จากผม - จากผม นิยาย จากผม : Dek-D.com - Writer

    จากผม

    โดย blackcactus

    เรื่องราวของชีวิตอาชญากรคนหนึ่ง ที่เพิ่งถูกปล่อยตัวจากคุก

    ผู้เข้าชมรวม

    58

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    58

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 มี.ค. 50 / 16:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                              คีท แซนด์เลอร์ อาชญากรผู้ที่ยังเป็นที่ต้องการตัวจากหลายรัฐ ได้รับการปล่อยตัวจากคุกเบอร์มิงแฮมแล้วเมื่อเย็นวานนี้ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อและสาธารณะชน ยังไม่มีผู้ใดทราบสาเหตุที่แน่ชัด ถึงการปล่อยตัวก่อนเวลาที่กำหนด ผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน ได้คาดการณ์ไว้ว่า การปล่อยตัวในครั้งนี้ จะนำมาซึ่งความโกลาหลต่อสังคมอเมริกันเป็นอย่างมาก

       

      หนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ไทมส์

      11 มีนาคม 2013

       

       

                      ผมวางหนังสือพิมพ์ลงบนเก้าอี้สาธารณะสีเขียวที่ผมนั่งอยู่ แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า ผมรู้สึกถึงแสงแดดจ้ายามบ่ายที่มากระทบกับใบหน้า รู้สึกถึงสายลมอ่อนๆพัดผมของผมให้พลิ้วไหวไปตามสายลม ผมหลับตาลงอย่างช้าๆ หวนคิดถึงอดีตของตนเองที่ทำผิดพลาดมานับครั้งไม่ถ้วน บางครั้งผมรู้สึกว่าตนเองนั้นไม่น่าให้อภัย ไม่สมควรที่จะได้อยู่บนโลกสวยงามใบนี้อีกต่อไป ตอนนี้ผมอยากที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ มันอาจจะฟังดูง่ายสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับคนอย่างผม คนที่ไม่เป็นที่ต้องการ คนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นขยะสังคม มันยากมากที่จะทำเช่นนั้น ตลอดเช้าวันนี้ผมเดินหางาน ทั้งตามสำนักงานไปจนถึงร้านอาหารฟาสท์ฟู้ด นอกจากจะไม่ได้งานทำแล้ว ผมยังได้รับคำสบประมาทมากมายจากพนักงานของสถานที่นั้นๆอีกด้วย

                      ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างเปียกๆที่มือของผม ผมลืมตาขึ้นและมองลงไป มีสุนัขตัวใหญ่ขนมีทองยาวสลวย ผมคิดว่าน่าจะเป็นสุนัขพันธ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ มันกำลังเลียมือของผม

                      ว่าไง ผมทัก

                      สุนัขตัวนั้นเงยหน้าขึ้น แล้วมองตรงมายังผม ตาสีดำแวววาวของมันเต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่ก็ยังแฝงความร่าเริงของสุนัขไว้ด้วย ผมลูบหัวของมันเบาๆ

                      ทันใดนั้น ผมก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง ผมมองไปตามต้นเสียง ผมเห็นเด็กหญิงตัวเล็กมีน้ำตาคลออยู่ในตาของเธออย่างเห็นได้ชัด เธอร้องเรียกหาแม่ ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้และกำลังจะเดินตรงไปยังเด็กหญิง ขณะนั้นหญิงวัยกลางคนก็เดินเข้ามา ผมจึงหยุดอยู่ตรงนั้น หญิงคนนั้นเป็นแม่ของเด็กอย่างไม่ต้องสงสัย เด็กหญิงร้องไห้และกอดแม่ของเธอ

                      เธอพูดด้วยเสียงสั่นเครือพลางดึงชายเสื้อของแม่เธอ แม่คะ แม็กซ์ กำลังเล่นกับผู้ชายที่ออกทีวีเมื่อวานค่ะ

                      หญิงผู้เป็นแม่มองตรงมายังผมด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ แม็กซ์ เป็นคำคำเดียวที่ออกมาจากปากของเธอ

                      ผมมองสุนัขตัวนั้น มันมองกลับมาที่ผม แล้วกระดิกหางให้อย่างร่าเริง

                      แม็กซ์ หญิงผู้นั้นย้ำอีกครั้ง

                      แล้วแม็กซ์ก็วิ่งไปหาหญิงผู้นั้น เธอผลักลูกของเธอเบาๆ เป็นการบอกให้ลูกของเธอรีบเดินไปจากที่นี่ เด็กหญิงยังคงไม่ขยับ เธอจึงรีบอุ้มเด็กหญิงขึ้นอย่างไม่ลังเล แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

                      ผมยังคงยืนอยู่กับที่ เหตุการณ์ที่ผ่านมาเกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึง 2 นาที แต่มันก็ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับผมมากทีเดียว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของสาธุคุณแคมเดน คำพูดที่ผมยังคงจดจำได้ทุกคำมาจนถึงทุกวันนี้

                      คีท เมื่อลูกกลับไปสู่โลกภายนอกอีกครั้ง ลูกก็เหมือนกับเรือเล็กลำหนึ่ง ที่ลอยอยู่ท่ามกลางทะเลอันกว้างใหญ่ มีพายุโหมกระหน่ำ และดูเหมือนกับว่า จะไม่มีวันไหนอีกแล้ว ที่ท้องฟ้าจะกลับมาสดใสเหมือนเดิม พ่ออยากให้ลูกสู้ต่อไป สู้เพื่อวันข้างหน้า สู้เพื่อวันที่ท้องฟ้ากลับมาสดใสอีกครั้ง จำไว้นะลูกว่า ฟ้าหลังฝนน่ะ มันจะงดงามมากกว่าท้องฟ้าใดๆ

                      ผมจับจี้ไม้กางเขนสีทองที่ผมห้อยคอเอาไว้ พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ การเริ่มต้นชีวิตใหม่นี้อาจจะยากกว่าที่ผมคาดเอาไว้ก็ได้ ผมมองท้องฟ้าเบื้องบน

                      เป็นกำลังใจให้ผมด้วย ผมพึมพำ


      ตกเย็นแล้ว ตะวันเป็นสีแดงเลือด ทำให้ผมรู้สึกหดหู่ขึ้นมา ผมเดินไปเรื่อยๆบนทางเท้า ยังไม่มีจุดหมายที่แน่นอน ไฟถนนเริ่มเปิดแล้ว ผู้คนล้วนอยู่ในบ้านของตน ใช้เวลาอันมีค่ากับครอบครัวอันเป็นที่รัก

                      ขณะที่ผมเดินผ่านบ้านขนาดย่อมหลังหนึ่ง ผมได้ยินเสียงหัวเราะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขดังมาจากข้างใน ผมจึงตัดสินใจแอบมองทางหน้าต่างบานเล็กๆ

                      เป็นเวลาอาหารเย็น คุณตา พ่อ แม่ และลูกกำลังรับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข ผมรู้สึกถึงของเหลวอุ่นๆในตาของผม ผมจึงรีบเบนหน้าหนี และเดินจากบ้านหลังนั้นมา บางทีผมควรจะกลับบ้านได้แล้ว แม่อาจจะกำลังรอการกลับมาของผมอยู่ แต่อีกใจหนึ่ง การกลับบ้านของผมอาจทำให้หญิงอันเป็นที่รักที่สุดของผมต้องเจ็บปวดมากกว่าที่เป็นก็เป็นได้

                       ผมทำให้เธอผิดหวัง เธอคาดหวังกับผมไว้มาก ผมเป็นลูกคนเดียว แล้วพ่อผมก็เสียไปในอุบัติเหตุรถยนต์ตั้งแต่ผมยังเล็ก เธอคงรู้สึกโดดเดี่ยวที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอดระยะเวลา 15 ปี  ผมยังจำใบหน้าของเธอได้ ตอนที่ตำรวจพากันบุกเข้ามาในบ้าน เพื่อจับตัวผม เธอวิงวอนตำรวจให้ปล่อยตัวผม หาข้ออ้างต่างๆนาๆ เพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องใช้ชีวิตของผมในคุก น้ำตาเป็นสายไหลลงจากตาสีฟ้าใสของเธอ ตั้งแต่วันนั้น ผมสัญญากับตนเองไว้ว่า ผมจะต้องเป็นคนใหม่ให้ได้

                      ผมตัดสินใจเดินกลับบ้าน

                      บ้านดูโทรมลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันอาจจะถูกทาสีใหม่หลังจากผมจากไปไม่นาน แต่ผมมีความรู้สึกว่าบางอย่างได้ขาดหายไปจากบ้านนี้...ความรัก

                      ผมเดินไปยังหน้าประตูบ้าน แล้วกดกริ่ง

                      สักครู่ค่ะ เสียงขานรับดังมาจากในบ้าน เสียงนั้นดูอ่อนวัย ไม่ใช่เสียงของแม่อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเวลาผ่านมานานเช่นนี้แล้ว ผมเริ่มรู้สึกว่าท้องไส้ปั่นป่วน รู้สึกไม่สบายตัว มีความรู้สึกว่าต้องมีบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้น ตลอดเวลาที่ผมอยู่ในคุก ผมไม่เคยโทรหาแม่เลย ทำให้มีความคิดแน่ๆเกิดขึ้นในหัวของผมมากมาย

                      ประตูเปิดออกอย่างช้าๆ หญิงที่เดินมาต้อนรับไม่ใช่แม่ของผม เธอเป็นคนหน้าตาดี แววตาของเธอดูอบอุ่น เธอสบตาผม

                      หาใครคะ เธอถามและยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร

                      ผมยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง

                      คุณคะ เธอพูดขึ้นอีกครั้ง เธอมองผมด้วยสายตาที่สงสัย

                      อ้อ ครับ เอ่อ...นี่ใช่บ้านของคุณนายแซนด์เลอร์รึเปล่าครับ

                      ใช่ค่ะ เธอตอบ ผมรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ผมรู้สึกถึงเลือดในร่างกายที่กลับมาไหลเวียนเหมือนเดิม ช่างเป็นคำตอบที่ประทานมาจากฟ้าโดยแท้

                      คุณคงมาหาเธอใช่ไหมคะ เชิญเลยค่ะ เธอผายมือเป็นการเชื้อเชิญ

                      ขอบคุณครับ ผมตอบ ผมสาวเท้าเข้าไปในบ้าน มีเฟอร์นิเจอร์ใหม่มากมาย ภายในบ้านได้เปลี่ยนไปมากตั้งแต่ผมไป ผมมองไปรอบๆห้องเป็นการสำรวจ มีสิ่งหนึ่งในห้องนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง

                      มันยังคงอยู่ตรงนั้น ผมเดินตรงไปที่เตาผิง และหยิบสิ่งนั้นขึ้นมา รูปพ่อแม่และผมตอนไปเที่ยวด้วยกัน เมื่อได้สัมผัสมันแล้ว ผมไม่อยากวางมันลงเลย ผมอยากให้ทุกสิ่งเป็นเหมือนเดิม ผมอยากให้พ่ออยู่ที่นี่ ผมอยากให้ทุกสิ่งที่ผมทำผิดพลาดไปไม่เกิดขึ้น เราจะได้ใช้ชีวิตกันเหมือนแต่ก่อน

                      ทางนี้เลยค่ะ หญิงสาวพูดขึ้น

                      ผมวางรูปลง แล้วเดินตามเธอไป ผมเดินเข้าไปในห้องนอนของแม่ แม่นั่งอยู่บนรถเข็นและกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างล่องลอย

                      ขอตัวนะคะ หญิงสาวกล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด เธอเดินออกไปนอกห้องและปิดประตูลงเบาๆ

                      ผมไม่ได้พูดอะไร ผมกลัวความจริง กลัวว่าจะรับความจริงนั้นไม่ได้ ผมได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น แม่เหมือนจะไม่รับรู้อะไร แต่แล้วผมก็ตัดสินใจ

                      ผมเดินไปข้างหลังแม่ แม่ครับ

                      แม่หันมาอย่างช้าๆ เธอมองมายังผม คีท เธอโพล่งขึ้นและกอดผมไว้แน่น

                      ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไม่ได้รู้สึกมานานมากแล้ว ผมกอดเธอ

                      คีท แม่นึกว่าจะไม่ได้เจอลูกอีกแล้ว แม่เห็นข่าวเมื่อวานแล้ว นึกว่าลูกจะไม่กลับมาแล้วเสียอีก แม่เป็นห่วงลูกนะ สัญญากับแม่นะลูกว่าจะไม่ไปไหนอีกแล้ว แม่รักลูกมากนะ

                      รัก ถึงแม้จะเป็นคำพูดสั้นๆ แต่คำนิยามของมันช่างลึกซึ้งเหลือเกิน โดยเฉพาะเวลาที่มันออกมาจากปากของคนที่ผมให้ความสำคัญมาก

                      ผมก็รักแม่ครับ ผมพูดขึ้นเบาๆด้วยเสียงแหบแห้ง ผมจะไม่ปล่อยให้แม่ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว ผมสัญญา


       เป็นระยะเวลา 1 อาทิตย์แล้ว ที่ผมใช้ชีวิตเหมือนกับสิ่งไม่มีชีวิต ผมเอาแต่นั่งๆนอนๆอยู่ในบ้าน ผมไม่สามารถที่จะหลุดออกห้วงความคิดนี้ไปได้

                      เราอาจจะบ้าไปแล้วก็ได้ ผมพูดพึมพำกับตัวเอง บางทีเราอาจจะต้องออกไปเดินข้างนอกบ้าง ลองหางานทำดูอีกสักครั้งดีไหม

                      ผมลุกขึ้นจากเตียงไม้โอ๊กเก่าๆของผม มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดขณะที่ผมลุกขึ้น ผมเปิดประตูบ้าน แสงแดดจ้ายามเช้าส่องเข้าตาผมพอดี ผมจึงหรี่ตาลง

                      ผมสูดอากาศเข้าลึกๆ รู้สึกเหมือนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ผมยังคงตื่นไม่เต็มที่ดีนัก จึงตัดสินใจไปร้านกาแฟของเพื่อนผม

                      ร้านมืดสนิท ร้านนี้ดูทรุดโทรมลงไปมาก ไม้ที่ใช้บุเป็นผนังก็ผุแล้ว บางทีร้านนี้อาจจะปิดไปแล้วก็ได้ ผมมองผ่านหน้าต่างที่มีฝุ่นจับหนา ผมเห็นชายร่างใหญ่สวมเสื้อโค้ทสีดำนั่งอยู่หน้าเคาท์เตอร์ ผมเห็นหน้าเขาได้ไม่ชัดมากนัก ผมจึงใช้แขนเสื้อเช็ดฝุ่นที่จับอยู่ออก

                      ทิม เพื่อนสนิทสมัยไฮสคูลของผม เจ้าของร้านกาแฟแห่งนี้ ผมรีบเดินตรงเข้าไปในร้าน

                      ทิม ผมทักขึ้น

                      ชายร่างใหญ่หันมา แก เขาพูดเสียงเข้ม แก...ยังมีหน้ากลับมาที่นี่อีกเรอะ ทิมลุกขึ้น และเดินตรงมายังผม เขากระชากคอเสื้อผมอย่างแรง นึกว่าแกไปตายแล้วซะอีก

                      เฮ้ ใจเย็นสิ เพื่อน เสียงผมขาดเป็นห้วงๆ ผมหายใจได้ไม่สะดวกนัก

                      ทิมดันตัวผมเข้าชนกับผนังร้าน เพราะแกแท้ๆ ไอ้พวกนั้นมันถึงกลับมา มือเขาสั่น กลับมาเอาครอบครัวฉันไป

                      นายพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ ผมพูดออกไปโดยไม่ได้คิด มันเป็นคำถามที่ผมไม่ควรถามมากที่สุด ผมรู้สึกถึงหมัดอันหนักหน่วงปะทะเข้ากับหน้าผม

                      ทิมเปิดประตูออกและจับผมโยนออกมาจากร้าน มีเสียงประตูปิดตามหลังผมอย่างแรง ตามมาด้วยคำสบประมาทต่างๆนาๆ

                      ผมใช้เสาไฟหน้าร้านพยุงตนเองให้ยืนขึ้น ผมยังคงรู้สึกมึนไม่หาย ผมคิดว่าคงเป็นเพราะผมห่างหายจากเรื่องพรรค์นี้มานานพอสมควรแล้ว ผมรู้สึกถึงรสชาติฝาดๆในปากของผม ผมใช้มือเช็ดปาก มีเลือดติดออกมาอย่างที่ผมคาดไว้ไม่ผิด

                      ผมรู้สึกหดหู่มากยิ่งขึ้นไปอีก ตอนนี้ผมเหลือใครบ้าง ผมถามตัวเอง ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทที่สุดของผมกับผมก็ได้แตกสลายไปแล้วด้วยความบ้าบิ่นในอดีตของผม ตามความจริงแล้ว มันก็เป็นความคิดโง่ๆตั้งแต่แรกแล้ว ที่ผมยังคิดจะกลับมาหาทิมอีก ทั้งๆที่ผมก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าได้พรากส่วนสำคัญในชีวิตของเขาไป

                      จะมีอะไรบ้างไหม ที่จะทำให้ผมนึกถึงอดีตดีๆของผมได้บ้าง บางทีผมควรกลับไปที่ไฮสคูลที่ผมเคยเรียน ระลึกถึงวันเวลาดีๆที่ผมเคยมี มันอาจทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นบ้างก็เป็นได้

                      ผมเดินไปตามทางเท้า ผู้คนที่เดินผ่านผมไปต่างมองผมด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร และพยายามที่จะเดินออกห่างจากผมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนตัวประหลาด จะมีวันไหนบ้างไหมที่คนเหล่านี้จะให้โอกาสผมอีกสักครั้ง คำถามนี้ดังก้องในหัวของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

                      ขณะที่ผมไปถึงนั้นเป็นเวลาพักกลางวันของนักเรียนพอดี ถนนนั้นไร้ผู้คน เสียงรอบช้างเงียบสงัด ไม่มีผู้คนที่เคยเดินตามท้องถนน ทำให้ผมรู้สึกคลางแคลงใจ เสียงระฆังบอกเวลาพักกลางวันยังคงไม่ดัง ไม่มีเสียงของครูหรือเด็กนักเรียน กล่าวโดยสรุปแล้ว โรงเรียนแห่งนี้เหมือนโรงเรียนร้างไม่มีผิด สิ่งที่ผิดสังเกตที่สุด เห็นจะเป็นรถบรรทุก 3 คันที่จอดอยู่หน้าโรงเรียน

                      ผมตัดสินใจเดินไปที่หน้าต่างบานหนึ่งที่เปิดไว้ หวังจะได้เห็นสิ่งผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้นภายในโรงเรียน

                      ทันใดนั้น รถตำรวจหลายคันก็มาถึง เรื่องร้ายๆต้องเกิดขึ้นเป็นแน่

                      คุณคิดจะทำบ้าอะไรน่ะ ออกมาจากที่นั่นเดี๋ยวนี้นะ เป็นเสียงที่ออกมาจากรถตำรวจ แล้วตำรวจหลายนายก็ก้าวออกมาจากรถ

                      ผมรีบเดินออกมาจากที่นั่นโดยเร็ว

                      เกิดอะไรขึ้นครับ ผมถามตำรวจผิวดำ

                      นี่เรื่องฉุกเฉิน รีบออกไปจากที่นี่ซะ นายกำลังขัดขวางการทำงานของตำรวจอยู่ เป็นคำตอบที่ผมได้จากตำรวจนายนั้น มันไม่ได้ให้ความกระจ่างชัดกับเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับผมมากนัก ผมจึงตัดสินใจยืนอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ

                      คนเจรจาอยู่ไหนน่ะ ตำรวจนายหนึ่งพูดผ่านเครื่องวิทยุในรถตำรวจ เร็วหน่อย

                      ภายในไม่กี่นาทีหลังจากนั้น คนเจรจาก็มาถึงพร้อมกับหน่วยสวาท รถของหน่วยสวาทนั่นเองที่ทำให้ผมเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นภายในโรงเรียน 

                      ในขณะนั้น มีความคิดผุดขึ้นมาในหัวของผม ถ้าผมเข้าไปในนั้นได้ ผมน่าจะทำอะไรเป็นประโยชน์ได้บ้าง สมัยอยู่ไฮสคูลนั้น ผมก็มีหนีเรียนอยู่บ้าง ทำให้ผมรู้ทางหนีที่ไล่ในโรงเรียนดีพอสมควร ผมเดินออกจากที่เกิดเหตุ เพื่อที่จะได้ไปที่ตรอกเล็กๆที่อยู่ทางหลังโรงเรียน

                      ตำรวจพวกนี้ทำการบ้านมาดีเหมือนกัน มีรถตำรวจ 2 คัน จอดปิดตรอกเอาไว้

                      กรุณาออกจากที่เกิดเหตุด้วยครับ ตำรวจนายหนึ่งพูดอย่างสุภาพ ผมจึงออกมาโดยดี สมองผมตื้อแล้วตอนนี้ ผมอยากช่วยเด็กพวกนั้น ผมไม่อยากให้ใครก็ตามตกเป็นเหยื่อของความบ้าบิ่นของมนุษย์เพียงกลุ่มเดียว ผมต้องหาทางช่วยคนบริสุทธิ์พวกนั้นออกมาให้ได้

                      บางทีการขัดขวางการทำงานตำรวจในตอนนี้ อาจจะเป็นความคิดที่ไม่เลว ฝาท่อน้ำทิ้งที่อยู่ตรงสี่แยกห่างออกไปจากที่นี่ไม่มากนัก เป็นท่อน้ำทิ้งที่เชื่อมต่อกับท่อน้ำทิ้งของโรงเรียน ท่อน้ำทิ้งนั้นกว้างพอที่ผมจะเข้าไปได้

                      ผมพบตนเองอยู่ในห้องเก็บของของโรงเรียน ผมได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากด้านนอก ผมมองผ่านกระจกบานเล็กๆของประตูห้องเก็บของ ผู้ก่อการร้ายสวมหน้ากาก เพื่อปกปิดใบหน้าที่แท้จริงของตนไว้ ผมพอจะจับเรื่องที่พวกเขาพูดกันได้ไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ผมรู้ว่า ตอนนี้ครูและนักเรียนโดนจับไว้ที่ไหน หลังจากพวกเขาแยกย้ายกันแล้ว จะเป็นการดีที่ผมรีบไปยังห้องนั้น

                      ผมแง้มประตูออกแล้วลอดตัวผ่านช่องประตูไป ห้องแล็ปอยู่สุดของระเบียง  มีผู้ก่อการร้ายเฝ้าอยู่หน้าห้อง 2 คน ผมจะทำอย่างไรดี คิดสิ คิด

                      ผมเดินกลับเข้าไปในห้องเก็บของ มีช่องระบายอากาศอยู่ ผมปีนขึ้นชั้นอย่างระมัดระวัง พยายามให้เกิดเสียงน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

                      ผมคลานไปจนสุด ผมอยู่ในห้องแล็ปแล้ว ผมค่อยๆมองลอดฝาช่องระบายอากาศ มีผู้ก่อการร้ายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้านั่งอยู่ในห้องเพียงคนเดียว

                      เสียงตำรวจขอเจรจากับหัวหน้าดังมาจากข้างนอกอาคาร ผมต้องการคุยกับคนที่มีอำนาจที่สุดในนั้น คุณต้องการอะไร

                      หัวหน้าลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกไปนอกห้อง เฝ้าพวกมันเอาไว้ เสียงของเขาฟังดูมีอำนาจ แต่เสียงนั้นฟังดูคุ้นหูผมมาก

                      เสียงเจรจาระหว่างฝ่ายตำรวจและผู้ก่อการร้ายดังขึ้น ผมคิดว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะช่วยผู้คนเหล่านี้ เพราะผู้ก่อการร้ายส่วนมากกำลังคุ้มกันหัวหน้ากันอยู่

                      เงียบเสียงเอาไว้ ผมมาช่วย ผมกระซิบ ครูและนักเรียนหลายคนมองมาทางช่องระบายอากาศ ช่วยผมเปิดช่องระบายอากาศนี่หน่อย

                      ครูหนุ่มลุกขึ้น แล้วช่วยผมเปิดช่องระบายอากาศ เสียงฝาช่องระบายอากาศดังเอี๊ยด ผมรีบซ่อนตัวหลังช่องระบายอากาศ ผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งเข้ามาในห้องทันที

                      ใคร!” เสียงนั้นดังก้อง

                      ครูหนุ่มยืนค้าง ขอโทษครับ เขาพูดเสียงสั่น ผมเอง

                      ผู้ก่อการร้ายหันมาจ้องหน้าเขาอย่างโหดเหี้ยม ขอโทษเหรอ คิดว่าแค่นั้นมันพอเหรอ คิดจะหนีใช่ไหม เขาชักปืนออกมา แล้วยิงเข้าที่ศีรษะของครูหนุ่มอย่างเลือดเย็น ครูและนักเรียนพากันส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ

                      เงียบ!” ผู้ก่อการร้ายสั่งด้วยเสียงหนักแน่น ก่อนที่ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมด เสียงร้องนั้นเงียบลงในทันใด ผู้ก่อการร้ายเดินออกไปจากห้อง

                      ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม คำถามจากหัวหน้า

                      ตอนนี้เรียบร้อยดีแล้วครับ

                      ทุกคนยังคงจ้องไปที่ร่างไร้วิญญาณของครูหนุ่ม

                      พระเจ้า ประทานพรให้เขาด้วย ผมพึมพำ

                      ผมก้าวออกมาจากช่องระบายอากาศอย่างช้าๆ ท่ามกลางสีหน้าที่ยังคงหวาดกลัวของครูและนักเรียน ผมชี้ไปยังช่องระบายอากาศเป็นการบอกให้ทุกคนรู้ว่าให้หนีออกไปทางนั้น

                      ผมตามไปเป็นคนสุดท้าย เสียงเจรจาระหว่างตำรวจและผู้ก่อการร้ายเงียบลง เป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก

                      ตอนนี้ทุกคนอยู่ในห้องเก็บของ ครูใหญ่ยืนอยู่ที่มุมของห้อง ผมยังจำหน้าเขาได้ ถึงแม้การเวลาจะล่วงเลยมานานแล้วก็ตาม เขาก็จำผมได้เช่นกัน เขาอ้าปากขึ้นเตรียมจะบอกบางอย่างกับผม

                      เอาไว้ก่อน ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว ลงไปตามท่อนี้นะครับ แล้วเลี้ยวขวาเมื่อไปสุดทาง ดูแลทุกคนด้วยนะครับ เขาพยักหน้ารับคำผม แล้วเดินนำลงไป

                      พวกมันอยู่ไหน คำถามจากหัวหน้าที่ดังมาจากสุดระเบียง ห้องเก็บของ เขาโพล่งขึ้นมา มีเสียงฝีเท้าดังตามหลังเขามามากมาย

                      ผมก้าวเท้าลงไปในท่อ

                      ประตูเปิดออกและกระแทกกับผนังอย่างแรง

                      หัวหน้าผู้ก่อการร้ายจ้องหน้าผม เขาสบตากับผม ในขณะนั้นเอง

                      นิค ผมพูดขึ้น

                      ตายซะ เขาดึงปืนออกจากซอง แล้วเล็งมาที่ผม

                      เสียงปืนดังกึกก้อง ราวกับเสียงฟ้าผ่าเมื่อพายุโหมกระหน่ำ ผมรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกข้างซ้ายของผม แล้วผมก็รู้สึกอ่อนแรง

                      แม่ครับ...ผม...



      คีท แซนด์เลอร์ อดีตอาชญากร ได้เสียชีวิตลง หลังจากเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเหลือครูและนักเรียน จากโรงเรียนไฮสตูลชื่อดัง และโดนผู้ก่อการร้ายยิงเข้าที่อก 1 นัด ประธานาธิบดีแคลร์ ไรลี่ย์ ให้เกียรติมอบเหรียญกล้าหาญให้กับครอบครัวของแซนด์เลอร์ คดีทุกคดีของแซนด์เลอร์ถูกยกฟ้อง เพื่อเป็นการยกย่องให้กับการอุทิศตนของเขาในครั้งนี้ จากคำแถลงของประธานาธิบดีไรลี่ย์ที่ว่า เขาได้มอบหลายชีวิตคืน
      ให้กับสังคมอเมริกันแล้ว

       

      หนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ไทมส์

      19 มีนาคม 2013

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×