ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~@~Pretty BOY~@~ทำยังไงดีผมไม่อยากเป็นเคะ!!!(YunJae)-Yaoi

    ลำดับตอนที่ #12 : ตกกระไดพลอยโจร(แก้คำผิด)

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 53


    Chapter 11

     

    ******************************

             “เอ้า....ลูกบอลของนาย”

             “นายเอามาได้ไงอ่ะ..ซึงรี”

             “เรื่องนั้นช่างมันเหอะ เอาเป็นว่าฉันเอาลูกบอลมาคืนนายได้แล้วกัน”

             “อืม..นายน่ารักมากเลยอ่ะ..ซึงรีอ่า”

              จุนซูมองสำรวจลูกบอลในมือแล้วยิ้มแป้นเข้ามากอดผมเสียแน่น ท่าทางดีใจมากที่ได้ของรักคืน แต่ว่าหน้าผมตอนนี้หรอไม่ต้องบอก พวกคุณก็คงเดาได้ว่ามันอมทุกข์ขนาดไหน


              จะให้ผมมีความสุขได้ยังไงหละ ก็ผมดันไปตกลงกับรุ่นพี่ท็อปว่าจะยอมไปเป็นแม่บ้านให้ แลกกับการที่รุ่นพี่จะไม่บอกใครว่าผมกับจุนซูเป็นคนแกล้งรุ่นพี่ยูชอน แล้วเอาลูกบอลมาคืนให้ ถึงผมจะไม่เข้าใจว่าทำไมรุ่นพี่ถึงยอมช่วยผมทั้งๆ ที่เราพึ่งจะเจอกัน
     
              แต่จากเหตุการณ์เฉพาะหน้าในตอนนั้นข้อเสนอที่ดูเหมือนว่าเรามีแต่ได้กับได้แบบนั้นใครจะไม่คว้าไว้ก่อนหละ แม้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตมันยากจะเดาว่ามันคุ้มกันหรือเปล่าแต่ไม่ผิดใช่ไหมที่ผมจะขอเอาตัวรอดไว้ก่อนเป็นดี


             “อืมจุนซู วันนี้เลิกเรียนนายจะไปไหนหรือเปล่า”

             “ทำไมหละ? เมื่อวานนายก็หายไปไหนไม่รู้ ไม่เข้าเรียนคาบบ่ายฉันหานายจนทั่วเลยรู้ไหม จนมีใครก็ไม่รู้เข้ามาเอากระเป๋าแล้วหนังสือนายไปจนหมดเลยแล้วอาจารย์ก็บอกว่านายไม่สบายเลยขอกลับบ้านก่อน แล้วนี่นายเป็นอะไรมากหรือเปล่า เมื่อวานก็ยังดูดีอยู่เลยนิ” 


             จุนซูที่ตอนแรกมั่วแต่ยิ้มดีใจกับลูกบอลในมือ หันมาถามผมแบบติดจรวดจนผมไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี แถมจับผมหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่หลายรอบ หน้าตาดูเป็นกังวลมากจนผมอดยิ้มไม่ได้

             “โอ้ย..จุนซูฉันเวียนหัวแล้วนะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอกแค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยเลยให้ที่บ้านมารับ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกนายก่อน แต่นายก็เถอะพอหลังจากเรื่องที่โรงอาหารนายหายไปไหนมา” 


             หลังจากที่ผมหลุดจากการหมุนดูอาการที่แสนเวียนหัวของจุนซูแล้ว ผมจึงกลับมาเป็นผู้ถามเรื่องคาใจบ้าง ว่าตอนนั้นจุนซูเองที่ยืนอยู่ข้างผมตลอดหายไปไหน จนผมต้องคว้าเอาตัวรุ่นพี่ท็อปมาแทนจนเกิดเรื่องน่าอายและข้อแลกเปลี่ยนที่ไม่สามารถบอกใครได้แบบนี้


              “ก็...ก็...ไม่ได้ไปไหนนิ ตอนนั้น...ใช่ตอนนั้นวุ่นวายมากใช่ไหม แล้วฉัน..ฉันก็หันมาไม่เจอนาย ใช่แล้ว... ฉันก็เลยเดินหานาย แต่ก็ไม่เจอเลยไปรอนายที่ห้องเรียนแต่นายก็ไม่กลับมา โทรศัพท์นายก็ไม่เปิดจนมีคนมาเอาของๆ นายไปนั้นแระ แต่คนพวกนั้นน่ากลัวชะมัด คนที่บ้านนายจริง ๆ หรอ” จุนซูพี่พยายามตอบผมอย่างตะกุกตะกักอย่างน่ารัก


             “อืม..ช่างมันเหอะ ยังไงซะตอนนี้เราก็ได้ลูกบอลนายคืนแล้ว ตกลงวันนี้ฉันไปนอนบ้านนายนะ”

             “ได้สิทำไมจะไม่ได้ปกติฉันก็อยู่บ้านคนเดียวอยู่แล้ว ดีเลยมีนายมาอยู่เป็นเพื่อน เราจะได้ช่วยกันทำการบ้านเล่นเกมส์ แล้วคุยกันทั้งคืนเลย..” 

            จุนซูพูดพร้อมทำท่าทางเหมือนเจอของถูกใจ แต่ขอโทษนะจุนซูที่ฉันต้องขอใช้นายเป็นโล่กำบังให้ฉันหน่อย เพราะฉันกลัวที่จะไปเป็นแม่บ้านของคนที่เบื้องหลังน่ากลัวอย่างรุ่นพี่ท็อปนั้นจริงๆ เมื่อวานที่รับปากไปก็เพราะปากไวไม่ได้คิดถึงผลได้ผลเสียให้ดีก่อนจริงๆ 

            “ซึงรี.. นายเป็นอะไรหรือเปล่าหน้าซีด ๆ นะ ยังไม่หายดีก็ยังไม่ต้องมาก็ได้นิ” จุนซูเอามืออังหน้าผากผม

            “เอ้...แต่ตัวก็ไม่ร้อนเท่าไรนะ ไปนอนห้องพยาบาลไหมฉันพาไป”
     
            “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่เป็นไรมากหรอกแค่อยู่ใกล้ ๆ นายเท่านั้นก็พอนะ ๆ” 


             จุนซูมองท่าทางผมแปลก ๆ ที่อยู่วันนี้ผมกลายเป็นคนติดเพื่อนขึ้นมาซะอย่างงั้น จะให้ผมไปไหนห่างจุนซูได้หละก็ผมกลัวนิ เพราะตอนนี้ผมคิดหนีรุ่นพี่อยู่ อยู่คนเดียวมีสิทธิ์โดนอุ้มแน่เลย


             “ว่าแต่นายเถอะ ทำไมวันนี้ดูอารามณ์ดีจัง” จุนซูไม่ตอบเพียงแต่ยิ้มให้ผมอย่างอารมณ์ดีแล้วเตรียมอุปกรณ์การเรียนของคาบแรกต่อพร้อมฮัมเพลงไปด้วย ผมได้แต่มองอย่างแปลกใจ

         ..........

         ..................

         ..........................


             “ชองยุนโฮ นายพร้อมหรือยัง” เจ้าแมวน้อยส่งยิ้มที่ดูแล้วยั่วโมโหเป็นที่สุดมาทางผม แถมยักคิ้วให้อีกหนึ่งที ผมได้แต่พยักหน้าส่งๆ ไปผ่านทางโทรศัพท์ที่ตอนนี้ผมกับเจ้าแมวน้อยสนทนากันผ่านวีดีโอคอลอยู่


            “พร้อมแล้วเอาเลยสิ ชัด ๆ นะถ้าฉันไม่ได้ยินนายต้องตะโกนใหม่ไม่รู้ด้วยน่า...” เจ้านั้นยังไม่หยุดพูดจาเยาะเย้ยผม ที่ตอนนี้กำลังยืนหนักใจอยู่บนด่านฟ้า ที่ไหนนะหรอ...ก็ที่เดียวกับที่ผมอุ้มเจ้าแมวน้อยขึ้นมานั้นแหละ


             แล้วทำไมผมต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้นะหรอ ไม่อยากจะพูดถึงเลยจริงๆ เพราะพอเก้ามาถึงโรงเรียนปุ๊บ ผมก็โดนพี่คังอินเรียกตัวมาที่ห้องประธานสภานักเรียนกับยูชอน แล้วก็เจอเจ้าแมวแอนด์เดอะแก็งค์พร้อมหน้ากันนั่งอยู่กับพี่สะใภ้และพี่อีทึก


             ผมกับยูชอนยืนงงกันอยู่เพราะไม่รู้ถูกเรียกมาเรื่องอะไร จนเมื่อชินดงที่สภาพหน้าบวมปูดเหมือนไปฟัดกับใครมาเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางหงอ ๆ แล้วจึงได้รู้ความจริงว่าเป็นฝีมือของเจ้าลูกแมวนั้นเองที่พี่คังอินอนุญาตให้เอาคืนเนื่องจากเป็นตัวต้นเหตุให้เรื่องราววุ่นวาย


             แล้วทุกคนในที่นั้นก็รวมใจกันยืนยันว่าเมื่อวานซืนที่เกิดเหตุกับยูชอน เวลานั้นเจ้าลูกแมวกำลังชำระความเจ้าชินดงอยู่ที่นี่กับทุกคน คงลงไปไม่ทันเตะบอลอัดหน้ายูชอนเป็นแน่ เพราะกว่าจะคุยกันเสร็จก็เข้าเรียนพอดี


              เมื่อทุกคนยืนยันแบบนี้ผมเองจะทำอะไรนอกจากต้องยอมทำตามสัญญางี้เง้าของตัวเอง (พึ่งรู้หรอจ๊ะ/ไรท์เตอร์อีกแล้วสิ) 


              แต่มันจะไม่น่าอายเท่าไรถ้าผมไม่ต้องมาตะโกนขอโทษเจ้านั้นบนด่านฟ้าแบบนี้ ถึงแม้ตอนนี้มันจะเวลาเลิกเรียนแล้วก็เถอะ แต่เพื่อนๆ ในโรงเรียนน้อยลงที่ไหนหละ เพราะยังคงทำกิจกรรมของตัวเองกันอยู่ออกเต็มสนาม หน้าตึก และตามมุมนั่งเล่นต่างๆ อยู่จำนวนไม่น้อย


             ผมลองมองลงไปข้างล่างหลังจากวางสายจากเจ้าแมวช่างยั่ว... ก็เจอเข้ากับเดอะแก็งค์ของเจ้านั้นที่ยืนโบกมือซ้ำเติมผมอยู่ข้างล่าง ส่วนยูชอนเพื่อนรักของผมนั้นหรอคงไม่ต้องถามเนื่องจากมันรักผมมาก..........(ประชดนะครับ)


              มันออกไปต่างแต่ออดยังไม่ดังแล้วบอกว่ามีธุระต้องรีบเคลียร์ แล้วจะไปสตาร์ทรถรอผมที่หลังโรงเรียนถ้าคนซาลงแล้วเลิกอายแล้วค่อยลงมาเจอกัน มันให้เหตุผลว่ามันก็อายเหมือนกัน ดูมันรักผมไหมหละ


             ผมยังคงยืนทำใจอยู่อีกครั้ง จนโทรศัพท์ในมือดังขึ้นอีกคงไม่ต้องบอกนะว่าใครเป็นคนโทรเข้า ผมกดรับ

             “นั้นนายจะลีลาอยู่อีกนานไหม ฉันเงยหน้ามองจนปวดคอไปหมดแล้วพูดๆ ออกมาซะที ฉันมีธุระต้องไปต่อนะโว้ย...”นั้นไงเจ้าลูกแมวแว๊ดใส่ผมอีกแล้ว


             “รู้แล้วน่า นายจะไม่ให้ฉันทำใจเลยหรือไง”


             “ถ้านายลีลามากเปลี่ยนเป็นพรุ่งนี้ก็ได้นะ” ผมยิ้มดีใจที่ได้ต่อเวลาอีกเฮือก แต่ก็ต้องหุบยิ้มทันทีเมื่อได้ยินประโยคถัดมา

             “แต่ต้องเป็นตอนเช้านะไม่ใช่ตอนเย็นเหมือนวันนี้ แล้วต้องเป็นตอนที่รวมแถวนักเรียนทั้งหมดก่อนร้องเพลงชาติด้วยเอาไหมหละ” 

            ช่างกวนแล้วยั่วโมโหได้อีกเจ้าแมวตัวนี้ อย่าให้ถึงทีของผมบ้างนะ ผมจะเล่นให้เจ้านี้ต้องเปลี่ยนจากแมวป่าที่คอยหาเรื่องคนนู้นทีคนนี้ที พูดจายียวนกวนประสาทกลายมาเป็นลูกแมวเชื่อง ๆ เลยสิคอยดูแล้วกัน

           “ไม่ต้อง....ฉันจะพูดวันนี้และตอนนนี้แหละ ตั้งใจฟังแล้วกัน” ผมกดวางสายแล้วไปยืนที่ริมแนวรั้วที่กั้นบนด่านฟ้าทันที


            “ผม...ผิดไปแล้ว...ผมขอโทษ...คิม..แจ...จุง.. ยกโทษให้ผมนะ...ผมจะดีกับคุณให้มากๆ อย่าโกรธผมเลยนะ ที่..รัก..” 


             ผมตะโกนออกไปแล้วพร้อมเน้นคำสุดท้ายอย่างเสียงดังฟังชัดกว่าคำขอโทษในตอนต้นตั้งเยอะฮ่าๆๆๆ คุณคิดว่าผมจะยอมอายคนเดียวหรอ...ไม่มีทาง 


            คิมแจจุงนายยังรู้จักฉันน้อยไป ทีนี่เอาสิถ้าฉันต้องอายจนแทรกแผ่นดินหนีตอนมาโรงเรียนวันพรุ่งนี้ นายคงต้องดำดินมาโรงเรียนหละ โอ้...ไม่สิคงต้องดำดินไปตอนนี้เลยมั้งเพราะตั้งแต่เริ่มตะโกนเพื่อนๆ พี่ๆ ในโรงเรียนที่อยู่ตามที่ต่างๆ แม้แต่อาจารย์บ้างท่านที่ยังไม่กลับ

           ต่างออกมายืนมุ่งดูเหตุการณ์พร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยืนซุบซิบแล้วมองเจ้าลูกแมวที่ตอนนี้นี้หน้าคงซีดจนหดเหลือไม่กี่นิ้วเป็นแน่ ผมก็อยากรู้ว่าทีนี้ยังอยากจะกล้าอยู่ใกล้ผม แล้วใช้ผมเป็นเบ้อีกไหม


         ผมเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินออกจากตรงนั้นอย่างสบายอารมณ์ เพื่อตรงไปยังหลังโรงเรียนตามที่นัดกับยูชอนโดยไม่ลืมที่จะโทรบอกมันก่อนว่าภารกิจของผมเสร็จแล้วซึ่งมันก็แปลกใจไม่น้อยว่าทำไมถึงเร็วเกินคาด


          และก็ไม่ลืมกดปิดเครื่องทันที เพราะรู้แน่ชัดเลยว่าเจ้าแมวน้อยคงเดือดยิ่งกว่าเดือดในสิ่งที่ผมทำลงไปเมื่อกี้ แล้วเรื่องอะไรผมต้องรับฟังเจ้านั้นมาด่าผมด้วยหละ ฮ่าๆๆๆๆ


         ..............

         ......................

         ..............................

             “ไอ้บ้าชองยุนโฮ อย่าให้ฉันเจอนะ พ่อจะเล่นให้หมอหาที่เย็บแผลให้ไม่ทันเลยคอยดู” 

              ผมได้แต่บ่นอย่างหัวเสีย เพราะกว่าจะหลุดจากวงล้อมของทั้งเพื่อนๆ และอาจารย์ออกมาได้แทบตาย อายมากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า ตอนนี้ใครๆ ก็มองว่าผมกับเจ้านั้นต้องมีอะไรๆ กันแน่ๆ 


              ยิ่งมีเรื่องเมื่อวานที่เจ้าอุ้มผมขึ้นบ่าจากโรงอาหารผ่านสายตาเพื่อนๆ พี่ๆ ทั้งหลายตั้งมากมาย ก็ยิ่งซุบซิบประกอบการจิ้นกันเข้าไปใหญ่ว่าผมกับเจ้านั้นมีอะไรกันเชิงชู้สาว 


              คิมแจจุงอยากจะบ้าตาย หมดกันแล้วความแมนเต็มร้อยของผม ต้องมาสั่นคลอนเพราะไอ้หมีนรกตัวนั้น แค้นนี้ต้องชำระกันอย่างหนักแน่นอน 


             “เฮ้ย...เป็นอะไรหนักหนาว่ะไอ้แจ ฉันเห็นแกนั่งกระสับกระส่ายมาตั้งแต่ออกจากโรงเรียนแล้ว”

             “เงียบไปเลยแกขับรถไป ทำมาเป็นพูดดีแกไม่เป็นฉันไม่รู้หรอก ไอ้บ้า...เฮ้ย เจ็บใจโว้ย...”

            “ปล่อยมันเหอะ..ไอ้ฮยอนจุง เดี๋ยวมันก็หายบ้า กะจะเอาคืนเขาแต่กลายมาเป็นฝ่ายถูกเอาคืนซะเองก็หงุดหงิดอย่างนี้เป็นธรรมดาแหละ”


         “เก็บปากไว้คุยกับที่รักของแกเลยไป ไอ้แก้มแตก”


         “ไอ้นี่ทำมาพาล เดี๋ยวฉันก็ให้ไอ้ฮยอนจุงปล่อยลงกลางทางเลยไอ้บ้านิ”


         “ก็เอาดิกลัวเมื่อไรเล่า..ไอ้แก้มแตก เพราะยังไงไอ้ฮยอนจุงก็ไม่เหมือนแกหรอกมันเคยทิ้งฉันซะที่ไหนกันหละ ไม่เหมือนแกหรอก ที่มีแฟนแล้วทิ้งเพื่อน”


         “ทำอย่างกับแกไม่มีอ่ะแฟนหนะ น้องฮโยจูของแกเป็นใครหละเพื่อนสาวแกหรือไงไอ้แจ เออลืมไปแกมีแฟนใหม่แล้วนิ ชองยุนโฮไง ฮ่าๆๆๆๆ”


         “ไอ้บ้าคิบอม มากไปแหละอย่าได้พูดชื่อไอ้นั้นให้ได้ยินได้ไหม...โมโห...โว้ย...ว่าแต่แกช่วยฉันคิดหน่อยสิว่ะว่าจะแก้แค้นมันยังไงดี”


         “เอาอะไรมาแลกหละ” 


         “มากไปแระไอ้นี่พอพูดดีด้วยหน่อย เอาใหญ่เลยนะแก” 


         ดูเพื่อนผมคิมคิบอมมันไม่ค่อยเห็นแกได้เลยทำอะไรต้องมีข้อแลกเปลี่ยนตลอดเลยสิ ไอ้เรื่องที่ตัวไม่ได้ประโยชน์ด้วยนั้นมันเคยทำให้ซะที่ไหน แต่ถ้าแผนไหนที่มันคิดให้นั้นก็ยอมๆ ให้มันไปเถอะครับเพราะผมรับประกันความสามารถมันว่าคุ้มค่า แต่แหม...ถ้าฟรีได้มันก็จะดีกว่าใช่ไหมหละ 


         ผมเลยแกล้งหันหน้าหนีมัน ทำเป็นไม่สนใจพิงหลังกับเบาะกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่าง


         “แค่นี่ทำเป็นงอน ใจน้อยไปได้น่า... ยังไงแกก็ได้เจ้านั้นมาเป็นเบ้สมใจแล้วไงหละ ทำไมไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์มานั่งหน้าเครียดได้อะไร สมองช้าได้อีกนะแกหนะ”

         “เออจริงสิ..แต่เดี๋ยวนี่แกหลอกด่าฉันหรือเปล่าเนี่ย”

         “แล้วแกคิดว่าไงหละ” 

         ดูมันยังทำหน้ากวนประสาทกลับใส่ผมอีก ขอได้ไหมไอ้ท่ายักคิ้วกวนประสาทของแกหนะไอ้แก้มแตกขอได้ไหม เห็นแล้วอยากเอาเท้าไปสกิดเหลือเกิน แต่ผมต้องเก็บความอัดอั้นนั้นไว้ เพราะผมต้องพึ่งมันสมองของไอ้แก้มแตกนี่อีกนาน เย็นเข้าไว้คิมแจจุง....


         “พวกแกมัวแต่ส่งเสียงดังอยู่ได้ ฉันขับรถอยู่นะโว้ย เออ...พูดถึงน้องฮโยจู พักนี้ฉันไม่เห็นน้องเขาเลย แกเอาน้องเขาไปซ่อนหรอว่ะไอ้แจ”

         “เปล่า...น้องเขาไปเข้าค่ายเก็บตัวกับชมรมเทนนิสของโรงเรียน ช่วงนี่เลยไม่มีเวลา อีก 2-3 อาทิตย์ก็กลับแล้ว”

         “ถึงว่าช่วงนี่แกถึงว่างมาอยู่กับเราได้ ไม่อย่างนั้นแกก็เป็นคิบอม 2 เหมือนกันแหละ มีแฟนแล้วทิ้งเพื่อน”


         “อ้าวไอ้นี่...พวกแกคิดจะรุมกันใช่ไหม งั้นไม่ต้องมาพูดกันเลย..”

         “เฮ้ยทำงอนเป็นผู้หญิงไปได้ หน้าตายิ่งเหมือนอยู่แล้วทำปากเป็นเป็ดแบบนี้ ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่” 


         เจ้าฮยอนจุงที่มองผมผ่านกระจกมองหลังเอ่ยแซว ที่ผมทำหน้ามุ้ยงอนพวกมันสองคนที่รุมแซวผมอยู่ได้ เออวันนี้ฉันพวกน้อยกว่าทำเป็นรุม ไอ้เทมป์แม่งก็ไม่อยู่ เออแล้วมันไปไหนหละผมก็ลืมถาม 

         “ไอ้เทมป์มันไปไหนว่ะ พอเลิกเรียนปุ๊บมันก็หายตัวไปเลย ทำตัวอย่างกับนินจา”

         “มันว่ามันจะไปจับแพนด้า” ฮยอนจุงบอกผมขณะขับรถมาจอดที่หน้าบ้านผมแล้ว

         “จับแพนด้า...” ผมทวนคำอย่างงง ๆ


         “ไม่ต้องทำหน้างงมากหรอก ไว้พรุ่งนี้ก็รู้เองแหละว่ามันกำลังเล่นอะไรอยู่ วันนี้แยกย้ายกันก่อนดีกว่าเพราะตอนนี้ฉันเองก็ถูกปู่ค่อยจับผิดอยู่ ฮยอนจุงวันนี้ส่งฉันที่โรงพยาบาลนะ แกเองก็ต้องรีบกลับไปรายงานตัวกับแม่แกผ่านวีดิโอคอลไม่ใช่หรอ” 


         “เอองั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้ พวกฉันไปก่อนแล้วกัน” ผมพยักหน้าแล้วเดินเข้าทางหลังร้าน

         ........

         ............

         .................


         เลิกเรียนปุ๊บผมก็รีบปลีกตัวจากไอ้ยุนเพื่อนซี้ เพื่อที่จะตามหาเจ้าตุ๊กตาตัวนิ่มที่ผมไปเผลอกอดเมื่อวานทันที เพราะอะไรก็ไม่รู้ทำให้ผมรู้สึกคุ้นกับท่าทางหน้าตาของเจ้าตัวเล็กนั้นบอกไม่ถูกแต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกสักทีว่าเคยเจอที่ไหน ผมลองวิ่งหาตามห้องเรียนของเด็กปี 1 อยู่นานแต่ก็ยังไม่เห็นวี้แววของคนตัวเล็กนั้นเลย


         ดีว่าที่เมื่อวานผมสังเกตเห็นเข็มที่ปกเสื้อว่าเป็นสัญลักษณ์ของเด็กปีหนึ่ง ไม่งั้นผมได้ต้องสุ่มดูทั้งโรงเรียนเป็นแน่ แต่ชื่อนี่สิดันเห็นไม่ชัดจำได้แต่นามสกุล จำได้ว่านามสกุล คิม แค่คนนามสกุล คิม.. มันมีคนเดียวซะที่ไหนหละ 

         แล้วผมก็มาหยุดที่หน้าห้องเรียนห้องสุดท้ายของเด็กปีหนึ่ง ถ้าไม่เจอที่ห้องนี่อีกสงสัยผมคงต้องเก็บตกใหม่วันพรุ่งนี้ เพราะกว่าผมจะหาทั่ว เด็กปีหนึ่งก็ทยอยกันกลับบ้านซะส่วนใหญ่แล้ว ผมยืนหอบอยู่ที่หน้าประตูเพราะวิ่งตามหาไม่ได้หยุดมาตลอดทั้งชั้นเรียนเพราะกล้วว่าไม่ทันเวลา

         กลัวว่าเจ้าตัวเล็กจะกลับไปซะก่อนที่ผมจะเจอ ผมกลืนน้ำลายสองสามอึก เพราะตอนนี้คอผมแห้งผาด ผมกำลังเงยหน้ามองเข้าไปในห้อง จังหวะเดียวกันเจ้าเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าผมก็ดังขึ้นพอดี ผมจึงหันหลังแล้วรีบกดรับเมื่อเห็นว่าเป็นไอ้เพื่อนจอมยุ่งที่โทรเข้ามาขัดจังหวะ


         “อะไรของแกว่ะ ฉันกำลังยุ่งอยู่เลย ฮะ...อะไรนะเสร็จแล้วทำไมเร็วจังวะ แกเพิ่งขึ้นไปไม่นานนี่เองนิ แล้วไม่รอให้คนซาก่อนแล้วค่อยลงมาหรอ.... เออ ๆ จะไปเดี๋ยวนี่แหละ” ผมกดวางแล้วหันกลับเข้าไปมองในห้องอีกครั้งแต่ก็ไม่เห็นใครสักคน 


         “สงสัยคงต้องมาลองหาใหม่พรุ่งนี้แล้วจริงแหละ” ผมได้แต่รำพึงกับตัวเองแล้วหันหลังกลับเดินลงบันไดเพื่อจะตรงไปที่จุดนัดพบของผมกับไอ้ยุน แต่แล้วก็มีเสียง ๆ หนึ่งก็ทำให้ผมชักฝีเท้าหยุดคอยฟังทันที


           
         “เร็วสิจุนซู ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวนะ”


         “รู้แล้วน่า ฉันแค่ลืมลูกบอลแวะชึ้นมาเอาแป๊บเดี๋ยวไม่เสียเวลากลับบ้านมากนักหรอกทำไมต้องรีบด้วยหละ แล้วฉันก็บอกนายให้รอที่รถนายก็ไม่เอา ยังจะตามมา แล้วมาโวยวายทำไมเนี่ย” 


         ทำไมวันนี้ซึงรีถึงได้ทำตัวแปลก ๆ ก็ไม่รู้ วันนี้ทั้งวันผมกับซึงรีตัวติดกันยิ่งกว่าแฝดสยามอีก ไม่ว่าผมจะไปไหนทำอะไรซึงรีเป็นต้องตามไปด้วยทุกที่ แถมยังมีท่าทีลุกลี้ลุกลน อยู่ตลอดเวลาอีกถามว่าเป็นอะไรก็เล่นส่ายหน้าอย่างเดียว ผมหนะไม่เข้าใจจริง ๆ 

         ผมเองก็เพิ่งโล่งอกที่เมื่อวานได้แอบตามรุ่นพี่ฮยอนจุงไปเข้าห้องน้ำ เลยแอบเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ตรงอ่างล้างมือ ทำให้เป็นเหตุบังเอิญในการเจอโทรศัพท์แล้วโชคดีที่ เมื่อวานห้องน้ำที่รุ่นพี่เข้าไม่ค่อยมีคนเลยสะดวกหน่อย แต่ผมก็แอบอยู่ในห้องน้ำ รอจนแน่ใจว่ารุ่นพี่หยิบโทรศัพท์ไปแล้วจึงค่อยออกมา


         “ก็ฉันกลัวนิ....”


         “นายว่าอะไรนะ เดี๋ยวพูดดังพูดเบาฉันฟังไม่รู้เรื่อง” ผมที่กำลังคิดอะไรเพลินอยู่จึงไม่ทันตั้งใจฟังในสิ่งที่ซึงรีพูดอยู่ข้างหลัง


         “ช่างเหอะ รีบๆเข้าไปเอาแล้วออกมาเร็ว ๆ ฉันรออยู่หน้าห้องเนี่ยแหละ”


         “รู้แล้วน่า..” ผมรีบตรงเข้าไปหยิบลูกบอลที่ผมใส่ไว้ในถุงตาข่ายเก็บบอลที่ผูกไว้กับเก้าอี้ นำมาผาดบ่าแล้วเดินกลับไปหาซึงรีทันที


         “เสร็จแล้ว ไปกะ...กัน... ปาร์ค....ยู...ชอน” ผมได้แต่อึ้งเมื่อผมเดินออกมาจากห้องกลับไม่เห็นเงาของซึงรีเลย มีแต่ปาร์คยูชอนมายืนแทนที่อยู่ตรงหน้า ผมมองหาซึงรีอย่างเลิกลักแต่ก็ไม่เจอ


         “ซึงรีหละ ซึงรีอยู่ไหน” ผมหมดหนทางจึงได้แต่ถามคนตรงหน้า แล้วกระชับถุงตาข่ายเก็บบอลในมือจนแน่น


         “ซึงรีไหน ตั้งแต่ฉันมายังไม่เห็นใครเลยสักคน” ปาร์คยูชอนตอบและยิ้มหวานให้ผม แต่ผมกลับไม่อยากได้มันในตอนนี้เลยจริง ๆ 


         “เป็นไปได้ยังไงเมื่อกี้ ซึงรียังยืนรอฉันอยู่ตรงนี่เลย จะหายไปไหนได้เร็วขนาดนั้นได้ยังไง นายไม่เห็นจริง ๆ อ่ะ”


         “จริง ๆ สิฉันจะหลอกนายทำไมหละ เมื่อกี้ที่ฉันตามนายมาฉันก็ไม่เห็นใครเลย”

         “ตามฉัน นายจะตามฉันทำไม เราไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันนิ” ผมกลั้นใจตอบออกไป ตอนนี้จิตใจผมกังวลถึงลูกบอลที่อยู่ข้างหลังผมมากกว่าอื่นใด


         “ฉันเองก็ไม่รู้หรอก แค่อยากเจอนายอีกครั้ง แล้วอยากขอโทษนายที่...ที่..ที่..”


         “ที่อะไร?” ผมเอียงคอถามอย่างสงสัย


         “ที่..ที่ฉันกอดนายนะสิ ฉันขอโทษนะ” ตอนนี้สภาพอากาศอุณภูมิเท่าไร ผมก็ไม่อาจรู้ได้เพราะตอนนี้ผมรู้แต่ว่าเหงื่อทั้งที่มือและที่หน้าผมไหลออกมาจนชื้นไปหมด หน้าผมเองก็รู้สึกร้อนผ่าว


         “นายเป็นอะไรหรือเปล่าเหมือนไม่ค่อยสบายนะ หน้าก็แดงๆ เหงื่อออกเต็มไปหมด” ยูชอนยกมือขึ้นมาอังหน้าผากผม ผมตกใจจึงถอยหลังหนี

         “มะ...ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าฉันรับคำขอโทษของนายแล้วกัน นายไปได้หรือยังหละ”

         “อืม...แล้วฉันจะเจอนายอีกได้ไหม?” ยูชอนพยักหน้า แล้วสบตาผมเหมือนขอความเห็นใจ นี่เขายังอยากเจอผมอยู่จริง ๆ หรอ ทั้ง ๆ ที่เป็นเขาเองที่หนีหายไปจากชีวิตผมถึง 9 ปี


         “ไม่รู้สิ แต่ทำไมนายถึงอยากเจอฉันอีกหละ”


         “ฉันก็ไม่รู้หรอก รู้แต่ว่านายอนุญาตฉันก็ดีใจ” ผมจึงพยักหน้าเบา ๆ ยูชอนยิ้มกว้างส่งมาให้ผม 


         ผมกระชับมือที่กำสายถุงตาข่ายจนชาไปหมดและด้วยมือชื้นเหงื่อของผมบวกกับสายเชือกที่กำอยู่เป็นไนลอนจึงลื่นหลุดมือ ทำให้ถุงตาข่ายตกลงพื้นลูกบอลในถุงหลุดออกจากถุงกลิ้งไปที่เท้าของยูชอนพอดี ยูชอนกำลังก้มเก็บลูบอลให้ผม


         “ไม่ต้อง....ฉันเก็บเอง” ผมรีบพุ่งไปเก็บลูกบอลทันที แต่ก็ยังช้ากว่ายูชอนที่ตอนนี้หยิบลูกบอลขึ้นมาแล้วส่งให้ผม


          “ไม่เป็นไรหรอกฉันเก็บให้รับไปสิ” 


         “ขอ..บ...ใจ.” ผมยืนมือไปรับลูกบอล แต่ก็ชะงักเมื่ออยู่ ๆ ยูชอนก็ดึงลูกบอลกลับคืน


         “แต่ฉันว่า ไอ้ลูกบอลเนี่ยมันคุ้น ๆ” ยูชอนพยายามจะพลิกดูลูกบอลในมือ แต่ผมก็ใช้ความไวกระชากมันออกจากมือนั้นทันที ผลทำให้เล็บผมครูดกับมือของยูชอนจนเลือดซิบ


         “โอ้ย...” ผมตกใจปล่อยลูกบอลลงพื้นแล้วรีบไปดูมือยูชอนทันที


         “นายเป็นอะไรมากหรือเปล่า ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ผมพลิกดูมือของยูชอน อย่างร้อนรน


         “ฉันไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะที่นายห่วงฉัน” 


         ผมรีบปล่อยมือทันทีเมื่อรู้ว่าตอนนี้ผมกับยูชอนอยู่ใกล้กันเกินไป เพราะตอนผมเงยหน้าระดับความห่างระหว่างหน้าผมกับยูชอนแค่ลมหายใจคั่นพอดี ผมจึงรีบถอยหลังจนสะดุดเท้าตัวเองอีกจนเซเหมือนจะล้ม 


         เหตุการณ์เมื่อวานก็เข้ามาในหัวผมอีกครั้ง ยูชอนคว้าตัวผมไว้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกันราวกับการฉายภาพซ้ำ ผมตกอยู่ในอ้อมกอดคน ๆ นี้อีกแล้วสิ


         “ทำไมตัวนายอุ่นจัง”


         “ฮะ...นายว่าอะไรนะ”


         “ฉันถามว่า...ทำไมตัวนายอุ่นจัง หอมด้วย” เนี่ยมันเหมือนคำชมหรือเปล่า ผมเองก็สับสนทำไมผมไม่เข้าใจในสิ่งที่คน ๆ นี้พูดเลยอ่ะ อยู่ ๆ ก็บอกว่าผมตัวอุ่น ซึ่งมันก็ต้องอุ่นสิ เพราะถ้าตัวผมเย็นก็แปลว่าผมตายแล้วสิ พูดแปลก ๆ (กรรม ><; )


         “อะแฮ่ม...ไม่ทราบว่าพี่สองคนนี่จะกอดกันอีกนายไหมครับ” เสียงแบบนี่เป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้เด็กนรกชางมิน ผมรีบผลักยูชอนออกทันที


         “ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะนะ คนขับรถพี่รออยู่เผื่อพี่ลืม แล้วซึงรีนะลุงคนขับบอกว่าคนที่บ้านมารับกลับไปแล้วมีธุระด่วน เขาฝากลุงมาบอกพี่ว่าคงค้างด้วยไม่ได้แล้ว และอีกอย่างวันนี้รถผมเสียขอกลับบ้านด้วย คงอีกนานกว่าจะซ่อมเสร็จ เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะกลับบ้านด้วยทุกวันนะครับ”



         ไอ้เด็กบ้าเนี่ยมาถึงก็สาธยายเสียยาวเยียด จนผมแทบฟังไม่ทัน จึงได้แต่จับใจความว่าซึงรีกลับบ้านไปแล้ว แต่ชีวิตผมต้องห้อยอยู่กับไอ้เด็กนรกเนี่ยอีก กรรมของจุนซู ผมได้แต่หน้าเสีย


          ในขณะที่ชางมินเก็บทั้งกระเป๋าและลูกบอลผมเรียบร้อยโดยที่ไม่ลืมเอาลูกบอลเก็บใส่ในกระเป๋าเป้ทันทีอย่างรู้งานแล้วเดินเข้ามากอดคอผมเดินห่างออกจากอยู่ชอนเพื่อจะกลับบ้าน


         “ผมกับจุนซูคงต้องขอตัวกลับก่อนนะฮะรุ่นพี่ ไปกันเถอะจุนจัง เค้าหิวแล้ว” พร้อมทำหน้ายั่วประสาทใส่ยูชอนทันที เจ้านี่คิดจะทำอะไรกันแน่ ผมรู้สึกเหมือนกำลังตกเป็นเหยื่อยังไงไม่รู้สิ บรรยากาศมันแปลก ๆ ยิ่งมองไปทางยูชอนก็เจอกับสายตาที่เดายากอีก


         “เหมือนพี่จะมีความสุขดีนะ ดูไม่เหมือนคนที่เจ็บแค้น หรือเจ็บปวดที่เคยถูกหมอนั้นทิ้งแล้วก็ลืมเลยสักนิดเดียว คงหายโกรธเขาแล้วสิ” พอห่างจากสถานการณ์กระอักกระอ่วนเมื่อกี้ปุ๊บก็เริ่มกวนประสาทอีกแหละ


         “มันเรื่องของฉัน แกไม่เกี่ยว แล้วฉันก็ไม่ลืมหรอกว่าเจ้านั้นทำฉันเสียใจขนาดไหนที่จู่ ๆ บทจะไปก็ไป สัญญาอะไรที่ไว้ก็ไม่เคยจำ” 


         ผมพูดอย่างมีอารมณ์ แล้วปัดมือเจ้าเด็กบ้าที่วางแหมะอยู่ที่บ่าผมออก แล้วเดินหนีขึ้นรถทันที นั้นขณะที่ ไอ้เด็กนรกมันยังคงยืนมองผมอย่างขำ ๆ ไม่รู้มันเห็นผมเป็นตัวตลกหรือไงกัน


         “จะกลับไหมบ้านนะ ยืนขำอยู่ได้”


         “กลับสิคร๊าบ......แต่ก่อนกลับแวะกินข้าวก่อนได้หรือเปล่าหละ ผมหิวจะตายอยู่แล้วนะ ๆจุนจาง.....”


         “พูดมากขึ้นรถ”


         “คร๊าบ..ผม”

         ........................................................

         แฮะ ๆ พักนี่มาอัพช้าหน่อยพอดีช่วงนี่ไม่ค่อยว่างจิ้นฟิค บวกกับขาดแรงบรรดาลใจนิดหน่อย แต่เมื่อรู้ว่ามีคนรออ่านอยู่เลยมีแรงฮึดขึ้นมา ตอนแรกจะอัพที่ละนิด แต่ก็กลัวคนอ่านจะเสียอารมณ์ เลยรอให้ตัวเองแต่งให้ครบตอนแล้วค่อยลงทีเดียวดีกว่า เรื่องของเรื่องกลัวมันกร่อย แล้วตัวเองก็ความจำสั้นด้วยกลัวจำปมที่ตัวเองผูกไม่ได้ อ่ะ หิหิ (หัวเราะแห้ง ๆ)

         ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อไปนะ..... อย่าพึ่งเบื่อเค้าน้า.......แล้วจะรีบมาอัพต่อจ้า...........

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×