ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่องสั้น/นิยายเก่าๆ ของ Black back

    ลำดับตอนที่ #9 : พี่ชาย/น้องสาว แต่ไม่ได้มาจากดาวดวงเดียวกัน!? ภาค 1 บทที่ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 197
      1
      2 ก.ค. 51


     นนท์ปิดแฟ้มรายงานการประชุมสภานักเรียนอย่างเหนื่อยล้า ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา เห็นว่าเย็นมากแล้ว จึงสะพายกระเป๋าเป้ ล็อคห้องทำงานของกรรมการนักเรียน ที่ตอนนี้เหลือเพียงแต่เขาอยู่รั้งท้าย แล้วสาวเท้าลงไปตามขั้นบันได จากชั้นบนสุดของอาคาร

     ขณะลงมาถึงชั้น 3 หูก็พลันได้ยินเสียงประหลาดแว่วมาจากทางห้องเรียนใกล้ๆ เสียงคล้ายๆ ผู้หญิงกำลังร้องไห้สะอื้น นนท์เย็นสันหลังวาบ ขนลุกเกรียว หรือว่าจะเป็น..

     บ้าน่า! เขาเห็นแสงสีนอกตึกยังอยู่ในโพล้เพล้

    ผีที่ไหนมันจะเฮี้ยนตั้งแต่ตอนนี้!?

     เขาปลุกปลอบตัวเอง ตั้งสติได้ก็คิดว่าต้องเป็นพวกเด็กนักเรียนที่ยังไม่ได้กลับบ้านแน่ๆ และคงกำลังมีปัญหาด้วย!

     นนท์เดินไปตามทางเดินชั้น 3 แล้วก็มาถึงห้องหนึ่งที่ค่อนข้างสลัวราง ที่โต๊ะแถวหน้า เขาเห็นเด็กสาวตัวเล็กๆ นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น และเด็กคนนั้นไม่ได้ใส่เสื้อนักเรียน?!

     โดนเพื่อนแกล้ง? หรือไม่ก็โดน..

    “น้อง เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม แล้วป่านนี้ทำไมยังไม่กลับบ้าน”

     เด็กคนนั้นชะงักนิดหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมา แม้ดวงหน้าจะเขรอะไปด้วยน้ำตา แต่นนท์ก็จำเด็กคนนี้ได้ เด็กสาวตัวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักเมื่อกลางวันนั่นเอง สาวน้อยเมื่อเห็นเขาเท่านั้น ก็ทำหน้าเบ้เบะปากร้องไห้โฮ

     ประธานนักเรียนหนุ่มยามนี้ชักเริ่มลนลาน ขยับเดินเข้าไปใกล้เพื่อปลอบ แล้วเขาก็สังเกตเห็นตรงขาของเธอมีแต่เลือดไหลเป็นทาง เลยร้องลั่น

     “เฮ้ย! เลือดทั้งนั้นเลยนี่ นี่น้องถูก.. บ้าฉิบ! ต้องไปเรียกรถพยาบาลแล้ว!”

     นนท์ยั้งปากไว้ได้ทันที่จะพูดคำว่า ‘ข่มขืน’ ออกมา แต่ไม่ทันจะได้ออกไป เด็กผู้หญิงก็รั้งแขนเขาไว้ และพูดเสียงเครือเจือสะอื้น

     “นะ หนูยีไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ หนู เอ่อ คือ.. แค่..”

     หนูยีก้มหน้า อายเกินกว่าจะพูดออกมาให้ชายหนุ่มที่แอบปลื้มรู้

     “ไม่เป็นไรได้ไง เลือดออกขนาดนี้!”

     “หนูแค่.. มีประจำเดือนเท่านั้นเอง” ยีพูดแทบจะกระซิบ

     “หา!” เขาแทบจะทรุด แต่ก็โล่งอกไปเปาะหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องที่หวาดกลัวอยู่

     นนท์ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เพราะสาวน้อยตรงหน้าขยี้ตาเสียแดงช้ำไปหมดแล้ว

     “แล้วเสื้อน้องอยู่ไหน?”

    เขามองเสื้อซับใน หนูยีตอบอย่างกระดาก

     “เอ่อ หล่นไปอยู่ข้างล่างน่ะค่ะ”

     นนท์สอบถามที่มาที่ไป หนูยีก็อธิบายโดยพยายามปั้นเรื่องขึ้นมา โดยปกปิดไม่ยอมบอกว่าโดนโยโกะกับบอยกลั่นแกล้ง แต่เสื้อที่ปลิวไปข้างล่างก็เพราะมีแมลงเข้าไปในเสื้อ เธอถอดออกมาสะบัด แล้วดันทำเสื้อหลุดมือไป

     พี่นนท์หรี่ตา หนูยีไม่แน่ใจว่าเขาจะเชื่อหรือไม่

     “แล้วป่านนี้ทำไมถึงยังไม่กลับบ้าน?”

     เป็นเด็กหนุ่มขี้สงสัยจริงๆ >.<

     หนูยีพอบอกไปว่าอยู่ช่วยงานอาจารย์พิมล พี่นนท์ก็คลายความสงสัย แล้วก็หันมาจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้า เขาจำต้องบากหน้าเดินไปซื้อผ้าอนามัยให้ที่มินิมาร์ทหน้าโรงเรียน และหน้าแทบชาเมื่อพนักงานขายมองเขาอยู่นั่นละ เลยอ้อมแอ้มบอกไปว่าซื้อไปให้น้องสาว

     เกิดมาไม่เคยต้องอับอายอะไรอย่างนี้มาก่อนเล้ย ให้ตายสิ!..

     นนท์กลับขึ้นไปบนตึกอีกครั้ง ก็เห็นน้องคนนั้นออกมาจากห้องน้ำพอดี เลยยื่นของที่เพิ่งซื้อมาไปให้ พร้อมกับสละกางเกงพละสีดำขาสั้นในกระเป๋าเป้อีกตัว และเสื้อนักเรียนของยี

     “พี่เก็บมาให้แล้ว ส่วนกางเกง น้องใส่ของพี่ไปก่อนนะ กระโปรงน้องเลอะหมดแล้ว แล้วบ้านน้องอยู่ไหน เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

     น้ำตาหนูยีรื้นขึ้นมาอีกรอบ ซึ้งในความมีน้ำใจ ประทับใจในความเอื้ออารี สำหรับพี่นนท์ในสายตาของยีแล้ว เป็นเหมือนฮีโร่ขี่ม้าขาวเลย

     เท่จังเลย ^___^  

    นนท์โบกเรียกแท็กซี่ แล้วนั่งไปเป็นเพื่อน ระหว่างทางก็ถามชื่อและถามห้อง หนูยีบอกไปว่าเรียนชั้นม. 2 เขาก็ทำหน้าแปลกใจ

    นึกว่าเด็กม.1 ซะอีก ดูเด็กจังนะ..

    ต่อมาเมื่อหนูยีบอกให้รู้ นี่เป็นครั้งแรกที่เริ่มมีประจำเดือน นนท์ก็หายฉงนใจ ว่าทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงไม่รู้จักตระเตรียมอะไรๆ ให้เรียบร้อย และเขาเองก็เริ่มรู้สึกเอ็นดูเด็กเพิ่งเริ่มสาวคนนี้ ที่ดูน่ารักราวกับตุ๊กตา อย่างบอกไม่ถูก

    พอรถมาถึงหน้าบ้าน หนูยีก็รับกระเป๋าที่พี่นนท์ยื่นให้ ยกมือไหว้ขอบคุณที่ช่วยเหลือ

    “ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ของประธานนักเรียนอย่างพี่อยู่แล้ว และถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกพี่ได้นะ พี่ไปก่อนล่ะหนูยี อืม.. เป็นชื่อที่น่ารักนะ”

    รถแล่นออกไปไกลแล้ว แต่หนูยียังคงยืนมองหน้าปากซอยอยู่อย่างนั้น ด้วยหัวใจที่พองโตคับอกน้อยๆ

    เป็นชื่อที่น่ารักนะ น่ารักนะ น่ารัก..

    คำพูดยังก้องอยู่ในหัว

    พี่นนท์ก็น่ารักที่สุดในโลกเลย ขอยิ้มกว้างๆ หน่อยนะ ^_________^


    “ทำไมวันนี้กลับค่ำจังนะเรา ต๊าย! แล้วนี่ไปทำอะไรมา สารรูปถึงได้เป็นแบบนั้น!?”

    วิชุดาร้องอย่างตกใจ เมื่อเห็นลูกสาวเปิดประตูบ้านเข้ามา

    “คือวันนี้หนูมีประจำเดือนน่ะค่ะ กระโปรงมันก็เลยเลอะ หนูเลยเอากางเกงพละมานุ่งแทน”

    “จริงเหรอจ๊ะ” แม่จับหน้ายีแล้วหอมทั้งสองแก้ม “ดีใจด้วยนะ ลูกของแม่เป็นสาวแล้ว แม่ยังนึกห่วงอยู่เลย ว่าทำไมป่านนี้ลูกถึงไม่มีเมนส์เสียที ถ้างั้นคืนนี้เรามาเลี้ยงฉลองกันหน่อยนะ”

    หนูยีหน้าแดง

    “ไม่ต้องก็ได้มั้งคะ อ้อ หนูยีปวดท้องจังเลย ทำไงดีคะแม่?”

    คุณแม่ลูบผมยี

    “แค่มดลูกบีบตัวเท่านั้นเอง ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวแม่เอาถุงน้ำร้อนมาประคบให้นะ จริงสิ แล้วนี่เอากางเกงพละใครเขามาใส่เนี่ย?”

    “เอ่อ.. รุ่นพี่ที่โรงเรียนให้ยืมมา”

    กางเกงของพี่นนท์ ^ ^

    “อืม เดี๋ยวแม่เอาชุดนักเรียนไปซักให้นะ และก็ถอดเอากางเกงมาด้วยเสียเลย แล้วเวลาเอาไปคืน หนูยีอย่าลืมขอบคุณรุ่นพี่คนนั้นด้วยนะ”

    “ได้ค่ะ”

    หนูยียิ้ม

    ยังไงๆ ก็ต้องหาโอกาสไปคุยกับพี่เค้าอีกให้ได้! ^O^


    วันรุ่งขึ้นและเรื่อยไปอีกเป็นอาทิตย์ หนูยีเอาแต่ใจลอยคิดถึงพี่นนท์ เมื่อก่อนก็แค่ปลื้ม แต่เดี๋ยวนี้ ความรักครั้งแรกมันบังเกิดขึ้นกับสาวน้อยอายุ 13 คนนี้เสียแล้ว

    ยีไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อเย็นวันนั้นให้เพื่อนๆ ฟัง เพราะเธอไม่อยากให้เพื่อนร่วมแก๊งไปแก้แค้นกับพวกโยโกะ และแน่นอน ยีไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่พี่นนท์ช่วยเอาไว้

    มันเป็นความลับของเราสองคน ^__^@

    แต่ดูเหมือนเพื่อนๆ จะสังเกตความเปลี่ยนแปลงของหนูยีได้ ก็ใบหน้ามันฟ้องอยู่โต้งๆ ว่ากำลังอินเลิฟแหงแซะ!

    “ใคร บอกมานะ แอบชอบใครอยู่เหรอ?”

    จอยกับเบลคาดคั้น เดชเองก็สนใจเช่นกัน

    “แหม ก็..” ยีวางช้อนกินข้าว “ไม่บอกไม่ได้เหรอ”

    “ไม่ได้!” ทั้งสามคนแทบจะพูดพร้อมกัน

    “ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เพื่อนกัน บอกหน่อยดิ๊”

    ก็เค้าอายนี่ >.<

    แต่ยังไม่ทันจะตัดสินใจบอก พี่อัศวินขี่ม้าขาวก็ดันเดินเฉียดมากับกลุ่มเพื่อนของเขา ซึ่งเล่นเอาหนูยีอายม้วน หน้าแดงถึงใบหูไปเลย

    พี่นนท์เห็นหนูยีแล้ว เขายิ้มให้นิดหนึ่ง และหันไปคุยกับเพื่อนๆ ต่อ ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนัก

    T.T ยังไม่ได้คืนกางเกงให้พี่เค้าเลย..

    แก๊งน้ำแข็งใสมองกลุ่มรุ่นพี่ที่เดินผ่านไป สลับกับมองหน้าสาวน้อยแรกรุ่นที่เด็กสุดในกลุ่ม ต่างก็เข้าใจโดยไม่ต้องถามให้มากความ

    “ยัยยี เดี๋ยวนี้เธอสมัครใจเป็นแฟนคลับพี่นนท์แล้วเรอะ ที่แท้ก็แอบชอบคนนี้นี่เอง”

    จอยแซว

    >.< โอ๊ยเขินจัง เพื่อนๆ รู้หมดแล้ว!

    และตั้งแต่วันนั้นมา เพื่อนร่วมแก๊น้ำแข็งใสทุกคนก็ช่วยกันเชียร์หนูยี ให้พี่เขาหันมาสนใจให้ได้ และเพื่อเป็นการตบหน้ายัยโยโกะไปด้วยในตัว


    พอมีเพื่อนๆ คอยยุ หนูยีก็ชักเริ่มฝันหวานหนักขึ้น แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น..

     “เมื่อวันเสาร์ฉันไปเดตกับพี่นนท์มาล่ะ โอ๊ย! สุขสุดๆ เลย สุภาพบุรุษมาก เราสวีทกันสุดๆ แล้วรู้อะไรมั้ยพวกเธอ”

     เพื่อนผู้หญิงในห้องพากันกระเถิบเข้ามา ตั้งใจฟังกันอย่างอิจฉาจนตาร้อนผ่าว ฝ่ายแก๊งเสียงใสก็ยื่นหูแอบฟังโยโกะคุยโวอยู่อีกมุมห้อง ซึ่งที่จริงก็ไม่เชิงแอบฟังหรอก เพราะเด็กสาวสุดสวยของชั้นเล่นพูดเสียงดังเสียขนาดนั้น

     “พี่นนท์อะนะ เค้าขับรถสปอร์ตหรูมาด้วยล่ะ ได้ใจสุดๆ ไปเลย และก็น้า หลังดูหนังเสร็จ เราก็ไปดินเนอร์กันต่อที่..”

     หนูยีปิดหู แล้วรีบเดินออกไปจากห้อง ทนฟังต่อไปอีกไม่ไหว

     ฮือๆ พี่เค้าไปเดตกับโยโกะ T__T

     สาวน้อยน้ำตาซึม เพื่อนๆ แก๊งน้ำแข็งใสตามมา

     “นี่ๆ อย่าไปสนใจยัยแมงโม้โยโกะเลย เชื่อเหอะ พี่นนท์เค้าไม่ได้จริงจังกับแม่นี่หรอก”

     เบลปลอบ แต่เดชแย้งว่า

     “ไอ้พี่นนท์มันเคยจริงจังกับใครที่ไหนเล่า หัวมีแต่งูเยอะซะขนาดนั้น ฉกผู้หญิงมากี่รายแล้วก็ไม่รู้”

     จอยฟังแล้วชักฉุน เลยว่าเข้าให้

     “อย่าชักใบให้เรือล่มได้มั้ยวะ หนูยีเรายิ่งเฮิร์ทอยู่ด้วย”

     “เอ๊! ก็พูดจริงนี่นา หรือเธอจะเถียง”

    ยีเห็นเพื่อนเริ่มฟ่อๆ ใส่กันก็เลยรีบบอกว่า

     “ยีไม่เป็นไรหรอก รู้อยู่แล้วล่ะว่ามันไม่มีหวัง พี่เค้าจะมาสนใจอะไรเด็กๆ อย่างยีกันล่ะ”

     แล้วเด็กสาวก็ถอนใจ

    เฮ้อ.. นั่นสินะ วันนั้นพี่นนท์แค่ช่วยตามหน้าที่ เรามันบ้าๆๆ เพ้อฝันมากไปแล้ว! T.T

     แต่เบลกลับไม่เห็นด้วย

     “ได้ไงเล่า พี่เค้าไม่สน เราก็รุกคืบเอาเองสิวะ จีบไปเลยดิ๊”

     “เบลพูดถูก พวกเรามาช่วยกันเป็นแม่สื่อให้ยีมันดีกว่า หนูยีเราน่ารักๆ ใสๆ จะตาย ถ้ายัยโยโกะมันสวยที่สุดในม.ต้น แต่หนูยีก็น่ารักที่สุดในโรงเรียนเหมือนกัน!” จอยสนับสนุน

     เวอร์ไปแล้วล่ะ หนูยีธรรมดาๆ จะตาย =.=

     “ใช่ๆ เห็นด้วย” เดชร่วมวงด้วย “และอีกอย่าง ยัยหัวหน้าห้องเดี๋ยวนี้ชักได้ใจมากไปแล้ว เราดันหนูยีขึ้นชิงเลย เรื่องแผนการณ์ปล่อยให้ฉันจัดการเอง!”

     หนูยีรับฟังเพื่อนๆ ปรึกษาแผนกันก็ชักตาโตหัวหมุน

    นี่จะให้ไปจีบพี่นนท์น่ะเหรอ เด็กโก๊ะๆ ขี้อายอย่างยีเนี่ยนะ?! O.o!


    “ดูนี่ ฉันไปสืบมาหมดแล้ว ว่าพี่นนท์เรียนห้องไหนมั่ง รับรองตอนเดินเปลี่ยนห้อง จะต้องได้บังเอิ๊ญ บังเอิญเจอหนูยีเราไปตลอดเทอมแน่ๆ”

    กลุ่มแก๊งน้ำแข็งใสชุมนุมกันอยู่ในห้องสมุด พวกเขากำลังชะโงกดูตารางห้องเรียนที่เดชหามาได้ คาบเรียนนี้อาจารย์ติดธุระไม่มีสอน เลยให้นักเรียนมาอ่านหนังสือกันที่นี่

    “ส่วนนี่ เบอร์อีเมล์ที่ฉันแอบไปถามเพื่อนพี่นนท์มา ไว้ให้หนูยีได้ส่งอีเมล์สารภาพรักให้พี่เค้าอ่าน หุหุ”

    เบลยื่นชิ้นกระดาษให้ยี ส่วนจอยตบมือแปะ พูดว่า

    “ทีนี้ก็เหลือแค่ความกล้ากับความพยายามของยีเท่านั้นเอง ที่จะพิชิตใจหนุ่มสุดฮอตของโรงเรียนให้ได้”

    -“- แต่หนูยียังใจไม่กล้าพออ่ะ

    “เอ่อ.. ขอบใจเพื่อนๆ ทุกคนเลยนะ แต่ยีคง..”

    “นี่” เบลจับมือ “ไม่ต้องแต่เลย มั่นใจตัวเองหน่อย หนูยีน่ารักจะตาย ใครเห็นใครๆ ก็ชอบ อีกอย่าง เธอมีพวกเราคอยสนับสนุน ไงๆ ก็ต้องคืบหน้าบ้างล่ะ”

    เค้าน่ารักจริงๆ ง่ะ?

    “ช่าย.. ถ้าไม่เห็นเป็นเพื่อนซี้นะ เดชยังอยากจีบเลย”

    เพื่อนชายพูดพลางมีรอยยิ้มที่ดวงตา

    ชักเขินแล้วสิ ^ ^@

    “เอ้าๆ มัวแต่เสียเวลาอยู่นั่นแหละ พวกเราแอบออกไปกันก่อนดีกว่า อีก 15 นาทีจะหมดคาบแล้วนะ ดูจากตารางห้องพี่นนท์แล้ว ตอนนี้กำลังเรียนพละอยู่ที่สนามบาส”

      จอยเร่งขึ้นมา หนูยีอิดออดอยู่พักหนึ่ง แล้วทั้งหมดก็คว้ากระเป๋าย่องออกไปจากห้องสมุด ลงจากอาคารเรียน และไปนั่งหน้าสลอนกันอยู่ตรงอัฒจันทร์ข้างสนามบาสฯใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ ในสนาม พวกรุ่นพี่ผู้ชายตัวโต 10 คนกำลังเล่นบาสฯกัน หนึ่งในนั้นก็มีพี่นนท์ โดยมีเพื่อนร่วมห้องนั่งส่งเสียงเชียร์อยู่บนอัฒจันทร์อีกฝาก และส่วนใหญ่จะเป็นเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆ เสียมากกว่า

    “พี่นนท์นี่เป็นที่ชื่นชอบของพวกผู้หญิงจังนะ ดูท่าเพื่อนเราจะมีคู่แข่งเยอะซะแล้ว”

    เบลกระซิบบอก

    ยีว่าก็คงจะเกือบทั้งโรงเรียนได้มั้งเนี่ย –“-

    คิดแล้วก็เริ่มทำหน้าห่อเหี่ยวละเหี่ยใจ

    ก็ขนาดอยู่ในสนามบาสฯ พี่นนท์ยังฉายแววโดดเด่นกว่าใคร เขาเล่นได้เก่งมาก ชู๊ตทำคะแนนได้ทุกลูก ยีมองด้วยแววตาชื่นชมหลงใหล ซึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรกับสาวๆ โดยรอบเลย

    ออดสัญญาณดังกังวาน หมดชั่วโมงพละแล้ว อาจารย์ปล่อยนักเรียนให้ไปอาบน้ำ ก่อนที่จะไปเรียนวิชาต่อไป นนท์หยิบกระเป๋าเป้ ตรงอัฒจันทร์ด้านที่เพื่อนร่วมห้องชุมนุมกันอยู่ ต่างคนต่างหยิบกระเป๋า บ้างก็เตรียมชุดนักเรียนจะไปผลัดเปลี่ยนหลังอาบน้ำ พี่นนท์เหงื่อโทรมกาย กระพือคอเสื้อระบายความร้อน และเดินตามเพื่อนๆ กลับเข้าไปในตึก

    เขากับเพื่อนกลุ่มใหญ่เดินมาทางที่แก๊งน้ำแข็งใสนั่งกันอยู่ หนูยีขยับตัวลุกลี้ลุกลน พยายามแอบหลังเบล แต่ถึงยังไง ดูเหมือนว่าพี่นนท์ก็ไม่ได้สังเกตสังกาเลย จนเบลกับจอยอดรนทนไม่ไหว ส่งเสียงเรียกขึ้นมา

    “พี่นนท์คะ ขอเวลาแป๊บนึงสิคะ คือมีเพื่อนหนูคนนึงอยากรู้จักกับพี่ค่ะ”

    ประธานนักเรียนรูปหล่อชะงักเท้า ร่างสูงหันมามอง พวกเพื่อนๆ ของเขาก็พลอยหันมาด้วย หนูยีตัวลีบเหลือนิดเดียว

    อายไปหมดแล้ว มองกันใหญ่เลย อยากจะหายตัวได้จัง >.<!

    แต่กลับเบลดึงยีออกมา พี่นนท์เห็นเข้าก็ทักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    “อ้าวหนูยีนี่เอง สวัสดีนะ มานั่งทำอะไรกันตรงนี้เหรอ แล้ว..นี่ปกติดีหรือยังน่ะ?”

    คำถาม ‘ปกติดีหรือยัง’ ของพี่นนท์ คงมีความหมายว่า ที่เริ่มมีเมนส์เป็นครั้งแรกน่ะ เป็นไงบ้าง ล่ะมั้ง?!

    หนูยีหน้าแดงแป๊ด บิดมือไปมา อ้อมแอ้มตอบไปว่า

    “ก็..ปกติดีค่ะ ตอนนี้หายแล้ว ขอบคุณพี่นนท์ที่เป็นห่วง”

    ส่วนทางนนท์ก็เข้าใจ คำว่า ‘หายแล้ว’ ของหนูยี ก็คงหมายถึง เมนส์มันหมดไปแล้วค่ะ

    ประโยคโต้ตอบ ที่เข้าใจกันแค่สองคน ทำให้พวกแก๊งน้ำแข็งใสถึงกับทำหน้างุนงงกันเป็นทิวแถว และมองหนูยีอย่างประหลาดใจ

    เจ้ายีของเราไปรู้จักกับพี่นนท์ตอนไหนว่ะ??

     พวกเพื่อนผู้ชายข้างหลังเรียกเร่งให้นนท์ไปต่อได้แล้ว นนท์ก็บอกลากลุ่มน้ำแข็งใส ก่อนจะก็เหลือบมองยีนิดหนึ่ง แล้วค่อยเข้าไปสมทบกับเพื่อนๆ โดยมีเพื่อนสาวๆ ในห้องพากันส่งสายตาคมๆ จ้องมองอย่างมาดร้าย ประมาณว่า

     เจ้าพวกเด็กม.ต้นตัวจิ๋วๆ นี่ไม่รู้จักเจียม ปีนเกลียวข้ามหัวมาจีบนนท์สุดรักของพวกเราได้

     หนูยีรู้สึกเหมือนมีมีดนับสิบๆ เล่มมาพร้อมกับสายตาเหล่านั้น พุ่งเสียบเธอเสียพรุน

     พอพวกพี่ม.6 ไปกันหมดแล้ว เพื่อนร่วมแก๊งก็คาดคั้นถามยีกันใหญ่ พิศวงว่าทำไมพี่นนท์ถึงได้รู้จักเธอ แถมยังเรียกชื่อหนูยีอย่างสนิทสนมอีกด้วย

     สาวน้อยผู้เริ่มมีความรักก็เลยจำต้องบอกเรื่องในวันนั้นไป ทั้งเรื่องที่เมนส์มา แล้วพี่นนท์พาไปส่งบ้าน แต่ยีกลับข้ามไม่เล่าถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ที่เกี่ยวกับโยโกะกับเจ้าบอยรวมหัวกลั่นแกล้ง

     พอทุกคนรู้ก็แสดงความยินดีกันยกใหญ่ ทั้งเรื่องที่ยีเริ่มเป็นสาวแล้ว และเรื่องความสัมพันธ์กับพี่นนท์ที่ดูจะก้าวหน้า สุดท้ายก่อนจะไปเข้าเรียน เบลก็บอกกับหนูยีว่า

     “มีความหวังแล้วล่ะหนูยี อย่างน้อยเธอก็หาโอกาสคุยกับพี่นนท์ได้บ่อยๆ ฉันว่าต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ เลย ที่ทำให้พี่นนท์เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอในวันนั้น”

     แล้วเบลก็ทำหน้าเคลิ้ม แต่จอยกลับพูดไม่กระดากปากว่า

     “แต่ม้าของพระเอกเลอะเลือดไปหน่อยนะ มาช่วยตอนไหนไม่ช่วย ดันมาตอนนางเอกมีรอบเดือนพอดี”

     ^ ^!


     ตกเย็น หนูยีกลับบ้านอย่างเบิกบานในหัวใจ และกำลังคิดว่าคืนนี้จะลองเข้าเอ็มเอสเอ็นออนคุยกับพี่นนท์ดีหรือไม่ ก็พอดีเห็นคุณแม่นั่งอมยิ้มทำตาลอยๆ อยู่บนโซฟา พลางจับนิ้วนางข้างซ้ายไว้ ยีเลยสวัสดีแล้วเข้าไปอ้อนกอดแม่ ทำให้หล่อนหัวเราะอย่างดีใจ

     “วันนี้คุณแม่มีอะไรน่ายินดีเหรอคะ ถึงได้ทำหน้าดูมีความสุขจัง”

     วิชุดากอดตอบ พลางพูดกับลูกสาวตัวน้อยว่า

     “หนูเองก็ดูมีความสุขเหมือนกันนะ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?”

     มีสิคะ แต่หนูไม่กล้าบอกอะ แฮะ! ^ ^

     “ก็นิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เท่าไหร่หรอก ว่าแต่ของคุณแม่ล่ะคะ?”

     วิชุดาดันตัวยีออกมาหน่อย นัยน์ตาเธอเป็นประกายสุกใส

     “แม่ถามอะไรหนูยีหน่อยนะ หนูยีเห็นว่าลุงนิพนธ์เป็นคนยังไงบ้าง?”

     ลุงนิพนธ์ เอ.. ถามแปลกๆ ~.~

     วิชุดานั้นเป็นม่ายมานานหลายปี พ่อของหนูยีเสียตอนแกยังแดงๆ อยู่เลย หนูยีเลยไม่ค่อยได้คิดถึงพ่อมากนัก เพราะความรักที่แม่มีให้ก็เพียงพออยู่แล้ว วิชุดานั้นทั้งสวยทั้งอ่อนหวาน และเพียบพร้อมไปด้วยความเป็นกุลสตรี เป็นแม่ศรีเรือนตัวอย่าง จึงแม่แปลกที่จะมีผู้ชายมาชอบพอหลายคน แต่คนที่หล่อนเปิดใจให้จริงๆ ก็คือคุณนิพนธ์

     นิพนธ์เป็นผู้ชายวัยสี่สิบเศษดูภูมิฐาน ที่แวะมากินข้าวบ้านนี้บ่อยๆ วิชุดากับเขากำลังคบหาดูใจกันอยู่ เขาร่ำรวยมาก และตามที่หนูยีเข้าใจ รู้สึกเขาว่าจะทำงานเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงใหญ่อะไรนี่แหละ ^ ^

    ..ที่จริงหนูยีก็ไม่อยากให้ผู้ชายมาจีบคุณแม่หรอกนะ หนูยีหวง แต่เพื่อความสุขของคุณแม่แล้ว ยีก็ไม่ว่าอะไร ~__~

     “ลุงเค้าก็นิสัยดีนี่คะ แม้จะดูดุไปบ้าง แต่ก็คุยสนุกดี และก็ใจดีด้วย”

     “แหม.. ดูพูดเข้า” แม่บีบจมูกลูกสาวเล่น “ก็ได้ตุ๊กตุ่นตุ๊กตาของเล่นจากลุงเขาไม่ใช่น้อยเลยนี่เรา”

     แหะๆ แม่พูดก็ถูก ตุ๊กตาเกินครึ่งห้องนอนนั่นเป็นหลักฐานได้อย่างดี ^__^

     “แล้วแม่ถามหนูทำไมคะ?”

     “ก็..” วิชุดาอมยิ้ม ใบหน้าเปล่งปลั่งสว่างสดใส “คุณนิพนธ์เขาขอแม่แต่งงานวันนี้เอง”

     หนูยีตาโต จับแขนแม่เขย่าถาม

     “แล้วแม่ตอบเขาไปว่าไงคะ?!”

     วิชุดาไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะเมื่อหล่อนโชว์แหวนเพชรเม็ดใหญ่นับสิบกระรัต สะท้อนแสงเป็นประกายวิบวับวาบวาวบนนิ้วนางข้างซ้าย ลูกสาวก็รู้คำตอบโดยพลัน!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×