ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Twinkle Night ราตรีปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #2 : 2) องค์หญิงแห่งแดนปีศาจ

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 56


    นางฟ้าในแดนปีศาจ

     

                   อืม...นี่สินะ โลกมนุษย์...

                      ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งสวมเสื้อโค้ตสีดำสนิทคนหนึ่งยืนอยู่ในตรอกเล็กๆแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน นัยน์ตาสีแดงสดดั่งโลหิตมองตรงไปเบื้องหน้า ดวงตาสะท้อนภาพผู้คนเดินขวักไขว่บนฟุตบาธข้างถนนใหญ่ด้านหน้าของเขา แสงอาทิตย์ในวันที่ฟ้าแจ่มใสทำให้เรย์ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยจากนั้นจึงค่อยๆก้าวเดินออกไป

                      ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่น่ะเหรอ?...ย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนที่กองทัพเหล่าทวยเทพบุกแดนปีศาจ...

                      ท่านเรย์! ทหารของเรากำลังจะต้านไว้ไม่อยู่แล้วขอรับ!!’ เมื่อเหล่าปีศาจกำลังจะพ่ายแพ้ให้แก่แดนสวรรค์ ทุกสรรพสิ่งกลับหยุดนิ่ง ยกเว้นแม่ทัพแห่งเหล่าปีศาจ ก่อนที่เสียงๆหนึ่งจะดังขึ้น...

                      เรย์...อย่ายอมแพ้...นางผู้เป็นบุคคลเพียงหนึ่งเดียวที่จะช่วยเราได้...ทายาทรุ่นที่สองพันสี่สิบห้าเพียงหนึ่งเดียว...นางปรากฏตัวแล้ว จงตามหานาง..จงตาม...หานาง...เมื่อเสียงอันคุ้นเคยนี้หายไป ก็มีสายฟ้าผ่าลงมายังใจกลางสนาบรบ สาปเหล่าผู้บุกรุกให้กลายเป็นผงธุลี จากนั้นทุกสิ่งจึงกลับคืนสู่สภาพเดิม...             

                      ขณะที่กำลังจะก้าวออกมาจากซอยนั้นเอง ก็มีบางสิ่งแล่นผ่านหน้าเขาไปพร้อมกับเสียงใสๆและกลิ่นหอม...เหมือนกลิ่นของดอกไม้

                      “อ๊ะ! ขอโทษนะคะ!” เจ้าของเสียงที่เกือบจะปั่นจักรยานคันสีส้มสดใสชนเขาหยุดจักรยานแล้วหันกลับมามองเขา เรย์เกือบจะมองผ่านไปแล้ว เพียงแต่ว่าดวงตาสีส้มนั้นหยุดสายตาของเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะนิ่งอึ้งไป

                     ผิวขาวผ่องราวกับหิมะ เส้นผมสีดำสนิทแซมปอยสีขาวครีมที่ปลิวสไวไปตามแรงลม และ...ดวงตาสีส้มกลมโตซึ่งล้อมกรอบด้วยแพขนตายาว

                     ริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อบนใบหน้าเรียวเล็กแย้มรอยยิ้มขอโทษให้เขาก่อนจะหันไปปั่นจักรยานต่อไป

                    รอยยิ้มดั่งดอกไม้แรกแย้มนั้นตรึงเขาเอาไว้แม้ว่าเธอจะปั่นจักรยานหายไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขานิ่งอึ้งไปก็คือ...กลิ่นอายปีศาจในตัวเธอ เธอคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ดวงตาสีส้มซึ่งเหมือนกับราชินีปีศาจรุ่นที่สองพันสี่สิบสี่ไม่มีผิดเพี้ยน!

                    ...นี่สินะ...คิเรคริส ดาวีนา คิลราเลตว่าที่ผู้นำแดนปีศาจรุ่นที่สองพันสี่สิบห้า!!

     

                   “เฮ้อ! วันนี้นี่เหนื่อยตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยนะนี่เด็กสาวตัวเล็กน่าทะนุถนอมยืนอยู่ในห้องในอพาร์ทเม้นท์ส้รางใหม่แห่งหนึ่งในกรุงลอนดอนอย่างเหนื่อยอ่อน หลังจากเพิ่งย้ายที่อยู่มาวันนี้ก็ต้องวิ่งวุ่นมาตั้งแต่เช้าจนตอนเย็นนี้ถึงได้พัก

                    คริสหรือ คิเรคริส คิลเรเนนหันไปมองรอบๆตัวแล้วจึงยิ้มอย่างพึงพอใจกับห้องใหม่ของตน ที่ตั้งของอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักแต่ก็เงียบสงบแถมราคาก็ยังไม่แพงมากจึงทำให้ห้องพักเต็มอย่างรวดเร็ว กระทั่งคริสเองก็แทบจะซื้อห้องไม่ทัน เธอใช้เงินก้อนสุดท้ายที่มาเธอร์ของเธอให้มาซื้ออพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ เมื่อนึกถึงตรงนี้ก็อดคิดถึงสถานที่ที่เธอจากมาไม่ได้...

                     เธอเคยอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาก่อน อยู่มาตั้งแต่จำความได้ เธอเริ่มช่วยงานสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุสิบสอง จนเมื่อเธออายุสิบสี่ก็เริ่มหางานทำ เช่น ไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กบ้าง ไปช่วยงานโรงเรียนอนุบาลบ้าง เรียกได้ว่าคลุกคลีกับเด็กมาตั้งแต่เด็กเลยทีเดียว จนถึงตอนนี้ที่เธออายุสิบแปดปี มาเธอร์ให้เงินมาก้อนหนึ่งเพื่อให้เธอเริ่มต้นใช้ชีวิตนอกสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอจึงซื้อคอนโดที่นี่ โดยที่ยังเหลือเงินส่วนหนึ่งไว้และจะเริ่มหางานทำในวันพรุ่งนี้

                     เมื่อจัดห้องให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้วคริสจึงไปอาบน้ำแล้วเดินออกมาในชุดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งที่ยาวคลุมต้นขา จากนั้นจึงนั่งกินข้าวอยู่หน้าโทรทัศน์ เมื่อกินเสร็จจึงล้างจานแล้วกลับมานั่งดูรายการทำอาหารต่อได้ครู่หนึ่งก็เริ่มง่วงจึงปิดโทรทัศแล้วหยิบหนังสือเล่มโปรดเดินเข้าห้องนอนไป

                    “อืม...เล่มนี้อ่านกี่ทีก็ไม่มีเบื่อจริงๆ” คริสพึมพำเมื่อเริ่มเปิดหนังสือเรื่อง แดร็กคิวล่าที่อ่านค้างไว้ ตอนแรกก็ดูตั้งใจอ่านดีอยู่หรอกแต่พอผ่านไปได้ครู่เดียวก็ง่วงมากจนต้องปิดไฟนอน คงเพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ววันนี้จึงง่วงเร็วกว่าปกติ คิดได้ดังนี้ก็จมลงสู้ห้วงนิทราทันที

                   แต่เด็กสาวที่หลับใหลไม่อาจรู้ได้เลยว่า กำลังมีพายุลูกใหญ่ตรงเข้ามาหาเธอ!!

     

                     เสียงเคลื่อนตัวที่ดังอยู่ด้านข้างหน้าต่างห้องของคริสนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน แสงจันทร์สะท้อนขนสีขาวเงาวับของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กว่าคนสามเท่าที่กำลัง ลอยเลาะกำแพงด้านนอกติดกับห้องของเด็กสาวซึ่งอยู่ชั้นสิบ มันเข้าไปด้านในห้องของคริสทางหน้าต่างที่เจ้าตัวลืมปิดเอาไว้แล้วไปหยุดลงข้างเตียงของเด็กสาวแล้วจึงอ้าปากกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวยาวแหลมคมของหมาป่ายักษ์สีขาว

                    แต่ก่อนที่มันจะได้ฝังเขี้ยวลงบนตัวของเด็กสาวก็มีเงาหนึ่งพุ่งตรงมายังหมาป่ายักษ์ เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ดาบที่ทำจากเงินแท้ก็แทงทะลุผ่านลำตัวของหมาป่า แต่กลับไม่มีเลือดสักหยดเพราะเป็นดาบชนิดพิเศษ เจ้าหมาป่าร้องโหยหวนด้วยความทรมานทำให้คริสตื่นขึ้นมาและต้องหัวใจแทบวายกับภาพที่เห็นเบื้องหน้าภายใต้แสงสว่างจากแสงจันทร์ซึ่งสาดส่องผ่านทางหน้าต่าง...ที่เธอลืมปิดเข้ามาในห้องทำให้เธอเห็นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน

                   หมาป่ายักษ์สีขาวเอี้ยวตัวกลับไปหมายจะตะปบผู้ที่แทงดาบใส่มัน แต่สายเกินไป เงาสีดำที่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วจนเห็นเพียงเป็นเงารางๆนั้นดึงดาบกจากตัวหมาป่าก่อนจะสะบัดดาบตัดหัวของหมาป่าขาดในดาบเดียว จากนั้นซากหมาป่าจึงสลายหายไปกลายเป็นเพียงกองเถ้าธุลีออยู่บนพื้นเท่านั้น

                    เมื่อทุกอย่างหยุดลง คริสก็ได้เห็นเงาที่ว่านั่นชัดๆ แต่มันกลับทำให้เธอตกใจยิ่งกว่าเดิม เงานั่นคือชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งผมสีดำสนิทซอยระต้นคอสวมเลื้อกันหนาวแขนยาวสีเท่าพอดีตัวกับกางเกงขายาวสีดำ ดวงตาสีแดงแสนสวยราวกับอัญมณีที่จ้องมองเธอทำให้เธอต้องกลั้นหายใจก่อนที่เจ้าของดวงตาสีแดงสดนั้นจะเดินเข้ามารวบร่างเธอขึ้นมาในอ้อมแขนแล้วเดินไปทางหน้าต่างห้องก่อนที่จะพุ่งออกไป...สยายปีกค้างคาวสีดำขนาดใหญ่ออกจากหลังแล้วบินขึ้นฟ้าไป

                   “เดาว่าเธอคงกำลังช็อก เอาเป็นว่า...ตอนนี้เราต้องรีบไปจากที่นี่ก่อนที่พวกลอบกัดตัวอื่นจะยกโขยงกันมา แล้วเดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง” เสียงทุ้มที่ดังชิดหูทำให้สติที่หลุดลอยกลับคืนมา

                    “นี่...นี่มันอะไรกันน่ะ ทำไม...ทำไม...” คริสถึงกับพูดไม่เป็นภาษา เพราะสิ่งที่เธอได้เห็นเมื่อครู่นั้นมันสุดแสนจะเกินบรรยาย ทุดอย่างแลดูเหนือธรรมชาติ และตอนนี้...เธอก็กำลังซุกตัวอยู่กับอกของผู้ชายที่มีปีกค้างคาวใหญ่ยักษ์งอกออกมาจากหลัง ถามยังบินอยู่เหนือกลุ่มเมฆอีกต่างหาก! แล้วจะให้เธอตั้งสติได้อย่างไรกัน!

                    “...ไม่อธิบายก็คงไม่ได้นะสิ เอาสั้นๆแล้วกัน ฉันคือแวมไพร์แม่ทัพแห่งแดนปีศาจและเธอคือองค์หญิงแห่งแดนปีศาจ หมาเมื่อกี้นี้คือสัตว์จากแดนเทพมันจะฆ่าเธอ และเธอคือคนเดียวที่จะช่วยแดนปีศาจได้ดังนั้นเธอก็ห้ามตายฉันถึงมาช่วยเธอและจะนำเธอกลับแดนปีศาจ บ้านเกิดของเธอ ตอนนี้เงียบก่อน เดี๋ยวค่อยอธิบายเพิ่ม ฉันต้องใช้สมาธิ” เสียงพูดเร็วๆนั่นทำให้เธอไม่กล้าพูดอะไรอีก ตอนนี้เค้ากำลังกอดตัวเธอไว้อยู่ ถ้าเธอทำให้เขารำคาญเขาอาจจะปล่อยเธอลงจากฟ้านี่ก็ได้ ถึงเขาจะบอกว่าเธอห้ามตายก็เถอะ

                   จู่ๆคริสก็รู้สึกเหมือนมีกระแสลมพัดมาวูบใหญ่ทำให้เธอต้องหลับตา ได้แต่คิดว่าตอนนี้ทำเป็นไม่รับรู้อะไรก่อนแล้วกัน เผื่อว่าถ้าลืมตาขึ้นมาแล้วมันจะเป็นเพียงแค่ความฝัน...

     

                    “ถึงแล้วล่ะ” เสียงที่ดังขึ้นอยู่ชิดหูทำให้คริสใจสลาย นี่ไม่ใช่ความฝัน และตอนนี้เขาก็ปล่อยเธอลงทำให้เธอสามารถเห็นสถานที่ที่เธอยืนอยู่ได้เต็มตา

                    ดูเหมือนว่าจุดที่เธอยืนอยู่นั้นจะเป็นระเบียงกว้างที่อยู่สูงเสียดฟ้าเพราะเธอเห็นสายหมอกลอยอยู่เป็นบริเวณกว้าง พื้นระเบียงทำจากหินอ่อนสีขาวขุ่น มีกระถางแบบหรูหราใส่ดอกกุหลาบสีแดงตั้งอยู่ตามขอบราวระเบียงซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรกดูหรูหรา เมื่อหันไปด้านหลังก็พบว่าชายที่พาเธอมาที่นี่นั้นยืนอยู่หน้าประตูแบบโค้งบานใหญ่ ขอบประตูแกะสลักเป็นลวดลายสวยงามแถมยังฝังทับทิมอีกต่างหาก โอ้วว ไฮโซไปไหน!!

                    “เข้ามาก่อน ข้างนอกมันหนาว” เสียงทุ้มนุ่มทว่าทรงพลังนั้นทำให้เธอกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่

                     จะเข้าไปดีไหมหนอ ท่าทางไม่น่าไว้ใจเลย แต่มันก็หนาวจริงๆด้วยแฮะ ไม่เข้าไปแล้วเราจะไปไหนล่ะ แต่เข้าไปแล้วเขาฆ่าเรามั้ยเนี่ยย!!’ เธอลังเลอยู่นานจนเขาท่าทางจะทนไม่ไหวจึงเดินเข้ามาอุ้มเธอพาดบ่าด้วยมือเดียวซึ่งตามมาด้วยเสียงโวยวายของเธอ

                     “ว้าย! นี่นาย! ปล่อยฉันลงนะ! จะพาฉันไปไหนน่ะ”

                     เขาไม่พูดอะไรเลยจนกระทั่งเดินเข้ามาในห้องแล้วปล่อยตัวเธอลงนั่งกับเก้าอี้ตัวหนานุ่มซึ่งตั้งอยู่ข้างประตูระเบียง

                     “ตอนนี้เราอยู่แดนปีศาจแล้ว ลมแรงๆนั่นคือตอนที่เราผ่านประตูแห่งภพ...เธอคงจำที่ฉันอธิบายได้...” เขาเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนให้เธอรื้อฟื้นความทรงจำ

                  “...ไม่อธิบายก็คงไม่ได้นะสิ เอาสั้นๆแล้วกัน ฉันคือแวมไพร์แม่ทัพแห่งแดนปีศาจและเธอคือองค์หญิงแห่งแดนปีศาจ...” เอ๋...แวมไพร์...!?!? เฮ้ยยยย!! นี่เอาจริงป่ะเนี่ย!?

                   เมื่อเขาเห็นสีหน้าหวาดผวาของเธอก็ขมวดคิ้วหน่อยๆก่อนจะเอ่ยต่อไป

                   “วางใจได้ ฉันไม่กัดเธอง่ายๆหรอก...” ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่เขี้ยวขาวๆที่งอกออกมานั่นมันอะไร!!

                   เขาพยายามข่มตัวเองเต็มที่ให้เขี้ยวหดกลับเข้าไป กลิ่นของคริสหอมมาก และตอนนี้มันก็ลอยอวลไปทั่วห้องกระตุ้นให้ต่อมน้ำลายพลันทำงาน ทั้งที่เธอเป็นปีศาจ แต่ทำไมกลิ่นถึงได้หอมรัญจวนใจถึงเพียงนี้??

                   “ฉันรู้ว่ามันทำใจเชื่อยาก แต่มันคือความจริง เธอคือพระราชธิดาในกษัตริย์แห่งดินแดนปีศาจรุ่นที่สองพันสี่สิบสี่ เธอถูกส่งตัวไปยังโลกมนุษย์ตั้งแต่ยังเล็กนักเพื่อไม่ให้พวกแดนเทพรู้ว่าแดนปีศาจมีเธอ พวกแดนปีศาจตั้งใจจะยึดครองทั้งสามภพ แดนเทพ โลกมนุษย์ และแดนปีศาจ เมื่อไม่นานมานี้ท่านมาครอส...องค์ราชาของเรา...พ่อของเธอได้หายตัวไป...”

                   เรย์พูดไปก็ลอบมองคริสไป สีหน้าของเธอดูสับสน อย่างว่าล่ะนะ ไม่ว่าเป็นใคร หากเจอเรื่องแบบนี้ก็คงแย่เหมือนกันแหละ

                   “พวกเทพสืบจนรู้เรื่องนี้จึงยกทัพบุกแดนปีศาจแต่ตอนนั้น...มีคนมาช่วยเราเอาไว้ทัน ฉันจึงออกตามหาเธอ เป็นเวลาเดียวกันกับที่เทพรู้เรื่องเธอ พวกนั้นเลยตามล่าเธอ...ก็หมาป่าตัวนั้นนั่นแหละ พวกมันหวังกำจัดเธอ ซึ่งเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์...”

                   คริสก้มหน้าลงมองพื้นเม้มริมฝีปากแน่น เธอกำลังสับสน ทุกอย่างตีกันวุ่นในหัวเต็มไปหมด เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะเชื่อดีมั้ย แต่ทุกสิ่งดูเหนือธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะทำได้ และความรู้สึกบางอย่างกำลังบอกเธอ ว่าเขาไม่ได้โกหก...

                   “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เธอควรจะพักผ่อน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอจะต้องอยู่ที่นี่กับฉันเพื่อความปลอดภัยของเธอ เธอนอนบนเตียงไปเลย เดี๋ยวฉันจะนอนที่โซฟาเอง”

                   “อืม...ฮะ...อะไรนะ! นอนในห้องนี้ด้วยกันงั้นเหรอ!?” คริสเงยหน้าขึ้นมาทำหน้าตกใจทันที ท่าทางนั้นทำให้เรย์อดยิ้มบางๆไม่ได้

                   “เพื่อความปลอดภัยของเธอ ตราบใดที่เธอมีฉันอยู่ข้างๆ มันจะไม่มีวันได้เธอไป” คำพูดนี้ทำให้คริสหน้าแดงเถือก มันไม่มีอะไรซะหน่อย ก็เขาต้องปกป้องเราไง!’

                    “เดี๋ยวจะมีคนเอาเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้มาให้เธอ ฉันไปอาบน้ำก่อนล่ะ” เรย์ว่าก่อนจะหันหลังกลับไปเดินไปทางประตูที่น่าจะเป็นประตูห้องน้ำ

                    “ดะ...เดี๋ยว! คือ...ฉันชื่อคริส..คิเรคริส คิลเรเนน นายชื่ออะไร?” คริสถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

                    “เรย์...เรยฺนิคัส เอดิเซนอล อ้อ ฉันว่าชื่อเธอน่ะ คงต้องเปลี่ยนเป็น คิเรคริส ดาวีนา คิลราเลตแล้วล่ะ องค์หญิง” เรย์ยิ้มมุมปากให้เธอน้อยๆก่อนจะเดินไป

                     สักพักก็เสียงเคาะประตูดังขึ้น คริสไม่แน่ใจว่าจะอนุญาตดีมั้ยจึงได้แต่ทำท่าทางเงอะๆงะๆไม่ได้พูดอะไรออกไป เสียงจากข้างนอกประตูจึงดังขึ้น

                     “ป้าเอาเสื้อผ้ามาให้องค์หญิงค่ะ” เมื่อคริสได้ยินดังนั้นจึงอนุญาตให้เข้ามา

                     “องค์หญิงคริสสินะคะ งดงามเหมือนท่านราชินีแครอลไม่มีผิด...อ้อ ป้าชื่อเบลลารีนนะคะ เรียกว่าป้าเบลล์ก็ได้ ป้าเป็นคนดูแลองค์หญิงนะคะ นี่เสื้อผ้าค่ะ ของใช้ขององค์หญิงอยู่ในห้องนี้หมดแล้วนะคะ ท่านเรย์น่ะยกตู้เสื้อผ้าของตัวเองให้องค์หญิงเลยนะคะ ของตัวเองก็เอาไปไว้ในตู้ในห้องน้ำแทน เอ...คืนนี้องค์หญิงจะใส่ชุดนี้นอนไปเลยก็ได้นะคะ” คนที่อยู่ตรงหน้าคริสคือหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง เธอมีรูปร่างค่อนข้างท้วม เส้นผมสีดำสนิทรวบไว้เป็นมวยเรียบร้อยด้านหลัง เธอคนนี้มีดวงตาสีดำสนิทที่อ่อนโยนมาก ดูเป็นคนใจดี... ตั้งแต่เข้ามาเธอก็พูดกับเธอไม่หยุด ดูท่าทางมีความสุข...ที่จะได้ดูแลใครสักคน เมื่อนึกถึงตรงนี้เธอก็อดคิดถึงแม่ไม่ได้ เธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับแม่เลย...

                   “อ่า...หนูใส่ชุดนี้นอนแล้วกันค่ะ” คริสตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม รอยยิ้มนี้คงฉายแววเศร้าออกมา ป้าเบลล์จึงเอ่ยว่า

                    “องค์หญิง...ไม่เป็นไรนะคะ ป้าเชื่อว่า อีกไม่นานนี้องค์หญิงต้องได้พบท่านมาครอสและท่านแครอลแน่ๆค่ะ” รอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมานั้นทำให้เธอแย้มยิ้มสดใสเหมือนจะบอกว่าเธอไม่เป็นไร

                   “ถ้างั้นป้าไปก่อนนะคะ นอนหลับให้สบายนะคะองค์หญิง เพราะพรุ่งนี้น่ะ ได้เหนื่อยแน่ค่ะ” เมื่อกล่าวจบป้าเบลล์ก็เดินออกไปทิ้งคำพูดและรอยยิ้มปริศนาไว้ให้เธอสงสัยเล่นเพราะยังไม่ทันถามป้าเบลล์ก็ปิดประตูเสียแล้ว

                   คริสเดินไปปีนขึ้นเตียงหนานุ่มแล้วทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน เธอไม่หวังว่าพรุ่งนี้ตื่นมามันจะไม่ใช่ความฝัน เพราะเธอรู้ว่าทุกอย่างในวันนี้ล้วนเป็นความจริง เอาเถอะ...อย่างน้อยที่ทุกคนพูดมาก็ทำให้เธออดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ ความฝันของเธอคือได้พบกับพ่อแม่ เธออยากรู้จักพวกท่าน และดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะมีความหวัง...ล่ะมั้งนะ...

                    

                

                            

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×