งที่คุ้นหูเรียกผมเอาไว้ พอผมหันไปเห็นก็พบภาพที่ทำเอาผมถึงกับพูดไม่ออก
“ฮโยจู...” ผมเอ่ยชื่อนั้นแทบกระซิบเสียงเสิงที่จะด่าไอ้หมีเจ้าเล่ห์นั้นพาลหายไปหมด เมื่อเห็นใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาของผู้หญิงที่ขึ้นชี่อว่าเป็นแฟนผม
“อุปป้า....ทำไม...ฮึก...ทำไม...”
ฮโยจูพูดแทบไม่เป็นภาษา ผมกำลังจะเดินเข้าไปปลอบน้อง แต่ก็ถูกดึงไว้ผมหันไปส่งสายตาขู่เจ้าตัวต้นเหตุ ฮโยจูส่ายหน้ากับภาพที่เห็นส่งสายตาตัดพ้อมาที่ผม สายตาแบบนั้นช่างเจ็บปวดจนผมรับรู้ถึงมันได้
นานเท่าไรแล้วเธอยืนอยู่ตรงนี้.....นานเท่าไรแล้ว เห็นจากจำนวนน้ำตาที่เออไหลออกมาไม่ขาดสาย ผมได้แต่หวังในใจว่ามันคงไม่ใช่ตั้งแต่ต้นหรือไม่ใช่ตอนที่ผมยอมให้เจ้านั้นจูบแล้วเผลอจูบตอบกลับไปหรอกนะ
ฮโยจูหันหลังเดินกึ่งวิ่งจากผมไปทันที ผมดิ้นรนจากการเกาะกุม เพื่อจะไปหาฮโยจูแรงขึ้น แต่ด้วยความที่ยังเจ็บที่เท้าทำให้ผมทำตามใจตัวเองได้ไม่สะดวกนัก เจ้าบ้านั้นใช้ทั้งสองแขนจับกุมผมแน่นกว่าเดิม
“ปล่อยสิดิว่ะ ฉันบอกให้ปล่อย....”
ผมตะโกนเสียงดังพร้อมกับจ้องตาเขม็ง จนยุนโฮลากผมเดินเลี่ยงไปทางมุมด้านหลังตึก เพราะกลัวว่าผมจะเสียงดังจนใคร ๆ เข้ามาเห็นอีก
ดีที่ตอนนี้เป็นตอนเลิกเรียนแล้วเด็กนักเรียนกลับบ้านกันเกือบจะหมดแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เจ้าเด็กตัวต้นเหตุแห่งความซวยของผมในครั้งนี้พาผมมานั่งพักในที่ปลอดคนข้างตึกวิทย์ ตอนนี้อารมณ์ผมเดือดจนถึงขีดสุดแล้ว ผมรีบสะบัดมือด้วยแรงทั้งหมด แล้วรีบก้าวหนีเร็ว ๆ ทันที แต่....
“โอ้ย....ไอ้บ้าเอ้ยทำไมต้องมาเจ็บตอนนี้ว่ะ”
ผมทรุดลงกับพื้นทันทีเพราะความลืมตัวที่ข้อเท้ายังแพลงอยู่ จนยุนโฮต้องเข้ามาประครองผมไว้ ผมสะบัดหนีจากการช่วยเหลือทันทีที่ยืนทรงตัวได้
“ไม่ต้องมายุ่ง!!! เพราะนายคนเดียวเลย ทำให้ฉันต้องมาเจอเรื่องซวย ๆ แบบนี้”
“..............”
ไร้ซึ่งคำตอบจากคนตรงหน้า มีเพียงรอยยิ้มกวนประสาทและผลักผมให้นั่งลงบนขอนไม้ใกล้ ๆ แถวนั้น พร้อมกับถอดรองเท้า ถุงเท้าผมออก พลิกดูข้อเท้าข้างที่เจ็บของผม แล้วจับมันกดแล้วพลิกซ้ายขวายังกับการรักษาที่ผมเคยเห็นในหนังจีนเวลาคนข้อเท้าแพลงเลย แต่มันต่างกันตรงที่
“นายทำบ้าอะไรเนี่ย โอ๊ะ..โอ้ย..........มันเจ็บนะไอ้บ้า”
มันต่างกันตรงที่ของจริงโคตร..............เจ็บ..........เลยครับ
ผมผลักเจ้านั้นเซหงายหลังทันทีเพราะความเจ็บ แล้วรีบยกเท้าขึ้นมาดูสำรวจความเสียหายเพราะในใจคิดว่ายังไงหมอนี่ต้องแกล้งผม แต่แปลกมันไม่เจ็บแล้วอ่ะ ผมขยับพลิกเท้าผมซ้ายทีขวาทีเพื่อความแน่ใจ
ผมผลักเจ้านั้นเซหงายหลังทันทีเพราะความเจ็บ แล้วรีบยกเท้าขึ้นมาดูสำรวจความเสียหายเพราะในใจคิดว่ายังไงหมอนี่ต้องแกล้งผม แต่แปลกมันไม่เจ็บแล้วอ่ะ ผมขยับพลิกเท้าผมซ้ายทีขวาทีเพื่อความแน่ใจ
“หายเจ็บแล้วใช่ไหม?”
“.........”
ผมไม่ตอบกลับบ้างพลางจะหยิบรองเท้า กับถุงเท้าขึ้นมาใส่ตามเดิม แต่ก็โดนแย่งกลับคืนจากคนที่ถอดมันนั้นแหละ
“อยู่เฉย ๆ หายแล้วฤทธิ์มากนะเรา”
ผมได้แต่มุ้ยหน้ามองไปทางอื่นปล่อยให้เจ้านั้นใส่ถุงเท้าและรองเท้าผมกลับคืนเหมือนเดิม แต่ก็อดแอบมองไม่ได้ ยิ่งคิดแล้วยิ่งสับสนว่าตกลงผมควรทำยังไงกับหมอนี้
“เสร็จแระ ทีนี่ลองยืนแล้วขยับข้อเท้าดูสิ เป็นไงบ้าง”
ผมลุกขึ้นยืนโดยที่ยุนโฮลุกขึ้นยืนดูอยู่ไม่ห่าง แล้วลองขยับข้อเท้าตามที่เจ้านั้นว่าดู มันหายเจ็บแล้วจริง ๆ เห็นอย่างนั้นผมรีบก้าวออกจากที่นั้นทันที
ผมลุกขึ้นยืนโดยที่ยุนโฮลุกขึ้นยืนดูอยู่ไม่ห่าง แล้วลองขยับข้อเท้าตามที่เจ้านั้นว่าดู มันหายเจ็บแล้วจริง ๆ เห็นอย่างนั้นผมรีบก้าวออกจากที่นั้นทันที
“นั้นนายจะไปไหนอีก”
“เรื่องของฉันนายไม่ต้องมายุ่ง” ผมสะบัดข้อมือจากการเกาะกุมของคนเผด็จการอีกครั้ง
“ไม่คิดจะขอบคุณฉันสักคำเลยหรือไง ที่ช่วยรักษาให้นะ”
“ใครขอ แล้วสิ่งที่นายทำไว้กับฉันหละ” ผมตอกกลับบ้าง
“ก็บอกแล้วยังไงว่า ฉันไม่เอ่ยคำนั้นเพราะยังไงนายก็ไม่คิดอภัยให้ฉันอยู่ดี แล้วยิ่งเรื่องที่ผู้หญิงของนายที่เข้ามาเห็นด้วย นายคงโกรธฉันมากพอดู แต่ก็บอกแล้วอีกไงว่าฉันจะทำทุกวิถีทางให้นายมาเป็นของฉันเพียงแค่คนเดียว”
เจ้าบ้านี่พูดเสร็จพร้อมส่งยิ้มที่เห็นแล้วให้ความรู้สึกกวนอวัยวะเบื้องล่างผมสุด ๆ อ่ะ มาให้ผมพร้อมยักคิ้วให้อีก แล้วเอามือล่วงกระเป๋าเลี่ยงเดินสวนผมไปได้สองก้าวก็หยุดหันมากลับมาถามผม
“นายจะกลับบ้านเลยไหม?”
“..............”
“ไม่ตอบไม่เป็นไร ยังไงก็ขอให้นายเคลียร์กับน้องเขาให้รู้เรื่องนะ เออ......แล้วอีกอย่างเผื่อนายจะคล่องใจว่าน้องเขาเข้ามาเห็นตอนไหน ฉันตอบให้ก็ได้ว่าตั้งแต่นายยืนให้ฉันจูบนั้นแหละ ว่าแต่จูบนายอ่ะหวานเป็นบ้าเลยหละแจจุง”
เจ้านั้นทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่ผมแล้ว ชิงเดินหนีไปจนผมหันกลับมาด่าแทบไม่ทัน ถ้าเป็นอย่างนั้นหมายความว่าที่เจ้านั้นพูดไว้ว่าจะทำทุกวิถีทางให้ผมเป็นของมันก็เริ่มแล้วนะสิ
Flash Come
..
นั้นแหละเหตุผลที่ผมต้องหงุดหงิดอารมณ์เสียแบบนี้ เพราะหลังจากวันนั้นผมเพียรโทรศัพท์ไปหาฮโยจูเท่าไร น้องก็ไม่รับสาย ไปรอที่หน้าบ้านหรือหน้าโรงเรียนก็หลบหน้าตลอด แล้ววันนี้เป็นวันที่ครบรอบที่เราคบกัน 100 วันแล้วด้วย ผมควรทำยังไงดีเนี่ย ยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม
“ช่วยด้วย....ช่วยด้วย....”
ระหว่างที่ผมเดินคิดอะไรมาเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงเหมือนใครกำลังขอความช่วยเหลืออยู่ เสียงเหมือนมาทางสระบัว
ผมจึงเร่งฝีเท้าเข้าไปดู ปรากฏว่าผมเห็นคนกำลังจมน้ำร้องขอความช่วยเหลืออยู่ ไม่รอช้าผมถอดเสื้อสูทปลดเนคไทค์ที่ปกติมันก็ผูกไม่เป็นระเบียบอยู่แล้วนั้นออกทันที พร้อมถอดรองเท้าผ้าใบแล้วกระโจนลงน้ำหวังช่วยคนตรงหน้าอย่างว่องไว
ผมรีบจ้วงว่ายเข้าไปให้ถึงคน ๆ นั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ แล้วผมก็คว้าเขาไว้จนได้ก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มจมลงไป และผมก็รู้สึกได้ถึงใครอีกคนว่ายน้ำตีคู่ผมเข้าฝั่งมาอย่างร้อนรน
ผมลากเจ้านี่ขึ้นฝั่งมาอย่างทุลักทุเลเต็มที สงสัยหมอนี่จะกินน้ำเข้าไปหลายอึก ตัวเงี้ยหนักเป็นบ้า ในขณะที่ผมพยายามดึงเขาขึ้นมาจากน้ำจนสุดกำลัง
คนที่ว่ายตีคู่ผมมาก็อ้อมมาทางด้านหลังผมแล้วก็ช้อนตัวอุ้มคนที่ผมพึ่งช่วยชีวิตเดินมาวางตรงที่ว่างริมสระทันที
ผมมองตามอย่างเลิกลักว่าเจ้านั้นมาจากไหนเนี่ย ผมเป็นคนเสี่ยงชีวิตช่วยเจ้านี่ขึ้นมานะ ผมรีบเดินตามเจ้าคนฉวยโอกาสทันที
“ปาร์ค ยูชอน”
เมื่อผมเห็นหน้าคนฉวยโอกาสคนนั้นชัด ๆ จึงได้รู้ว่าที่แท้ก็คือเพื่อนของไอ้หมีบ้านี่เอง สรุปผมจะหนีจากวงโคจรเจ้าหมีนี่ไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย.......
“จุนซู....จุนซู......นายฟื้นสิ....อย่าทำอย่างนี้....ฉันใจคอไม่ดีนะ จุนซู.....”
“ตบอย่างนั้นจะตื่นไหมหละ ถอยไปป่ะถ้าช่วยไม่เป็น”
ไม่อยากจะคุยหรอกนะว่าที่จริงแล้ว ผมเคยได้ A วิชาสุขศึกษาเรื่องวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยนะเออ ถึงผมจะเกลียดห้องพยาบาล โรงพยาบาลกลิ่นยาที่น่าอ้วก ก็เถอะ
เพราะไม่อยากเข้าโรงพยาบาลนั้นแหละเป็นแรงผลักดันให้ผมตั้งใจเรียนวิชานี้ เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงการเข้าห้องพยาบาลหรือโรงพยาบาลยามเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่จะว่าไปผมเองก็แม่นแค่ทฤษฎี เพราะปฏิบัติเคยแต่กับหุ่นเท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้จะมั่วมาคิดให้ได้อะไรหละ ผมจึงก้มลงเงี่ยหูฟังระดับการเต้นของหัวใจ แล้วเริ่มการปั้มหัวใจทันที เมื่อเห็นว่าลมหายใจแผ่วลง
“ 1 2 3 4 5..........10”
ผมนับจังหวะการปั้มหัวใจเสร็จแล้ว เชยคางคนตรงหน้าขึ้น บีบปากให้อ้าออกแล้วบีบจมูกเอาไว้เตรียมที่จะเป่าลมเข้าปากนั้น แต่ก็ถูกเบรกไว้เสียก่อน
“ไม่ต้อง!!!! นายห้ามทำ....หลบไปฉันทำเอง”
จะใครที่ไหนหละ ที่ห้ามและผลักผมไปให้พ้นทางถ้าไม่ใช่ ไอ้ไก่ปากห้อยปาร์ค ยูชอนเพื่อนของไอ้หมีหน้าหม้อชอง ยุนโฮที่เข้ามาขวางการช่วยชีวิตเหยื่อผู้โชคร้ายของผม เจ้านั้นประกบปากเป่าลมหายใจกับผู้โชคร้ายทันที แล้วหันมาทางผม
“นั่งอึ้งทำไมหละ ช่วยแล้วช่วยให้จบสิ”
ผมมองหน้าเจ้านั้นอย่างงง ๆ ว่าต้องการอะไรจากผม แล้วก็สำนึกได้ว่าต้องทำอะไรต่อ ผมจึงประสานมือทำการปั้มหัวใจเจ้าเด็กที่นอนหมดสตินี่อีกครั้ง
หลังจากนั้นเจ้าไก่ห้อยมันก็ประกบปากเป่าลมของมันไป จนผมปั้มหัวใจทำCPRให้ครั้งที่ 3 ร่างที่ไร้สตินั้นก็สำลักน้ำออกมาทันที
ผมรีบผลักเจ้าไก่นั้นออกไปเพื่อเข้าไปดูอาการของเด็กนี่อย่างชัดว่าเป็นยังบ้าง เจ้าเด็กนี่ลืมตาขึ้นมาอย่างสลึมสลือมองผมแล้วบ่นพึมพำออกมา
“นาง..ฟ้า...นางฟ้าจริง ๆ ด้วย......”
ผมตบหน้าเจ้าเด็กบ๊องที่ชอบเรียกผมว่านางฟ้าให้รู้สึกตัว แต่เจ้านั้นยิ้มให้ผมแล้วหลับไป ปาร์ค ยูชอนที่ถูกผมผลักกระเด็นในตอนแรก ถลาเข้ามาทันที
“จุนซู.....จุนซู...นายตื่นก่อนสิ ตื่นมาฟังฉันก่อน จุนซู...”
“เขาแค่สลบน่า.... ทางที่ดีนายควรรีบพาไปห้องพยาบาลเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อบอุ่น แล้วให้หมอดูอาการซะ ดีกว่ามานั่งโวยวาย”
ผมลุกขึ้นจัดการกับตัวเองที่เปียกมะลอกมะแลกพลางแนะนำ เจ้าไก่สมองน้อยที่มั่วแต่พยายามปลุกเจ้าเด็กบ๊องนั้นให้ตื่นอยู่ได้
ได้ผลพอผมพูดจบปั้บเจ้าไก่ก็อุ้มเจ้าเด็กบ๊องวิ่งไปทางห้องพยาบาลทันที โดยไม่รอให้ผมบอกซ้ำ แล้วทีนี้ผมจะทำยังดีหละเปียกขนาดนี้ จะเข้าเรียนคาบถัดไปได้ยังไงกัน
ไอ้ครั้นจะกลับไปชมรมสภาพนี้มีหวังไอ้คิบอม ฮยอนจุง และเพื่อนเทมป์จับผมตีตายแน่นอน พวกมันยิ่งห่วงผมเกินเหตุยังกับผมเป็นลูกพวกมันอย่างไงอย่างนั้น
และอีกอย่างที่น่ากลัวที่สุดคือเรื่องมันจะถึงหูฮีนิมสุดโหด ที่รายนั้นน่ากลัวมากกว่าพวกมันสามคนมันรวมกันเสียอีก แล้วนี่ผมจะหลบไปอยู่ตรงไหนดีเนี่ย
อ๋อ.........นึกออกแล้ว ด่านฟ้าที่อิหมีบ้าพาผมขึ้นไปครั้งก่อนดีกว่าปรอดคนดี แถมยังมีที่ให้ตากเสื้อผ้าได้อีก ผมไม่รอช้าคว้าเสื้อสูทกับรองเท้ามุ่งหน้าไปที่นั้นทันที
โดยไม่ลืมชะแว้บแอบย่องไปเอากระเป๋าที่ล็อคเกอร์ระหว่างทางไปด่านฟ้านั้นด้วย เพราะทางผ่านพอดี
...................................................
.........................
.............
ผมสลบไปนานเท่าไรไม่อาจรู้ได้ รู้แต่เพียงว่าพอผมลืมตาขึ้นมาก็เจอกับพนังห้องสีขาวสะอาดตา มีม่านสีครีมกั้นเตียงผมไว้รอบด้าน ถ้าเดาไม่ผิดนี้คงเป็นห้องพยาบาลหละมั้ง
ผมรู้สึกเจ็บที่หลังมือด้านขวาจึงหันไปดู พบว่ามันถูกเจาะเพื่อให้น้ำเกลืออยู่ พอจะขยับตัวทำไมช่วงแขนและมือข้างซ้ายผมรู้สึกหนัก ๆ อย่างกับโดนผีอำ
เอ๊ะ!!! หรือผมกำลังโดนผีอำอยู่จริง ๆ ถึงว่าขยับตัวไม่ได้ พ่อจ้า แม่จ้าช่วยจุนจังด้วยอ่า....จุนจังกลัว..... ผมหลับตาปี้นึกถึงคุณพระคุณเจ้า....บรรพบุรุษขึ้นมาทันที เผื่อช่วยได้ และเหมือนสิ่งศักดิ์ทั้งหลายจะรับรู้ อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกโล่งขึ้นมาสงสัยผีที่อำผมคงจะไปแล้ว
ผมรีบลืมตาขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าปลอดภัย (คิดเองเออเองสุด ๆ - -; ) แต่ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเจอะเข้ากับหน้าของยูชอนที่ก้มลงมามองผมเสียหน้าอยู่ห่างกันแค่คืบเอง
“ฟื้นแล้วหรอ รู้ไหมนายหลับไปตั้งสามชั่วโมง หิวน้ำไหม เจ็บตรงไหนปวดตรงไหนหรือเปล่า ฉันเรียกอาจารย์หมอให้ไหม?”
“........”
ยูชอนพยายามเอาอกเอาใจผมทุกอย่าง ผมได้แต่มองงง เพราะตอนนี้สมองของผมกำลังประมวลเรื่องราวต่าง ๆ อยู่ ไม่ว่าจะเป็นความฝันในวัยเด็กของผมตอนที่เจอกับยูชอนครั้งแรก คำสัญญาที่เคยให้กันไว้ และตอนที่หมอนั้นผิดนัดกับผมแล้วหายไปเป็น 10 ปี
ก่อนที่ผมจะรู้สึกได้ว่ามีใครกำลังดึงผมขึ้นมาจากน้ำ ช่วยชีวิตผมไว้ ใช่แล้ว.....นางฟ้า...นางฟ้าช่วยชีวิตผมไว้ก่อนที่ผมจะหลับไปอีกรอบ แล้ว....แล้ว...นางฟ้าของผมหายไปไหนแล้วเนี่ย ทำไมคนที่ผมตื่นขึ้นมาเจอคนแรกถึงกลายเป็นยูชอนได้
ถ้าจำไม่ผิดหมอนี่กระโดดหายลงไปในน้ำก่อนผม แล้วขึ้นมาได้ไงใครช่วยไว้ หรือนางฟ้าจะช่วยไว้เหมือนผม ไม่น่าจะใช่เพราะนางฟ้าคนเดียวจะช่วยสองคนพร้อมกันได้ยังไง
“นายไม่ได้จมน้ำจริง ๆ ใช่ไหม?”
ผมถามสิ่งที่ค้างอยู่ใจออกไปทันที ยูชอนที่ตอนแรกกำลังจะออกไปตามอาจารย์หมอให้เข้ามาดูอาการผมชะงักฝีเท้าทันที
“นายเห็นฉันเป็นตัวตลกใช่ไหม?...ฉันคงโง่มากสินะที่หลงเชื่อซะเป็นจริงเป็นจังว่านายจมน้ำไปจริง ๆ ทั้ง ๆ ก็รู้อยู่ว่านายเคยเป็นถึงนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียน แต่ก็โง่เชื่อนายจนได้ ตลกมากสินะฉันหนะ”
“จุนซู....”
ยูชอนหันกลับมาเรียกชื่อผมแทบจะกระซิบ ผมส่ายหน้าไม่อยากจะฟังคำแก้ตัวจากคน ๆ นี้อีกแล้ว สงสัยการรอคอยคน ๆ นี้ กลับมาเติมเต็มใส่ส่วนที่ขาดหายไปของผมมันคงจะไม่เป็นผลดีแก่ตัวผมซะแล้วสิ
“ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของนายหรอก ถ้าไม่มีอะไรแล้วช่วยออกไปก่อนได้ไหมฉันอยากพักผ่อน”
ผมแกล้งนอนหันหลังให้ กระชับผ้าห่มคลุมหัวไหล่ไว้ทำเหมือนว่าอยากนอนเต็มที ทำเป็นไม่สนใจยูชอนที่เหมือนจะเดินกลับมายืนอยู่ที่ข้างเตียงผมอีกครั้ง
“จุนจัง!!!!! พี่เป็นไงมั้งเนี่ย.....”
ชางมินเปิดประตูตะโกนชื่อผมมาแต่ไกล พร้อมด้วยซึงรีที่วิ่งตามเจ้าเด็กเจ้าจุ้นนี่มาติด ๆ
“จุนซู นายเป็นไงมั้งเนี่ย ตอนที่อาจารย์ไปบอกว่านายจมน้ำตรงสระบัวรู้ไหมฉันสองคนตกใจแทบแย่ นี่ต้องรอให้อาจารย์อนุญาตก่อนนะเนี่ยกว่าจะมานายได้”
“ชางมินอ่า.....ฮึก.....เค้ากลัว”
พอชางมินวิ่งเขามาลูบหัวผมเท่านั้นแหละ น้ำตาแห่งความกลัว ความน้อยใจที่ผมอุตส่าห์กลั้นไว้ ก็ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“โอ๋ ๆ ไม่ต้องกลัวนะจุนจัง เค้าอยู่ตรงนี้แล้วไม่ต้องกลัวแล้วนะ รู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็นแล้วทำไมถึงซนไม่อยู่แถวสระบัวอีก ดีนะที่มีคนมาช่วยทันไม่งั้น พี่ได้เป็นโลมาน้ำจืดนอนเฝ้าสระบัวหลังโรงเรียนเป็นแน่”
“ไอ้เด็กบ้าตกลงแกห่วงฉัน หรือมาด่าฉันกันแน่”
ผมหยุดร้องเช็ดน้ำตาแล้วผลักไอ้เด็กปากเสียที่ทำเหมือนปลอบผมอยู่ออกไปทันที
“หยุดร้องแล้วใช่ไหม ดีแล้วหละงั้นกลับบ้านกันเลยไหม โทรบอกป้าซังอาให้คนขับรถพี่มารับแล้ว และทำเรื่องลาให้พี่เรียบร้อยแล้วด้วย ผมรู้พี่ไม่ชอบนอนแปลกที่เพราะพี่ขี้กลัวจะตาย”
“รู้ดีไปแระ เจ้าเด็กปากเสีย”
ผมยิ้มให้กับความใส่ใจของเจ้าเด็กที่ผมเพียรหมั่นไส้มาตลอดตั้งแต่เด็ก เพราะถึงอายุห่างกับผมแค่ปีเดียวแต่ก็ชอบปีนเกลียวกับผมอยู่เรื่อย แถมยังทำตัวแก่แดดจนน่าหมั่นไส้
บทสนทนาของเราสามคนดูเหมือนจะกลบการมีตัวตนของคน ๆ หนึ่งไป จนผมได้ยินเสียงประตูห้องปิดลงจึงรับรู้ได้ถึงการไม่มีตัวตนของคน ๆ นั้นอีกแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ
พอกันเสียทีนะคิมจุนซู นายเกือบตายเชียวนะครั้งนี้เพียงเพราะอยากกลับมาอยู่ในสายตาของคนที่ลืมนานไปแล้ว ถึง 10 ปีเรื่องบางเรื่องเราควรเก้บไว้เพียงความทรงจำนะดีแล้ว อย่างหวังให้มันกลับมามีชีวิตขึ้นมาอีกเลยคงจะดีกว่า
เวลาตั้งนานขนาดนั้นปาร์ค ยูชอนคนนี้อาจไม่ใช่อัศวินคนเดิมของนายก็ได้
.....................................
..................
......
ผมทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัย ไม่นึกเลยเพียงแค่ต้องการลองใจ คน ๆ หนึ่งเกือบทำให้ผมต้องเสียเขาไปตลอดกาล
ผมเองก็ไม่ทันคิดว่าเจ้าตัวเล็กนั้นจะว่ายน้ำไม่เป็นจริง ๆ ถ้าไม่ติดว่าตอนที่ผมโดดลงไปนั้นสระบัวใต้น้ำมันมืดกว่าที่ผมคิด น้ำขุ่นจนผมมองแทบไม่เห็นว่าจะไปโผล่หลบคนตัวเล็กนั้นตรงไหนดี
เพราะมัวแต่ห่วงจะหาที่หลบนั้นแหละจึงโผล่ขึ้นมาไม่ทันตอนเจ้านั้นร้องให้ช่วย ดีที่แจจุงเข้ามาช่วยไว้ทัน ไม่งั้นสิ่งงี้เง้าที่ผมทำลงไปวันนี้คงเป็นตราบาปติดตัวผมไปจนตลอดชีวิต
ผมเองที่อยู่เฝ้าคนป่วยตั้งแต่ตอนที่อาจารย์หมอเข้ามาตรวจแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ฉีดยาแก้ไขกันไว้เพราะกลัวคนตัวเล็กนั้นจะมีอาการไข้ตามมาทีหลัง จนเผลอหลับทับคนป่วยไปที่ข้างเตียง
ตอนจุนซูขยับตัวหยุกหยิกผมนึกว่าเขาละเมอเสียงด้วยซ้ำจึงก้มลงไปดูว่า ละเมอว่าอะไรแต่อยู่คนที่ผมคิดว่าหลับมาตลอดดันลืมตาขึ้นมามองผมตาใสแจ๋ว ตอนนั้นใจผมพองโตอย่างกับบอลลูน ดีใจที่ไม่ต้องเสียคนตรงหน้านี่ไปจริง ๆ
ถึงยังไงผมก็ไม่เข้าใจตัวเองอยู่ดีว่าทำไมถึงห่วงหาอาทรเด็กคนนี้หนักหนา พบเจอกันไม่กี่อาทิตย์ทำไมถึงรู้สึกเหมือนผูกพันกันมานาน ทำไมอะไร ๆ ที่มีต่อคน ๆ นี้ถึงดูพิเศษและมากกว่าหลาย ๆ คนที่เคยผ่านเข้ามา
นานเท่าไรแล้วที่มั่วแต่คิดเรื่องเจ้าเด็กนี่ จนลืมเดทสาว ๆ ในสังกัดของผมทั้งหมดที่มี วัน ๆ เอาแต่ตามหาตัวเจ้าตัวป่วนนี่จนไม่เป็นอันทำอะไร
แล้วยิ่งเห็นใคร ๆ เข้ามาแตะเนื้อต้องตัวคน ๆ นี้ถึงทนไม่ได้ ยิ่งเป็นเจ้าเด็กโย่งชิม ชางมินที่ดูสนิทสนมกับเจ้าตัวยุ่งของผมจนหน้าหมั่นไส้ ผมยิ่งทนดูไม่ได้ ยิ่งตอนจุนซูโผเข้ากอดเจ้าเด็กโย่งนั้นใจผมมันเจ็บจี้ดจนพูดไม่ออก ทนดุไม่ได้จนต้องเป็นฝ่ายเดินออกมา
แต่เดี๋ยวของผม ทำไม? ผมจึงคิดว่าจุนซูเป็นของผม ทำไมผมต้องห่วง แล้ว เอ๊ะ!!!! จุนจัง ครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่ผมได้ยินไอ้เด็กโย่งนี่เรียกจุนซูว่าจุนจัง
แล้วถ้าผมรู้สึกคุ้นหน้าของจุนซู ท่าทางของจุนซู คล้ายกับจุนจังเจ้าหญิงของผมในวัยเด็ก แล้วถ้าผมเข้าใจผิด ๆ มาตลอดว่าจุนจังที่ผมหลงรักในวัยเด็กเป็นเด็กผู้หญิง เพราะเห็นใส่กระโปรงมาโรงเรียนทุกวัน ถึงใส่กางเกงก็เป็นชุดของเด็กผู้หญิงอยู่ดีนั้น
แท้ที่จริงแล้วเป็นเด็กผู้ชายมาตลอดหละ แล้วถ้าจุนจังเป็นชื่อเล่นของจุนซูตั้งแต่เด็กงั้นก็เป็นไปได้ว่า เจ้าสาวในวัยเยาว์ของผมก็คือจุนซูนะสิ คนที่ผมอยากแต่งงานด้วยแล้วอยากปกป้องก็เป็นคิม จุนซูอย่างนั้นนะสิ
ทำไมนะปาร์ค ยูชอน ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้ ดูไม่ออก ไม่รู้สึก เลยหรอว่าเป็นคน ๆ เดียวกัน คิดได้ดังนั้นผมซึ่งตอนแรกจะมุ่งหน้ากลับไปที่ตึกเรียนจึงเปลี่ยนทิศทางกลับไปห้องของคนป่วยอย่างรวดเร็ว
ถ้าข้อสันนิฐานทั้งหมดเป็นจริง ผมก็ไม่ควรปล่อยให้คิม จุนซูหลุดมือผมไปอีกแน่นอนเพราะแค่คิดว่าคน ๆ นี้จะตายผมก็ปวดใจได้ขนาดนี้เพราะฉะนั้น ผมยิ่งต้องรีบคว้าเอาของที่ควรเป็นของผมกลับมา
พอผมวิ่งถึงหน้าประตูห้องผมต้องควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ ก้อนเนื้อข้างซ้ายของผมเต้นโครมครามไปหมด ในหัวมีแต่คำถาม
<ที่ผ่านมานายเป็นอย่างไงบ้าง....>
<รู้ไหมที่ผ่านมาฉันเฝ้าคิดถึงนายทุกวัน>
<สัญญาของเรานายลืมมันไปหรือยัง>
<นายคือจุนจังของฉันจริง ๆ ใช่ไหม>
ผมเอื้อมมือไปจับลุกบิดประตูหมุนมันเพื่อเปิดอย่างแผ่วเบา พร้อมด้วยคำถามที่อยู่ในหัวมากมาย
“จุน...ซู”
แล้วผมก็พบแต่ความว่างเปล่า ช้าไปอีกแล้ว ผมมาช้าไปอีกแล้วเหมือนตอนนั้นที่ผมเคยสัญญาไว้กับจุนซู ทำไมถึงได้ทำอะไรช้าตลอดนา....
แต่เอ๊ะ!!!! ถึงวันนี้ไม่ทันพรุ่งนี้ก็ยังมีนี่หน่า เพราะฉะนั้น ปาร์ค ยูชอนไฟท์ติ้ง...............(^ ^)Y
************************************
คิม แจจุง ชองยุนโฮ ไฟท์ติ้ง..........
TVXQ ไฟท์ติ้ง..................
แคสิโอเปีย ไฟท์ติ้ง..........
โทโฮชินกิ ไฟท์ติ้ง................
ชอตฟิตติดไว้ก่อนน้า.........................
ชอตฟิตติดไว้ก่อนน้า.........................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น