คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : การเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 2 เพื่อนหรอ...ผมไม่ต้องการหรอก
บทที่ 2 เพื่อนหรอ...ผมไม่ต้องการหรอก
ผมเบื่อความวุ่นวาย ทำไมพระเจ้าต้องประทานความวุ่นวายเข้ามาในชีวิตของผมด้วยก็ไม่รู้ ผมรู้สึกว่าความวุ่นวานเหล่านี้มันมากเกินไปแต่ผมก็สามารถรับมือกับมันได้ ถึงแม้ว่าผมจะโดนมองเป็นอย่างอื่นก็ตามผมก็ไม่สน ถ้าสามารถกำจัดความวุ่นวายนั้นออกไปจากชีวิตของผม
เมื่อวานหลังจากที่ผมออกมาจากห้องของท่านผู้อำนวยการแล้ว ผมก็รีบตรงมายังห้องของตัวเองทันที
ตอนนี้ผมอยู่ในห้องของผมแล้ว ภายในห้องตกแต่งสไตล์เรียบๆเน้นโทนดำ ภายในแบ่งออกเป็น 4 โซนใหญ่ๆคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นและระเบียง จัดได้ว่าเป็นห้องที่สวยพอสมควรขนาดห้องที่ใหญ่ทำให้มีพื้นที่ว่างมากมาย ผมไม่รอช้ารีบจัดห้องจนเสร็จเพราะผมเหนื่อยมากกว่าจะเสร็จก็เป็นเวลา 21.00น. ซะแล้วผมจึงอาบน้ำก่อนจะเข้านอนทันที โดยไม่ลืมจดไดอารี่ นั้นคือสิ่งที่ผมทำเมื่อวานนี้ ซึ่งผมไม่อยากทำเลยสักนิด
ตี๊ด... ตี๊ด... ตี๊ด...!!!!!!!!!!
“โอ๊ย!!!รู้แล้วๆตื่นแล้วๆ”ผมรีบตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ปกติผมไม่ค่อยเป็นแบบนี้หรอกจะเป็นก็ต่อเมื่อผมนอนไม่เต็มอิ่มเท่านั้น ขณะนี้เป็นเวลาตีห้าตรงซึ่งเป็นเวลาตื่นนอนประจำของผม
ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ซึ่งอารมณ์ของผมนั้นเรียกได้ว่า ‘บูดสนิท’ ปกติผมจะนอนในเวลาสองทุ่มแต่เมื่อวานมันเหนื่อยและนอนไม่หลับเพราะไม่คุ้นที่จึงปาเข้าไปสี่ทุ่มผมจึงสามารถข่มตาหลับได้
ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ผมจำต้องออกกำลังกายยามเช้าที่อากาศแสนจะเย็นสบายจนหนาวเช่นนี้ ผมใส่เสื้อฮู้ดสีดำตัวเดิมกางเกงขายาวสีเทา รองเท้าสำหรับวิ่งสีขาวดำเตรียมตัวพร้อมสำหรับการวิ่งนี้แล้ว เริ่มตั้งแต่หน้าห้องตัวเองวิ่งไปยังชั้นห้าแล้ววิ่งกลับมาที่ห้องตัวเองโดยไม่-ลืมใส่เหล็กถ่วงน้ำหนักที่แขนและเท้า
หลังจากที่ผมวิ่งเสร็จแล้วผมก็รีบวิ่งตรงมายังห้องของตัวเอง แล้วเตรียมอาบน้ำและออกไปทานข้าวเช้าที่โรงอาหาร ระหว่างทางผมก็เดินไปฟังเพลงไปด้วยจนถึงโรงอาหาร ชายวัยกลางคนไว้หนวดที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์สั่งอาหารมองมาทางผมแล้วเลิกคิ้วอย่างแปลกประหลาดใจ
“โอ้ว! วันนี้มีคนตื่นเช้าด้วยหรอเนี้ย นี้มันพึ่งหกโมงเอง”ชายคนนั้นอุทานอย่างแปลกใจ แต่คุณลองคิดว่าคนอย่างผมจะสนหรอ ผมเดินเข้าไปถามชายไว้หนวดทันที
“มีอะไรมั้ง”
“สั่งอะไรก็ได้เจ้าหนู ของที่นี้ฟรี”ชายไว้หนูพูดอย่างยิ้มๆก่อนจะส่งรายการอาหารมาให้ผมได้เลือก
“ของชุด 2 นั่งทานตรงนี้...ครับ”ว่าจบผมก็นั่งอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ทันทีระหว่างรอผมก็นั่งอ่านหนังสือไปพลางมองวิวข้างนอกไปด้วย
“เอ้าเจ้าหนู ว่าแต่แกเป็นนักเรียนใหม่ของที่นี่หรอไม่ยักจะเคยเห็นหน้า”ผมไม่ตอบอะไรได้แต้พยักหน้า
“ว่าแต่เราชื่ออะไรละ”
“…..ยามาโมโตะ จุนยะ”
“ยามาโมโตะ จุนยะ เป็นคนญี่ปุ่นงั้นหรอเจ้าหนู”
“อืม...”ผมนั่งทานไปตอบไป ชุด 2 ที่ผมสั่งนั้นประกอบไปด้วยข้าวสวย น้ำซุป ผักและปลาเท่านั้น
“ฉันกริม เป็นหัวหน้าพ่อครัวของที่นี้ ยินดีที่ได้รู้จักยามาโมโตะ”ผมยังคงทำเป็นไม่สนใจทานข้าวต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน
“ว่าแต่แกเรียนอยู่คลาสไหนละ”
“.....พริ้นซ์ ห้องA”
“อืมงั้นหรอ นายย้ายมาใหม่คงไม่รู้อะไรสินะ ไม่เป็นไรเดียวเจ้าพวกนั้นก็จัดการเองละ”กริมพูดโดยทิ้งปริศนาเอาไว้โดยไม่บอกอะไรผมสักอย่างก่อนที่ผมจะทานข้าวเช้าเสร็จและเดินออกไป
“หึ..‘ขอบคุณสำหรับอาหาร อร่อยมาก’งั้นหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ตัวผมนั้นหลังจากที่ออกมาจากห้องอาหารแล้วไม่มีที่จะไปและที่สำคัญนักเรียนบางคนเรื่องที่จะลงมาทานข้าวกันและ บางส่วนก็คงอยู่ในห้องซึ่งผมตัดสินใจเดินเล่นไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจสายตาของทุกคนที่กำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาสงสัยเต็มที่
ผมชอบที่จะเดินเล่นมองดูพืชพรรณไม้ต่างๆ ก่อนที่จะหยุดอยู่หน้าม้านั่งตรงหน้าเรือนกระจก ตอนนี้ผมไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้ว หนังสือวิชาต่างๆที่อยู่ในกระเป๋านั้นถูกหยับขึ้นมาอ่านจนเวลาล่วงเลยไป
“นี้นาย ฉันขอนั่งตรงนี้ด้วยได้ไหม”ผมเงยหน้าขึ้นมามองบุคคลที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งเป็นคนเดียวกันที่ผมได้เจอในภายห้องของท่านผู้อำนวยการ แต่ผมไม่อยากจะเสียเวลาอ่านหนังสืออันมีค่าของผมไปกับการคุยกับคนตรงหน้า ผมจึงขยับตัวไปอยู่ริมทันที
“ขอบใจ”แล้วคนตรงหน้าก็ก้มลงอ่านหนังสือเหมือนกันกับผมแต่ใครสน ผมแผ่บรรยากาศไม่เป็นมิตรอย่างเต็มที่แต่คนข้างๆก็ยังไม่มีท่าทีจะขยับไปไหนซ้ำยังแผ่รังสีไม่พอใจกลับมาที่ผมอย่างเต็มที
เป็นอย่างนี้ไม่กี่นาทีในความรู้สึกของผมแต่สำหรับคนอื่นคงนานนับเป็นชั่งโมงตอนนี้ผมยังคงไม่ยอมคนข้างผมเริ่มเก็บบรรยากาศไม่เป็นมิตร แต่กลับปล่อยรังสีความไม่พอใจออกมาอย่างเต็มที่ จนคนข้างเริ่มหันมามองผมก่อนจะปล่อยบรรยากาศน่าเกรงขามออกมาทำให้ผมสะอึก
‘ไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ ฮึน่าสนุก’แต่ยังไม่ทันที่ผมจะแผ่จิตสังหรออกมาชายร่างสูงก็เดินเข้ามาหาพวกผมโดยที่ใบหน้ามีหยาดเหงื่อเกาะประปรายเต็มไปหมด
“Iว่าพวกyouเก็บบรรยากาศพวกนี้ออกไปก่อนที่พวกอาจารย์จะมาดีกว่านะ”หลังจากที่ชายร่างสูงพูดจบผมก็เก็บจิตคุกคามออกไปจนแทบไม่เหลือแต่คนข้างๆกับยังไม่เก็บบรรยากาศน่าเกรงขามออกไป
“เก็บมันออกไปให้หมด”ผมพูดชายร่างสูงดูท่าจะไม่เข้าใจในคำพูดของผมแต่คนข้างๆกลับยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะถอดแว่นเก็บลงในกระเป๋าทำให้เห็นดวงตาสีไพลินราวกับท้องฟ้าที่ฉายแววเรืองอำนาจมากมายสบเข้ากับดวงตาสีอำพันของผม ก่อนจะเก็บบรรยากาศอันน่าเกรงขามลง
“เจอกันอีกแล้วนะ นายนะ”คนที่นั่งข้างๆผมถามก่อนจะลุกขึ้นยื่นพร้อมกับเดินไปยื่นข้างๆชายร่างสูง
“....”ผมไม่ตอบได้แค่ส่งสายตาไม่เป็นมิตรไปให้คนตรงหน้าเท่านั้น
“Hey! stopพวกyouหยุดจ้องหน้ากันได้แล้ว”ผมหันมาจ้องร่างสูงก่อนจะนึกออกว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
“....คริสโตเฟอร์ ริชาร์ด”ชายร่างสูงหันมามองผมก่อนจะตะโกนพร้อมกับชี้หน้าผม
“อ้อyouนี้เอง จูนยะ”
“รู้จักกันหรอ”คนตรงหน้าผมหันไปถามคริสโตเฟอร์ที่กำลังมองมาทางผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มร่าเริงเต็มที่ เสแสร้งอีกแล้ว น่าขยะแขยงเสียจริง
“Yah ก็คนที่Iเล่าให้ฟังไงละ”
“อ้อคนๆนี้เองงั้นหรอ”ชายตรงหน้าหันมามองผมด้วยสายตาราวกับจะพิจารณาอะไรสักอย่างในตัวของผม ผมเกลียดสายตาแบบนั้น
“.......”
“ว่าแต่ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี้ละคริส”ชายตรงหน้าหันไปถามคนข้างตัวก่อนจะรับฟังข้อมูลที่ได้มา
“อ้อพอดีว่ามีคนมาร้องเรียนนะว่ามีคนกำลงจะฆ่ากันให้สวนเรือนกระจก Iที่ได้รับรายงานเป็นคนแรกเลยมาดูก่อน แล้วก็ได้เจอกับแรงกดดันมหาศาลที่อยู่ภายในสวนนะตอนแรกคิดว่ากำลังฟัดดันอยู่และคงจะรุนแรงน่าดูทีนี้พอเข้ามาใกล้ๆกลับรู้สึกหนาวอย่างบอกไม่ถูกเลยละ แล้วก็มาเจอพวกyouนี้ละ”
หลังจากที่ผมฟังคริสโตเฟอร์เล่าได้ไม่นานก็ปรากฏร่างของคนสามคนเข้ามายืนในวงสนทนาของเราทันที
“เป็นไงบ้างครับ จับคนทะเลาะกันได้หรือยังครับคุณคริส”เด็กชายตัวน้อยรีบวิ่งไป ถามคริสโตเฟอร์ทันทีด้วยความรีบร้อน
“รายงานที่เรารับมานะผิดพลาดไปเยอะเลยละไม่มีคนทะเลาะกันหรอกมีแค่คนสองคนที่นั่งอ่านหนังสือเท่านั้นละ”คริสอธิบายก่อนที่ชายผมยาวจะถาม
“แล้วสองคนนั้นละขอรับ”
“ก็กียุลกับจุนยะนะสิ”
“อ่าวคุณในตอนนั้นนิขอรับ”ชายผมยาวพูดก่อนจะหันมามองหน้าผมเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกสองคนมาใหม่หันมาพอดี
“อ่ะนายในตอนนั้นนิ”
“มนุษย์ต่างดาว!!!!!!!”หลังจากนั้นเราก็พูดคุยกันนิหน่อยซึ่งผมก็ไม่พูดอะไรทั้งนั้น ซึ่งทำให้ผมได้รู้จักกับคนทั้งห้าที่ยื่นอยู่ตรงหน้าของผม
คนแรกเป็นคนที่ผมเจอครั้งแรกในเครื่องบินชื่อคริสโตเฟอร์ ริชาร์ดเขาให้เรียกสั้นๆว่า คริสเป็นคนเลือดร้อนที่สุดในกลุ่ม ต่อมาเป็นชายผมยาวชื่อฮอรัส ปโตเลมีกับเด็กหนุ่มลึกลับชื่อ อเล็กเซ่ คอนสแตนติน แล้วก็ไอ้บ้าต่างดาวที่ชื่อลีโอนาโด้ ดันเต้ สุดท้ายเป็นคนที่นั่งแผ่รังสีใส่ผมชื่อว่าคิม กียุล
“ไหนๆก็ไหนๆแล้วเรามาเป็นเพื่อนกันดีไหม จุนจัง”อเล็กเซ่ถามด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างเต็มเปี่ยม ทุกคนเองก็เช่นกันแต่ผมรู้นะว่านั้นนะมันหลอกลวง
“ขอปฏิเสธ.....ผมน่ะนะคำว่าเพื่อนผมไม่ต้องการหรอก”ผมพูดก่อนจะเดินออกไปโดยทิ้งคำพูดไว้เบาๆ
“อย่ามายุ่งกับผมอีก”
ความคิดเห็น