คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การเปลี่ยนแปลงครั้งที่1 วันอันแสนวุ่นวาย (rewrite)
บทที่
1 วันอันแสนวุ่นวาย
ผมเกลียดการถูกบังคับเป็นที่สุด
ทำไมต้องทำอะไรเองโดยไม่ถามผมก็ในเมื่อผมเป็นคนที่ต้องตัดสินใจเลือกแล้วทำไมไม่ถามผมไม่เข้าใจเลย
แต่ถึงผมจะบอกก็ไม่มีใครฟังผมหรอก ไม่มีเลย
ผมคิดว่าความอ่อนแอก็คือน้ำตาและความเสียใจ เพราะถึงยังไงก็ไม่มีใครมาเข้าใจหรอก...ความรู้สึกของผม
ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนเครื่องบิน
ใช่คุณฟังไม่ผิดหรอกผมกำลังนั่งอยู่บนเครื่องบิน
เครื่องบินลำนี้กำลังบินไปยังเรือสำราญกลางทะเล
ถ้ากำลังคิดว่าทำไมผมถึงต้องมาที่นี้ คำตอบก็คือ ถูกบังคับให้มา แล้วยังไม่พอแค่นั้นเรือสำราญกลางทะเลที่ผมกำลังไปนั้นเป็นโรงเรียนนะครับ
ถ้าคุณคิดว่าผมมาพักร้อนละก็คุณคิดผิด
‘เฮ้อ!
ทำไมคนอย่างผมถึงต้องมาทำตามที่คนๆนั้นบอกด้วยนะ’ผมก็ได้แค่คิดอยู่ในใจแต่ก็หาคำตอบไม่ได้สักที อาจเป็นเพราะความเคยชินที่ไม่ว่าตาแก่นั้นจะสั่งอะไรตัวผมก็ได้แต่ทำตามอย่างไม่อาจโต้เถียงอะไรได้
สายตาก็ได้แต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างมองท้องฟ้าก่อนจะปล่อยใจให้ลอยไปตามสายลม
ผมอยู่ในชุดนักเรียนโรงเรียนอะไรสักอย่างแต่ด้วยความไม่ชอบ
ผมจึงหยิบเสื้อฮู้ดแขนยาวสีดำตัวเก่งมาใส่ทับชุดโรงเรียนและดึงหมวกขึ้นมาปิดหัว
ก่อนจะหยิบหนังสือมาอ่านพร้อมเปิดเพลงใส่ซาวน์เบาท์ฟังหรือว่าบางทีผมควรจะหลับดีไหม
ก่อนที่จะได้ทันคิดอะไรเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“เฮ้!!!
คุณมีใครนั่งตรงนี้ไหม?”ผู้ชายตัวสูงผมสีส้ม
ดวงตาสีแดงเพลิงใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกับผมถาม ดูจากสำเนียงแล้วคงเป็นคนฝั่งยุโรปหรืออาจจะเป็นพวกคนอเมริกาก็ได้
แต่ว่านะเรื่องนั้นใครสน....ผมทำเป็นไม่สนใจจึงตอบไปแบบนั้น
“ไม่มี”พร้อมกับละความสนใจจากผู้ชายตรงหน้าทันที
แล้วหันไปอ่านหนังสือของตัวเองต่อ
ที่จริงก็แค่อยากจะหนีสายตาที่ดูซุกซนและฝีปากที่ช่างพูดจอแจของคนตรงหน้าก็เท่านั้น
“งั้น ฉันขอนั่งตรงนี้นะ”ยังไม่ทันที่ผมจะอนุญาตชายคนนั้นก็นั่งมานั่งข้างๆผมแถมยังส่งยิ้มให้ผมอีกต่างหาก
ไม่ชอบใจเลย...
“สวัสดีฉันชื่อ
คริสโตเฟอร์ ริชาร์ด แล้วคุณละชื่ออะไร?”เสียงทุ่มใหญ่จากคนข้างๆถามขึ้นด้วยความสงสัย
“........................ยามาโมโตะ
จุนยะ”
“คุณเป็นคนญี่ปุ่นหรอ?”
“อืม”คนอะไรฟะ พูดมากน่ารำคาญจริง
ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจคนข้างตัวแล้วก้มลงอ่านหนังสือต่อไป แต่ยังไม่ใช่แค่นั้น
ไอ้เจ้าคนข้างๆผมมันยังคงไม่เลิกถามผมอีก
“นี้ๆรู้รึป่าว
ว่าฉันเป็นคนประเทศอะไร”คนอะไรฟะถามมาได้ว่ารู้ไหมตัวเองอยู่ประเทศอะไร
บ้าวะ
“..........อเมริกา”
“โอว์!!! คุณเก่งจังเลย รู้ได้ยังไง”เสแสร้งชัวร์
คนบ้าอะไรแค่ชื่อก็บอกแล้วไหมแต่ที่คิดว่าน่าจะเป็นอเมริกาเพราะว่าสำเนียงภาษาอังกฤษต่างหาก
ให้ตายสิทำไมผมต้องมาเจออะไรบ้าๆแบบนี้ด้วยทั้งหมดนี้เป็นเพราะตาแก่นั้นคนเดียวที่ส่งเขามาดัดนิสัยที่โรงเรียนบ้าๆที่เต็มไปด้วยคนบ้าๆแบบนี้
ความประทับใจแรกเท่ากับศูนย์
“……………”ผมยังคงเมินต่อไป
“นี้ๆบอกฉันหน่อยสิ”น่ารำคาญโว้ย!!!!!!!!!!! แต่ก็ยังเมินต่อไป
“……………” เมินต่อไปเรื่อยๆแต่สายตานั้นมันหมายความว่ายังไง
ภาพตรงหน้าผมตอนนี้คือผู้ชายตัวเท่าความแต่กับทำสายตาออดอ้อนราวกับหมา
เหมือนผมจะตาลายไปชั่วขณะที่เห็นเจ้าหมอนี้มีหูและหางงอกออกมา
“นี้ๆบอกหน่อยๆ”ยังตื้อไม่เลิก เฮ้อคนอะไรทำตัวยังกับเด็กไม่รู้จักโต
“สำเนียงไงละ
สำเนียงของคุณมันบอกว่าคุณมันคนอเมริกัน ทีนี้รู้รึยังละครับ”ผมลอบถอนหายใจกับชายคนข้างๆไม่ได้ อะไรของผู้ชายคนนี้นะ
เสแสร้งงั้นหรอหึผมไม่หลงกลหรอกนะ
“อ้อ
อย่างนี้เอง แล้วนี้คุณเป็นนักเรียนใหม่หรอ ฉันไม่เคยเห็นหน้าเลย แล้วคุณอยู่คลาสอะไรละ
เดียวฉันนำทางให้เอง”ความใจดีจอมปลอม
“แล้วทำไมผมต้องตอบคุณไปทุกเรื่องด้วยละครับ
อย่ามาทำเป็นใจดีกับผม......มันน่าขยะแขยง”
“คุณไม่ต้องตอบฉันก็ได้
ฉันคงถามคุณมาเกินไปด้วยสินะ sorry....”ชายคนนั้นทำหน้าเศร้าทำไมผมก็แค่พูดไปตามความรู้สึก
ผมไม่ชอบเลยเวลาที่ใครมาทำดีกับผมแต่ทำไมผมต้องใจอ่อนด้วยนะ ฮึย!
“คลาส...พริ้นซ์
ห้อง....A”
“โอว์!!! ห้องเดียวกับฉันเลย”อะไรของผู้ชายคนนี้นะเดียวยิ้ม
เดียวเงียบ เดียวเศร้า เดียวร่าเริง แปลกคนชะมัด หรือจะเป็นไบโพล่าร์???
“ทำไมคุณไม่ยิ้มเลยละ
คุยกับฉันไม่สนุกหรอ”ไม่เลยสักนิด
“........ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”ประโยคหลังนั้นผมแค่เก็บเอาใจคิดในใจ เพราะอย่างนี้ไงผมถึงไม่ชอบคนแบบนี้
“แล้วทำไมคุณถึงใส่ฮู้ดละ”ไอ้บ้านี่ถามอยู่ ผมไม่อยากจะคุยกับมันละ
“นั้นมันเรื่องของผม......ผมจะนอนถึงแล้วปลุกด้วย”ตัดประโยคสนทนาด้วยการหลับดูท่าคงวิธีที่ง่ายที่สุดเพราะผมอยากอยู่เงียบๆ
ในขณะที่ผมกำลังหลับ ผมไม่อาจรับรู้ได้ถึงสายตาที่ไล่มองสำรวจผมด้วยสายตาใคร่รู้
ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้คนอย่างเขาสนใจในตัวของคนข้างๆกันแต่ก็นะ
หมอนี้อาจจะเข้าถึงยากไปหน่อยแล้วก็อาจจะดูขวางๆโลกไปบ้างแต่ก็ดูเป็นคนที่น่าสนใจเลยทีเดียว
เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็หันมาสนใจกับสิ่งที่อยู่ในมือแทนมันคือของฝากสำหรับเพื่อนตัวเล็กของเขาที่ตอนนี้น่าจะอยู่ที่โรงเรียนแล้วนั้นเอง
ก่อนจะนั่งยิ้มด้วยความสุข
ว่าแล้วก็คิดถึงเจ้าพวกนั้นเหมือนกันแฮะ.....
“เฮ้ๆๆ!!! คุณเครื่องลงจอดแล้วตื่นๆ”อืม...ใครมารบกวนการนอนของผมกัน
ผมลืมตาขึ้นมองแต่คนอื่นคงไม่เห็นเพราะเสื้อฮู้ดของผมบังไว้
ก่อนที่ผมจะขยับตัวลุกออกจากที่โดยไม่ลืมส่งสายตาโกรธๆไปให้อีกคน
“อย่ามองฉันแบบนั้นสิ
แฮะๆ”ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก คนๆนี้นี่มันเกินคำบรรยายจริงๆ
เฮ้อ!
ยังไงก็ตามผมต้องไปเอากระเป๋าเดินทางกับของรักของหวงของผมก่อนแล้วค่อยเดินไปหาผู้อำนวยการเพื่อรายงานตัวก่อนจะเดินหาห้องพักของผมเพื่อจัดห้องและจะสามารถพักได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วผมก็รีบเดินไปเอากระเป๋าเดินทางทันที
“เฮ้ย!!!
จูนยารอฉันด้วย”เจ้าคนลั้นลา(?)ที่เดินตามหลังผมต้อยๆแถมยังเรียกชื่อผมผิดอีก
เฮ้อ! เบื่อจริงๆ ผมไม่สนใจเดินไปหยิบกระเป๋าสีดำขอบเหลืองที่มีพวงกุญแจรูปดาวห้อยอยู่
ข้างๆมีกระเป๋าใส่กีตาร์ตัวเก่งของผมวางอยู่ด้วยกัน
“จูนยาจะไปไหนต่อหรอ”
“เรื่องของผม
คุณไม่เกี่ยวผมไปหละ”ผมค่อยๆเดินออกไปจากที่ตรงนั้นโดยไม่สนใจคนข้างหลัง
ก่อนที่ผมจะค่อยๆกางแผนที่โรงเรียนนี้ที่ตาแก่นั้นให้ผมมาพร้อมกับพวกเสื้อผ้าต่างๆ
ก่อนที่จะเดินไปเรื่อยๆเพื่อหาห้องของผู้อำนวยการและถือโอกาสสำรวจโรงเรียนนี้ไปด้วยเลย
ตอนนี้ผมยืนอยู่ตรงสวนกระจกชั้นสอง
ที่นี้บรรยากาศดีจริงๆมีเป็นที่นั่งพักสำหรับการอ่านหนังสือหรือเอาไว้สำหรับนั่งชิวล์ๆเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศการตกแต่งสวนที่รวมสไตล์โมเดิร์นกับสไตล์ทรอปิคอลได้อย่างลงตัว
มีการวางโซฟาสีขาวและโต๊ะเล็กๆเอาไว้สำหรับพวกนักเรียนที่ต้องการมุมส่วนตัวของตัวเอง
ส่วนตรงกลางเป็นสวนเรือนกระจกที่มีต้นไม้นานาๆพันธุ์ที่ถูกปลูกไว้ในนั้น
รอบข้างเป็นกระจกที่สามารถมองทะลุเข้าไปข้างในได้
มีการติดไฟที่สามารถปรับเปลี่ยนสีได้ตอนกลางวันและตอนกลางคืน
ถือว่าเป็นโรงเรียนที่ทันสมัยอยู่พอสมควร ไม่ได้มีดีที่ตั้งอยู่บนเรือสำราญ
ก็ถือว่าน่าพอใจอยู่ละนะ ในระหว่างที่ผมกำลังยืนคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้นก็มีเสียงนุ่มทุ้ม
ดูสุภาพดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“เอ่อ.....มีอะไรให้พวกกระผมช่วยได้ไหมขอรับ”ชายผมยาวผิวสีแทนเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ดูแล้วเป็นผู้ชายที่มีบุคลิกสุขุมเยือกเย็นดีกับเด็กชายอีกคนที่อยู่ข้างตัวเล็กใส่ผ้าคลุมตัวเอาไว้ดูลึกลับดี
แต่ผมไม่สนใจ ทำไมคนพวกนี้ถึงได้ชอบมาขัดจังหวะจังนะ ผมละไม่เข้าใจจริงๆ
“......ขอบคุณครับแต่ไม่เกี่ยวกับพวกคุณ
ขอตัวละ”ผมพูดปฏิเสธไปก่อนจะเดินออกไปจากที่ตรงนั้นเพราะพึ่งสังเกตเห็นว่ามีบันได้ขึ้นไปอีกชั้นอยู่
“อะไรกันนะผู้ชายคนนั้น
ฮอรัสอุตส่าห์ถามเพราะอยากช่วยแท้ๆ”เด็กชายในชุดผ้าคลุมพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ
คุณอเล็กเซ่”คนสุภาพตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ
ทั้งสองคนมองไปยังร่างของผู้ชายที่พึ่งปฏิเสธน้ำใจของคนสุภาพไป
ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก...
ตอนนี้ผมยื่นอยู่หน้าห้องแห่งหนึ่งมันคือ
‘ห้องของผู้อำนวยการโรงเรียน’ ซึ่งกว่าผมจะมาถึงห้องนี้ได้นั้นผมต้องบอกได้เลยว่าผมเหนื่อยมาก
ดูได้จากสภาพของผมในตอนนี้เหงื่อเต็มไปทั่วตัวอย่างกับไปอาบน้ำมา ตอนนี้ผมร้อน
ร้อน ร้อนมากผมทนไม่ไหวจึงจัดการถอดฮู้ดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง
ผมสีดำตัดสั้นระต้นคอที่ดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ดวงตาสีอำพันที่ดูว่างเปล่า
ผิวขาวราวหิมะในชุดนักเรียนของโรงเรียน
ที่ผมต้องมาอยู่ในสภาพนี้
เพราะเจ้าบ้านั้นคนเดียว!!!!!!
ย้อนกลับไป 10
นาทีก่อน
ขณะที่ผมกำลังเดินหาห้องของผู้อำนวยการอยู่นั้น
ผมได้บังเอิญเจอชายหนุ่มผมบลอนด์ที่คาดแว่นดำน้ำอยู่บนผม
ตอนแรกผมกะจะเดินผ่านไปแต่ว่า...ชายคนนั้นมองผมสักพักก่อนจะวิ่งเข้ามาแถมยังตะโกนใส่อีกต่างหาก
“มนุษย์ต่างดาว!!”ให้ตายดิ บ้าไปแล้วใครเป็นมนุษย์ต่างดาวกันฟะ!!!!!!
แล้วในเมื่อชายคนนั้นวิ่งเข้ามาผมก็เตรียมพร้อมวิ่งหนีเจ้าหมอนี้ทันที ให้ตายเถอะถึงผมจะทำตัวลึกลับขนาดไหนแต่ก็ใช่ว่าจะมีคนมองเห็นผมครั้งแรกแล้วมองว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวหรอกนะ
“หยุดน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
เจ้ามนุษย์ต่างดาวจะหนีไปไหน”
“ก็คุณวิ่งไล่ผมผมก็ต้องหนีสิครับ
ที่สำคัญผมไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว”ผมตะโกนออกไปพร้อมกับรีบวิ่งให้เร็วที่สุด
“มนุษย์ต่างดาวจ๋าาาาาาาาาาาาาา”นี้ไม่ฟังกันเลยใช่ไหเนี้ย
“ผมไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว!”
“UFO จ๋าาาาาาาาาาาาาาาา”หมอนี้มันเพี้ยนไปแล้ว
ผมพยายามหาวิธีสลัดไอ้บ้าต่างดาวนี้ก่อนจะหาทางออกเจอ
“จะไปไหน”ตอนนี้ละ
พรึบ! ว๊าก!! ตู้ม!!!
เจ้าบ้าต่างดาววิ่งชนเสาไปแล้ว
สะใจเป็นบ้าเลยแต่มันยังไม่จบเท่านั้นเมื่อมีเสียงดังและเสียงพูดคุยดังขึ้นระงมจนผมต้องพาตัวต้นเหตุแห่งความวุ่นวายไปหาที่ซ่อน
ในระหว่างนั้นตัวผมก็ได้สังเกตุเห็นประตูห้องหนึ่ง นี้ผมวิ่งมาจนถึงห้องโถ่งทางเดินที่มีประตูหลายบานมาก
เมื่อเห็นได้ดังนั้นก็ หึหึหึ เสร็จผม
ผมค่อยๆลากร่างของชายผมบลอนด์เข้าไปในห้องนั้นทันทีก่อนจจะปล่อยที่ไว้ตรงพื้นนั้น
บาดเหงื่อที่ปกคลุมเต็มหน้าก่อนจะเดินออกมาจากห้องนั้นทันทีโหยไม่ลืมลอบมองว่ามีใครเห็นรึป่าว
ไม่งั้นชีวิตในโรงเรียนนี้ของผมคงไม่สงบเหมือนที่ผมต้องการให้เป็นแน่
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็เดินเนียนออกไปข้างนอกก่อนจะเดินหาห้องของผู้อำนวยการต่อ
กลับมาปัจจุบัน
แกร๊ก... แอ๊ด...
เสียงประตูห้องเปิดพร้อมกับปรากฏร่างของชายหนุ่มผมน้ำตาลใส่แว่นตาหนาๆ
ผมกับชายแว่นหนาจ้องหน้ากัน
ส่วนสูงของเราสองคนเท่ากันแต่ไม่รู้ทำไมรู้ว่าผมจะแอบเตี้ยกว่าชายคนหน้าเล็กน้อย ผมมีความรู้สึกว่าชายตรงหน้าไม่ธรรมดาเช่นเดียวกับฝ่ายตรงข้ามที่รู้สึกว่าชายตรงหน้ามีอะไรที่พิเศษ
“เชิญเข้ามาสิ
นายนะ”ชายผมสีน้ำตาลพูดก่อนจะเบี่ยงตัวไปข้างประตูเพื่อนเปิดทางให้ผมเข้าไปข้างใน
“อืม”
ภายในห้องนั้นถูกตกแต่งด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่
เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เองก็เช่นกันไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน
ยังเรื่องชุดโต๊ะรับแขกเล็กๆ มีเพียงแค่เก้าอี้กับโซฟาเท่านั้นที่เป็นหนังสีดำที่ถูกขัดจนเงา
ตรงโต๊ะเล็กๆนั้นประกอบด้วยถ้วยชา กับกาน้ำชาเท่านั้นไม่มีอย่างอื่น โต๊ะทำงานที่เป็นจุดเด็นนั้นมีร่างของชายชราไว้หนวดเล็กน้อยกำลังหันมามองทางผม
ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มใจดี
“นั่งก่อนสิ”ชายคนนั้นบอก
“ขอปฏิเสธ ห้องของผมอยู่ไหน”ผมถามอย่างไร้เยื่อใยเพราะเยื่อใยไม่จำเป็นสำหรับผม มันไม่มีประโยชน์
“ห้อง 172A นี่กุญแจ”ชายใส่แว่นยื่นกุญแจให้ผมก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่หันมามอง
“ขอตัว”
“นั้นหรอครับผอ.
นักเรียนใหม่ที่ท่านให้พวกผมดูแล”
“ใช่แล้วละ”
“ดูเป็นคนน่าสนใจกว่าที่คิดนะครับ”เสียงสนทนาในห้องดังขึ้นหลังจากลับร่างของผู้มาใหม่
“เธอก็คิดแบบนั้นสินะ”
“ครับ
ผอ.จะว่าอะไรไหมครับถ้าผมอยากให้เค้ามาเป็นดอกไม้อีกดอกหนึ่งในแจกัน”
“แล้วแต่เธอเลยละกัน”
“ขอบคุณครับ
ท่านผอ.”
“เธอเห็นแล้วใช่ไหมละ
ทั้งท่าทางที่สง่างาม รูปร่าง บุคลิก มีคุณสมบัติครบถ้วนจริงๆนี้ถ้าไม่รวมเรื่องการเรียนและความสามารถพิเศษ
เขาช่างดูเหมือนเธอมากๆเลยนะในครั้งแรกที่เจอนะ”
“ผมกับเขาไม่เหมือนกันครับ”
“ยังไงก็ฝากเธอด้วยนะ”
“ครับ
ไว้ใจผมได้เลย”
“ขอบใจเธอมากเลยนะ
กียุล”
...........................................................................................................................................
ความคิดเห็น