ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~@~Pretty BOY~@~ทำยังไงดีผมไม่อยากเป็นเคะ!!!(YunJae)-Yaoi

    ลำดับตอนที่ #16 : อดีตคือ.....

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 53


    Chapter 15


     
    ......................................

    Part before

     “จุนจัง นายสัญญาได้ไหมว่าจะไม่ทิ้งเราไป เธอจะอยู่ข้าง ๆ เราตลอด และโตขึ้นเธอจะเป็นเจ้าสาวของเราคนเดียว”

     “นายจะบ้าหรอยูชอน ฉันเป็นเจ้าสาวของนายไม่ได้หรอก”


     “ทำไมจุนจังพูดแบบนี้หละ เราเสียใจนะจุนจังไม่รักเราเลย เราโกรธจุนจังแล้วด้วย”



     “ยูชอนนายฟังเราก่อนสิ คือ เรา เรา เป็น... เป็น..ผู้..ชะ”



     “ยูชอน..ไอ้ยูชอน...... ตื่นดิว่ะ.... ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย.....ยูชอน..ตึ้งๆๆๆๆๆๆ”



     “โว้ย.....ใครว่ะ....โธ่เว้ย...ขัดจังหวะจริงๆๆๆ”  



         ผมที่กำลังฝันดี ๆ อยู่เชียว ดันถูกขัดจังหวะซะได้ ผมเดินงัวเงีย ขยี้หูขยี้ตาเดินไปเปิดประตูห้องนอน พอผมเปิดประตูได้เท่านั้นแหละก็เจอเข้ากับพายุหมี ๆ ซัดใส่ผมจนเซเลยทันที

         “ทำไมเปิดช้าจังว่ะ ฉันเคาะเรียกแกตั้งนาน นึกว่าตายในห้องซะแล้ว” 


         ดูมันนะครับเข้ามาได้ก็รัวใส่ผมเป็นชุด แถมยังโยนกระเป๋าเสื้อผ้ามาไว้ไม่เป็นที่อีก แล้วยังไม่พอ พอมันเข้าห้องผมได้ก็ถอดเสื้อผ้าเหวี่ยงสุ่มไปทั่ว เหลือแต่เสื้อกล้ามกับบ๊อกเซอร์แล้วก็รีบเดินเข้าไปมุดผ้าห่มที่เตียงผมนอนอย่างสบายใจทันที ว่าแต่ว่าที่มันมาปลุกผมดึกดื่นปานนี้เพราะอะไรกัน


         “ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะแก...ปลุกฉันแล้วจะมานอนหน้าตาเฉยแบบนี้เนี่ยนะ ลุกขึ้นมาคุยกันก่อนเลย” ผมรีบเดินไปฉุดไอ้เพื่อนจอมวุ่นของผมจากเตียงอันแสนสบายของผมทันที


         “อะไรอีกว่ะ.....คนจะนอน ยิ่งเหนื่อย ๆ อยู่” ในที่สุดผมก็งัดมันขึ้นมานั่งคุยได้สักที หลังจากที่พยายามปลุกปล่ำมันอยู่นาน



         “แกเอากระเป๋าเสื้อผ้ามาแบบนี้หมายความว่ายังไง ที่นั้นไล่แกมาหรือไง แล้วพ่อกับแม่แกหละท่านว่ายังไง แล้ว...” ไอ้ยุนรีบยกมือขึ้นห้ามผมทันที ผมจึงหยุดคำถามลงได้


         “หยุดเลย...เอาคำตอบไหน..”

         “ทุกคำถามแหละตอบมาให้หมด...” ไอ้ยุนมองผมส่ายหน้าแล้วทำท่าจะลงไปนอนต่อ แต่ผมก็ไวพอจะล็อคคอมันขึ้นมาถามทันทีโดนมันยังเอนหลังไม่ถึงพื้นที่นอนด้วยซ้ำ



         “เฮ้ยๆๆๆๆ....ปล่อยก่อนเว้ย....ตอบแล้ว...ตอบแล้วก็ได้ แค่นี้ต้องรุนแรงกันด้วย ชอนชอนใจร้าย”


         “ไม่ขำ...ตอบมา แกมาปลุกฉันดึก ๆ ดื่น ๆ ทำไม”

         “ว่าแต่วันนี้แกไม่ไปเที่ยวไหนหรอ ฉันคิดว่าแกจะไม่อยู่บ้านซะอีก”

         “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ถ้าฉันไม่อยู่แกคงไม่มาถึงนี่หรอไอ้บ้าเอาความจริง”


         “ฉันโดนแจจุงสั่งห้ามเข้าใกล้... แล้วเขาก็ไม่อยากเจอหน้าฉันด้วย ฉันขอมาอยู่บ้านแกพักหนึ่งนะเพื่อนนะ....” ไอ้ยุนพูดพลางส่งสายตาอ้อน ๆ มาที่ผม



         “แล้วแกจะบอกลุงซูโรยังไงหละ เขาเป็นผู้ปกครองแกอยู่ตอนนี้ไม่ใช่หรอ...ไม่กลัวเขาไปบอกพ่อแม่แกหรือไง”

         “ฉันบอกเขาไปว่ามาช่วยติวหนังสือกับทำรายงานกับแกก่อนสอบกลางภาค ลุงแกก็ไม่ได้ว่าอะไร”

         “แล้วทำไมแกต้องเชื่อแจจุงด้วยว่ะ ไหนบอกไม่ได้คิดอะไรกับเขาไง แล้วทำไมเขาสั่งต้องทำด้วย....เป็นแค่เบ้นิหว่าไม่ใช่ทาส สัญญาเด็ก ๆ ทำไม ต้องจริงจังและทำทุกเรื่องตามที่เขาสั่งด้วย” 


         ผมที่ยังไม่เข้าใจสาเหตุ การหอบเสื้อผ้าของไอ้เพื่อนตัวดีมาอยู่กับผมแบบปัจจุบันทันด่วนนี่เท่าไรจึงเอ่ยถามความข้องใจออกมาทันที


         “ไม่รู้ว่ะ รู้แต่ว่าสาเหตุมาจากแกเนี่ยแหละเพราะฉะนั้นแกต้องรับผิดชอบโดยให้ฉันมาอยู่ที่นี่ด้วย จนกว่าฉันจะแน่ใจอะไรบ้างอย่างจนตัดสินใจได้เสียก่อน เอาเป็นว่าฉันตอบคำถามแกหมดแล้ว งั้นก็แค่นี่แล้วกันฉันนอนหละ ง่วงจะตาย”


         พูดจบไอ้เพื่อนตัวดีของผมก็ล้มตัวลงนอนเลยทันที โดยที่ผมได้แต่อ้าปากค้างกับคำตอบของมัน ตกลงเรื่องของเรื่องเนี่ยความผิดมาจากผมตอนไหนเนี่ย มีใครอธิบายได้ดีกว่าไอ้หมีจอมขี้เกียจที่มันกำลังแย่งที่นอนของผมไหมเนี่ย


         ผมได้แต่ส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจว่าตูผิดตรงไหนฟ่ะ ไหงต้องมารับผิดชอบมันด้วย คิดพลางเก็บเสื้อผ้าที่มันโยนทิ้งกระจัดกระจายก่อนหน้านี้ลงตะกร้าอย่างจำใจ

         ..................


         ...........................


         ....................................

    After that


         “ยูชอนนายต่างหากที่ต้องสัญญา นายสัญญาสิว่าจะไม่ทิ้งจุนจังไปเหมือนพ่อกับแม่ที่ชอบทิ้งจุนจังไว้อยู่บ้านคนเดียว ยูชอนต้องอยู่เล่นกับจุนจังทุกวัน และคอยปกป้องจุนจังไม่ให้ใครมาแกล้งจุนจังเหมือนวันนี้ได้อีก ยูชอนสัญญากับจุนจังได้ไหม?”


         ผมพยักหน้าแล้วยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวก้อยกับมือป้อม ๆ เล็ก ๆ นั้นเป็นการทำสัญญาว่าผมจะคอยดูแลเขาตลอดไป


         “ถ้าในเมื่อยูชอนสัญญาแล้ว จุนจังให้สัญญาบ้างก็ได้ว่า.....ถ้ายูชอนยอมเป็นอัศวินคอยปกป้องดูแลจุนจังแล้ว จุนจังก็จะยอมเป็นเจ้าสาวให้ยูชอนตอบแทน”


         “จริง ๆ นะ จุนจังสัญญาแล้วนะ จุนจังต้องมาเป็นเจ้าสาวให้ยูชอนนะ” ผมย้ำถามร่างเล็กอ้วนป้อมตรงหน้าอย่างดีใจ


         “แน่นอนอยู่แล้ว จุนจังไม่ผิดสัญญาหรอก....เพราะฉะนั้น ยูชอนก็ห้ามผิดสัญญาด้วย อ่ะ...จุนจังให้” คนตัวเล็กร่างป้อมในวัยเยาว์ถอนสร้อยที่คอของตัวเองให้ผม พร้อมพูดเจื้อยแจ้วอย่างน่ารัก เห็นแล้วอย่างฟัดแก้มยุ้ย ๆ ทั้งสองข้างของคนช่างเจรจานัก



         “จุนจังชอบโลมา พ่อกับแม่จุนจังบอกว่าตอนจุนจังตัวเล็ก ๆ กว่านี้ชอบร้องเสียงเล็กแหลมอย่างกับโลมาเวลาโมโห พ่อกับแม่เลยทำสร้อยโลมาให้จุนจัง แล้วจุนจังก็ใส่ตลอดด้วย แต่ตอนนี้จุนจังให้ยูชอนนะแทนคำสัญญาของจุนจัง”  


           คนตัวเล็กกว่ายิ้มยิ่งฟันขาวเกือบ 32 ซี่ ผมพยักหน้าแล้วกำลังเอื้อมมือรับสร้อยที่คนตัวเล็กนั้นหยิบยื่นให้




          ตึง ๆๆๆๆๆๆ




         “ยูชอน....ยูชอน..โว้ย...เปิดประตูหน่อย เปิดหน่อย”



         ผมสะดุ้งตื่นอีกครั้ง...ความฝัน....ทั้งหมดนั้นความฝันหรอเนี่ย...ผมส่ายหัวไล่ความมึนงง และความง่วงออกไป ทำไมความฝันดี ๆ ในวัยเยาว์ผมกับจุนจังที่น่ารักของผมต้องมาถูกทำลายอีกครั้ง เพราะไอ้เพื่อนหน้าหมีนี่ด้วยเนี่ย สุดหล่ออยากบ้าตาย




         หลังจากผมเอามือทึ้งหัวอย่างบ้าคลั้งด้วยความเครียดที่โดนขัดจังหวะเป็นครั้งที่ 2 แล้วเพราะไอ้เพื่อนตัวดีนี่ ผมก็จำต้องเดินไปเปิดประตูห้องนอนให้มันอีกครั้งอย่างจนใจ 



         เพราะถึงจะคิดด่าตัวเองที่ให้คีย์การ์ดสำรองพร้อมรหัสมันไปก็ไม่มีประโยชน์ ไอ้ที่ล็อคห้องนอนนี่มันก็มาเคาะอย่างบ้าคลั่งมาแล้วนี่เป็นหนที่สอง หรือผมจะย้ายหนีมัน แต่คิดไปก็เท่านั้น ถึงหนีไปไกลแค่ไหนเดี๋ยวมันก็ตามกลิ่นผมเจออยู่ดี (พระเอกเค้าเป็นคนนะ....เดี๋ยวตีเลยปาร์คนิ)



         พอผมเปิดประตูห้องนอนเท่านั้นแหละพายุหมี ๆ ก็เข้าซัดอีกรอบ เพราะประตูเปิดปุ๊บมันก็รีบพุ่งเข้ามาทันที


         “กระเป๋าฉันอยู่ไหน” 


         มาถึงแทนที่มันจะขอโทษผมที่เข้ามารบกวน และกลับดึกไม่บอกไม่กล่าวแต่กลับมาถามว่ากระเป๋ามันอยู่ไหน ผมชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้า เจ้าหมีบ้านี่ก็รีบพุ่งไปที่ตู้ทันที


         “ทำไมถึงกลับดึกวันนี้ แล้วทำไมถึงไม่ไปตามนัดว่ะ” ผมถามเจ้าหมีบ้าพลังที่ตอนนี้มันกำลังก้มหน้าก้มตาเก็บของใส่กระเป๋าโดยไม่สนใจเจ้าของห้องอย่างผมสักนิด


         “แล้วแกชนะไหมหละ”


         “ไม่น่าถาม” ได้ทีอย่างนี้ผมคุยทับทันทีพร้อมกับเปิดสวิทซ์ไฟ แล้วเดินกลับมานั่งที่เตียง


         “ปาร์คยูชอนซะอย่างแพ้เป็นที่ไหน”


         “ขี้คุย” ดูมันพูดแทนที่จะให้กำลังใจเพื่อนกลับมาซ้ำเติมกันได้


         “ปากหรอนั้น...ฉันระดับไหนแล้วไอ้ยุน แล้วนี่แกจะเก็บเสื้อผ้าไปไหนอีก” ผมลองถามคนที่กำลังตั้งใจเก็บของอย่างบ้าคลั่งดูอีกครั้งเผื่อได้คำตอบที่ดีกว่าเดิมอีกสักนิด



         “กลับบ้าน”


         “กลับบ้าน...บ้านไหนของแก..อย่างบอกนะว่าแกจะกลับกวางจูแล้วเนื่ย”


         “บ้านแกดิ...ฉันจะกลับบ้านที่รักของฉันเว้ย...”


         “ที่รักของแก....ใครว่ะ....แกพูดอะไรของแกนี่ยฉันงงไปหมดแล้วนะเว้ย...แกดื่มมาหรือเปล่าว่ะ” 


         ผมพูดพร้อมกับเดินไปดมกลิ่นที่ตัวไอ้เพื่อนตัวดีผมทันที ที่ตอนนี้มันเก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วเตรียมตัวจะไปจากห้องผมด้วยท่าทางร่าเริงสุด ๆ 


         ทั้งที่ 2 – 3 อาทิตย์ก่อนที่มันมาอยู่ห้องผมบ้างกลับไปที่บ้านนั้นบ้างยังกับผีดิบเดินได้ ไม่เป็นอันกินอันนอนแต่ตอนนี้ มันเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับเมื่อตอนเย็นที่หลังจากผมวิ่งตามเจ้าตัวเล็กของผมซะทั่วแล้วไม่เจอจนกลับมาหาไอ้เพื่อนบ้าที่ห้องสมุดแต่กลับไม่เจอใครเลย จนต้องรีบไปแข่งรถแก้มือให้พี่คังอินคนเดียวเพราะโดนพี่เขามาลากตัวไปถึงที่



         “ฉันไม่ได้ดื่มสักหยด... ไม่ต้องห่วงสติสัมปะชัญญะครบถ้วน ไปนะ” พูดเสร็จมันก็คว้ากระเป๋าเดินตัวปลิวไปทันที ทิ้งให้ผมนั่งกุมขมับกับความผีเข้าผีออกของมันอยู่คนเดียว


         “ไปแล้วไปลับนะไอ้เพื่อนเวร...” ผมแอบอวยพรให้มันพร้อมกับปิดไฟและล้มตัวนอนอย่างหงุดหงิด พร้อมจับจี้ปลาโลมาที่คอพร้อมกับคิดถึงจุนจังวัยเด็กในความทรงจำของผม

         “ปานนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างนะจุนจัง ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะผิดสัญญานะ แต่ตอนนั้นฉันยังเด็กและเลือกไม่ได้จริง ๆ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันก็จะลองพยายามมากกว่านี้เพื่อจะได้กลับไปอยู่กับเธออีกครั้งเราจะได้ไม่ต้องจากกันเหมือนวันนี้”



         ................


         .........................



         .......................................



         “นี่จุนจังเป็นอะไรไปอ่ะ ผมเห็นพี่หน้ามุ้ยมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ”


         “เงียบปากไปเลยไอ้เด็กบ้า แล้วหยุดเรียกฉันว่าจุนจังสักที...ฉันไม่ชอบ” 


         ผมที่กำลังอารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องบ้า ๆ เมื่อวานนี้ พร้อมทั้งหงุดหงิดที่เมื่อวานอุตส่าห์วิ่งไปหาน้ำหายาและน้ำแข็งเพื่อนำไม่ประคบเท้านางฟ้า...แต่พอกลับไปหาแล้วนางฟ้าก็หายไป ยังไม่ทันได้รู้ชื่อเลย


            “ทำไมผมจะเรียกไม่ได้ก็พ่อแม่พี่เรียกพี่มาอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก ผมก็เรียกตามคุณลุงคุณป้ามาตลอด ก็เรียกได้นิ แต่ทำไมวันนี้เรียกไม่ได้หละ”


         “ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่ต้องมาเซ้าซี้มากน่า” ผมบอกอย่างรำคาญ


         “ผมยังไม่เอาผิดกับพี่เรื่องเมื่อวานที่พี่ทิ้งหนังสือ แล้วแอบหนีกลับบ้านคนเดียวไม่อยู่ช่วยทำรายงานเลยนะ”



         “นั้นมันเรื่องของฉันว่า แต่ว่าวันนี้ซึงรีไปไปไหนเนี่ยป่านนี้โรงเรียนจะเข้าแล้วทำไมยังไม่มาสักที” 


         ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้ไอ้เด็กนี่มันบ่นน่ารำคาญเกี่ยวกับเรื่องรายงานที่มันก็น่าจะรู้อยู่ว่ายังไงมันก็ต้องทำคนเดียวแล้วจะมาบ่นผมให้มันได้อะไรขึ้นมา


         “ไม่รู้สิเมื่อวานไม่เห็นพูดอะไรเลย อยู่ทำรายงานกับผมจนดึก แล้วอยู่ ๆ ก็มีโทรศัพท์ลึกลับโทรเข้ามาหลังจากนั้นไม่ถึง 10 นาที ก็มีรถสปอร์ตสีดำคันใหญ่ขับมายังกับพายุ ฝุ่นเงี้ย...ตลบเลย แล้วซึงรีก็หายไปพร้อมกับรถคันนั้นแหละ”



         “เล่าซะเวอร์....ถามนิดเดียว นายนี่ช่างสังเกตุซะจริง”


         “แน่นอนอยู่แล้วเพราะนั้นเป็นพรสวรรค์ของผม”


         “ถ่อมตัวบ้างก็ได้ ไอ้เด็กขี้คุย” ผมยังอดแว๊ดใส่เจ้าเด็กบ้าเนี่ยไม่ได้สักที ตั้งแต่เล็กจนโตเลยสิน่า... ที่เจ้านี่คอยกวนประสาทผมบ่อย ๆ 


         “แล้วตกลงพี่จะไม่บอกใช่ไหมว่าพี่หายไปไหนมาเมื่อวาน” ผมอุตส่าห์วกไปเรื่องอื่นเจ้านี่ยังจะพยายามแวะกลับมาเรื่องเดิมอีกจนได้


         “บอกแล้วไงช่างเมื่อเถอะ...แล้วไม่เตรียมตัวเรียนหรือไงหละ...อาจารย์จะเข้าแล้ว” ผมรีบไล่เจ้าเด็กจุ้นจ้านนี่ไปนั่งที่ทันทีด้วยความหมั่นไส้


         “เอาเถอะ...เอาเถอะไม่บอกก็ไม่เป็นไรเพราะเดี๋ยวพี่ก็อกแตกตายเองแหละ เพราะทนเก็บความลับนั้นไม่ไหว  ยังไงซะผมก็รู้จักนิสัยจุนจังดีที่สุด”


         “ภูมิใจไปเถอะ แล้วนายจะผิดหวัง...ไปเรียนไป่....” ผมรีบไล่เจ้าตัวยุ่งไปทันทีอย่ารำคาญ พอถึงช่วงพักกลางวันผมจำต้องมานั่งกินข้าวพร้อมชางมินอีกครั้ง


         “จุนจังไข่ม้วนไม่กินผมขอนะ” พูดเสร็จเจ้าตัวดีนี่ก็คีบไข่ม้วนแสนอร่อยจากถาดอาหารผมเข้าปากทันที โดนไม่รอให้ผมอนุญาต



         “ฉันให้นายตั้งแต่เมื่อไร ไอ้เด็กตระกละ” ผมจ้องหน้าเจ้าจอมเขมิบอย่างเอาเป็นเอาตาย รู้ ๆ ก็รู้ว่าผมชอบไข่ม้วนที่สุดจะเก็บเอาไว้กินทีหลังกลับมาแย่งกินได้หน้าตาเฉย


         “จุนจังไม่น่ารักเลยเป็นพี่ต้องเสียสละให้น้องสิ” 


         ดูมันยังทำเป็นพูดทีอย่างนี้ยกให้ผมเป็นพี่ ทั้ง ๆ ที่ปกติชอบเห็นผมเด็กกว่ามันยู่เรื่อย ข่มผมตลอดอย่างให้สูงบ้างแล้วกันไอ้เด็กโย่ง ผมได้แต่ทำปากขมุบขมิบด่าเจ้าเด็กแสบในใจ 



         ระหว่างที่ด่าแช่งเจ้านี้อยู่ ก็ได้มีวัตถุประหลาดสีเหลืองนวลมาวางแหมะอยู่ที่ถ้วยข้าวของผม...ไข่ม้วน..ของใครอ่ะ...ผมหันไปหาคำตอบทันที ปรากฎเป็นร่างหนุ่มหน้าผากกว้างผมหยักศก รอยยิ้มบาดใจสาว ปาร์คยูชอน มานั่งยิ้มแฉ่งอยู่ข้างผม



         “ไม่กินซะหละ เดี๋ยวก็โดนแย่งอีกหรอก”


         ผมได้แต่มองไข่ม้วนในถ้วยกับหน้ายูชอนสลับไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ถึงแม้จะดีใจแต่ความรู้สึกข้างในก็บอกผมว่าไม่ควรรับของจากคนนี้ง่าย ๆ ถึงแม้จะเป็นแค่ไข่ม้วนก็ตาม 



         ผมวางตะเกียบลงบนถาดทันทีพร้มกับหยิบช้อนมาวางคู่กัน เป็นท่าทางที่บ่งบอกว่าอิ่มแล้ว ยกน้ำขึ้นมาดื่มแล้วเตรียมตัวยกถาดอาหารไปเก็บที่วางจานชามทันที แต่ก็มีมือปริศนาจับผมไว้



         “คุยกันสักเดี๋ยวไม่ได้หรอ ทำไมนายถึงต้องหลบหน้าฉันตลอดเลย” ผมพยายามไม่มองหน้าตอบเพราะกลัวใจตัวเองเหลือเกินที่มันกำลังสั่นเพราะคน ๆ นี้อีกแล้ว



         “รุ่นพี่มีอะไรจะใช้ผมหรอครับ แต่พอดีช่วงบ่ายผมไม่ว่างมีกิจกรรมที่ห้องคงต้องขอตัว ไปกันเถอะชางมิน” ผมรีบบ่ายเบี่ยงเพราะยังทำใจไม่ได้กับหลาย ๆ เรื่องและยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากันจริง ๆ จึงได้แต่หาทางเลี่ยงโดยใช้ชางมินเป็นโล่ห์



         “กิจกรรมอะไร..ทำไมฉันจำไม่เห็นได้เลยจุนซูว่าช่วงบ่ายนี้มีงาน จำได้แต่บ่ายนี้ว่างเพราะอาจารย์ให้แยกย้ายกันไปทำรายงานต่อซึ่งกลุ่มเราก็ทำเสร็จตั้งนานแล้ว” 



         ชางมินตอบผมหน้าตายแถมยังก้มหน้าก้มตากินต่ออย่างไม่สนใจ ไอ้เด็กนรกบทจะซื่อก็ทำเป็นซื่อจนน่าหมั่นไส้อย่าให้พ่อรู้ว่าแกล้งกันนะ พ่อจะจับเจ้ามังดุลลูกแกใช้ชยากี้ฉันขย้ำให้ดู



         “งั้นก็ดีเลย ถ้าอย่างนั้นพี่ของยืมตัวเพื่อนนายสักเดี๋ยวนะ ส่วนถาดพวกนี้ฝากนายด้วยนะ อาหารในถาดพี่ยังไม่ได้กินเลยพอดีพี่ไม่ค่อยชอบสักเท่าไรฝากนายด้วยแล้วกัน เออ...แล้วพอดีพี่ได้บัตรขนมร้านตรงนั้นมาฟรีตั้งหลายใบ แต่พี่ก็ไม่ค่อยชอบกินของหวานด้วยสิ เอาเป็นว่าพี่ให้นายหมดเลยแล้วกันฝากด้วยนะ”


         เสร็จจากการฝากฝั่งอาหารและชี้บอกแหล่งขุมทรัพย์ขนมหวานให้เจ้าจอมตระกละชางมินที่ขายพี่เพียงเพื่อแลกกับอาหารเรียบร้อยแล้ว ยูชอนก็ลากผมมาทางศาลาริมน้ำทันที พอถึงที่ผมก็สะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมทันที



         “รุ่นพี่มีธุระอะไรพูดมาดีกว่า”


         “เออ...คือ..ว่า...คือ...จะเริ่มต้นยังไงดีหละ”



         “คืออะไรหละครับที่อยากจะพูด” ผมเอียงคอมอง แล้วถามอย่างสงสัย



         “คือว่านายมีพี่สาวไหม” ที่นายลากฉันมาตั้งนานเพื่อถามแค่นี้หรอยูชอนแอบดีใจแทบตายว่านายจำฉันได้ ที่แท้ก็หวังหม้อพี่สาวฉันหวังเก็บแต้มหรือไงกัน



         “ไม่มี” ผมตอบฮ้วน ๆ กลับไป



         “น้องสาวหละ”



         “ไม่มี”


         “ไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ ก็ได้แต่เป็นญาติที่หน้าตาคล้าย ๆ นายที่เป็นผู้หญิงไม่มีบ้างเลยหรอ”


         “ไม่มี.. ไม่มี ...ไม่มี.. พอใจยังครับถ้าต้องการถามแค่นี้ผมขอตัว” ผมเตรียมจะเดินหนีทันที แต่ยูชอนก็ขวางเอาไว้



         “อย่าพึ่งโมโหสิฉันแค่อยากรู้นิดหน่อยเอง ใจร้อนไปได้ ว่าแต่ไม่มีจริง ๆ หรอ” ผมหันไปมองตาขวาง


         “มีก็ได้ครับถ้ารุ่นพี่อยากรู้มาก คงมีอยู่คนหนึ่ง หน้าตาเหมือนผมมาก เป็นผู้หญิงเหมือนที่รุ่นพี่ต้องการ” ยูชอนทำท่าดีใจทำตาโตอย่างยินดีกับคำตอบที่ได้ฟัง พร้อมทั้งยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอย่างต้องการฟังคำตอบ



         “แม่ผมอย่างไงหละครับหน้าเหมือนผมมากๆๆ จนแทบจะแยกกันไม่ออก พอใจยังครับ” พอให้ฟังคำตอบยูชอนถึงกับหุบยิ้มทันที ซึ่งท่าทีผิดหวังนั้นทำให้ผมอดยิ้มย่องในใจเสียไม่ได้ 



         “ถ้าต้องการคำตอบเพียงแค่นี้ผมขอตัวนะครับ” ผมตั้งท่าจะเดินหนีอีกครั้ง แต่แปลกที่คราวนี้ไม่ยักห้าม อีกทั้งยังนั่งนิ่งทำหน้าซึมดูน่าสงสารอีก ไอ้ผมก็ใจอ่อนเสียด้วยสิ ผมตัดสินใจนั่งลงข้างทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้




         “ไม่ไปแล้วหรอ”



         “อืม...เดินมาไกลเมื่อย..ว่าจะนั่งพักก่อนค่อยไป” ผมที่ยังคงทำเป็นสนใจวิวรอบตัวอ่อมแอ้มตอบไป แล้วความเงียบก็เริ่มเข้าปกคลุม



         “นายเคยมีรักแรกไหม” คนที่เงียบตั้งนานอยู่ ๆ ก็ถามขึ้น



         “เคย ถามทำไม?”


         “ตอนอายุเท่าไร?”


         “จำไม่ค่อยได้ 6-7 ขวบมั้ง”


         “แก่แดด...ตัวเท่านั้นริมีความรักและ” ผมหันขวับกลับไปมองตาเขียวทันที ทำไมเด็กไม่มีหัวใจรึไงฟ่ะ



         “แล้วรุ่นพี่หละตอนอายุเท่าไร?” ผมถามกลับไปบ้าง


         “หมายถึงอะไรเสียเวอร์จิ้น นะหรอตั้งแต่อายุ 14” หันมาตอบผมหน้าตาเฉย



         “จะบ้าหรอเรื่องนั้นใครเขาจะอยารู้กัน ผมถามแบบนั้นซะเมื่อไร” ผมหน้าแดงกับคำตอบบ้า ๆ นั้นทันที



         “อ้าวนึกว่าถามถึงเรื่องนั้น ก็ประมาณตอน 6-7 ขวบพอกันแหละ”



         “โธ่...ทำมาพูดแก่แดดเหมือนกันแหละ แวะ... ว่าแต่พูดจริงหรอที่เสียเวอร์จิ้นตอนที่ 14” ถึงน่าอายแต่มันก็อดสงสัยไม่ได้จริง ๆ นิหน่าเล่นพูดเปิดช่องให้คิดแบบนั้น



         “จะบ้าหรอ...ล้อเล่นน่า...”




         “จริงอ่ะ แล้วตกลงตอนอายุเท่าไร”(ไหนว่าไม่อยากรู้ไงจุนจัง ยัง...ยังจะไม่เลิกนะ)



         “เป็นความลับไว้นายมาเป็นแฟนฉันก่อนสิแล้วจะบอก” ยูชอนยิ้มให้ผมอย่างเจ้าเล่ห์



         “ฝันไปเถอะ..ไม่อยากรู้ก็ได้ เชอะ..” ผมสะบัดหน้าหนี้รอยยิ้มขบขันเหมือนเห็นผมเป็นตัวตลกของคนตรงหน้า แล้วลุกขึ้นทันที


         “เดี๋ยวสิคุยกับนายสนุกจะตาย จะรีบไปไหนซะแล้วหละ”


         “หายเมื่อยแล้วจะกลับห้องเรียน”



         “ไม่มีเรียนไม่ใช่หรอ...นั่งเล่นเป็นเพื่อนกันก่อนสิ......เหงา” ผมหูฝาดหรือเปล่าคนอย่างปาร์คยูชอนนะเหงาบ้าไปแล้วข่าวว่าตานี่เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ชอบสังสรรค์เข้าสังคมที่สุดจะเหงา...ไม่น่าเชื่อ ผมมองอย่างอึ้ง ๆ 



         “ทำไม..นายไม่เชื่อหรอ” ผมพยักหน้าแทนคำตอบ



         “คนเรายิ่งมีคนเข้ามารุมล้อมมากเท่าไรก็ยิ่งเหงานะ” ผมส่ายหัวไม่เข้าใจกับคำพูดนั้นสักเท่าไร


         “ฮ่าๆๆๆ ก็เพราะคนที่รุมล้อมไม่ใช่คนที่เราต้องการสักคน และก็ไม่ใช่คนที่จริงใจกับเราเลยสักคน แล้วแบบนี้ไม่เหงาหรอ?” ผมกลายเป็นคนถูกถามซะงั้น



         “คงงั้นมั้ง ปกติผมไม่ค่อยมีใครมารุมล้อมหรอก คนจริงใจหรือไม่จริงนั้นยิ่งไม่รู้ใหญ่ ชีวิตผมมีเพื่อนสนิทจริง ๆ ไม่กี่คนเอง อย่างชางมินถึงปากเสียชอบจิกกัดผมบ้าง ทำตัววุ่นวายเหมือนตัวเองเป็นพี่ผมบ้าง แต่ผมก็อดยอมรับไม่ได้ว่าถ้าหมอนี้จมน้ำตายตรงหน้าถึงว่ายน้ำไม่เป็นผมก็ไม่ลังเลที่จะไปช่วย” ยูชอนฟังแล้วพยักหน้าตามผมช้า ๆ 



         “แล้วถ้าเป็นฉันหละ ถ้าฉันจมน้ำบ้างนายจะลงไปช่วยไหม?”


         “ไม่..” ผมตอบทันควัน เป็นผลให้ยูชอนหน้าเจื่อนทันที



         “ก็พี่คงว่ายน้ำเป็น แล้วสาว ๆ ก็รอช่วยพี่อีกเป็นสิบ ทำไมผมถึงต้องยอมเปลืองตัวโดนลงไปช่วยด้วยหละ”



         “น่าน้อยใจชะมัด..ไอ้เราก็อยากให้ช่วย” ยูชอนทำน้าผิดหวังพูดเสียงอ้อมแอ้มในลำคอ


         “รุ่นพี่ว่าอะไรนะ ผมได้ยินไม่ถนัดอ่ะ”



         “ช่างมันเถอะ..นายมันคนใจดำ คนตกน้ำตรงหน้าก็ไม่คิดช่วย”


         “รุ่นพี่ป่วยหรือเปล่าเนี่ย เรื่องสมมุติทำเป็นจริงจังไปได้”



         “แล้วท่ามันเกิดขึ้นจริงหละ นายจะไมช่วยฉันจริง ๆ หรอ” คนที่พูดแย่เล่นตอนแรกกลับมีท่าทีโมโหขึ้นมาเสียจนผมตกใจ



         “แล้วจะมาเสียงดังใส่ผมทำไมหละ แค่เรื่องสมมุติ ตกใจหมด” ผมเสียงดังใส่บ้าง พลางเอามือลูบหน้าอกอย่างปลอบขวัญตัวเอง


         “ถ้าอย่างนั้นให้มันเกิดขึ้นจริง ๆ เลยแล้วกัน” 


            ตูม.........พูดเสร็จก็กระโดดจากศาลาลงสระบัวเบื้องหน้าทันที เล่นเอาผมตกใจตาค้างทำอะไรไม่ถูก 


         “รุ่นพี่..ทำบ้าอะไรเนี่ย ขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ยูชอน ปาร์คยูชอนนนนน  ยูชอน” ผมร้องเรียกอย่างเสียขวัญเมื่อคนที่กระโดดลงไปผุบหายไปในสายน้ำไม่มีทีท่าว่าจะโผ่ขึ้นมาสักที


         “ยูชอนอย่าเล่นอะไรบ้า ๆ แบบนี้นะ ฉันไม่ขำด้วยนะ ยูชอนนายยังไม่มาชดใช้คำสัญญาของฉันเลยนะ ปาร์คยูชอน” 



         ผมที่ลังเลในตอนแรกว่ายูชอนคงจะแกล้งผมเล่น แต่โดดลงไปนานขนาดนั้นไม่โผ่ขึ้นมาสักที คงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้วแหละ ผมจึงรีบถอดเสื้อสูท แล้วเนคไทค์ออกทันที
    เหลือแต่เสื้อเชิ้ตสีขาวข้างใน แล้วกระโดดลงไปเพื่อหวังช่วยยูชอนทันที



             ......... ตูม.....




         “ยูชอน ปาร์คยูชอน...นายอยู่ไหนอ่า.... อย่าเล่นแบบนี้นะ...” 


         ผมดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำ ทั้ง ๆ ที่ลืมไปว่า...ตัวเองนั้นว่ายน้ำไม่เป็น และแล้วความกลัวในวัยเด็กของผมผุดขึ้นมาในหัวทันที เหตุการณ์ที่ผมพบกับยูชอนครั้งแรก 


         ตอนผมถูกเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนแกล้งที่ไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อม ๆ กับเพื่อน เพราะอายเนื่องจาไม่ชินที่ต้องทำอะไรพร้อมคนจำนวนมาก เพราะผมถูกพ่อแม่ และย่าเลื้ยงมาเหมือนเด็กผู้หญิง จนได้โดนแกล้งเอากระเป๋าไปทิ้งในสระว่ายน้ำตอนเลิกเรียน



         แล้วตอนนั้นเองที่ผมเกือบจมน้ำตายเพราะต้องการไปเก็บกระเป๋าทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็น จนได้เจอกับยูชอนที่เข้ามาช่วยผมไว้ได้ทัน ผมคิดย้อนถึงภาพ ๆ นั้นในขณะที่ตัวผมเองตอนนี้กำลังสำลักน้ำ แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหนักขึ้น หนักขึ้นทุกทีกำลังจะจมลงไปยังก้นบึงของสระ ไม่ต่างจากวันนี้เลยสักนิด ก่อนที่สติของผมจะดับไป




    ************************************


          กำลังเปิดเผยอดีตของ 2 คนนี้ทีละนิดแล้วนะเนี่ย ตอนนี้ยูซูทั้งตอนเลยนะหวังว่า สาวกยูซูคงพอชื่นใจกันหลังจากที่ไรท์เตอร์ทำให้รอมา 2 ตอน ส่วนใครที่หมั่นไส้ยุนที่มารู้ตัวช้า แต่พอแน่ใจทีก็รุกซะแจจ๋าเราตั้งตัวไม่ทัน ตอนหน้าได้กรี๊ดกร๊าดกันต่อแน่นอนเพราะยุนจะเริ่มปฏิบัติการเปลี่ยนแจจ๋าให้มาเป็นเคะของตัวเอง แม้แจจะไม่สมยอมก็ตามงานนี้ต้องคอยดูกันต่อไป.... ไปแระ....
         
           
           
           
           
         
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×