ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : หาตัวคนร้าย
Chapter 9
“ไอ้ยุน ฉันรู้สึกแปลกๆว่ะ”
หลังจากหมดชั่วโมงเรียนช่วงเช้า ผมก็เดินลงมาที่โรงอาหารกับเพื่อนยุนของผมตามปกติ แต่ที่มันดูแปลกๆ ไปสักหน่อยนั้นก็คือ ผมรู้สึกว่าเหมือนมีใครคอยมองผมตลอดเวลา
“แปลกอะไรของแกอีก แล้วหายงอนฉันแล้วไง”
“พูดมากน่า... ฉันไม่ได้ใจแคบแบบนั้นซะหน่อย แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นฉันรู้สึกตั้งแต่เราออกมาจากห้องแล้ว เหมือนมีใครคอยตามเราอยู่ แกไม่สังเกตุเลยหรอว่ะ” ผมพูดพร้อมมองซ้ายขวาอย่างระแวง
“คิดมากน่าไปกินข้าวดีกว่าฉันหิวแล้ว” ยุนโฮพูดจบก็คว้าคอผมแล้วเดินกอดคอไปทางโรงอาหารทันที
...........
.....................
“เกือบไปแล้วไหมหละ ฟู่...” ผมลอบถอนหายใจ
“จุนซู ทำไมเราต้องหลบด้วยหละ ฉันว่าเราเขาไปคุยกับเขาดีๆ แล้วขอของเราคืนดีไหม”ซึงรีที่หลบอยู่มุมเสาตรงกันข้ามกับผมหันมาถาม
“ได้ไงหละ ให้สารภาพว่าเราตั้งใจเตะบอลใส่เขาเนี่ยนะ”
“งั้นเราบอกว่า ไม่ตั้งใจก็ได้มันเป็นอุบัติเหตุไง เออ...มือถือไง เราเอามือถือไปให้เขาแลกกับบอลนายอย่างที่ชางมินบอกดีไหใหละ ไม่แน่เขาอาจจะรีบตกลงแล้วไม่ทำอะไรเราก็ได้” ซึงรีที่เดินตามผมหลังจากที่เห็นปาร์คยูชอนเดินไปทางโรงอาหาร ออกความเห็น
ซึ่งทำให้ผมที่เดินตามปาร์คยูชอนอยู่หยุดเดินแล้วหันมาเมื่อนึกได้ว่ามือถือของหมอนั้นยังอยู่กับผม ผมล้วงเขาไปในกระเป๋ากางเกงหยิบเจ้าสิ่งต่อรองนี้ขึ้นมาดู เขาพยักหน้ากับซึงรีว่าเห็นด้วยแล้วเราสองคนก็เดินตรงเข้าไปหาหมอนั้นทันที แม้ตอนนี้ใจผมจะเต้นเหมือนจะหลุดออกมาจากอกแล้วก็ตาม ผมกำเจ้าสิ่งนี้แน่น และแน่นขึ้นอีกเมื่อผมสาวเท้าใกล้เข้าไปเรื่อยๆ
ปาร์คยูชอนถ้าเราเจอกันจังๆครั้งนี้นายจะจำฉันได้ไหม ผมเฝ้าคิดอยู่ในใจเมื่อระยะห่างของผมกับยูชอนเริ่มใกล้เข้าไปเรื่อยๆ แต่ก่อนที่ผมจะเอ่ยอะไรออกไป หูผมก็ไปได้ยินสิ่งที่ทำให้ผมหยุดการกระทำทุกอย่างลงทันที พร้อมทั้งดึงมือซึงรีที่ตามผมมาเดินเลี่ยงไปหลบที่โต๊ะข้างหลังยูชอนทันทีโดยทำสัญญาณมือให้ซึงรีเงียบ
ซึงรีที่ตกใจกับท่าทางของผมที่เปลี่ยนใจกระทันหันกำลังจะเอยปากถามแต่เมื่อเห็นว่าผมบอกให้เงียบก็พยักหน้าแล้วเดินตามผมต่อทันที ผมเลือกนั่งเก้าอี้ที่หันหลังชนกับตำแหน่งที่ปาร์คยูชอนนั่งอยู่พอดีเพราะต้องการจะฟังสิ่งที่คนๆนี้พูดให้ชัดเจนนกว่านี้ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป
............
........................
“ฉันนึกว่านายเลิกคิดเรื่องที่ถูกบอลอัดหน้าไปแล้วซะอีก”
“ให้ตายก็ไม่ลืมง่ายๆหรอก แกลองมาโดนเองบ้างไหมหละ จะได้รู้ว่ามันเจ็บขนาดไหน พูดแล้วโมโหไม่หาย ฉันว่าเตะมาขนาดนั้นถ้าเจ้านั้นเดินมาบอกฉันว่าไม่ตั้งใจแล้วให้เรื่องมันจบไปพร้อมกับขอบอลคืน ยังไงฉันก็ไม่เชื่อแล้วก็ไม่มีทางให้บอลคืนไปง่ายๆด้วย”
ผมที่ยังคงโมโหกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าอยู่ได้แต่บ่นอย่างหงุดหงิดเมื่อถูกเจ้าเพื่อนรัก ถามให้ฉุกคิดถึงเจ้าของลูกบอลปริศนาเมื่อเช้านี้ หลังจากที่เดินซื้ออาหารแล้วมานั่งกินกันที่โต๊ะ
“แล้วนายจะทำยังไง ถ้าเกิดเจ้าของบอลเขาเดินเข้ามาขอโทษนายตอนนี้เดี๋ยวนี้ บอกไม่ได้ตั้งใจแล้วขอบอลคืนหา” ยุนโฮถามผมขณะที่นั่งกินอาหารด้วยกัน
“ฉันก็จะถามเจ้านั้นหนะสิว่าเกลียดฉันมากหรือไง เพราะต่อให้อมวิหารมาพูดก็ไม่มีทางเชื่อว่าไม่ได้ตั้งใจ แล้วจะให้เจ้านั้นคุกเข่าขอร้องฉันให้เอาลูกบอลคืนให้ต่อหน้าคนทั้งโรงอาหารเลยสินายคอยดู หมาลอบกัดชัดๆ”ผมพูดประโยชน์สุดท้ายพร้อมกับตักอาหารเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างฉุนเฉียวประหนึ่งว่ากำลังเคื้ยวเนื้อเจ้าคนที่ทำให้ผมเจ็บอยู่
“แต่ก็น่าแปลกนายก็พึ่งกลับมาได้ไม่นาน แล้วก็พึ่งเข้ามาเรียนที่นี้แท้ๆ จะไปมีเรื่องกับใครที่ไหนได้ นอกจาก....นอกจาก...”ยุนพูดพร้อมกับหยุดคิด ซึ่งผมก็พอจะเดาท่าทางของมันออกว่าต้องที่จะสื่ออะไรกลับมาให้ผม
เป้ง....เหมือนเสียงระฆังบอกเหตุเมื่ออยู่ๆเสียงๆหนึ่งดังสวนขึ้นมาพอดี
“สะใจจริงๆเลยว่ะ เมื่อเช้าแกน่าเอาให้หนักกว่านี้นะไอ้แจ ไม่น่าออมแรงเลยว่ะให้ตายเหอะ”
ทั้งผมและไอ้ยุนหันมามองหน้ากันทันที แล้วหันไปหาทางต้นเสียงซึ่งเป็นแก็งค์เจ้าลูกแมวหน้าสวยขวัญใจคนใหม่ของไอ้ยุนนั้นเอง (หุหุหุ... อย่าไปบอกมันนะครับว่าผมพูดอะไรออกไป มันยังไม่ยอมรับหรอกว่าสนใจเขา แต่ผมรู้นิสัยมันดีร้อยวันพันปีมันเคยสนใจโลกที่ไหนหละ แต่กับลูกแมวน้อยของมันแล้วเห็นมองจนจะสุกอยู่แล้ว)
แล้วเจ้าลูกแมวก็กำลังเดินมาทางโต๊ะผมกับไอ้ยุนพอดี แต่ประโยคที่เพื่อนหน้าคมท่าทางเหมือนมาเฟียของเจ้านั้นพูดมากกว่าที่สะกิดใจผมกับไอ้ยุนเข้าเต็มๆว่า เจ้า 4 คนนี้หรือเปล่าที่เป็นคนร้ายตัวจริง
ไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรไอ้ยุนเพื่อนผมก็ลุกขึ้นขวางทางเจ้าพวกนั้นทันที เห็นไหมหละผิดจากที่ผมบอกไหมหละ เพราะถ้าปกติแล้วไอ้ยุนมันใจร้อนแบบนี้ที่ไหน อย่างน้อยก็ต้องมีหลักฐานก่อนถึงจะเข้าไปหาเรื่องใครก่อนแบบนี้ ถ้าบอกว่าที่ทำไปเพราะห่วงผมไม่ได้อยากจะหาเรื่องเถียงกับเจ้าลูกแมวตัวนี้ชายปาร์คขอเถียงใจขาดเลยว่ามันไม่เป็นความจริง
........
.............
“เมื่อกี้ที่พวกนายพูดหมายความว่ายังไง” หลังจากที่ผมกับยูชอนกับกำลังขบคิดกันอยู่ว่าใครเป็นแกล้งเตะบอลใส่หน้ายูชอน ก็ได้ยินเสียงของแก็งค์ลูกแมวน้อยดังขึ้นมาด้วยประโยคชวนคิดว่าเป็นคนร้ายขนาดนั้นจะไม่ให้ผมสงสัยได้ยังไง
“เรื่องอะไร?” เจ้าลูกแมวเอียงคอถามผมพร้อมส่งสายตาช่างสงสัยที่มองแล้วทำไมมันน่ารักว่ะ (ไม่ได้ ไม่ได้ นายใจอ่อนไม่ได้ ยังวันนี้ต้องถามกันให้รู้เรื่องว่าเจ้านี้ทำแบบนี้กับเพื่อนเขาทำไม) ความคิดในหัวตีกันวุ่นเมื่อเจอท่าสงสัยของเจ้านั้นเข้าไป
เมื่อผมคิดได้ว่าต้องการเค้นความจริงจากเจ้าแมวน้อยให้ได้ แต่ถ้าในสถานการณ์นี้คงไม่เหมาะเพราะพวกของเจ้านั้นเยอะกว่าผมเห็นๆ ไม่ได้กลัวนะครับแต่มันไม่สะดวกจริงๆ ในโรงอาหารคนเยอะแยะด้วยถ้าเสี่ยงมีเรื่องตรงนี้ ดูท่าจะวุ่นวายเปล่าๆ
เมื่อคิดได้ผมจึงตรงเข้าไปฉุดข้อมือเจ้าลูกแมวให้ตามผมออกมาทันที แต่เมื่อเจ้านั้นทำท่าจะขัดขืนผมเลยเปลี่ยนใจ จับเจ้าลูกแมวอุ้มขึ้นบ่าเดินหายออกไปทันที ท่ามกลางสายตาสงสัยของบรรดาเพื่อนๆทั้งหลาย ซึ่งก็รวมถึงยูชอนเพื่อนรักของผมด้วย แต่ผมก็ไม่ลืมสั่งเสียกับมัน
“ฝากด้วยแล้วกัน แล้วฉันจะทวงความยุติธรรมให้นายเอง”
............
................
อย่างที่ผมบอกพวกคุณไปตั้งแต่แรกว่าไอ้ยุนเพื่อนผมมันต้องคิดไม่ซื่อกับลูกแมวน้อยแน่นอน แล้วสิ่งที่มันทำก็เล่นเอาผมพูดไม่ออกเลยทีเดียว มันเล่นแบกเจ้าลูกแมวขึ้นบ่าแล้วเดินหนีไปเฉยๆ พร้อมทั้งสั่งเสียฝากฝั่งเพื่อนเจ้านั้นแต่ละคนให้ผมเคลียร์ และยังมีหน้ามาบอกว่าจะทวงความยุติธรรมให้
มันถามผมสักครับหรือยังว่าอยากได้จากมันไหม? แกจะมาเล่นบทผู้พิพากษาอะไรตอนนี้ว่ะไอ้เพื่อนยุน แล้วดูมันทิ้งแต่ละคนให้เคลียร์ปาร์คอยากตาย เหมือนพวกเพื่อนๆเจ้านั้นดูจะได้สติแล้ว จากการที่เห็นเพื่อนรักโดนไอ้เด็กใหม่อุ้มไปต่อหน้าต่อตาก็ทำท่าจะตามไปช่วยกันในทันที ทำเอาผมขวางแทบไม่ทัน
“เออ... เดี๋ยวก่อนพวกนายไม่ต้องตามไปหรอก ยังไงไอ้ยุนมันคงไม่ทำอะไรเพื่อนนายหรอกน่า” ผมทำใจกล้าพูดออกไป เมี่อเห็นเจ้าเพื่อนท่าทางเหมือนมาเฟียของเจ้าลูกแมวจ้องมาที่ผม เหมือนมันกำลังจุดไฟเผาผมทั้งเป็นได้จากสายตาพิฆาตคู่นั้น แล้วไหนจะไอ้คนคิ้วหนาแก้มป่องอีกหละที่มองผมเหมือนจะสาปให้เป็นหินได้
โอ้...ตกลงเนี้ยชายปาร์คกำลังอยู่ที่ไหนครับ ทำไมบรรยากาศเหมือนปากทางไปนรกอย่างไรอย่างนั้น แถมไอ้หน้าหวานอีกคนที่เดินเข้ามากระชากคอเสื้อผม
“นี่มันเรื่องอะไรบอกพวกฉันมา เพื่อนนายพาเพื่อนฉันไปไหน”
“ใจเย็นๆน่า มันอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้ ฉันก็ยังงงเหมือนพวกนายนั้นแหละ คือ...คือว่า นายปล่อยก่อนได้ไหมหละฉันพูดไม่ถนัดหน่ะ”ผมจับมือของเจ้าหน้าหวานดึงออกจากปกเสื้อผม พร้อมจัดเสื้อให้เข้าทีเข้าทาง
“บอกมาเรื่องที่ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดมันคือเรื่องอะไร?” เจ้าแก้มป่องเดินเข้ามาถามผม
“พอดีเมื่อเช...เช้า...เฮ้ย อะไรอีกว่ะเนี่ย”ผมซึ่งกำลังจะบอกเล่าเรื่องราวเมื่อตอนเช้าอยู่ แต่ก็เหตุไม่คาดฝันขึ้นอีก เมื่ออยู่ๆ ก็มีใครก็ไม่รู้ถือถาดแก้วน้ำเดินผ่านมาแล้วเกิดสะดุดล้มขึ้นกลางวงที่ผมกำลังมีเรื่องกับแก็งค์ของเจ้าลูกแมวอยู่
ผลทำให้ทุกคนแตกจะวงคนละทิศคนละทางและระหว่างที่ผมกำลังงงกับเหตุการณ์วุ่นวายครั้งที่ 2 นี้อยู่ อยู่ๆ ก็มีมือปริศนาเข้ามาดึงผมให้วิ่งออกจากความวุ่นวายตรงหน้าพอดี
ผมได้แต่วิ่งตามแรงกระชากของคนๆนั้นโดยไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด พอมารู้ตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่ที่หน้าเรือนกระจกเพาะชำของชมรมเกษตรหลังโรงเรียนพอดี ผมได้แต่ยืนหอบเอาอากาศรอบตัวเข้าปอดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ก็เจ้าคนที่พาผมมาเล่นวิ่งซะเร็วอย่างกับจะไปคัดตัวเข้าทีมชาติแบบนั้น
เจ้านั้นก็มีอาการไม่ต่างจากผมเท่าไรหรอก ดูจากอาการงอตัวหอบหายใจจนตัวโยนแบบนี้ ผมรีบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาดพร้อมกับจับตรงหน้าอกควบคุมการหายใจให้เป็นปกติทั้งที่มืออีกข้างยังอยู่ในการเกาะกุมของคนตรงหน้า ตอนนี้ในหัวผมมีแต่คำถามเต็มไปหมดแล้วว่านี้มันเรื่องอะไรอีก ทำไมวันนี้ขยันเกิดเรื่องวุ่นวายได้ขนาดนี้
เมื่อผมควบคุมร่างกายได้เรียบร้อย แล้วก็กำลังจะจับเจ้านั้นหันมาถามว่าพาผมวิ่งออกมาทำไมและ อยู่ๆ มือนุ่มๆของคนตรงหน้าผมก็ปล่อยให้มือผมเป็นอิสระพร้อมกำลังจะเดินหนีจากผมไปอีก แต่ผมก็ไวพอที่จะดึงคนตัวเล็กตรงหน้าผมให้หันมาซะก่อนที่จะคิดหนีทัน ยังไงก็ขอเห็นหน้าก่อนก็ยังดีว่าเป็นใคร
ผลจากการดึงกึ่งกระชากของผมทำให้คนตัวเล็กที่พึ่งช่วยชีวิตผมหันกลับมาหน้าประทะกับอกผมพอดี ผมไม่ทันสังเกตุว่าพื้นที่ผมยืนอยู่นั้นไม่เสมอกันจึงทำให้คนตัวเล็กเสียหลักเกือบล้ม แต่ดีที่ผมคว้าเอวเขาเอาไว้ทัน
ตอนนี้เลยทำให้ผมและเจ้าตัวเล็กอยู่ในท่ากอดกันพอดี โดยที่เจ้าตัวเล็กซบหน้าอยู่กับอกของผม แต่ทำไมตัวเจ้านี้ถึงได้ทั้งนุ่มและอุ่นจัง อุ่นและนุ่มกว่ากอดตุ๊กตาซะอีกหรือเจ้านี้จะเป็นตุ๊กตามีชีวิต ถ้าได้กลับไปกอดนอนที่บ้านจะทำให้หลับสบายขนาดไหนนะ
ผมเผลอกระชับกอดแน่นขึ้นและลูบไปตามแผ่นหลังอย่างสนุกมือในใจเกิดความรู้สึกอยากสัมผัสให้มากกว่านี้เหมือนควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทำไม?แค่เพียงสัมผัสที่เกิดจากความไม่ตั้งใจของคนตรงหน้ามันทำให้ผมลุ่มหลงได้ขนาดนี้ และก่อนที่ผมจะเตลิดปล่อยความรู้สึกไปไกลกว่านี้ เจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดผมเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่ากำลังถูกเอาเปรียบอยู่ จึงเริ่มขัดขืนและออกแรงดิ้นเบี่ยงหนีมือปลาหมึกของผมและผลักผมออกห่างทันที
“นายคิดจะทำอะไรหน่ะ”
เจ้าตัวเล็กตะโกนเสียงแหลมถามผมพร้อมทั้งหายใจถี่ๆ เหมือนกำลังโมโห ดวงหน้ากลมอิ่มแดงขึ้นเรื่อยๆจนถึงใบหูน่ารัก ไม่รู้ว่าเกิดจากความอายที่ถูกผู้ชายด้วยกันลวนลามหรือความโกรธกันแน่ ตาเรียวเล็กจ้องมองผมเหมือนเจอสิ่งประหลาด ปากอิ่มขบกันแน่นเหมือนกำลังสะกดอารมณ์มือทั้งสองข้างกำชายเสื้อที่หลุดออกมานอกกางเกงจนแน่นเช่นกัน
ผมตระหนักได้ว่าคนตรงหน้าต้องโกรธมากแน่ๆ ที่อุตส่าห์ช่วยผมไว้แท้ๆ แต่กลับมาถูกผมลวนลามขนาดนี้
“ฉันขอโทษที นายไม่เป็นไรนะ” ผมพูดขึ้นเมื่อรู้ตัวว่าทำกับคนที่พึ่งเจอกันมากเกินไป พรางเอื้อมมือไปหวังจะจับมือคู่นั้นไว้เพื่อต้องการปลอบให้หายตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ได้รับการปฎิเสธจากคนตรงหน้าโดยการปัดมือของผมทิ้ง
“นายมันเลวที่สุดเลย ปาร์คยูชอน เสียดายที่ฉันคิดว่านายจะเป็นเหมือนเดิม แต่จริงๆแล้วนายมันแย่มากเลย”
พอพูดเสร็จเจ้าตัวเล็กนั้นก็วิ่งหนีผมไปเลย แต่ถ้าผมมองไม่ผิดผมเห็นน้ำตาของหมอนั้นเอ่อล้นออกมาจากตาคู่สวยนั้นระหว่างที่ต่อว่าผมอยู่ แต่ว่าไอ้ท่าทางแบบนี้ลักษณะการพูดแบบนี้มันคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ทำไมคิดไม่ออกนะ....
........
.............
“จุนซู นายไม่เป็นไรนะ ทำไมอยู่ๆนายก็ไปขัดขาเจ้านั้นจนเขาล้มน้ำเลยหกลดพวกรุ่นพี่หมดเลยหละ รู้ไหมถ้าฉันดึงนายออกมาไม่ทันอะไรจะเกิดขึ้น”
ผมที่กำลังนั่งแอบฟังการกล่าวโทษของรุ่นพี่ยูชอนและรุ่นพี่ยุนโฮอยู่กับจุนซู ซึ่งจากตอนแรกเราสองคนตกลงกันไว้ว่าจะเข้าไปสารภาพผิดแล้วเอาโทรศัพท์ของรุ่นพี่ไปแลกกับลูกบอลของจุนซู แต่แล้วอยู่ๆก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อรุ่นพี่ยุนโฮอยู่ๆ ก็เข้าไปหาเรื่องรุ่นพี่แจจุงแล้วก็อุ้มรุ่นพี่แจจุงออกไปจากโรงอาหารต่อหน้าต่อตาทุกคน จนเป็นเหตุให้รุ่นพี่ยูชอนถูกกลุ่มของรุ่นพี่แจจุงซักฟอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นการใหญ่
แต่แล้วก็มีเด็กรุ่นเดียวกับผมถือถาดแก้วน้ำที่มีน้ำหวานอยู่เต็มถาดเดินผ่านมาทางผมและจุนซูพอดี ผมก็คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ จุนซูจะแกล้งขัดขาเด็กคนนั้นให้ล้มไปทางกลุ่มรุ่นพี่จนน้ำหวานในถาดหกกระจายเต็มไปหมด ดีที่ผมไว้พอที่จะรีบดึงมอจุนซูออกมาจากที่เกิดเหตุพอดี
“นายบ้าไปแล้วแน่ๆ จุนซูที่ไปสร้างเรื่องแบบนั้น ฉันว่าเรื่องราวมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว เพราะดูเหมือนรุ่นพี่ยุนโฮจะเข้าใจผิดว่ารุ่นพี่แจจุงเป็นคนเตะบอลใส่หน้ารุ่นพี่ยูชอน ฉันว่าเรารีบไปสารภาพผิดแล้วเอาโทรศัพท์ไปคืนรุ่นพี่กันดีกว่า ก่อนที่เรื่องราวมันจะใหญ่โตไปกว่านี้”
ผมที่กำลังเดินจูงมือจุนซูไปทางหลังตึกเรียน เพื่อหวังจะตกลงเรื่องราวที่เราสองคนเป็นคนก่อจนทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน ก็ต้องแปลกใจที่เพื่อนรักของผมเดินตามมาเงียบผิดปกติ
“ที่ฉันพูดไปนายได้ยินไหมเนี่ยจุนซู” ผมหยุดเดินเมื่อมาถึงที่หมายที่คิดว่าเงียบพอที่จะไม่มีใครเข้ามาได้ยินสิ่งที่ผมกำลังพูดอยู่ตอนนี้ แล้วหันไปหาเพื่อนผมที่ดูเงียบผิดปกติ แต่เมื่อผมหันไปก็เจอเข้ากับคำตอบที่ทำให้ผมแทบหยุดหายใจ
“ได้ยินสิ ได้ยินหมดทุกอย่าง แต่ที่ฉันไม่ตอบ เพราะว่าฉันไม่ใช่จุนซูเพื่อนนายหนะสิ” จุนซูเพื่อนที่ผมหลงคิดว่าใช่ มาตลอดกลับกลายมาเป็นรุ่นพี่หน้าคมคิ้วเข้มนามเชวซึงฮยอนไปซะได้ แล้วที่ผมพาเดินมาตั้งไกลแถมยังสารภาพความผิดของตัวเองซะหมดเปลือกขนาดนี้ถ้ารอดไปได้ก็ปราฏิหารแล้วหละซึงรีเอ๋ย.....
“ค..คือ..รุ่นพี่”
ผมได้แต่อุทานคำนั้นออกไปเพราะตอนนี้หัวของผมขาวโพลนไปหมด นึกสภาพตัวเองไม่ออกเลยว่าศพจะออกมาแบบไหน ใครๆก็รู้ว่ารุ่นพี่ท็อปหรือเชวซึงฮยอนซึ่งดันมาชื่อเดียวกับผมเป็นลูกใคร อยู่ในฐานะใดตอนนี้ โอ้...พระเจ้าครับ อย่าพึ่งมาพรากชีวิตน้อยๆ ของอีซึงฮยอนคนนี้เลยได้โปรดเถอะครับ
บาปกรรมใดๆ ที่กระผมอีซึงฮยอนได้กระทำลงไปเกิดจากความไม่ตั้งใจและการยุยงของเจ้าเพื่อนตัวดีคิมจุนซูทั้งสิ้น ถ้าจะผิดซึงรีคนนี้ก็ผิดนิดเดียวตรงที่หูเบาไปหน่อย(โยนความผิดกันเห็นๆเลยนะค่ะหนูซึงรี/ไรท์เตอร์)
“ใช่ฉันเอง แล้วเรื่องที่นายพูดมาเมื่อกี้ ตกลงมันหมายความว่ายังอธิบายมาให้หมดเดี๋ยวนี้” รุ่นพี่ท็อปเค้นผมเสียงแข็ง พร้อมทั้งเดินต้อนผมจนติดกำแพง แล้วใช้แขนทั้งสองข้างยันกำแพงไว้เพื่อกันผมคิดหลบหนี ผมได้แต่เบนหน้าหลบตาคมคู่นั้นที่เหมือนจะสามารถดูดวิญญาณผมออกจากร่างได้ถ้าผมเผลอหันไปสบตา
ผมได้แต่ก้มมองพื้น แอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเมื่อมือไม้ผมตอนนี้เย็นไปหมด ระบบการทำงานในร่างกายผมปั่นป่วนจนทำอะไรไม่ถูกเหงื่อที่ไม่รู้มาจากไหนทั้งๆที่ตอนนี้ไม่ใช่หน้าร้อนสักหน่อยก็ผุดขึ้นเต็มหน้าผากของผมเต็มไปหมด ผมควรทำยังไงดี
“ตกลงนายจะพูดหรือไม่พูด”
รุ่นพี่ท็อปยังคงมุ่งมั่นเค้นความจริงจากผม ผมได้แต่เม้มปากแน่นไม่กล้าจะเอ่ยปากตอบอะไรออกไปเพราะกลัวว่าจะพลาดพูดไม่เข้าหูคนตรงหน้าเขาแล้วอาจจะเป็นเหตุให้หมดลมหายใจเร็วกว่าเดิม จึงได้แต่กรอกตามองเพียงพื้นแล้วภาวนาให้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงฝันร้ายเพียงเท่านั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง
“ดี... ไม่พูดใช่ไหม ได้...ถ้างั้นก็ไม่พูดให้มันตลอดนะ เพราะถ้านายพูดหลังจากนี้ฉันก็จะไม่ฟังใดๆ ทั้งสิ้นแล้วคอยดูว่าใครมันจะอดทนได้นานกว่ากัน”
พอจบประโยคผมรู้สึกได้เลยว่าเสียงห้าวทุ้มของคนตรงหน้าใกล้เข้ามาเหมือนกระซิบอยู่ข้างหู ก่อนที่ผมจะเริ่มรู้สึกปั่นปวนมากกว่าเดิม เมื่ออยู่ๆ ก็รู้สึกถึงความร้อนชื่นบริเวณซอกคอผม สัมผัสที่ทำเอาผมแทบละลาย
ดีว่ามีแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของคนตรงหน้าโอบเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ พร้อมทั้งมืออีกข้างที่เหมือนแท่งเหล็กร้อนที่สัมผัสไปตรงไหนก็เหมือนจะเผาไหม้ทุกอย่างที่ได้สัมผัส คลายเน็ทไทผมออกแล้วปลดกระดุมเสื้อผมอย่างรวดเร็วเพื่อให้สามารถเล่นสนุกกับบริเวณซอกคอผมได้มากขึ้น
แต่เหมือนจะยังไม่พอใจมืออีกข้างที่โอบผมอยู่เริ่มอยู่ไม่สุขดึงเสื้อเชิ้ตของผมออกนอกกางเกง แล้วไรมือเข้าไปสำรวจผิวของผมใต้สาบเสื้อแบบย่ามใจ
ผมทั้งพยายามทั้งทุบทั้งดันตัวออกจาการเกาะกุมแต่เหมือนจะไม่เป็นผล กลับเป็นการเพิ่มฝืนเข้ากองไฟเสียด้วยซ้ำ เมื่อรู้สึกว่าคนตรงหน้าพยายามจะฝากรอยที่ระลึกจากความดื้อดึงของผมไว้ทั่วทั้งซอกคอและแนวไหปลาร้าทั้งสองข้าง
“พ..พอ..แล้ว..ผ..ผมยอมแล้ว” ผมเอ่ยขึ้นอย่างอยากลำบาก
“ฉันบอกนายแล้วไงว่า หลังจากนี้ไม่ว่านายจะพูดฉันก็จะไม่ฟัง” คนตัวโตกว่ากระซิบเสียงทุ้มที่ติดแหบนิดๆขึ้นที่ข้างหูผมอีกครั้งพร้อมทั้งเป่าลมร้อนเข้ามาที่ใบหูเหมือนต้องการจะแกล้งผมเล่นอีก
“ตอนแรกว่าจะแกล้งเล่นๆ แต่ดูเหมือนว่านายมันชักจะน่าสนใจแล้วสิ” พูดขึ้นทั้งๆที่ยังไม่ละริมฝีปากจากใบหูผมสักนิด จนผมได้แต่พยายามบี่ยงหลบ น้ำตาจนความกดดันเริ่มเอ่อล้นขึ้นมาจนรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณรอบดวงตา ลมหายใจติดขัดเหมือนมีก้อนเนื้ออะไรบางอย่างกดทับอยู่ในลำคอ
“ปล่อยผมเถอะ ผมยอมแพ้แล้ว ขอร้องหละ...อือ..อืม”
ผมที่พยายามพูดต่อรองกับคนตรงหน้าอีกครั้ง กลับต้องกลืนคำพูดของตัวเองไปซะหมดเมื่ออยู่ๆ ริมฝีปากที่เข้าใจว่ากำลังหยอกล้อกับใบหูผมอยู่ กลับมากลืนกินคำพูดทั้งหมดจากริมฝีปากผม มืออีกข้างพยายามดันท้ายทอยผมให้ปรับรับองศาบทลงโทษของคนตรงหน้าให้แนบแน่นขึ้นแต่เมื่อถึงตอนนี้สมองผมกลับไม่รับรู้สิ่งอื่นใดอีกต่อไปแล้ว รู้สึกเพียงโลกทั้งโลกนั้นหยุดหมุนขึ้นมาทันพร้อมสติที่เหลือน้อยนิดพลางดับวูบลงไปด้วย
***************************************
เฮ้อ....เสร็จไปแล้วจ้าอีกหนึ่งตอน คราวนี้แต่งไปแต่งมาเกือบลืมคู่พี่น้องซึงฮยอนเลยต้องยกครึ่งหลังให้เขาสักหน่อย แบบสปาร์คกันไวเกินไปไหม? อันนี้ไรท์เตอร์ขอบอกคงไม่หรอกเพราะอย่าลืมว่าเชวซึงฮยอนคาสโนว่าตัวพ่อ....ส่วนยุนแจตอนหน้าจะให้เขาสองคนแบบเต็มสตริมอีกแน่นอน ตอนนี้ไรท์เตอร์รักอาการปวดใจใกล้หายดีแล้วเพราะยังไง ที่แจร้องเพลงนั้นให้ยุนเพราะคิดถึงความรู้สึกของยุนอยู่ตลอดเวลานั้นเอง ถึงยังไงยุนแจก็ยังมีกันและกันตลอดเวลาแหละใช่ไหมหละ....
สิ่งที่เยียวยาอีกอย่าง เห็นแหวนที่นิ้วนางยุนหรือไม่คงจำกันได้เนอะว่ามันมาจากไหน เขายังใส่มันอยู่บันไซๆๆๆๆๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น