ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Twinkle Night ราตรีปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #1 : 1) บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 56


     

    บทนำ

     

                      “นายๆ! ตนนั้นแหละ ท่านนายพลเรียก รีบไปที่หอบัญชาการเร็ว!

                          ท่านครับ! ไม่ทราบว่าผลการประชุมเป็นอย่างไรบ้างครับ!

                          ท่านครับ ท่านนานพลรอผลอยู่นะขอรับ

                          “เฮ้ยๆ! อย่าขวางทางสิ คนยิ่งรีบๆอยู่!

                          “นายๆ ท่านสั่งว่ายังไงบ้างน่ะ

                         ตอนนี้ทุกอย่างในพระราชวังปีศาจล้วนวุ่นวายทั้งนั้น ก็จะไม่ให้วุ่นวายได้อย่างไร เมื่อจู่ๆราชาและราชินีปีศาจแห่งราชวงศ์ 'คิลราเลต' รุ่นที่สองพันสี่สิบสี่ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อห้าวันก่อน เมื่อตอนที่พระองค์ยังอยู่ พวกท่านเป็นผู้ที่คอยดูแลมหานครปีศาจทั้งหมด พอพวกท่านหายตัวไปทุกฝ่ายในวังจึงวิ่งวุ่นกันไปหมด พวกตำแหน่งใหญ่ชอบเลียแข้งเลียขาพระราชาต่างก็เผยธาตุแท้ออกมาจนหมดโดยการที่เอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้านของตนด้วยกลัวว่าไม่มีใครคอยคุ้มหัวตนจากพวกที่ตนเองเคยไปรังแกไว้แล้ว

                        ในขณะที่ทุกตนในพระราชวังเดินขวักไขว่วุ่นวายกันไปหมดนั้น มีปีศาจอยู่คู่หนึ่งที่เพียงยืนมองดูอยู่เฉยๆตรงเงามืดริมทางเดิน

                        ท่านแม่ทัพขอรับ รถม้าพร้อมแล้วขอรับ เสียงของชายวัยกลางคนสวมชุดเครื่องแบบทหารสีน้ำเงินที่มีเครื่องหมายประดับยศสูงดังขึ้นดึง ท่านแม่ทัพ ออกจากภวังค์

                        ...อืม...เดี๋ยวฉันออกไป สิ้นเสียงนั้นนายทหารผู้นั้นจึงเดินออกไปอย่างเร่งรีบเพื่อตรวจความเรียบร้อยของรถม้าให้ผู้บังคับบัญชาของตน

                        ร่างสูงนั้นยืนพิงกำแพงมองดูความวุ่นวายในวังอยู่ครู่เดียวก็หันกลับมาจะเดินออกไปนอกวัง แสงแดดที่สาดกระทบนั้นเผยให้เห็นชายร่างหนุ่มสูงโปร่งในชุดคลุมยาวสีน้ำเงินเข้มขลิบทอง ชายผู้นั้นมีผิวขาวซีด เส้นผมสีดำสนิทแลดูนุ่มลื่นซอยระต้นคอ ริมฝีปากสีแดงสดดั่งกลีบกุหลาบ และที่สะกดสายตาที่สุด ดวงตาสีแดงเด่นราวกับอัญมณีอันแสนงดงาม ดวงตาที่ไม่เคยแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกอะไรทั้งสิ้น...กล่าวได้ว่า ชายผู้นี้มีรูปร่างหน้าตาที่สมบูรณ์แบบเอามากๆ...ท่านแวมไพร์แม่ทัพแห่งทัพปีศาจ...

                         ร่างสูงนั้นเดินไปเรื่อยๆตามทางเดินยาวของโถงพระราชวัง มุ่งหน้าตรงไปยังลานด้านหน้าซึ่งมีรถม้าสีดำสนิทเทียมด้วยม้าสีดำปลอดทั้งตัวสี่ตัว

                         ก่อนที่ประตูรถม้าจะปิดลง เสียงของนายทหารผู้ภักดีก็ดังขึ้นด้วยเสียงที่ออกแววกังวลหน่อยๆ แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในเจ้านายของตน

                        “ท่านเรย์ขอรับ...นำ มัน กลับมาให้ได้นะขอรับ มันคือความหวังสุดท้ายของพวกเราแล้วจริงๆน้ำเสียงนี้มาพร้อมกับแววตาเคร่งเครียด

                        “อืม ไม่ต้องห่วง ยังไงฉันก็ต้องนำมันกลับมาให้ได้น้ำเสียงอันทรงพลังประกอบกับใบหน้าจริงจังที่เขาเห็นและมั่นใจมาตลอดห้าปีแห่งการเป็นแม่ทัพของ เรย์นิคัส เอดิเซนอล ทำให้จิตใจที่พะวักพะวงสงบลงมาได้

                       “โชคดีขอรับ ท่านเรย์นั่นคือคำลาสุดท้าย ก่อนที่รถม้าจะเคลื่อนตัวออกไปตามเส้นทางที่ดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุดนั้น...

                

                      ชายหนุ่มเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า ในหัวก็คิดถึงแต่ความวุ่นวายที่วัง และภารกิจของเขา ที่ต้องนำ ดวงตาแห่งม่านหมอก ลูกแก้วทำนายอันศักดิ์สิทธิ์จากดินแดนแห่งเวทมนต์กลับมา เพื่อให้ รีเญน่า แม่มดแห่งดินแดนแห่งเวทมนต์ที่อุทิศตนจากบ้านเกิดเพื่อมาอยู่คุ้มครอง กรุงมอนทิสซาร์ เมืองหลวงแห่งมหานครปีศาจแห่งนี้ทำนายอนาคตขอนแดนปีศาจ เนื่องจากตอนนี้สิ่งที่ปีศาจทุกตนที่รู้เรื่องการหายตัวไปของเจ้าของบัลลังก์คือการบุกรุก...

                        ไฟสงครามที่ทำท่าว่าจะปะทุอยู่ทุกเมื่อของมหานครปีศาจและ...ดินแดนทวยเทพ อืม...ยังไงดีล่ะ มันคงเริ่มตรงที่ว่า เมื่อมนุษย์ทั้งหลายที่มีจำนวนมากมายนักสรรเสริญเหล่าทวยเทพที่ตนไม่เคยมองเห็น เมื่อเหล่าทวยเทพทั้งหลายละทิ้งความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เมื่อยังไงเหล่าปีศาจก็ถูกมองว่าเป็นฝ่ายเลวอยู่วันยันค่ำ เมื่อพลังแห่งความเชื่อของเหล่ามนุษย์ส่งเสริมบารมีของเหล่าเทพอย่างมากมายมหาศาล...เทพทั้งหลายจึงเลือกที่จะวางแผนยึดครองทุกภพ โดยเริ่มจากมหานครปีศาจ...              

                    พวกเขาเหล่าปีศาจมิอาจล่วงรู้ได้ว่าทัพของเหล่าเทพจะยกมาเมื่อไร สิ่งเดียวที่จะพึ่งได้ในเวลานี้คือดวงตาแห่งสายหมอก เพื่อที่จะมองเห็นอนาคตเพื่อที่จะเตรียมการได้ทัน หากแต่การเดินทางไปนำดวงตาแห่งสายหมอกนั้นไม่ได้ง่ายนัก น่านฟ้าดินแดนที่อยู่ของเหล่าพ่อมดแม่มดนั้นมีสัตว์เวทเป็นหน้าด่านคอยตรวจตราและมีกฎว่าห้ามเข้าเขตแดนทางอากาศเด็ดขาด จึงไม่สามารถขี่มังกรเข้าไปได้

                     ระหว่างที่เรย์กำลังนึกถึงดวงตาแห่งสายหมอกอยู่นั้น ก็บังเกิดเสียงดังสนั่นดังขึ้นเบื้องหน้าพร้อมกับแสงสว่างวาบและพื้นดินที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนรถม้าคว่ำ ม้าทั้งหลายต่างตะกุยฝีเท้าออกแรงวิ่งจนเชือกมัดขาด ม้าทุกตัววิ่งกระเจิงหายไปคนละทิศละทาง

                     เรย์ที่กระโจนออกมาจากรถม้าทันก่อนที่รถม้าจะคว่ำพอดีกลิ้งไปตามพื้นดินก่อนจะรีบหยุดร่างตนและลุกขึ้นยืน

                     เบื้องหน้าปรากฏร่างสูงร่างหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางควันหนาฟุ้ง แสงจันทร์ที่กระทบไอควันนั้นเหมือนดั่งมือที่แหวกม้านสีขาวนั่นออก เผยให้เห็นชุดสีขาวขลิบทองที่ชายผู้นั้นสวมใส่ ที่มือของเขาถือคทาด้ามยาวสีขาวบริสุทธ์ ปีกสีขาวที่แผ่สยายอยู่ด้านหลังเป็นตัวบ่งบอกให้รู้แน่ชัดว่า...เทพ...

                    “นี่สินะ...เรย์นิคัส เอดิเซนอล แม่ทัพแห่งปัศาจทั้งมวล...ในที่สุดวันที่ข้ารอก็มาถึง วันที่จะได้ประมือกับมือหนึ่งแห่งปีศาจ!!!!

                      ดูท่าว่า...แดนเทพจะบุกมาแล้วกระมังนี่...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×