คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Level_4 《Rewrite》
“นายชื่ออะไรนะ”
แจ๊คสันเจ้าของรถ Audi RS 7 สีดำเอ่ยถามผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยกันแต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความเงียบเท่านั้น
เขาจึงหันไปมองเด็กหนุ่มที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆคิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเด็กอะไรไม่มีมารยาทผู้ใหญ่ถามยังทำเป็นหูทวนลมอีก
“ฉันถามว่านายชื่ออะไรได้ยินไหม”
คราวนี้เขาเพิ่มระดับความดังของเสียงมากขึ้นแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อเด็กหนุ่มยังคงนั่งเล่นโทรศัพท์ต่อไปโดยไม่แม้แต่จะหันมาทางเขา
แจ๊คสันเป่าลมออกปากช้าๆเพื่อปรับอารมณ์ที่เริ่มครุกรุ่นให้เย็นลงก่อนจะเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง
“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย ตกลงนายชื่ออะไร”
เงียบ...ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับใดๆ และนั่นทำให้เส้นความอดทนที่มีขาดลงมือหนาคว้าโทรศัพท์ในมือเด็กหนุ่มมาอย่างถือวิสาสะ
“เฮ้ย !!! เอาคืนมากำลังตีบอสอยู่เห็นไหมเอาคืนมานะเว้ย”
ยองแจหันไปโวยวายใส่คนข้างๆทันทีที่โดนแย่งของสำคัญไป แน่นอนว่านอกจากเงินแล้วสิ่งที่สำคัญรองลงมาก็คงจะหนีไม่พ้นโทรศัพท์มือถือซึ่งเขาก็ต้องขอยืดอกยอมรับแบบแมนๆเลยว่านาย ชเว ยองแจ เป็นบุคคลที่ติดโทรศัพท์มากถึงมากที่สุดเขาไม่สามารถอยู่ได้ถ้าไม่มีมัน
“ไม่...จนกว่านายจะหันมาตั้งใจฟังที่ฉันพูด”
Game
Over เสียงสิ้นสุดเกมดังขึ้นเรียกความสนใจจากทั้งคู่ได้ไม่น้อยยองแจรีบคว้าโทรศัพท์มาดูทันทีก่อนจะสบถออกมาเล็กน้อยและหันไประเบิดอารมณ์ใส่คนขับที่ตอนนี้นั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ด้านข้าง
“เล่นบ้าไรวะ รู้ไหมกว่าจะเล่นมาถึงด่านนี้ต้องใช้เวลาขนาดไหน”
ยองแจเผลอโวยวายออกมาอย่างหัวเสีย
“ใครสน...ก็นายอยากมากวนฉันก่อนทำไม ถ้าตอบแต่แรกก็จบแล้ว”
“และจะอยากรู้ไปทำไม ถามเซ้าซี้อยู่ได้ น่ารำคาญ”
“มันจะมากไปแล้ว กูเป็นรุ่นพี่มึงนะระวังปากหน่อย อย่าให้มันมากนัก”
แจ๊คสันกดเสียงต่ำอย่างเหลืออดมีอย่างที่ไหนตัวเองผิดเห็นๆยังยื่นหน้ายื่นตาเถียงเขาฉอดๆเพื่อนน้องก็เพื่อนน้องเหอะ
กวนตีนมากๆระวังจบไม่สวย
เงียบ..ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดมาจากยองแจอีกจะมีก็เพียงแววตาวาวโรจที่จ้องมาที่เขาเขม็ง
“เงียบทำไม...ทำไมไม่เถียงอีกล่ะ แล้วอย่าคิดว่าเป็นเพื่อนไอ้แบมกูจะไม่กล้านะ”
แจ๊คสันไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไปเขาหักพวงมาลัยเข้าไปจอดข้างทางก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับรุ่นน้องร่วมสถาบัน
“จ้องหน้ากูนี่จะเอายังไง พูดด้วยดีๆไม่ชอบใช่ไหม”
แจ๊คสันเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาส่วนยองแจก็ยังคงจ้องคนข้างๆไม่วางตาและนั้นทำให้แจ๊คสันหมดความอดทน
เขากระชากคอเสื้อรุ่นน้องทำให้ยองแจเอนไปตามแรงกระชากแต่ก็ไม่วายยังคงจ้องหน้าแจ๊คสันนิ่ง
สายตาที่เคยวาวโรจแปลเปลี่ยนเป็นร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนน้ำตาจะค่อยๆซึมออกมาจากหางตาไหล่ผ่านข้างแก้มนวลและหยดลงบนมือหนาที่ตอนนี้กำคอเสื้อเขาเอาไว้แน่น
“เอาสิ จะต่อยก็ต่อยเลยรอไรล่ะ”
ยองแจเอ่ยท้าทายด้วยเสียงสั่นเครือเขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าโกรธอะไรเขานักหนาถึงต้องโมโหใส่เขาขนาดนี้แต่ถ้ามันจะทำให้เรื่องบ้าๆนี้จบเขาก็พร้อมจะเผชิญกับมัน
“จะร้องทำไม”
แจ๊คสันถอนหายใจนิดๆก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากคอเสื้อรุ่นน้องและเอื้อมไปหยิบทิชชู่ที่เบาะหลังมายื่นให้เด็กขี้แย
“เช็ดซะ...แค่นี้จะร้องทำไมกูยังไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย
ทำเป็นขี้แยไปได้”
“ว่าใครขี้แย แล้วก็ไม่ต้องมาทำเป็นตบหัวแล้วลูบหลังนะไม่อิน”
ยองแจปัดมือหนาออกก่อนจะใช้หลังมือเช็ดน้ำตาและหันไปเปิดประตูรถ แต่ก็ถูกมือหนารั้งเอาไว้ แจ๊คสันคว้าข้อมือรุ่นน้องให้กลับมานั่งตามเดิมพร้อมกับกดล็อครถเพื่อกันอีกฝ่ายหนี
“ปล่อย...จะลงมาจับทำไม”
“จะไปไหน ยังไม่ถึงเลยอีกตั้งไกล”
“ไม่มีอารมณ์ไปแล้วจะกลับบ้าน ปล่อย !!!”
“งั้นเดียวไปส่ง”
พูดจบแจ๊คสันก็เข้าเกียร์และออกรถทันทีบรรยากาศภายในรถตอนนี้ไม่ต่างจากห้องดับจิตเท่าไหร่นักมันช่างเงียบ
วังเวง และหนาวเย็นเพราะร่างหนาเร่งแอร์จนเย็นฉ่ำไปทั้งรถ สายตาที่ควรจับจ้องบนถนนบัดนี้กลับต้องคอยหันมองคนข้างๆเป็นระยะ
ทำไมคนที่ไม่เคยยอมใครอย่างหวัง แจ๊คสัน ต้องมายอมอ่อนข้อให้เด็กที่เพิ่งเจอกันด้วย
ทำไมวะ ???
“บ้านนายอยู่ที่ไหนล่ะ”
เงียบไร้ซึ่งเสียงตอบกลับจากอีกฝ่ายเช่นเคย
“เลิกเล่นสงครามประสาทแล้วหันมาคุยกันดีๆได้ไหม แค่พูดนี่ดอกพิกุลไม่ล่วงหมดปากหรอกน้า”
แต่ยองแจก็ยังคงเงียบแทนคำตอบทำให้แจ๊คสันหลุดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“โอเคๆ ขอโทษที่เมื่อกี้อารมณ์ร้อนไปหน่อย
เลิกงอนได้แล้วน่า”
“ใครงอน พูดให้มันดีๆ”
“ก็นายไง ดูดิงอนจนหน้ายับยู่ยี่ขนาดนี้ยังมีหน้ามาถาม”
“ก็บอกว่าไม่ได้งอน พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”
“อะๆไม่งอนก็ไม่งอน แล้วตกลงบ้านอยู่ไหนเดียวไปส่ง”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวจอดตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้านั่นแล้วกัน”
“เฮ้ย...ได้ไงถ้าไอ้แบมรู้ว่าพี่เอาเรามาทิ้ง พี่ก็โดนมันเล่นดิ”
ยองแจหันไปมองคนข้างๆด้วยความประหลาดใจเมื่อกี้แทนตัวเองว่าพี่ใช่ไหม
หรือเขาจะหูฝาดไปเอง
“บอกมาเถอะว่าบ้านอยู่ไหนพี่ไปไม่ถูกหรอกนะ ถ้า...”
แจ๊คสันเว้นวรรคเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ทำให้ยองแจมองท่าทางของอีกฝ่ายด้วยสีหน้างงๆ
“ฮัลโหล ไอ้แบมเพื่อนมึงที่มากับกูนี่ชื่ออะไรนะ อ๋อ เออๆ
เฮ้ยอย่าพึ่งวางวันนี้เฮียไม่ไปแล้วนะฝากบอกไอ้มาร์คด้วยส่วนเพื่อนมึงเดี๋ยวกูไปส่งเองแค่นี้นะเจอกันที่บ้าน”
‘คนอะไรวะหลายอารมณ์ชิบหาย ประหลาดคน’
ยองแจคิดใจพร้อมกับมองการกระทำของแจ๊คสันอยู่สักพักก่อนหลุดขำออกมา ทำให้แจ๊คสันเห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้าเป็นครั้งแรกและนั้นก็ทำให้หัวใจของเขาเริ่มเต้นแปลกๆอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
“ยิ้มก็เป็นนิ ชเว ยองแจ
เวลายิ้มน่ารักกว่าตอนร้องไห้ตั้งเยอะ”
“นี่พี่เป็นไบโพล่ารึเปล่า ทำไมเดียวดีเดียวร้าย”
“คงงั้นมั้ง” แจ๊คสันเอ่ยพร้อมยักไหล่กวนๆไปให้อีกฝ่าย
“สรุปพี่จะไปส่งผมให้ได้ใช่ไหม”
“ใช่ บอกที่อยู่นายมาซะ
ไม่งั้นพี่จะพานายกลับบ้านพี่แทน”
“เฮ้อ...เอาแต่ใจดีจริงๆ”
ยองแจถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแต่ก็ยอมบอกที่อยู่ของตน
ทำให้แจ๊คสันยกยิ้มอย่างพึงพอใจที่สามารถทำให้รุ่นน้องยอมทำตามที่เขาต้องการได้จนเผลอยกมือหนาไปขยี้หัวร่างสมส่วนจนยุ่งเหยิงไปหมด
“ก็แค่เนี่ยดื้อไม่เข้าเรื่อง”
“พอๆๆ หัวยุ่งหมดแล้ว”
ยองแจเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับมือที่ขยี้หัวตนเองออกไป
“ยองแจ...ชเว ยองแจ...ยองแจอ่า”
“เรียกทำไมนักหนาเนี่ย เป็นพวกย้ำคิดย้ำทำรึไง”
“ป่าว...ก็แค่อยากเรียกไม่ได้รึไง”
“ประสาท แต่จะว่าไปผมก็ยังไม่รู้ชื่อพี่เลยนิ”
“นั้นสิ...งั้นก็ตั้งใจฟังนะ ชเว ยองแจ เพราะนายจะไม่มีวันลืมชื่อนี้แน่นอน”
ยองแจเอียงคอมองร่างหนาด้วยความสงสัย
อะไรของเขาพูดอะไรเข้าใจยากจริงๆ
“พี่ชื่อ หวัง แจ๊คสัน เป็นลูกคนเดียวและเป็นลูกพี่ลูกน้องกับไอ้แบม พี่ชอบสีดำ อารมณ์ร้อน เป็นพวกโกธรง่ายหายเร็ว แต่รักเดียวใจเดียวถ้าตกหลุมรักใครแล้วจะไม่ยอมปล่อยคนๆนั้นไปง่ายๆเพราะฉะนั้นนายเตรียมตัวเอาไว้ให้ดีๆเถอะ ชเว ยองแจ”
แจ๊คสันหันไปยักคิ้วให้ร่างสมส่วนที่ตอนนี้จิตหลุดไปเรียบร้อยแล้วยองแจไม่ใช่คนโง่และไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าคนตรงหน้าหมายถึงอะไรแต่เขาแค่ไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงก็เท่านั้น
ตัดมาที่หนูแดงแลมโบกีนี่สุดหรูของมาร์คต้วน ซึ่งตอนนี้บรรยากาศภายในรถดูมาคุอยู่ไม่น้อยก็ตั้งแต่ที่มาร์คเอ่ยประโยคนั้นออกไปทั้งสองคนก็ยังไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนโทรศัพท์ของแบมแบมดังขึ้นเรียกความสนใจจากทั้งสองคนได้ในทันที
“ฮัลโหล ว่าไงเฮียมีอะไรรึเปล่า อ๋อ...มันชื่อยองแจ ชเว ยองแจ โทรมาแค่อะนะ โอเคเดี๋ยวบอกให้ แค่นี้นะ”
แบมแบมวางสายจากพี่ชายและนั่งเงียบอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจพูดบางอย่างออกมาในที่สุด
“เฮียแจ๊คโทรมาบอกว่าไปไม่ได้แล้ว”
“อืม”
มาร์คเลือกที่จะตอบรับห้วนๆแต่ก็ไม่วายหันไปมองร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ
“มองไร ขับไปดิ”
“มองก็ไม่ได้ ขี้หวงจังวะ”
“ไม่ได้หวงแต่กลัวตาย และนี่ใกล้จะถึงรึยังหิวแล้ว”
“ยัง...ถ้าหิวมากงั้นแวะซื้อไรกินก่อนไหม ข้างหน้ามีปั๊ม”
“เอาดิ...อยากเข้าห้องน้ำพอดี”
มาร์คพยักหน้ารับก่อนตบไฟเลี้ยวเข้าไปจอดในปั๊มเมื่อรถจอดสนิทแบมแบมก็ลงจากรถแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำโดนไม่สนใจคนข้างๆแม้แต่น้อย
“ให้มันได้อย่างงี้สิ งานนี้ดูจะไม่หมูซะแล้ว”
มาร์คบ่นกับตัวเองเขาลงจากรถแล้วเดินไปยังร้านสะดวกซื้อภายในปั๊มเพื่อซื้อของกินให้ร่างบาง
มาร์คเลือกซื้ออยู่ไม่นานก็เดินกลับไปที่รถแต่สิ่งที่เห็นทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาอย่างประหลาด
ก็ตอนนี้ร่างบางกำลังยืนหัวเราะต่อกระซิกกับสาวสวยที่จอดรถอยู่ติดกันอย่างออกรสออกชาติเรื่องที่เด็กนี่เจ้าชู้เขาก็พอจะได้ยินจากไอ้จินยองมาบ้างแต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้
“แบมแบมไปกันได้แล้ว”
เสียงทุ้มต่ำดังขัดการสนทนาของร่างบางกับสาวงามได้เป็นอย่างดี
แบมแบมหันไปมองร่างสูงนิ่งๆก่อนจะหันไปกระซิบข้างหูหญิงสาวทำให้เจ้าหล่อนหัวเราะออกมาไม่หยุด
ก่อนหญิงสาวจะยื่นโทรศัพท์ในมือตัวเองไปให้ร่างบาง อย่างว่าง่าย
“เอาเบอร์ผมไว้ ถ้าเหงาก็โทรมาได้ตลอดนะ แล้วเจอกันครับ”
แบมแบมกดเบอร์ของเขาให้หญิงสาวเจ้าหล่อนรับโทรศัพท์ไปถือพร้อมกับส่งยิ้มหวานกลับมา
แบมแบมเองก็ส่งยิ้มกลับไปพร้อมก้าวขึ้นไปนั่งบนรถแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปโบกไม้โบกมือล่ำลาหญิงสาวด้วยความอาลัยอาวรณ์
มาร์คที่เห็นอีกฝ่ายขึ้นรถแล้วจึงขับออกไปด้วยความเร็วทันที
“จะรีบไปตายรึไงขับช้าๆก็ได้ แล้วนี่พี่เป็นอะไร”
แบมแบมถามออกมาแต่อีกฝ่ายเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบ
“ไม่พูดก็ตามใจ”
“กูแค่ไม่ชอบที่มึงทำ”
“ทำอะไร”
“ก็ที่ไปยืนคุยกับผู้หญิงคนนั้นไง”
“ทำไมพี่ไม่พอใจเหรอ”
“เออ...กูไม่ชอบทีหลังอย่าทำอีกนะ”
“พี่นี่ตลกจังแค่นี้ก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว พี่ลืมไปรึเปล่าว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันพี่ยังไม่ได้เริ่มจีบผมด้วยซ้ำ”
มาร์คสตั้นไปเล็กน้อยหลังจากได้ยิน
‘ก็จริงอย่างที่มันพูด กูยังไม่ได้เป็นอะไรกับมันซะหน่อยมีสิทธิ์อะไรไม่พอใจมันวะ โอ๊ย...ไอ้มาร์คมึงนี่ชักเป็นเอามากแล้วนะ
ใจเย็นๆตั้งสติหน่อย’ เสียงในหัวดังขึ้น
“พี่รู้อะไรไหมเวลาพี่โมโหก็น่ารักดีนะ หูงี้แดงเชียว”
อยู่ๆแบมแบมก็จับหน้าร่างหนาให้หันมาทางตนก่อนใช้มือทั้งสองข้างเอื้อมไปจับหูอีกฝ่ายแล้วคลึงไปมาเบาๆ
“คิดจะยั่วกูรึไง”
มาร์คจับข้อมือทั้งสองข้างของร่างบางเอาไว้ พร้อมกับจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตตรงหน้าร่างบางก็จ้องตอบพร้อมกับยักไหล่ให้เขา
“อย่าทำแบบนี้ได้ไหม อย่าแกล้งยั่วทั้งๆที่รู้ว่ากูคิดยังไงกับมึง”
“งั้นพี่ก็พิสูจน์สิว่าพี่ชอบผม ทำให้ผมเชื่อให้ได้และจนกว่าจะถึงวันนั้น พี่ก็ต้องยอมรับสันดานผมให้ได้เหมือนกัน”
แบมแบมดึงมือกลับมาจากการจับกุมของมาร์ค ร่างหนาจึงเอาแต่มองอีกฝ่ายอยู่แบบนั้นเพราะเขาไม่รู้จริงๆว่าตัวตนที่แท้จริงของคนตรงหน้าเป็นยังไงกันแน่
“ตกลงกูจะทำให้มึงเห็น แต่กูขอเรื่องนึงได้ไหม”
“เรื่องอะไร ???”
“ช่วงนี้มึงช่วยลดความเจ้าชู้ลงหน่อยได้ไหมกูไม่รู้หรอกนะว่าเมื่อก่อนมึงเป็นยังไงแต่ตอนนี้ถือว่ากูขอได้ไหม”
“ผมก็บอกพี่ไปแล้วไงว่าถ้าพี่คิดจะจีบผม
พี่ต้องรับสันดานผมให้ได้ และนั้นก็เป็นหนึ่งในสันดานที่ผมแก้ให้ไม่ได้”
“โอเค...งั้นกูขอเวลาหนึ่งเดือนจีบมึงแต่ระหว่างนี้มึงห้ามไปมีอะไรกับใคร
กูขอแค่นี้พอไหวไหม”
“ผมยังให้คำตอบตอนนี้ไม่ได้
แต่จะรับไว้พิจารณาก็แล้วกัน”
“ตกลงตามนั้นหนึ่งเดือนต่อจากนี่กูจะเปลี่ยนใจมึงให้ได้แบมแบม
“
“แล้วผมจะรอดูว่าพี่เก่งแต่ปากรึเปล่า”
ร่างบางเอ่ยก่อนจะหันหน้าออกไปด้านนอกปล่อยให้มาร์คมองมาที่เขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง
ส่วนมาร์คเองก็กำลังคิดอย่างหนักว่าทำไมคนอย่างเขาต้องยอมทำตามที่เด็กนี่บอกทั้งๆที่เขามีทางเลือกอีกมากมาย หรือแท้จริงแล้วเขาก็แค่อยากเอาชนะคนตรงหน้าเท่านั้น มาร์คมองอีกฝ่ายไม่นานก็หันกลับไปสนใจท้องถนนตรงหน้าอีกครั้ง ส่วนร่างบางที่มองออกไปด้านนอกก็หันกลับมามองคนขับที่ตอนนี้มองตรงไปด้านหน้า แบมแบมจ้องอีกฝ่ายอย่างใช้ความคิด คำถามมากมายพรั่งพรูเข้ามาในหัวก่อนที่เขาจะสลัดมันออกไปด้วยการหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเพื่อเบนความสนใจ
‘จะคิดไปทำไมให้ปวดสมองวะ
เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ที่ไหน...ไร้สาระ ‘
แบมแบมคิดในใจเพราะต่อให้เขาชอบลองอะไรแปลกใหม่มากขนาดไหนแต่เรื่องจะให้เปลี่ยนมารักเพศเดียวกันก็ไม่เคยอยู่ในหัวของเขาเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าเขาเคยถูกผู้ชายขอเบอร์แต่ก็ปฏิเสธไปแทบทุกครั้ง คงต้องยอมรับว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่แนวของเขาจริงๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
<<<< Audi RS 7 ของแจ็คสัน
>>> TBC <<<
เริ่มมีบทบาทกันแล้วสำหรับคู่ แจ็คแจ ส่วนคู่หลักของเราก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปมาคอยลุ้นไปพร้อมๆกันน้า
อ่านแล้วติชมได้ตามชอบ และฝาก #ฟิคลองของ ไว้ด้วยนะคะ
ความคิดเห็น