คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Level_11《Rewrite》
ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วตั้งแต่วันที่ผมท้าไอ้รุ่นพี่หัวเทาแข่งบาสแต่ก็โดนเบี้ยวตลอดชอบทำเป็นอ้างนู้นอ้างนี้ไม่ว่างบ้างล่ะ มีซ้อมบ้างล่ะพูดแล้วของจะขึ้น
“เป็นเหี้ยไรนั่งทำหน้าเหมือนหมาแดกแฟ้บอยู่ได้”
เสียงไอ้หมีควายยูคยอมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมดังขึ้นเพราะตอนนี้ผมไอ้ยองแจและไอ้ยูคยอมมาทำเรื่องเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเคมหาลัยชื่อดังที่ถูกขนานนามว่าเข้ายากสุดๆและแน่นอนผมใช้โควต้านักกีฬาในการเข้าเรียนที่นี่
“เสือก”
“สัส..ตอบดีๆบ้างได้ไหม”
“จำเป็นเหรอ...ทำอย่างกับมึงถามกูดีนักนิ แล้วนี่ไอ้จินยองใกล้จะถึงรึยัง
ช้าชิบหาย”
“แล้วทำไมมึงไม่โทรไปถามมันล่ะ”
ไอ้ยองแจพูดขึ้นบ้างหลังจากนั่งเงียบอยู่นาน
“กูโทรแล้วแต่มันไม่รับ ตั้งแต่มีแฟนนี่ลืมเพื่อนลืมฝูงเลย”
“นินทาไรกูไอ้แบม”
เสียงไอ้จินยองดังมาจากทางด้านหลัง
พวกผมสามคนเลยหันกลับไปมองทำให้เห็นว่าพี่แจบอมก็เดินตามหลังมันมาด้วย แหม..ตั้งแต่ได้กันนิห่างกันไม่ได้เลยสินะน่าหมั่นไส้
“กูด่าไม่ได้นินทากว่าจะเสด็จนะมึง”
“ก็มาแล้วนี่ไง“
“เฮียเจบี หวัดดีครับ”
ไอ้ยูคยอมหันไปทักทายรุ่นพี่ตาตี๋ที่เดินคู่มากับไอ้จินยอง
ผมกับไอ้ยองแจเลยหันไปทักทายพี่เขาเช่นกัน พี่เขาเลยพยักหน้ารับนิดๆ
“และนี่พวกมึงยื่นเรื่องกันเรียบร้อยรึยัง”
“ยัง...ก็รอมึงอยู่คนเดียวเนี่ย“
“งั้นไปยื่นเรื่องกัน พี่จะมาด้วยไหม”
ไอ้จินยองพูดกับพวกผมก่อนหันไปถามแฟนมันที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ไม่ดีกว่าว่าจะไปหาเพื่อนซะหน่อยทำเรื่องเสร็จก็โทรมาและกัน”
ไอ้จินยองพยักหน้ารับพี่แจบอมเลยขยี้หัวมันเล็กน้อยก่อนเดินผละไปอีกทาง
“เอ้าๆ ยืนยิ้มอยู่นั่นเมื่อไหร่จะได้ไปยื่นเรื่อง”
ผมเอ่ยแซะไอ้จินที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองตามพี่แจบอมไม่วางตา
“ขี้อิจฉา...กูบอกแล้วว่าถ้ามึงตกลงเป็นแฟนกับพี่มาร์คไปซะ ก็ไม่ต้องมาคอยอิจฉากูแบบนี้หรอก”
“ให้มันน้อยๆหน่อย ใครอิจฉามึงกูรำคาญ จะตัวติดกันไปไหนวะเห็นแล้วหมั่นไส้ กลัวคนเขาไม่รู้หรือไงว่าได้กันแล้วและจะไปยื่นเรื่องได้ยัง”
“มึงขี้บ่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้แบม บ่นไม่เลิกสักที เมนไม่มาไง”
ไอ้จินยองพูดกลับมาด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่วันที่พี่มาร์คเบี้ยวแข่งบาสกับมันแล้ว ไม่รู้จะหงุดหงิดเหี้ยไรนักหนาไหนบอกไม่ชอบเขาไง”
เป็นไอ้ยูคยอมที่พูดขึ้นมาพร้อมกับมองผม
“ก็ไม่ชอบไงแค่อยากแข่งให้มันจบๆไปแบบนี้มันคาใจเว้ย”
“เหรอ...ไม่ใช่ว่าอยากเป็นแฟนพี่มันจนตัวเนื้อสั่นเหรอ กูถามจริงนะมึงคิดว่าจะเอาชนะพี่เขาได้จริงๆเหรอวะ
“
“เออดิ มันต้องได้มาเป็นทาสกูแน่ ไม่เชื่อพวกมึงคอยดู”
“มั่นหน้าเหลือเกินนะมึง แพ้ขึ้นมาอย่าโวยวายแล้วกัน พวกกูไม่ช่วยนะบอกไว้ก่อน
“
“กูไม่แพ้แน่ แต่ตอนนี้ไปยื่นเรื่องให้เสร็จๆได้ไหม กูต้องไปทำอย่างอื่นต่อ”
“อ้าว...มึงมีนัดต่อเหรอไอ้แบม กูว่าจะชวนไปแดกเหล้าซะหน่อย”
ไอ้ยูคยอมหันมาพูดกับผม
“เออ..กูนัดเด็กไว้ แต่ถ้าเสร็จเร็วอาจตามไป มึงไปแดกร้านไหนก็ไลน์บอกกูและกัน”
“ถี่ไปรึเปล่ามึง คือมึงกะจะฟันสาวจนทำลายสถิติโลกเลยรึไง เพลาๆบ้างเหอะว่ะ
กูกลัวมึงติดโรค”
“ห่านิ...มึงจะแช่งกูทำไม กูป้องกันทุกครั้งเว้ย”
“แต่กูว่ามึงเว้นๆบ้างก็ดีนะไอ้แบม กูสงสารน้องชายมึง เหี้ยใช้งานโคตรสมบุกสมบัน” ไ
อ้ยองแจรีบเอ่ยเสริมทัพแทบจะทันที
“พวกมึงนี่ห่วงอะไรไม่เข้าเรื่อง ไปๆไปยื่นเรื่อง น้องเขาไลน์มาตามกูแล้วเนี่ย”
พวกมันหันมองหน้ากันก่อนถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีหน่ายๆจะว่าไปผมก็ไม่ได้เซ็กจัดถึงขนาดต้องมีอะไรกับใครทุกวันหรอกแต่ผมทนเสียงเรียกร้องไม่ไหวอย่างว่าแหละครับคนลีลาเด็ดแบบผมมันหายาก พวกผมใช้เวลาในการยื่นเรื่องเข้าเรียนต่อไม่นานนักก็เสร็จเรียบร้อย
จากนั้นก็แยกย้ายกันไปโดยผมขอแยกตัวออกมาก่อนเพราะมีนัดกับน้องเกรซคนสวยเอาไว้ และขณะที่ผมกำลังก้มหน้าก้มตาเดินโดยไม่ได้สนใจใครก็บังเอิญชนเข้ากับใครบางคนจนข้าวของหล่นกระจัดกระจายไปทั่วผมรีบก้มลงเก็บของที่หล่นก่อนเอ่ยขอโทษขอโพยคนที่ผมเดินชนเป็นการใหญ่
“ขอโทษครับผมไม่ทันมอง คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“ไม่เป็นไร นายล่ะเจ็บตรงไหนไหม”
“ไม่ครับ ผมเดินไม่ดูเองต้องขอโทษจริงๆดูสิของคุณหล่นหมดเลย”
“ช่างเถอะ นายเรียนที่นี่เหรอ”
“คือผมมายื่นเรื่องขอเรียนต่อที่นี่น่ะครับแล้วคุณเรียนที่นี่เหรอ”
“ใช่ ฉันเรียนที่นี่ แล้วนายลงคณะอะไรไว้ล่ะ”
“ผมมายื่นเรื่องขอเข้าเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาน่ะครับ “
“บังเอิญจังนะ แสดงว่านายกำลังจะมาเป็นรุ่นน้องฉันน่ะสิ”
“ครับ???”
“ฉันชื่อ เซฮุน เรียนอยู่คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาเหมือนกัน”
“อ๋อครับ...ผมชื่อ แบมแบม ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่เซฮุน”
“เช่นกันนะ ฉันหวังว่าจะได้เจอนายที่คณะเร็วๆนี้ ขอให้โชคดีกับการสอบสัมภาษณ์
ยังไงฉันขอตัวก่อนสายมากแล้ว”
“ผมต้องขอโทษอีกครั้งที่เดินชนพี่นะครับ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมากหรอก”
พี่เขาหันมาโบกมือลาก่อนเดินจากไปผมมองตามไปเล็กน้อยและหันมาสนใจโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงที่สั่นไม่ยอมหยุด
“ฮัลโหล...ว่าไงคะเกรซไม่ได้เบี้ยวพอดีพี่เกินอุบัติเหตุนิดหน่อย ไม่ได้โกหกพี่เคยโกหกเราเหรอไม่เอาน่าอย่างอแงสิครับ พี่กำลังไปนะได้สิถึงแล้วเราไปหาไรกินกันเนอะแล้วเจอกันครับ”
ผมกดวางสายด้วยใบหน้าเรียบเฉยบอกตามตรงการที่ผมมีอะไรกับคนนั้นคนนี้ไปทั่วไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจเหมือนแต่ก่อนสักเท่าไหร่การมีเซ็กสำหรับผมก็คงเหมือนกับการออกกำลังกายอย่างนึงล่ะมั้งถ้าถามว่าไม่ทำได้ไหม ก็คงได้แต่ผมขอทำดีกว่าอย่างน้อยก็มีอะไรสนุกๆให้ทำแก้เซ็งและวันนี้ก็มาถึงวันประกาศผลการสอบสัมภาษณ์ว่าผมจะได้เข้ามหาวิทยาลัยเคอย่างที่ตั้งใจไว้รึเปล่า ผมกับไอ้ยูคยอมยืนหยู่หน้าบอร์ดประกาศขนาดใหญ่ที่ตอนนี้โดนลุ่มล้อมจนแทบมองไม่เห็นใช่ครับผมกับไอ้ยูคยอมลงเรียนคณะเดียวกันโดยมันใช้โควต้านักบอลในการสมัครขณะที่ผมใช้โควต้านักบาสในการสมัครผมพยายามแทรกตัวเข้าไปจนถึงบอร์ดประกาศผลและเมื่อถึงบอร์ดผมก็ค่อยๆไล่นิ้วเพื่อหาชื่อตัวเองกับไอ้ยูคยอมทันที
“เป็นไงบ้างวะ”
ไอ้ยูคยอมพุงเข้ามาหาผมแทบจะทันทีที่ผมแทรกตัวกลับออกมา
“ไม่..”
“ไอ้เหี้ยเอาดีๆไม่นี่ไม่อะไรของมึง”
“ไม่พลาดสิวะ มึงกับกูได้เรียนที่นี่แล้วเว้ย”
“เชี่ย...มึงหลอกกูปะเนี่ยไอ้แบม”
“กูจะหลอกมึงทำห่าไร บอกว่าผ่านก็ผ่านดิวะ”
“เหยด...อย่างงี้ต้องฉลองกันหน่อยแล้ว วู้ๆๆ เข้าได้แล้วโว้ยยย”
“เออ..แต่กูว่าเราไปลงชื่อที่คณะก่อนดีกว่าเดียวคนแม่งเยอะกูขี้เกียจต่อแถว”
ผมกับมันเดินออกมาจากบริเวณบอร์ดประกาศผลเพื่อเดินไปยังคณะไม่นานก็เดินมาถึงลานกว้างหน้าคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาที่ตอนนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน
ผมกับมันรีบเดินตรงไปที่โต๊ะลงทะเบียนทันที
“มาอีกสองแล้วครับผม”
เสียงรุ่นพี่คนนึงที่ยืนอยู่บริเวณโต๊ะลงทะเบียนตะโกนขึ้นทุกคนบริเวณนั้นหันมามองพวกผมเป็นตาเดียวก่อนจะมีเสียงกลองดังระงมไปทั่วผมกับไอ้ยูคยอมหันมองหน้ากันงงๆคือแค่มาลงทะเบียนต้องเล่นใหญ่เบอร์นี้เลยเหรอ
“น้องชื่ออะไรกันครับ”
พี่ที่ทำหน้าที่รับลงทะเบียนเงยหน้ามาถามพวกผม
“ผม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ครับ”
“กันต์พิมุกต์ๆ อ่า เจอแล้ว เซ็นชื่อตรงนี้นะ และน้องอีกคนชื่ออะไรครับ”
“คิม ยูคยอม ครับ”
“คิม ยูคยอม โอเคงั้นเดี๋ยวเซ็นชื่อต่อจากเพื่อนเลยนะแล้วอย่าลืมเขียนชื่อเล่นลงในป้ายที่พี่ให้ด้วยล่ะวันรับน้องจะได้เรียกกันถูก”
พูดจบพี่เขาก็ยื่นป้ายแขวนคอขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กส่งมาให้ผมกับไอ้คยอมคนละอันพวกผมสองคนเอื้อมมือไปหยิบก่อนเอ่ยรับคำ
“ครับ”
ผมกับไอ้ยูคยอมตอบพร้อมกันเสียงกลองยังดังไม่หยุดรุ่นพี่สองสามคนยืนเต้นอยู่ใกล้ๆพวกผมแล้วอยู่ๆพี่หนึ่งในนั้นก็เดินตรงมาทางผมก่อนหยุดยืนตรงหน้าพวกผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ล้วงเลยครับน้องหยิบคนละใบ”
รุ่นพี่ผิวคล้ำยื่นกล่องที่ใส่กระดาษเอาไว้ด้านในมาให้พวกผม ผมจึงล้วงมือลงไปหยิบขึ้นมาขณะที่ไอ้คยอมล่วงลงไปหยิบในกล่องอีกใบ
พอหยิบเรียบร้อยพี่เขาก็บอกให้เปิดออกดูและเมื่อผมกางกระดาษในมือออกก็พบกับคำว่า ‘เจ้าชายน้ำแข็ง’
“มันคืออะไรเหรอพี่ ไม่เห็นเข้าใจเลย”
“นั่นเป็นคำใบ้สายรหัสของน้อง พวกน้องต้องตามหาให้เจอก่อนการรับน้องจบลงถ้าไม่เจอจะมีบทลงโทษรออยู่”
“แล้วผมจะหาเจอได้ไงครับ พี่ไม่ใบ้เพิ่มหน่อยเหรอ”
“น้องจับได้อะไรล่ะ”
พี่เขาถามก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบกระดาษในมือผมไปดู
“เฮ้ยๆ...มีคนจับได้เจ้าชายน้ำแข็งแล้วเว้ย”
อยู่ดีๆพี่เขาก็ตระโกนออกมาทำให้รุ่นพี่คนอื่นๆวิ่งเข้ามามุงดูกระดาษในมือรุ่นพี่คนนั้นกันยกใหญ่
“ไหนๆเอามาให้กูดูดิ ไอ้มิโน”
รุ่นพี่อีกคนวิ่งเข้ามาแย่งกระดาษไปดูก่อนเดินตรงมาที่ผม
ผมมองรุ่นพี่คนนั้นด้วยท่าทีงงๆนี่มันอะไรกันวะทำไมทุกคนถึงได้ดูตกอกตกใจกันขนาดนี้
“น้องคนที่จับได้ชื่ออะไร”
“ชื่อ กันต์พิมุกต์ ครับว่าแต่มันทำไมเหรอพี่
ทำไมทุกคนดูแตกตื่นขนาดนี้“
“ไม่มีอะไรหรอก คือสายรหัสที่น้องจับได้เป็นสายที่รับมือยากหน่อยก็แค่นั้นเพราะสายนี้มีแต่พวกหัวๆทั้งนั้น”
“หัวกระทิเหรอพี่”
“ป่าว...หัวโจก”
“ไอ้ห่า...มึงอย่าไปขู่น้องมันดิว่ะ สายนี้เขาออกจะหน้าตาดีมีรถขับ ถึงจะปากไวไปหน่อยก็เหอะ”
รุ่นพี่ที่น่าจะชื่อมิโนมั้งถ้าผมจำไม่ผิดเอ่ยออกมาขำๆ
“แล้วทำไมทุกคนต้องตื่นเต้นด้วยล่ะพี่”
“ก็เพราะสายนี้แม่งชนะการแข่งทุกปีเลยน่ะสิ”
“แข่ง...แข่งอะไรเหรอครับ”
“เดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ”
พี่มิโนพูดยิ้มๆก่อนจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกให้ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นหันกลับไปมอง
“ยืนมุงอะไรกัน”
เสียงใครบางคนดังขึ้นข้างหลังทำให้รุ่นพี่คนอื่นๆแตกตัวออกไปคนละทิศคนละทาง
ผมหันไปมองก็เจอรุ่นพี่ที่ผมเดินชนวันก่อนพร้อมกับรุ่นพี่อีกสองสามคน เขามองมาที่ผมก่อนยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร
“อ้าว...ว่าไงแบมแบมในที่สุดก็ได้เจอกันอีกจนได้นะ”
“สวัสดีครับ พี่เซฮุน”
“และนี่ลงทะเบียนเรียบร้อยรึยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ นี่เพื่อนผมชื่อยูคยอมครับ”
ผมหันไปแนะนำไอ้ยูคยอมให้พี่เซฮุนรู้จักเขาเลยหันไปยิ้มให้มันเล็กน้อยก่อนหันมาสนใจผมอีกครั้ง
“จับคำใบ้สายรหัสแล้วใช่ไหม ได้อะไรล่ะ”
“ได้เจ้าชายน้ำแข็งครับ คือพี่พอจะรู้ไหมว่าเป็นใคร เพราะพี่คนอื่นๆดูแตกตื่นมากที่รู้ว่าผมจับได้สายนี้
“
“นายจับได้เจ้าชายน้ำแข็งเหรอ”
เสียงกดต่ำถูกส่งมาพร้อมกับคิ้วหนาที่ขมวดเข้าหากันทำให้สีหน้าของพี่เซฮุนตอนนี้ดูจริงจังขึ้นจนน่ากลัว
“ทำไมเหรอครับ ผมชักจะกลัวแล้วนะพี่”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่พวกที่ชอบวางมาดคิดว่าตัวเองเจ๋งกว่าคนอื่น”
“กำลังพูดถึงใครไม่ทราบครับ คุณประธานคณะ”
เสียงใครบางคนดังขัดขึ้น
ผมรีบหันไปทางต้นเสียงทันทีและสิ่งที่พบคือรุ่นพี่สี่ห้าคนที่กำลังเดินตรงมาทางพวกผมและหนึ่งในนั้นก็มีไอ้รุ่นพี่หัวเทาที่หายหน้าหายตาไปหลายวันรวมอยู่ด้วย
“พี่มาร์ค...มาได้ไงวะ”
ไอ้ยูคยอมยื่นหน้ามากระซิบข้างหูผม
ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบแต่จะว่าไปผมก็ไม่เคยถามพี่มันว่าเรียนที่ไหนเพราะมัวแต่เถียงกันจนไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้
“กูพูดลอยๆ ใครจะรับก็รับไป”
พี่เซฮุนหันไปพูดใส่หน้าพวกรุ่นพี่ที่พึ่งเดินมาถึงทำให้ตอนนี้พวกเขายืนเผชิญหน้ากัน
ผมได้แต่หันไปมองพี่เซฮุนสลับกับรุ่นพี่คนนั้นด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ก็อย่าให้รู้แล้วกัน อย่าคิดว่าเป็นประธานคณะแล้วจะปากดีได้นะครับคุณพี่เซฮุน”
“มึงจะทำไมกู ไอ้ฮันบิน”
พี่เซฮุนกดเสียงต่ำขณะพี่ที่ชื่อฮันบินยักไหล่กวนๆส่งกลับไปก่อนหันมามองกระดาษที่อยู่ในมือผมแล้วยิ้มออกมาด้วยท่าทีแปลกๆ พี่เซฮุนไม่ได้พูดอะไรต่อเขาเดินผละไปอีกทางด้วยท่าทีหงุดหงิดจากที่เห็นดูเหมือนว่ากลุ่มพี่เซฮุนกับกลุ่มของพี่มาร์คจะไม่ถูกกันเอามากๆผมว่ามันต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่ๆ
“โถ่ กูนึกว่าจะแน่”
พี่คนนึงในกลุ่มเอ่ยไล่หลังพวกพี่เซฮุนด้วยท่าทางเอาเรื่อง
นั่นทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่าพวกเขาคงมีเรื่องไม่กินเส้นกัน
“ปากไวไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้ฮับบิน”
พี่มิโนที่ยื่นอยู่ไม่ไกลเอ่ยแซวขำๆ
“ไวไม่ว่าเสือกปากหมาด้วยนี่สิ”
พี่อีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆพี่มิโนเสริมทัพขึ้น
ทำให้คนที่ยืนอยู่บริเวณนั้นพากันหัวเราะออกมายกใหญ่รวมถึงพี่ที่ชื่อฮันบินด้วย
+++++++++++++++++++++++++++++++++
>>> Talk <<<
การปรากฎตัวของเซฮุนจะมีอะไรให้ตื่นเต้นเร้าใจขนาดไหนหรือไม่ต้องติดตามนะจ๊ะ
#ฟิคลองของ
ความคิดเห็น