คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : วางแผน
Chapter 12
**************************
“พวกนายออกไปได้แล้ว เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง”
“ครับ/ครับ นายน้อย”
หลังจากที่ผมสั่งให้พวกลูกน้องของป๊าผมออกไปจนหมดแล้ว ก็กลับมาสนใจกับถุงผ้าขนาดใหญ่ ที่มีสิ่งมีชีวิตที่ผมกำลังอยากได้อยู่ในตอนนี้ดิ้นขลุกขลักอยู่ข้างใน กว่าจะหาทางจับมาได้โดยที่ไม่ทำให้ใครแตกตื่นหรือล่วงรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ก็ต้องหาจังหวะแทบแย่
ทั้งที่เมื่อก่อนอยากได้อะไรหรือว่าใครแค่กระดิกนิ้วนิดเดียวก็มีคนหามาให้หรือเจ้าตัวรีบวิ่งเข้ามาหาเองแบบผมเองยังตั้งตัวไม่ทัน แต่นี่เจ้าตัวเล็กที่อยู่ในถุงนี้กลับไม่ใช่ ตอนแรกเห็นทำตัวหงิม ๆ เหมือนเด็กว่าง่าย แต่พอเผลอกลับคิดหนีผมซะงั้น ไว้ใจไม่ได้เลย ผมชอบอะไรที่มันท้าทายเสียด้วยสิ อะไรที่มันได้มายาก ๆ ถึงจะตื่นเต้น หึ หึ หึ ....
ผมเดินเข้าไปใกล้แล้วนั่งย่อขาข้าง ๆ ถุงผ้า ใช้นิ้วจิ้ม ๆ ดูหวังให้สิ่งที่อยู่ในนั้นหยุดดิ้นซะที เพราะตอนแรกตั้งแต่เอาขึ้นรถมาก็เห็นไม่กระดุกกระดิกจะผมคิดว่าขาดอากาศหายใจตายหรือเปล่า เพราะก่อนที่จับใส่ถุงผมใช้แค่ยาสลบชนิดอ่อน ๆ เองไม่น่าจะสลบนานขนาดนี้ เลยสั่งให้คนขับรถขับเร็วกว่าเดิมเพื่อให้ถึงที่คอนโดเร็ว ๆ
แต่ที่ไหนได้พออุ้มเข้าห้องมาวางไว้แล้วเห็นว่าเงียบไม่มีคนเข้าหน่อย เจ้านี้กลับดิ้นดุ๊กดิกกว่าตอนที่จะใส่ถุงอุ้มมาเสียอีก ที่แท้ก็หาจังหวะหนีนี่เองชักประมาณไม่ได้แล้วสิ
“ดิ้นให้ตายก็ออกมาจากถุงไม่ได้หรอก ทางที่เป็นเด็กดีว่าง่าย ๆ เหมือนตอนแรกไม่ดีกว่าหรอ แพนด้าน้อย”
“คุณจับผมมาทำไม?”
“ไม่น่าถามน้า.... นายสัญญาอะไรไว้กับฉันลืมแล้วหรอ ต้องให้ทวนความจำให้ไหม?” ผมทำเสียงเข้ม ขู่เจ้าแพนด้าน้อยในถุง
“มะ..ไม่..ต้องครับรุ่นพี่ ผมขอโทษครับ” เสียงแพนด้าน้อยสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ขอโทษแล้วนายคิดเบี้ยวฉันอย่างนั้นหรอ ของที่นายอยากได้ฉันก็ให้คนเอาไปให้ถึงที่แล้ว เรื่องราวของนายกับเพื่อนก็เก็บเป็นความลับเงียบสนิท ทุกอย่างเป็นไปตามที่นายต้องการ แล้วทำไมถึงผิดสัญญา..”
ผมเค้นถามเสียงดุดันกว่าเดิม ก็เจ้าเด็กนี่กล้าดียังไงคิดเบี้ยวคนอย่างผม ปล่อยให้ผมรอตั้งเป็นชั่วโมง เกิดมาผมเคยรอให้นานขนาดนี้ซะที่ไหน ส่วนมากสาว ๆ ที่ผมคบด้วยถ้าช้าเกินสิบนาทีถึงชอบแค่ไหนก็เป็นอันจบกัน ผมไม่เคยแคร์อยู่แล้ว
แต่นี่เจ้าเด็กนี่กลับคิดหนีผมโดยใช้เพื่อนบังหน้าเพราะคงคิดว่า ผมจะไม่กล้าทำอะไรเด็กหนอเด็ก... ถ้าผมอยากได้ต่อให้ต้องไปกระชากมาต่อหน้ามีหรอว่าผมจะไม่กล้าทำ แต่ที่เลือกจับมาแบบเงียบ ๆ แบบนี้เพราะไม่อยากให้วุ่นวายต่างหาก
แม้ผมจะรู้สึกถูกชะตาและชอบใจเจ้าเด็กนี่สักเท่าไร ผมก็ไม่ตัดทางตัวเองให้มีข่าวลือเสียง ๆ หาย ๆ เล่นหรอกสายพ่อผมเยอะจะตายที่ผมเปลี่ยนคู่ควงบ่อย ๆ เล่นกับคนนู้นทีคนนี้ทีเพราะไม่อยากจะจริงจังกับใครให้ลำบากมาเป็นจุดอ่อนทำลายตัวผมเองต่างหาก
เพราะถ้าพ่อผมรู้จะต้องรีบเร่งรัดผมเร็วกว่าเดิมแน่นอน เผลอ ๆ อาจไม่รอให้ผมเรียนจบตามที่สัญญากันไว้เป็นแน่ เพราะฉะนั้น การที่จะเอาแพนด้าตัวนี้มาเลี้ยงไว้ให้นานที่สุดคงจะต้องแอบ ๆ เลี้ยงให้มันเชื่องและเชื่อฟังคนแค่คนเดียวก่อนจะดีกว่า ที่พ่อผมจะเข้ามาวุ่นวาย
“ผม...ผม...ฮึก..ฮึก” เจ้านี่พอตะคอกหน่อยก็ลนลานจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว เห็น ๆ อยู่ว่ากลัวผมแค่ไหน แต่ก็ยังจะกล้าหนีช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจอยากจริง ๆ
“จะร้องทำไม ฉันทำอะไรนายหรือยัง” ผมยังคงเสียงเข้มถามออกไป
“ฮึก...ฮึก..ฮึก..”
“ยังจะร้องอีก”
“ผม...ผม...ฮึก.. ฮึก..หาย...ฮึก...ใจ..ฮึก..ไม่ออก” เจ้าแพนด้าในถุงก็ยังสะอื้นต่อไป
“แล้วทำไมไม่รีบบอก”
รีบจัดแจงแก้มัดปากถุงออกทันที เพราะกลัวเจ้านี่จะขาดอากาศหายใจตายจริง ๆ สภาพเจ้าแพนด้าดูแทบไม่ได้ ผมเพร่ายุ่งเยิงเสื้อผ้ายับเยินไปหมด(ใครหละที่ทำ ชริ../คนที่คุณรู้ว่าใคร) น้ำตาหน่วยน้อย ๆ เอ่อชื้นขึ้นมาบนตาเรียวเล็ก เจ้าแพนด้ารีบหอบเอาอากาศเข้าปอดจนตัวโยนหน้าแดงกล่ำ ผมเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้
“ไหวไหม?”
“ผม..แฮ่ก ๆ ..ไม่เป็นไร...แฮ่ก ๆ แค่หายใจไม่ทัน “
เจ้าตัวเล็กตอบกระท่อนกระแท่น ผมเอามือลูบหลังเจ้าแพนด้าหลังจากเห็นว่าเริ่มกอบเอาลมหายใจเข้าปอดแทบไม่ทันและยังปรับลมหายใจให้เป็นปกติไม่ได้สักที สงสัย... ผมจะแกล้งให้อยู่ในถุงนานไป
“นายหายใจไม่ออกตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่ดิ้นหรือส่งสัญญาบอก”
ผมยังคงถามเสียงดุเพราะรู้สึกขัดใจเจ้าเด็กดื้อเงียบนี่จริง ๆ เป็นอะไรก็ไม่ยอมพูดยอมบอกดี ๆ สักทีต้องให้ขู่เข็นกันตลอด
“ผม...ดิ้นแล้ว...แต่มันออก....มาไม่ได้สักที....” ก็แหงแหละเด็กโง่...ฉันไม่ได้เปิดปากถุงแล้วนายจะออกมาได้ยังไง(แล้วแกจะถามเพื่อ...)
“ให้ฉันช่วยไหม?” ผมมองหน้าเจ้าตัวน้อยที่ยังคงหอบอยู่ หรี่ตาถามอย่างเจ้าเล่ห์
“ไม่ต้อง...ครับ...เดี๋ยวก็ดีขะ....อุ๊บ” ผมไม่รอให้ตอบประโยคปฎิเสธเสร็จ ก็รีบช่วยในแบบวิธีของผมทันทีซึ่งพวกคุณคงรู้ว่าผมทำอะไร หึ หึ หึ...
เจ้าแพนด้าน้อยดูตกใจมากที่อยู่ ๆ ผมก็ช่วงชิงการสูบรับลมหายใจของเจ้าตัวเอาหน้าตาเฉย ผมจับหน้าเจ้าตัวเล็กเงยขึ้นเพื่อปรับองศาให้ง่ายต่อการช่วยควบคุมลมหายใจ
แล้วก็เป็นไปตามคาดเจ้าตัวเล็กดูเหมือนจะโอนอ่อนผ่อนตามไปกลับผม จนตอนนี้สามารถควบคุมลมหายใจจนเป็นหนึ่งเดียวกับผมได้แล้ว ก็เริ่มพยศขึ้นมาทันทีโดนการทุบที่ต้นแขนผมเพื่อหวังจะทวงคืนอิสรภาพของตัวเอง และพยายามดิ้นหนี จนผมต้องใช้กำลังรวบแขนทั้งสองข้างของเจ้าเด็กดื้อไว้ไว้จนชิดอกแล้วจึงค่อย ๆ ถอนจูบออกมาอย่างเสียดาย
“จะดิ้นไปไหนหนักหนา” ผมเอ่ยอย่างขัดใจ ที่เจ้าแพนด้าตัวน้อยคิดจะมาพยศอะไรตอนนี้
“ก็รุ่นพี่ไม่ได้คิดช่วยผมจริง ๆ แต่แกล้งผมมากกว่า” พอหายเป็นปกติก็เริ่มแว๊ดใส่เลยนะ ตกลงเจ้าแพนด้าตัวนี้นิสัยยังไงกันแน่ ดื้อ เอาแต่ใจ หรือหัวอ่อน เรียบร้อย ขี้กลัวกันแน่ผมชักไม่แน่ใจซะแล้ว
“ฉันแกล้งนายยังไง ไหนอธิบายมาสิ” ผมแกล้งถามคนตรงหน้าที่ตอนนี้หน้าแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศอีก
“ก็..ก็..ตอนแรกรุ่นพี่ก็ช่วยผมอยู่หรอ แต่หลัง ๆ พอผมหายใจคล่องขึ้น ลิ้น..รุ่นพี่นั้นแหละแกล้งผม” พออธิบายเสร็จก็ก้มหน้างุด ๆ ทันที นายมันน่ารักน่าแกล้งซะจริง ๆ เลยแพนด้าน้อย
“โทษทีฉันลืมตัวไปหน่อย ในเมื่อนายหายแล้วก็เริ่มทำหน้าที่ตามที่สัญญาซะสิ” ผมลุกขึ้นปล่อยเจ้าแพนด้าที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่กลับพื้น เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์มากินแก้ร้อน เพราะอยู่ใกล้เจ้าแพนด้าตัวนี้นาน ๆ แล้วเลือดในกายผมร้อนวูบ ๆ ยังไงไม่รู้
“จะนั่งอยู่อีกนานไหม... จะทำไหมงานหนะ หรืออยากทำอย่างอื่นมากกว่าฉันก็ไม่ขัดนะ”
ผมแกล้งพูดยั่วคนที่คิดว่าตอนนี้ตัวเองเล่นเป็นรูปปั้นอยู่ แล้วก็ได้ผมเจ้าแพนด้าลุกพรวดขึ้นมาทันทีจนผมเองยังตกใจ แล้วมองซ้ายมองขวาวิ่งเลิกลักเข้าไปในส่วนของห้องนอนผมทันที ผมได้แต่มองตามงง ๆ กับท่าทีผีเข้าผีออกของเจ้าตัวเล็ก
เจ้านั้นหายเงียบเข้าไปในห้องจนผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าไอ้ที่เงียบเนี่ย แอบโดดหนีไปทางหน้าต่างหรือเปล่า ถึงเจ้าแพนด้าจะอยากหนียังไงคงไม่โง่ขนาดโดนหนีจากตึก 77 ชั้นเป็นแน่ และบังเอิญผมอยู่ชั้นที่ 77 เสียด้วยสิ ยิ่งไม่น่าโง่ทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นแน่ แต่ก็วางใจไม่ได้
สัญชาตญาณการดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดของเจ้านี่ออกจะแรงซะขนาดนั้น ผมจึงย่องเข้าไปดูในห้องระหว่างที่กำลังจะเอื้อมไปที่ลูกบิด อยู่ ๆ ประตูก็เปิดออก ผมตกใจแต่ต้องรักษาฟอร์มรีบเอามือล้องกระเป๋ามองนู้นนี่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าแพนด้าโผล่หัวออกมาจากประตูห้องมองผมอย่าสงสัย
“รุ่นพี่ฮะ ผมลืมถาม”
“อะไร?”
“เครื่องดูดฝุ่นอยู่ไหนฮะ ผมหาจนทั่วห้องแล้วไม่เห็นเจอเลย”
“อยู่ในห้องเก็บของ”
ชี้บอกทางเจ้าตัวเล็กไป เจ้านั้นพยักหน้ารับแล้วเดินตามทางที่ผมบอก ผมจึงเข้าห้องหมายเข้าไปอาบน้ำซะหน่อย แต่ระหว่างที่กำลังถอดเสื้อ อยู่ ๆ เจ้าแพนด้าก็วิ่งตึงตังเปิดประตูพรวดเข้ามาโดยที่ไม่เคาะก่อนจนผมตกใจ
“เฮ้ย...อะไรของนายอีก”
“ผมลืมถามรุ่นพี่ไปเรื่องหนึ่ง”
“อะไร” ผมเดินเข้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าขึ้นผาดบ่าอย่างไม่ใส่ใจ
“ผมต้องเป็นแม่บ้านให้รุ่นพี่ไปนานเท่าไร”
“ก็จนกว่าฉันจะพอใจ”
ตอบเสร็จผมก็เดินตรงไปห้องน้ำทันทีโดยที่ไม่คิดจะฟังคำทักท้วงของเจ้าตัวเล็กแต่อย่างใด เพราะยังไงซะผมก็ยังไม่มีโครงการปล่อยแพนด้าคืนสู่ป่าในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน
........
................
............................
ตอนนี้ถ้าเกิดมีเครื่องวัดความโกรธที่ผมมีกับให้หมีบ้านั้นแล้ว ปรอทที่วัดคงแตกเป็นจุนแน่นอนเพราะถ้าผมเจอเจ้านั้นตอนนี้ผมจะขย้ำให้จำสภาพศพไม่ได้เลยค่อยดู
ระหว่างที่ผมกำลังหงุดหงิดระบายกับลมกับฟ้า ไล่เตะก้อนหินยันกระป๋องเปล่าอยู่นั้น สายตาผมก็เหลือบไปเห็นมนุษย์หน้าหล่อร่างสูงขวัญใจสาวๆ หนุ่มๆ ในโรงเรียนผม ยืนหน้างอบอกบุญไม่รับอยู่ข้างรถสปอร์ตซีดาร์นคันหรู
ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้เพราะดูจากท่าทางการยืนเก๊กแบบคุณชายแบบนั้นแล้ว เชวชีวอน คุณพี่เขยของผมนั้นเอง สงสัยจะยังง้อฮีนิมไม่สำเร็จเป็นแน่โดยไม่ต้องสืบ
ทำไมผมรู้นะหรอก็ปกติสองคนนี้ตัวติดกันอย่างอะไรดี ถ้าคุณพี่เขยไปทำงานไม่ว่าง ฮีนิมของผมก็ต้องนั่งคุยโทรศัพท์กันทั้งวัน แต่พักนี้เห็นหาเรื่องชวนพี่ทึกกี้เที่ยวประจำเลย ถ้าวันไหนกลับบ้านเร็วก็จะมาวุ่นวายอยู่ในห้องผม ซึ่งมันทำให้ผมปวดหัวเป็นอย่างมาก
เพราะฮีนิมไม่ได้มาสิงสถิตอยู่แบบธรรมดาและเงียบๆ เสียที่ไหน เล่นขนเครื่องเล่นคาราโอเกะไมค์เมยพร้อม ของกินอีกต่างหากมาเปิดคอนเสิร์ตในห้องผมซะอย่างนั้น ผมจะไม่หัวเสียอะไรมากมายเลยถ้าเมื่อฮีนิมป่วนห้องผมเสียยับเยินแล้วช่วยกันเก็บ
นี่แกเล่นสะบัดบ๊อบกลับห้องหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กรรมมันเลยตกหนักที่ผมคนเดียวต้องมานั่งเก็บกวาด บางวันยังพาเพื่อนๆ มาอีกเปลี่ยนห้องผมเป็นสมาคมแม่บ้านซะอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นนั่งเม้าส์นินทาชาวบ้าน เสริมความงามมาร์สหน้าทำผม จัดแฟชั่นโชว์ชุดประหลาดๆ กันเต็มห้องผมไปหมด
แล้วตอนนั้นผมอยู่ไหนหรอ ผมก็กลายเป็นตุ๊กตาให้พวกพี่แกเล่นนะสิ จะกล้าหือหรอแต่ละคนระดับเจ้าแม่กันทั้งนั้น แค่ฮีนิมคนเดียวผมก็จะตายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเพื่อความอยู่รอดผมเลยต้องสงบปากสงบคำก้มหน้ารับกรรมที่ไม่ได้ก่อต่อไป
เพราะฉะนั้นเฮียวอน เฮียต้องรับผิดชอบกับบาปกรรมที่เฮียได้ก่อขึ้นกับผม คิดได้ดังนั้น ผมก็ตรงไปหาพี่เขยมาดคุณชายของผมทันที
“ว่ายังไงครับคุณพี่เขย หน้าบอกบุญไม่รับอย่างนี้ ถูกฮีนิมเมินมาอ่ะดิ”
“อ้าวแจจุงเพิ่งกลับหรอ” ก็ใช่ดิเฮีย...ไม่น่าถาม....ที่เห็นยังอยู่ในชุดนักเรียนเต็มยศถือกระเป๋าแบบนี้คงกลับมานานแล้วมั้ง ผมคิดแล้วเก็บไว้ในใจพร้อมส่งยิ้มหวานกลับไปให้
“ครับ...ว่าแต่พี่เขยเถอะเมื่อไรจะง้อฮีนิมได้ซะที ผมลำบากนะพี่”
“พี่ขอโทษนะที่ทำให้แจจุงเดือดร้อนไปด้วย” นั้น...พระเอกจริง ๆ พี่เขยผม
“ถ้าพี่อยากขอโทษผมจริง ๆ ช่วย รีบ ๆ ง้อฮีนิมให้สำเร็จซะที ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว” ผมบ่นอย่างหัวเสีย
“พี่ก็พยายามอยู่แต่ซินใจแข็งน่าดู พี่โทรไปก็ไม่เคยรับเลยสักครั้ง พี่พยายามไปดักเจอหน้าทุกที่ ที่ซินอยู่แล้วนี่ก็หลบหน้าพี่ตลอดเลย พี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเนี่ย สองสามวันมาเนี่ยพี่ก็ไม่ได้ไปทำงานเลยเพราะห่วงซิน”
พี่เขยเริ่มระบายใส่ผมเป็นชุด ซึ่งผมเห็นว่าท่าทางเรื่องนี้ต้องขยาย เราต้องปรับทุกข์กันอีกนานเป็นแน่ ผมจึงบอกเฮียแกให้รอผมอยู่ตรงนี้ก่อน แล้วผมจึงรีบเอากระเป๋าไปเก็บ พร้อมทั้งบอกอาปาว่าจะออกไปกับเฮียวอน ซึ่งถ้าเอาชื่อเฮียแกมาอ้างมีหรออาปาจะไม่ยอม ถึงแม้ว่าทุกวันนี้อาปาจะยังไม่รู้ว่าฮีนิมคบกับเฮียแกอยู่แต่อาปาก็ชอบเฮียวอนมั่กมาก เอาใจกันซะยิ่งกว่าลูกอย่างผมเสียอีก
ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าฮีนิมจะปิดอาปาทำไมว่าคบกับเฮียวอนแล้ว อาปาอยากได้เฮียแกมาเป็นลูกเขยใจจะขาดไม่มีทางห้ามหรือขัดขวางอยู่แล้ว หรือกลัวว่าอาปาจะหลงเฮียวอนมากกว่าตัวเองก็ไม่รู้
ผมเก็บกระเป๋าเสร็จก็รีบกลับไปที่รถคุณพี่เขย เพื่อจะได้ไปหาที่นั่งคุยกันตามภาษาลูกผู้ชาย(?)ทันที โดยไม่ได้สังเกตเลยว่ากำลังมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่
...................
..............................
.....................................
“นั้นมันแฟนนายนี่หว่า ไอ้ยุน”
“ใครว่ะ? ไม่เห็นเคยจำได้ว่าเคยมี” ผมที่กำลังหันหลังค้นหนังสือที่เบาะหลังรถของยูชอนอยู่ ตอบไปส่ง ๆ
“ก็หันมาดูดิว่ะ หวานใจแกไง คิมแจจุงอ่ะ” ตอนแรกผมก็ว่าจะไม่สนใจแต่พอได้ยินชื่อแจจุงขึ้นมามันกระตุกต่อมอยากรู้ของผมขึ้นมาทันที
“ไหน...”
“นั้นไง..กำลังขึ้นรถเฮียแกไปไหนก็ไม่รู้ งานนี่แกโดนสวมเขาหรอว่ะ”
ไอ้ยูชอนแซวผม ผมไม่น่าเล่าให้มันฟังเลยหลังจากนั่งรถกลับมาด้วยกันว่าผมเอาตัวรอดมาจากการโดนแก๊งค์เจ้าลูกแมวแกล้งมาได้ยังไง ถ้ารู้ว่า ว่าการแกล้งกลับเจ้านั้นมันทำให้ผมต้องมานั่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปด้วยอย่างนี้
“ไอ้บ้า... แจจุงไม่ใช่แฟนฉันซะหน่อยแล้วเขาจะไหนกลับเฮียวอนเกี่ยวกับฉันที่ไหนกันเล่า”
ผมตอบกลับมันไปพร้อมปั้นหน้านิ่งเหมือนไม่สนใจ แม้ในใจจะแอบสั่น ๆ ที่เห็นเจ้านั้นยิ้มอย่างน่ารักให้เฮียวอนแล้วก้าวขึ้นรถไปด้วยกันก็ตาม
“หรอ........” ยูชอนพูดลากเสียงอย่างจงใจจะล้อผม
“เอออ่ะดิ ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหนเลย” ผมยังตอบหน้านิ่งทำเป็นไม่สนใจ แล้วหันไปหยิบหนังสือเตรียมเปิดประตูออกจากรถ
“เดี๋ยว...”
“อะไรอีกหละ...ฉันจะไปทำไหมการบ้านหนะ”
“ที่แกหยิบไปหน่ะ หนังสือฉัน เอานี่ของแก...ไม่สนเขาจนหยิบผิดหยิบถูกเลยหรอว่ะ” ยูชอนยังแซวผมไม่เลิก แล้วเดินลงจากรถ
“พูดมาก..” ผมพูดตอกกลับไปเมื่อเห็นรอยยิ้มยียวนของมัน แล้วเดินนำเข้าไปในบ้านทันที
“ฉันเป็นเพื่อนแกมากี่ปีทำไมจะดูไม่ออกว่าแกสนใจเจ้านั้น ตั้งแต่เจอครั้งแรกที่สนามแข่งแล้ว” ยูชอนยังคงพูดแซวผมตลอดทางที่ขึ้นมาบนห้องด้วยกัน หลังจากเข้าไปทักทายลุงซูโรในครัวแล้ว
“ทำเป็นรู้ดี ฉันชอบผู้หญิงโว้ย...ไม่ต้องมายัดเยียดให้ฉันชอบเจ้านั้นเลย”
ผมพูดพร้อมกับโยนกระเป๋าและเสื้อตัวนอกไปไว้บนเตียง แล้วนั่งลงปลดเน็คไทค ยูชอนปิดประตูห้อง แล้วลากเก้าอี้ที่โต๊ะหนังสือมานั่งเผชิญหน้ากับผมที่นั่งอยู่บนเตียงพร้อมทั้งโยนกระเป๋าและหนังสือไว้ที่เดียวกัน
“แล้วไง...นี่มันสมัยไหนแล้วว่ะ ชอบผู้ชายด้วยกันแล้วมันผิดตรงไหนความรักมันเลือกได้หรอว่ะว่าต้องหญิงชายเท่านั้น ชายรักชายไม่มีสิทธิ์” อยู่ ๆ ไอ้ยูชอนก็ทำหน้าจริงจังขึ้นมาทันทีที่เริ่มต้นพูดเรื่องนี้
“ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ทำไมแกดูจริงจังเรื่องนี้จังว่ะ”
“เปล่าหรอก ฉันแค่คิดว่าถ้าหากว่าเราเกิดรักใครสักคนขึ้นมาจริง ๆ จำเป็นหรอที่ ที่คน คนนั้นจะต้องเป็นคนต่างเพศเท่านั้น ถึงเวลานั้นถ้าความรักความรู้สึกดี ๆ เกิดขึ้นมาจริง ๆ เราห้ามมันได้หรอ”
อยู่ ๆ กลับกลายมาเป็นผมที่ถูกถามกลับมาซะอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่เป็นผมต่างหากที่ต้องการอยากรู้จุดประสงค์ของมันที่อยู่ ๆ มายัดเยียดเจ้าแมวน้อยให้ผม
“ไม่รู้สิว่ะ ฉันไม่ใช่คนลึกซึ้งอย่างแกจะมาเข้าใจได้ยังไงเล่า”
“ฉันว่าแกอย่าปฏิเสธเลยว่ะว่าแกไม่ชอบเขา หลักฐานมันเห็น ๆ กันอยู่”
“หลักฐานอะไรของแก พูดมาดี ๆ ฉันทำอะไรที่ไหน”
“ก็ที่แกทำอยู่นี่ไง ที่แกตามตอแยเขา หาเรื่องเขา แล้วที่แกตะโกนบอกเขาเมื่อตอนเย็นอีก มันตะโกนบอกรักกันชัด ๆ”
ดูมันคิดไปได้ ผมแค่อยากจะแกล้งเจ้านั้นให้รู้เท่านั้นว่าไม่มีทางเอาชนะผมได้ ไอ้ตะโกนบอกรักมันใช่ที่ไหน ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยจริง...จริง(เน้นเสียงสูง) ถ้าไม่เชื่อขอให้ฟ้าผ่าไอ้ด่างตายเลยเอา
“บ้าไปกันใหญ่แล้ว.... ฉันแค่หาทางที่ไม่ให้เจ้านั้นใช้ฉันเป็นเบ้ตามที่พนันเท่านั้นเอง”
“จริงอ่ะ” ไอ้ยูชอนเริ่มเล่นเกมส์สอบสวนผมอีกแล้ว มันถามผมพร้อมกับมองจับผิดผมเต็มที่จนผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“เออดิว่ะ ไม่มีอะไรจริง ๆ แล้วการบ้านหนะจะทำไหม ถ้าไม่ทำก็กลับบ้านไปเลยไปรำคาญ”
ผมแกล้งทำเป็นโมโหกลบเกลือนเพื่อให้เจ้าเพื่อนตัวดีหยุดสร้างประเด็นอันน่าปวดหัวระหว่างผมกับแจจุงซะที เพราะยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นความจริง ยังไงผมก็ไม่มีทางไปหลงเสน่ห์เจ้านั้นแน่นอน
“เออหยุดก็ได้ แค่นี่ก็ทำมาเป็นโหโม” ผมลอบถอนหายใจที่เจ้าเพื่อนตัวดีนี่มันหยุดก่อกวนผมสักที จะได้รีบทำ ๆ การบ้านให้มันเสร็จ
ว่าแต่เจ้าแมวน้อยมันไม่คิดจะทำการบ้านเลยหรือไงถึงได้ออกไปลัลล้า...กับเฮียวอนได้ พรุ่งนี้ส่งอาจารย์ไม่ทันเดี๋ยวก็โดนทำโทษอีกหรอก แล้วลุงซูโรยังโกรธที่ไปแข่งรถอยู่ไม่ใช่หรอ ทำไมปล่อยไปอยู่กับเฮียวอนได้หละแล้วพี่สะใภ้ไปไหนทำไมปล่อยเฮียวอนไปกับเจ้าแมวน้อยสองต่อสอง
“เฮ้ย...ไอ้ยุนไหนบอกจะรีบทำการบ้านไงแล้วแกมัวเหมออะไรว่ะ” ยูชอนตบไหล่ผม จนผมที่กำลังคิดถึงเจ้าลูกแมวอยู่สะดุ้งอย่างตกใจ
“เออ..ฉันกำลังคิดอยู่นี่ไงว่าอาจารย์สั่งให้ทำหน้าไหนบ้าง เพราะไม่แน่ใจว่าตอนจดมาครบหรือเปล่า”
“แล้วไป ฉันนึกว่าแก กำลังนึกอยู่ว่าปานนี้เฮียวอนเอาที่รักของแกไปเล่นที่ไหน”
“ไอ้ยูชอน ถ้าขืนแกยังกวนฉันอักคำเดียวนะฉันถีบแกออกจากห้องแน่ ไม่เชื่อคอยดู”
“เออหยุดก็ได้ว่ะแค่นี่ก็ต้องรุนแรงกับเพื่อน” ยูชอนทำหน้างอ อย่างงอน ๆ กับผมแล้วหันไปหยิบหนังสือเตรียมตัวจะเริ่มทำการบ้านกันจริง ๆ ซะที
...........
.....................
............................
(ฮีนิมหรอ นี่เค้าเองนะ)
“มีอะไรของแก ไอ้แจทำไมยังไม่กลับบ้าน เดี๋ยวอาปาก็โกรธอีกหรอกคราวนี้ฉันไม่ช่วยแกแล้วจริง ๆ นะ”
ผมขู่เจ้าน้องชายตัวแสบของผมเสียงเขียว หลังที่ผมกลับมาจากการช็อปปิ้งกับอีทึกและซองมิน แล้วไม่เจอเจ้าตัวแสบที่ปกติต้องกลับมาทำตัวสงบเสงี่ยมอยู่ในห้องหลังจากโดนอาปาทำโทษ
ผมก็อุตส่าห์ซื้อเสื้อกลับมาฝากแต่ไม่เจอแม้แต่เงาเจ้าตัวแสบอยู่ในห้อง แม้แต่น้อยจะมีก็แต่กระเป๋าเป้ที่โยนส่ง ๆ อยู่บนเตียง ไปดูที่ห้องยุนโฮก็ไม่เจอ
จะเจอก็แต่เจ้ายูชอนยิ้มหวาน ซึ่งผมเจอเจ้านี่ทีไรมันมักจะส่งรอยยิ้มละลายใจสาว ๆ ให้ผมซะทุกที ซึ่งพี่ก็รู้นะว่าน้องไม่คิดอะไรแต่พี่ก็หวั่นไหวนะ คริ คริ คริ (กลับมา ๆ ฮีชอล)
อ๊ะ..ถึงไหนนะ...อ๋อใช่ ๆ หลังจากที่ผมหาที่ห้องยุนโฮแล้วไม่เจอผมจึงกลับเอาของมาไว้ที่ห้อง จนได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือผม พอดูชื่อที่โทรเข้าเป็นชื่อเจ้าแสบผมจึงรับทันที
(ฮีนิมมารับเค้าหน่อยสิ ตอนนี้เค้ากลับบ้านไม่ได้)
“เป็นอะไรของแกถึงกลับบ้านไม่ได้ แล้วตอนนี้แกอยู่ไหน” ผมถามหยั่งเชิงเจ้าน้องชายตัวแสบ ที่ลางสังหรณ์ผมมันบอกว่าเจ้าตัวยุ่งนี่กำลังจะนำเรื่องอันหน้าปวดหัวมาให้ผม
(เค้าอยู่คอนโดฯเฮียวอน ตอนนี้เฮียวอนเมามากเลยอ่ะ เค้าจะทำยังไงดี เฮียวอนเอาแต่เพ้อถึงฮีนิมไม่หยุดเลย กว่าเค้าจะลากกลับมาได้แทบตาย... ซินจ๋า...อึก..วอนผิดไปแล้ว....อย่าทิ้งวอนเลยน้า.....อึก... โอ้ย....เฮียผมไม่ใช่ฮีนิม ไม่ต้องมากอด...ผม... ฮีนิมได้ยินแล้วใช่ไหมมาด่วนเลยนะเค้าจะรับมือไม่ไหวแล้ว)
เจ้าตัวแสบชิงวางสายก่อนที่ผมจะซักไซ้ ว่าเจ้าแสบนั้นไปอยู่กับชีวอนได้ยังไง ถ้าอยากรู้คำตอบสงสัยจะต้องไปลากเจ้าตัวยุ่งที่คอนโดฯซีวอนแล้วจริง ๆ
แล้วที่ฟังจากเสียงซีวอนคงเมามากแล้วจริง ๆ ไม่งั้นคงไม่สติหลุดโวยวายเสียงดังแบบนั้นแน่ ๆ แล้วไอ้แจจุงมันจะสู้กรงทึกของเจ้านั้นไหวไหมเนี่ย ยิ่งคิดผมยิ่งรีบขับรถไปที่นั้นโดยเร็วที่สุด เกือบผ่าไฟแดงไปตั้งสองแยกแหนะ
พอมาถึงผมก็รีบกดลิฟต์ขึ้นไปที่ห้องซีวอนทันที ระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ผมก็พยายามโทรหาเจ้าตัวแสบ แต่เงียบสนิทแจจุงไม่ยอมรับสายผม ยิ่งเป็นแบบนี้ผมยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่ว่าเจ้าบ้าสองคนนั้นปานนี้จะเป็นยังไงบ้าง ไม่รู้ซีวอนจะเพี้ยนทำอะไรบ้า ๆ กับไอ้แจหรือเปล่า
พอถึงหน้าห้องผมรัวกดออดอย่างร้อนใจแต่ก็ไม่มีใครคิดออกมาเปิด ตกลงข้างในนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ใจผมเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาข้างนอก
ตึงๆ..ตึงๆ...ตึงๆ... ผมทนไม่ไหวจึงทุบประตูตะโกนเรียกอย่างไม่กลัวข้างห้องจะเรียกรปภ.มาลากตัวผมออกไปแต่อย่างใด
“แจจุง คิมแจจุง ฉันมาแล้วเปิดประตูเดี๋ยวนี้ ไอ้สิงโตบ้ามันทำอะไรแกหรือเปล่า แจจุง ย่าห์.... เชวซีวอนออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้เปิดประตู....พวกแกสองคนอยากตายนักใช่ไหม เชวซีวอน......”
*****************************************************
มาแล้วจ้า พักนี้อัพช้าจังเนอะ (ยังมีหน้ามาถามอีก) อย่าพึ่งว่ากันนะ อย่างที่บอกเรากำลังควานหาแรงบรรดาลใจแบบสุด ๆ เพราะอย่างว่าอะนะยุนแจไร้โมเม้นให้จิ้น แต่นั้นก็ไม่เกินความพยายามเพราะยังไงทุกอย่างของยุนแจมันอยู่ในเส้นเลือด ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
พักหลังแม้ยุนแจจะออกมาแว๊บ ๆ บ้างแต่ก็พอกรี๊ดได้ ส่วนเรื่องเมื่อไรปาร์คกับจุนจะเปิดเผยเรื่องราวคาใจกันซะที อันนี้ขอบอกว่า กำลังหาจังหวะอยู่จ้า ตอนแรกว่าจะใส่เป็นตอนพิเศษนอกเรื่อง แต่ก็ยังวางเรื่องไม่เข้าที่เข้าทางแต่ยังไงงานนี้มีเคลียร์กันแน่นอนไม่ต้องห่วง
ส่วนพี่ท็อปกับน้องซึงพักนี้ออกเยอะจังก็เพราะว่าไรท์เตอร์ไม่ดีเองแอบไปปันใจให้ความเท่ห์ของอิเทมป์ที่มันผอมและหล่อไม่แกล้งใจกันบ้างเลยจริง ๆ (ยุนเค้าขอโทษ....คุกเข่ายกมือขึ้นเหนือหัวสำนึกผิด)
ส่วนที่มันชอบแต๊ะอั๋งน้องแพนด้าบ่อยจังลัวอิย้องก็ยอม ก็เพราะว่าสนองนิสตัวเองเรียกน้ำย่อยยุนแจนิดหนึ่ง เพราะอิคู่นี้ดันผูกปมไว้ไม่ได้ตัวเปล่าเล่าเปลือย เลยต้องเคลียร์กันอีกนิดหน่อยหวังว่ารีดเดอร์คงเข้าใจ
จะพยามแต่งต่อไปไม่ต้องห่วงยังไงก็อัพเรื่อย ๆ เพราะเราได้สัญญากับตัวเองและรีดเดอร์ไปแล้วว่าเราจะไม่ดองฟิคอย่างแน่นอน เพราะอย่างนั้นช้าบ้างอะไรบ้างก็อย่าพึ่งหายกันไปไหนนะ อยู่เป็นเพื่อนเค้าก่อนนะ ชอบไม่ชอบยังไงเหมือนเดิมบอกกันได้ อยากรีเควสคู่ไหนบอกมา พร้อมสนองนิสทุกคน(และตัวเอง 5555555555)
แถมๆๆๆๆๆ
ความคิดเห็น