คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ภาค 1)นักเวทย์มือใหม่ : 6.เหตุบังเอิญ ณ จัตุรัส
เหตุบังเอิญ ณ จัตุรัส
เสียงนกร้องที่ดังด้านนอกเป็นระยะๆบวกกับแสงแดดอ่อนๆที่ส่องผ่านม่านมาช่วยปลุกให้เอวี่ตื่น
ขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
“ฮ้าวว! เช้าแล้วเหรอเนี่ย อ่ะ เก้าโมงแล้วนะเนี่ย ตื่นสายนี่มันสบายดีจริ๊ง” สาวน้อยของเราลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจสองสามทีก่อนจะหันไปมองนาฬิกา
“อ๊ะ! นอเอลยังไม่ตื่นหรอกเหรอเนี่ย สงสัยเมื่อคืนนอนไม่หลับแน่ๆเลย” เอวี่มองดูนอเอลที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง พลางคิดว่าวันนี้คงต้องไปเดินเล่นคนเดียวซะแล้ว
ปาร์ตี้สวมหน้ากากจะจัดขึ้นวันนี้ งานเริ่มตอนหกโมงเย็น เดิมทีเอวี่กะจะชวนนอเอลออกไปเดินเล่นหาอะไรกินในจัตุรัสเซเฟีย เมื่อวานก็ลืมถาม ตอนนี้ตื่นมาก็เห็นนอเอลนอนหลับสบายอยู่ เมื่อคืนนอเอลคงนอนไม่หลับแน่เลย วันนี้ไปคนเดียวก็ได้ แล้วค่อยซื้อของมาฝากแล้วกัน
เอวี่เดินออกมาจากหอด้วยชุดสบายๆ เธอสวมเสื้อสีขาวแขนยาวถึงข้อศอก มีลายขนมเค้กอยู่ตรงกลาง ท่อนล่างวมเอี๊ยมขาสั้นสีน้ำตาลอ่อน ส่วนผมก็ถักเปียหลวมๆาสองข้าง เธอกะว่าจะไปหาอะไรกินซะหน่อยเพราะตอนนี้ขนมที่หอเริ่มร่อยหรอ(อีกแล้ว) และว่าจะไปหาซื้อเครื่องประดับด้วย ที่จริงแล้วเธอก็พอมีอยู่บ้างที่บ้าน แต่ตอนมาก็คิดว่าคงไม่ได้ใช้ แต่ตอนนี้ดูท่าว่าโรงเรียนต้องมีงานเยอะแน่ๆ จะให้แม่เอามาให้ก็กระไรอยู่ เครื่องประดับเล็กๆน้อยๆคงไม่แพงมาก เธอเลยจะไปหาซื้อเอง
ขณะที่เอวี่กำลังเดินเข้าไปในจัตุรัสนั้นก็เห็นเด็กหญิงน้อยคนหนึ่งนั่งยองๆร้องไห้อยู่คนเดียวท่ามกลางผู้คนมากมาย...เอ๋?คนเดียวเหรอ สงสัยหลงทางกับแม่แน่เลย เมื่อคิดได้ดังนั้น ด้วยความที่เกิดอยากจะเป็นพลเมืองดีกะทันหัน เอวี่จึงเดินเข้าไปหาเด็นคนนั้นแล้วถามว่าเป็นอะไร
“หนูน้อยจ๋า เป็นอะไรเหรอ? หลงทางกับแม่เหรอจ๊ะ?” เมื่อเด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมาเห็นหน้าพี่สาวคนสวยและได้ยินคำว่าแม่น้ำตาจึงหยุดไหลทันทีพร้อมกับเสียงใสๆก็ดังขึ้น
“ใช่ค่ะ ใช่ ตอนแรกหนูเดินอยู่กับแม่แล้วหนูก็ปล่อยมือแม่หันไปมองร้านขนม พอหันกลับมาอีกทีแม่ก็หายไปแล้ว หนูเดินตามหาแม่แต่ก็ไม่เจอซะที พี่สาวเห็นแม่หนูเหรอคะ?” เด็กน้อยถามขึ้นอย่างมีความหวัง แต่พอเห็นเอวี่ส่ายหน้า ใบหน้าใสๆนั่นก็หม่นลงทันที
“เปล่าหรอกจ้ะ แต่ว่าพี่จะอยู่กับหนูก่อนนะ หนูบอกพี่ได้มั้ยจ๊ะว่าหลงกับแม่ตรงไหน พี่จะพาไปรอแม่ตรงนั้น” ด้วยความเป็นห่วงบวกกับความเอ็นดูเธอจึงอาสาพาไปหาแม่
“จริงเหรอคะ พี่จะพาหนูไปหาแม่เหรอ หนูหลงกับแม่ตรงหน้าร้านขนมที่มีป้สยติดว่าอิลเดนก้าค่ะ” เด็กน้อยรีบตอบเอวี่ทันทีด้วยความดีใจ เมื่อเอวี่ได้ยินดังนั้นก็พยายามนึกว่ามันอยู่ตรงไหน แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เธอเพิ่งมาที่นี่แค่ไม่กี่ครั้ง จะให้จำได้หมดก็คงไม่ไหว
ขณะที่เอวี่นั่งกุมขมับอย่างเครียดจัดต่อหน้าเด็กน้อยผู้มีความหวัง ก็มีเทพบุตรจุติมาเกิดมายืนตรงหน้า...เอลนั่นเอง
“ร้านอิลเดนก้าอยู่บนถนนเกลลีน ตรงไปเลี้ยวซ้ายก็เดินไปอีกเดี๋ยวก้เจอแล้ว” เอลพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เอวี่ที่นั่งยองๆอยู่เมื่อได้ยินเสียงนั้นก็ตกใจรีบเลยหน้าขึ้นมาดูทันที เมื่อเห็นใบหน้านิ่งๆกวนๆของเอลที่เธอไม่ค่อยจะชอบตั้งแต่แรกก็เลยลุกขึ้นมายืนเต็มความสูง...หัวเธออยู่ตรงไหล่ของหมอนี่พอดี...เฮ้อ!
“อะ...อ่อเหรอ งั้นก็ขอบใจละกัน” เอวี่พูดติดอ่างนิดๆเนื่องจากเธอค่อนข้างประหม่า ก็เธอไม่เคยคุยกับหมอนี่เลยนี่นา แถมนายนี่ที่ว่าก็เป็นหนุ่มหล่อพ่อรวยเป็นที่หมายปองของหณิงสาวหลายๆคนเสียด้วย
“ไม่เป็นไร” เอลตอบกลับสั้นๆ เมื่อเอวี่เห็นว่าก็ไม่มีอะไรจะคุยแล้วและเด็กสาวตัวน้อยนี่ก็ทำท่าอยากไปหาแม่เต็มที่เลยหันหลังเดินออกมา แต่ขณะที่กำลังจะหันหลังนั้น เอลก็ยื่นมือมาจับศอกเธอไว้ให้หันกลับไป เอวี่สะดุ้งเล็กน้อยแต่พยายามเก็บอาการและใบหน้าที่ร้อนขึ้นมาเฉยๆเอาไว้และหันกลับไปทำหน้าสงสัยให้เอล
“เธอชื่อเอวี่ใช่มั้ย” เอลถามและปล่อยมืออกจากข้อศอกของเอวี่พลางมองใบหน้านวลที่แดงเป็นมะเขือเทศนั่นอย่างขำๆ
“อะ...อืมใช่ ทำไม” เมื่อเอวี่เห็นรอยยิ้มกับลักยิ้มบางๆที่มุมปากนั้นหน้าของเธอก็ยิ่งร้อนขึ้นไปอีก อ๊า! อะไรกันนี่ ทำไมหน้าเธอร้อนแบบนี้ล่ะ!?! นายนั่นต้องขำเราแน่ๆเลย!
“เปล่าไม่มีอะไร” เอลพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆเจือเสียงหัวเราะนิดๆกับท่าทางที่พยายามจะปกติของเอวี่ เธอคนนี้ช่างแปลกเสียจริงๆ เป็นผู้หญิงคนอื่นคงเข้ามาควงแขนเขาแล้วมั้ง จากนั้นเขาก็เดินหันหลังออกไปเพื่อนซ่อนรอยยิ้ม และทิ้งให้สาวน้อยหน้านวลยืนหน้าร้อนฉ่าๆอย่างนั้นต่อไป
เอวี่พยายามบังคับหน้าและท่าทางของตนเองให้ปกติที่สุด พลางคิดว่านายนี่กินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่า จู่ๆก็มาถามชื่อเธอซะงั้น พอยืนไปได้สักแปปก็ถูกเด็กน้อยผู้ถูลืมกระตุกมือ เอวี่จึงหันมาสนใจเด็กน้อยและรีบพาเธอไปที่หน้าร้านขนมเพื่อรอแม่ทันที
“อีฟ!! ลูกแม่!!” เอวี่พาเด็กน้อยมายืนรอได้ไม่นานก็มีเสียงตะโกนเรียกขึ้นอย่างตกใจปนโล่งใจ
มีหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาทางเอวี่ เธอรู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวคนนี้คงเป็นแม่ของเด็กน้อยที่เะอจับมืออยู่ตอนนี้
“โอ แม่นึกว่าจะไม่เจอลุกแล้วซะอีก!” หญิงสาวรีบเข้ามาคว้าเด็กน้อยเข้าไปกอด ในขณะที่ทั้งลูกของเธอกำลังร้องไห้เพราะดีใจที่เจอแม่เสียที
ขณะที่สองแม่ลูกกำลังกอดกันอยู่นั้น เอวี่ก็มอ
พิจารณาหญิงสาวคนนี้กับเด็กน้อยไปด้วยไปด้วย เธอคนนี้มีผมสีบลอนด์กับตาสีมรกตเช่นเดียวกับลูกสาวของเธอ เธอรูปร่างสูงเพรียวสมส่วนสวมเสื้อผ้าเนื้อดี แสดงว่าคงฐานะดีสินะ
“เอ่อ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยพาลูกสาวฉันมารอตรงนี้ ถ้าไม่ได้คุณฉันคงไม่ได้เจอลูกสาวแน่ เพราะแกก็ยังเล็กนัก” เสียงของคุณแม่ผมบลอนด์เรียกเอวี่ให้ตื่นจากภวังค์ เมื่อได้ยินดังนั้นเอวี่ก็ยิ้มแล้วบอกว่าไม่ไม่เป็นไร เธอยินดี
ทั้งสองยืนคุยกันเล็กน้อย เอวี่จึงได้รู้ว่าคุณแม่คนนี้ชื่ออลิซและลูกของเธอชื่อเอลลีน ทั้งสองเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เรพาะสามีเธอได้งานใหม่ที่นี่ อลิซถามไถ่เรื่องราวของเอวี่เล็กน้อยว่าเธอมาทำอะไรที่นี่บ้านอยู่ที่ไหน พอรู้ว่าเย็นนร้เอวี่กำลังจะมีปาร์ตี้สวมหน้ากากจึงให้แหวนมาคู่หนึ่งเพื่อเป็นการตอบแทน
“นี่จ้ะ น้าให้ ถือซะว่าตอบแทนที่หนูมีน้ำใจช่วยลูกของป้าแล้วกันนะ” อลซเอ่ยพลางส่งแหวนคู่หนึ่งมาให้ ทั้งคู่ตัวแหวนทำด้วยเงิน วงหนึ่งมีคริสตัลสีขาวใสล้มรอบด้วยคริสตัลเม็ดเล็ก มีรูปร่างเหมือนดอกกุกลาบ อีกวงหนึ่งเป็นคริสตัลสีชมพูอ่อนล้อมวงด้วยคริสตัลเม็ดเล็กสีขาวใสเรียงกันไปรอบวงแหวน โอ้โห! สวยจังเลย! เอวี่เบิกตาค้างจ้องแหวนสองวงนั้น
“เอ่อ อย่าเลยค่ะ หนูรับมันไว้ไม่ได้หรอกค่ะ หนูช่วยคุณแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ เท่านั้นเอง” หลังจากที่เอวี่ตั้งสติได้เธอก็รีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ รับไปเถอะ เอลลีนคือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของฉัน เธอช่วยเอลลีนไว้ก็เท่ากับเธอช่วยชีวิตฉันไว้นั่นแหละจ้ะ เอาล่ะ ฉันต้องรีบไปแล้วล่ะ ห้ามคืนนะจ๊ะ” พูดจบก็ยิ้มให้แล้วจูงมือลูกออกไปเลย เอลลีนหันมาโบกมือให้น้อยๆ แล้วก็หันกลับไป
เอวี่มองตอมไปอย่างงงๆ หันกลับมามองแหวนในมือ แล้วหันกลับไปมองแม่ลูกใหม่ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนคนแถวนั้นหันมามองการกระทำแปลกๆของเธอ จนแผ่นหลังของแม่ลูกลับตาไปแล้วนั่นแหละถึงตั้งสติได้...
“ฮะ...เฮ้ยยยย!!!! นี่มันอะไรกันเนี่ย! ให้ง่ายไง่ายงี้เลยเหรอ!?!” เอวี่แหกปากตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ ทำให้คนแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียว เอวี่จึงรีบตะครุบปากตน ยกมือขอโทษขอโพยคนแถวนั้นแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นเลย เธอจึงไม่ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆที่ลอยมากับสายลมของใครบางคนที่แอบดูอยู่ตั้งแต่ต้น...
ว้ากก!! ทำไมมันกลายเป็นอย่างนี้เนี่ย! ทำไมมันตัดบทกันง่ายๆงี้อ่ะ! โว้ววว!! หลังจากที่นั่งทึ้งหัวตัวเองตรวที่นั่งพักข้างทางก็เริ่มตั้งสติได้จึงเก็บแหวนใส่กระเป๋าด้วยความขัดใจพร้อมความตั้งใจที่จะหาทางเอาแหวนคืนให้ได้ แต่ตอนนี้เธอหิวแล้วล่ะไปหาอะไรใส่ท้องซะหน่อยดีกว่า อืม ซื้อขนมกลับไปด้วยก็ดีนา~
ระหว่างที่เอวี่กำลังเดินคิดเพลินๆก็ไปสะดุดตาเข้ากับร้านอาหารเช้าเล็กๆ ตกแต่งสไตล์น่ารักสีชมพู-น้ำตาลหวานแหวว เธอจึงเดินเข้าไปดู
ร้านนี้ความจริงๆก็ไม่ใช่เล็กๆอย่างที่เห็นเลย เพราะด้านหน้ามีระแนงต้นไม้เลื้อยบังอยู่ พอเธอเดินเข้าไปกพบว่าเหลือที่นั่งแค่โต๊ะเดียวริมหน้าต่าง เธอจึงเดินไปนั่ง จากนั้นก็มีพนักงานเข้ามารับออเดอร์ เอวี่จึงสั่งแซนวิชแฮมชีสของโปรดกับนมอุ่นหนึ่งแก้ว
ขณะที่เอวี่กำลังนั่งกินอยู่นั้นก็มองสำรวจรอบๆร้านไปด้วย ร้านนี้คนเยอะทีเดียวแสดงว่าคงมัลุกค้าประจำเยอะสินะ อ่านั่น อาหารมาแล้วนี่นา กลิ่นหอมซะด้วย กินดีกว่า หิวจะแย่ จากนั้นเอวี่ก็ลงมือปลุกปล้ำกับอาหารตรงหน้าทันที
“เฮ้อ~ อิ่มสบายท้องดีจัง เอ ที่นี่มีขนมนี่นา ซื้อไปฝากนอเอลดีกว่า” ว่าแล้วก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ขนม เอวี่สั่งแซนวิชแฮมชีสเหมือนเธอกับโกโก้ร้อนให้นอเอล และซื้อชีสเค้กกับมัฟฟินอย่างละสามชิ้นไปตุนไว้ที่หอ
ขณะที่เอวี่กำลังเดินกลับหอนั้นเธอก้ผ่านตรงทางหินอ่อนที่เพิ่งทำความสะอาดไป เอวี่กำลังชมนกชมไม้อยู่ไม่ทันระวังจึงลื่นล้มและขนมก็หลุดลอยจากมือไปทันที
“ว้าย!ตายแล้ว เค้กกก!!!” ตอนนี้เอวี่ไม่ห่วงอะไรนอกจากเค้กแล้วเธอจึงร้องออกมาแล้วฉีกขาตามสัญชาตญาณเพื่อเอื้อตัวไปรับเค้กทันที
“ฮึบ!!” แล้วเธอก็รับได้จริงๆ เฮ้ออ~ ไปอดตายแล้วเรา แต่...เอ๊ะ!... แล้วน้ำล่ะ!?!
“มัวแต่ห่วงเค้กจนลืมอย่างอื่นเลยนะ เธอน่ะ” เอ๋...เมื่อได้ยินเสียงเรียกเอวี่จึงเงยหน้าขึ้นมามองทั้งที่ยังอยู่ในท่าฉีกขาค้างอยู่อย่างนั้น
“เฮ้ย! นายมาไงเนี่ย...อ๊ะ ขอบใจนะ” เอวี่ถามขึ้นอย่างตกใจ จากนั้นจึงกล่าวขอบคุณเมื่อ ‘เอล’ ยื่นขวดน้ำที่เขารับไว้ได้พอดีให้เธอ
“ไม่เป็นไร แต่ทีหลังก็ระวังแล้วกัน เบ๊อะเซอะอย่างนี้...ฮึๆ” พอได้ยินประโยคนี้ปุ๊บเอวี่ก็เอ๋อกินทันที พอตั้งสติได้เอลก็เดินไปเสียแล้ว
“อะ...อ๊ากก ไอ้บ้า! อย่ามาว่ากันนะ! ฉันไม่ได้เบ๊อะเซอะซะหน่อย!” แว้ดเสร็จก็ร้องชิรอบหนึ่งแล้วก้มลงสำรวจของว่ายังอยู่ดีมั้ยเพราะคิดว่าเอลคงเดินไปไกลเกินจะได้ยินแล้
แต่หารู้ไม่ว่าเขายังได้ยินอยู่และส่งเสียงร้องฮึพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากที่กลั้นไว้ตั้งแต่ท่าล้มของเอวี่แล้ว...
เอ...วันนี้เขายิ้มบ่อยเกินไปรึเปล่านะ...?
ความคิดเห็น