ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่องสั้น/นิยายเก่าๆ ของ Black back

    ลำดับตอนที่ #8 : พี่ชาย/น้องสาว แต่ไม่ได้มาจากดาวดวงเดียวกัน!? ภาค 1 บทที่ 1 (รักหวานแหวว)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 358
      1
      1 ก.ค. 51

     ขอเปิดตัวนางเอกด้วยฉากพื้นๆ เหมือนนิยายวัยรุ่นรักหวานแหววทั่วไป ซึ่งก็คือในห้องนอนของนางเอก ไม่รู้ทำไมส่วนใหญ่ถึงชอบเปิดตัวที่นี่กันนัก ก็คงเป็นเพราะว่าเราจะได้เห็นชีวิตส่วนตั้วส่วนตัว ของนางเอกอยากใกล้ชิดล่ะมั้ง แต่ว่านี่แหละหนา คือความคลาสสิกของวัยรุ่นทุกยุคสมัยละ!

     ภายในห้องนอนขนาดพอประมาณ กับแสงแดดอ่อนส่องลอดหน้าต่างเข้ามาพอประมาณ ที่เริ่มทอแสงสว่างไล่ความมืดแล้วเผยให้เห็นร่างเล็กบางอ้อนแอ้นในชุดปาจามาสีหวาน กำลังกอดหมอนข้างหลับอุตุด้วยใบหน้าสุขสุดๆ บนเตียงที่ขนาดพอประมาณ และปล่อยให้พัดลมส่ายหัวไปมา เป่าเส้นผมยาวสลวยที่ออกหยักศกนิดๆ พลิ้วไปก็พลิ้วมาตามแรงลมอย่างพอประมาณเช่นกัน

     จบเรื่องพอประมาณเพียงเท่านี้ แต่อายุของนางเอกคนนี้ไม่ต้องประมาณการไป เพราะเธอเพิ่งจะ 13 ปีบริบูรณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง ไม่ต้องขมวดคิ้วกันไปหรอกนะคุณผู้อ่าน อายุ 13 มันก็เข้าข่ายวัยรุ่นวัยทีนแล้วล่ะน่า เพราะฉะนั้นจึงถือว่าเป็นนางเอกวัยรุ่น ที่สามารถมีรักแรกกับเขาได้เหมือนกัน!

     “หนูยี ตื่นหรือยังลูก เช้าแล้วนะเดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก”

     นี่ก็เป็นบทสนทนาสุดคลาสสิกอีกอย่างเช่นกัน กับคุณแม่ใจดีเข้ามาปลุกนางเอกขี้เซาถึงในห้องนอน

     “อะไรกันจ๊ะ นาฬิกาปลุกก็มีแล้วยังไม่ตั้งเวลาปลุกไว้อีก แย่จริงเชียว”

     แล้วคุณแม่หน้าตาใจดีก็เขย่าปลุกสาวน้อยเบาๆ เธอปรือตาขึ้นมาหน่อย ครางอือในลำคอ ทำจมูกเป็นสัน พลางพูดงัวเงียกับวิชุดา

     “อือ.. คุ..ณ แม่.. ขอหนูนอนต่ออีก 10 นาทีน้า หนูง้วงง่วงจังเลย..”

     วิชุดาส่ายหน้า แล้วจับแขนดึงตัวหนูยีขึ้นมา

     “ไม่ได้ๆ ตื่นได้แล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว โอ๊ย ตัวหนักจริงนะลูกคนนี้ ไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วน้า”

     กว่าคุณแม่จะฉุดดึงคุณลุกขึ้นมานั่งจุมปุ๊กได้ก็เล่นเอาเหงื่อซึม หนูยีโงนเงนสะลืมสะลือ ผมอันหนานุ่มกระเซอกระเซิงไปหมด คุณแม่ถอนหายใจ พลางคิด ต้องทำผมให้ใหม่อีกแล้วสิเรา

     หลังจากสวดมนต์ขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้าเสร็จ หนูยีก็เริ่มต้นทานอาหารสำหรับเช้าวันใหม่อย่างง่ายๆ โดยมีคุณแม่แปรงผมให้อยู่ข้างหลัง

     “ผมหนูยีหนาจังนะ และก็ฟูเหลือเกิน แม่ว่าลูกไปซอยออกเสียหน่อยดีไหม?”

     เด็กสาวตัวน้อยส่ายศีรษะ พลางอ้าปากหาวอย่างไม่คิดจะเอามือปิด

     “หนูยียังไม่อยากตัดนี่ค่ะแม่ หนูอยากไว้ให้ยาวกว่านี้”

     “แต่แม่ว่านี่มันก็ยาวจะถึงกลางหลังแล้วนะลูก ถ้าปล่อยไว้ยาวมากๆ เดี๋ยวผมก็แตกปลายหรอก”

     ริมฝีปากบางสีชมพูสวยได้รูปรั้นขึ้นเล็กน้อย     

     “ไม่เอาค่ะแม่ เพื่อนๆ ที่โรงเรียนเค้าก็ไว้กันยาวๆ ทั้งนั้นนี่คะ”

    “แหม แม่ก็แค่อยากจะเล็มๆ นิดนึงเอง เอ้าๆ ตามใจ ไม่ตัดก็ไม่ตัด แล้วนี่ทำไมวันนี้ลูกถึงได้ดูง่วงนอนอย่างนี้ล่ะจ๊ะ อย่าบอกแม่นะว่าเมื่อคืนแอบอ่านนิยายเกาหลีอีกแล้ว”

     หนูยีทำคอย่น หัวเราะแหะๆ พร้อมกับทำสีหน้าเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าแอบกินขนมหวาน

     ติดทั้งละคร ติดทั้งนิยายเกาหลีเลยน้าลูกคนนี้

    วิชุดาบ่นในใจ พลางคาดที่คาดผมซึ่งมีโบขาวติดอยู่ ติดกิ๊บให้เสร็จ แล้วก็เร่งให้ลูกสาวดื่มนมให้หมดแก้ว ต่อจากนั้นหนูยีก็สะพายกระเป๋าเป้ขึ้นไหล่ คุณแม่มองสำรวจความเรียบร้อยของชุดนักเรียนลูกเป็นครั้งสุดท้าย แต่แล้วก็สังเกตอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ จึงยื้อเธอเอาไว้

    “หนูยี! นี่ลูกไม่ใส่ชั้นในอีกแล้วนะ โอ๊ย.. แม่ล่ะปวดหัวกับลูกจริงๆ แม่เคยบอกแล้วใช่ไหม ลูกโตจะเป็นสาวอยู่แล้วนะ เสื้อแสงชั้นในหัดหยิบมาใส่ซะบ้างสิ!”

    เด็กที่เหมือนจะเป็นสาวก็โอดครวญ ขณะวางกระเป๋าเป้ลง

    “ก็มันอึดอัดนี่คะคุณแม่ หนูไม่ชอบเลย อีกอย่างหนูก็ใส่เสื้อซับในแล้วไงคะ หน้าอกหนูก็มีกะเค้าที่ไหนกัน”

    คุณแม่ถอนหายใจ เหนื่อยอกเหนื่อยใจกับลูกคนนี้จริงๆ ทำไมถึงดื้ออย่างนี้นะ นี่ขนาดมีแค่คนเดียวยังขนาดนี้

    “ขึ้นไปใส่เดี๋ยวนี้เลยนะ น่าหยิกจริงๆ เลยเรา เฟิรส์บราในตู้ที่แม่ซื้อให้นั่นน่ะ ไปหยิบๆ มาใส่เลย ถึงไม่ชอบยังไงก็ต้องใส่ไว้ให้ชินๆ หน้าอกหนูก็ใช่ว่าจะไม่มีเลยเสียหน่อย แค่เสื้อซับมันไม่พอหรอก”

    ถึงขู่ไปอย่างนั้น แต่วิชุดาก็ไม่เคยทำจริงๆ จังๆ สักครั้ง เพราะถึงหนูยีจะดื้อไปบ้างก็จริง แต่แกก็เป็นเด็กที่น่ารัก ขยันเรียน และชอบช่วยทำงานบ้านมาก อีกอย่างหนูยีเป็นเด็กที่ใสซื่อ บริสุทธิ์ ไร้เดียงสามาก หรือจะเรียกว่าโก๊ะกว่าเด็กในวัยเดียวกันก็ได้ บางครั้งคุณแม่ก็มักจะอดห่วงไม่ได้ เพราะกลัวลูกสาวจะตามเล่ห์เหลี่ยมเด็กสมัยนี้ไม่ทัน และยิ่งเฉพาะพวกเด็กหนุ่มๆ ล่ะก็นะ


    “หวัดดีเบล หวัดดีจอย หวัดดีเดช เช้านี้เราทำอะไรกันดีล่ะ?”

    ยีส่งเสียงใสทักทายเพื่อนๆ ที่กำลังนั่งประชุมสมหัวกันอยู่ เพื่อนสนิทของเธอมีอยู่ด้วยกัน 3 คน รู้ใจคบกันมาตั้งแต่ม.1 จนบัดนี้ขึ้นชั้นม.2 แล้ว มิตรภาพก็ยังคงเหมือนเดิม

    เบล คือเด็กสาวตัวผอมสูง ผิวสีน้ำผึ้ง เป็นเด็กกิจกรรม มีฝีปากจัดจ้านที่สุดในห้อง จนเพื่อนผู้ชายยังขยาด ตอนนี้เธอกำลังลอกการบ้านของเดชอยู่

    เดช เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก สวมแว่นตาหนา เรียนได้ที่ 1 ของห้องมาตั้งแต่อยู่ม.1 และเป็นเพื่อนที่ยีคิดว่าสามารถคุยเรื่องมีสาระมากๆ ได้ 

    แล้วก็คนสุดท้าย จอย เด็กหญิงร่างท้วมๆ ใบหน้ากลมที่ทำให้ดูเหมือนอารมณ์ดีตลอดเวลา และหิวตลอดเวลาอีกด้วย ^ ^

    เมื่อรวมกลุ่มครบ 4 คน พวกเขาคือแก๊งน้ำแข็งใส ที่คอยสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่ห้องม.2/3

     เบลได้ยินเสียงของยีก็เงยหน้าละจากการบ้านชั่วคราว

    “สวัสดีจ้าแม่ตุ๊กตาผมฟูของแก๊งน้ำแข็งใส วันนี้ทำผมมาเรียบร้อยเชียวน้า”

    ดีจัง โดนชมแต่เช้า เย้! ^.^ //

    ยีลูบผมนุ่มสลวย ที่ถูกแปรงมาอย่างดี แต่สองรอบนะ เพราะหลังจากกลับไปใส่บราเสร็จ คุณแม่ต้องมานั่งแปรงผมใหม่อีกรอบ และบ่นงึมไปพลาง ฮิๆ

    จอยเพื่อนซี้อีกคนก็ทักด้วย พร้อมกับพูดกลั้วเสียงหัวเราะ เมื่อเห็นท่ายืนหลังงอๆ ของยี

    “แม่บังคับให้ใส่บราอีกแล้วล่ะซี หนูยีเนี่ยน้า ทำตัวเป็นเด็กไม่ยอมโตอยู่ได้ เพื่อนๆ เค้าใส่กันหมดแล้ว มีเธอนี่แหละที่ช้ากว่าชาวบ้านเค้า”

    +.+ ว้า..โดนเลย!

    “ก็ไม่ค่อยชอบนี่ อึดอัด”

    บ่นเสร็จก็ขยับไหล่ไปมา เล่นเอาเดชที่เป็นเด็กผู้ชายในแก๊งหน้าแดงก่ำ

    “พวกเธอนี่พูดเรื่องแบบนี้อีกแระ ฉันนั่งหัวโด่อยู่ทั้งคนนะ”

    จอยเลยหัวเราะ และผลักไหล่เดชเบาๆ

    “เป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่มก็งี้แหละ คบกันมาตั้งปีนึงแล้วยังไม่ชินอีกเรอะ?”

    เดชขยับแว่นตา แล้วทำสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนปกติ ค้านเสียงแข็งว่า

    “ก็ปีที่แล้วพวกเธอเคยพูดเรื่องพรรค์นี้กันที่ไหน แล้วหาเรื่องอื่นที่มีสาระมากกว่านี้มาพูดบ้างสิ”

    นี่แหละ คำพูดประจำของหมอนี่เลย ^o^

    “เฮ้ นังพวกชะนีกลุ่มนั้นน่ะ ลดๆ เสียงลงหน่อยดิ๊ ชั้นลอกการบ้านไม่รู้เรื่องเลยนะยะ!”

    -“- หวาแย่ละ! เสียงคุ้นๆ นี้ พวกนั้นแน่ๆ นี่จะเปิดศึกกันแต่เช้าเลยหรือไงนะ?!

    หนูยีรู้ดี ว่าคนที่พูดเมื่อตะกี้นี้คือใคร

    ยัยบอย กะเทยตัวเอ้หน้าตาไม่ให้แต่ใจรักจะผิดเพศ หนึ่งในคู่อริกับแก๊งน้ำแข็งใสนั่นเอง!

    “หุบปากไปเลยนะไอ้บอย เช้าๆ อากาศกำลังสดใส แกอย่ามาปล่อยมลพิษเน่าๆ ในห้องนี้สิวะ”

    คราวนี้เป็นหน้าที่ของเบล สาวปากโทรโข่งประจำแก๊ง ที่มีฝีปากพอจะสู้กับกะเทยอัปลักษณ์ตนนั้นได้

    “ต๊ายตายๆๆ” บอยทำท่าสะดีดสะดิ้งสุดฤทธิ์ที่กะเทยจะอำนวย “ทนฟังไม่ได้ฮ้า อีเบลแกมาตบรับอรุณกับชั้นดีมั้ยยะ?!”

    “ได้ซี กำลังว้อทอยู่พอดี เมื่อเช้าไม่ได้ออกกำลังกายมา ขอยืมหน้าแกเป็นกระสอบทรายหน่อยนะ”

    เด็กสาวร่างสูงที่สุดในห้องลุกขึ้นพรวด พลางพับแขนเสื้ออย่างนักเลง แล้วจอยก็ขยับลุกตาม สมแล้วที่สองคนนี้คือสองกองหน้าประจัญบานของแก๊ง โดยมีเดชเป็นมันสมองให้

    แต่หนูยีเป็นกองหนุนนะ แหะๆ ^ ^!

    เจ้าบอยไม่ดื่มเห็นท่าไม่ดี ไม่นึกว่าสองสาวคู่อริจะเอาจริงแต่เช้า ก็เลยรีบมองหาแนวร่วมใหญ่ ล่อกแลกสักพักก็เจอ แม่ทัพของเขามาแล้ว!

    “นี่พวกเธอ มีเรื่องอะไรกันแต่เช้ายะ โยโกะเพิ่งมาเหนื่อยๆ นะ แล้วนี่จะรุมเพื่อนฉันเหรอ?!”

    เสียงแหลมแปร๋นๆ แสบแก้วหูดังมาแต่ไกล คนนี้แหละที่ยีกลัวที่สุด และไม่อยากเจอหน้าเลย

    โยโกะ เด็กลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ที่เพิ่งได้เป็นหัวหน้าห้องนี้มาหมาดๆ จากคะแนนโหวตท่วมท้น ซึ่งก็ไม่ใช่ด้วยความสามารถอะไรหรอกนะ แต่เป็นเพราะเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่สาวและสวยที่สุดในแผนกม.ต้น รูปร่างสูงโปร่งอย่างกับนางแบบ ถ้าหากไม่รู้จักเธอ ทุกคนจะนึกว่าเป็นเด็กม.ปลายเสียอีก

    เชื่อไหมว่า เด็กผู้หญิงเกือบทุกคนในโรงเรียนอยากจะเป็นให้ได้อย่างเธอกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม่แต่หนูยีของนางเอกเรา ที่มักจะน้อยอกน้อยใจอยู่บ่อยๆ ว่าทำไม๊ทำไมหุ่นเราไม่กิ๊บเก๋สเล็นเดอร์แบบนั้นบ้างนะ!

    แต่โทษทีนะ ถึงหล่อนจะสวยและรวยก็เถอะนะ แต่นิสัยเจ้าหล่อนนี่สิที่มีปัญหา!

    “กล้าดียังไงมารังแกเพื่อนโยโกะห๊ะ ให้มันรู้ซะบ้างซีว่าเด็กใคร”

    โยโกะส่งเสียงแจ๋นๆ ไม่เกรงใจใคร บอยได้ทีก็เข้าไปยืนขนาบข้างลูกพี่ และร่วมวงทั้งด่าทั้งฟ้องใหญ่

    “จัดการพวกมันเลยค่าคุณโยโกะ ยัยชะนีพวกนี้นะมันไม่เห็นหัวคุณเลย แถมเมื่อกี้ยังแอบด่าคุณโยโกะอีก”

    “เฮ้ย! พวกเราไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ อย่าทำเป็นสตอร์เบอรี่สิวะ!”

    เบลเถียงอย่างหัวเสีย แต่รู้ดีว่ายัยโยโกะต้องเชื่อแน่ๆ สุดท้ายโยโกะผู้มีอำนาจหัวหน้าห้องอยู่ในกำมือ ก็เริ่มใช้อำนาจบาดใหญ่ข่มขู่พวกแก๊งน้ำแข็งใส

    “คอยดูนะถ้าพวกเธอยังยุ่งกับคนโยโกะอีก โยโกะจะฟ้องอาจารย์พิมลให้ตัดคะแนนจิตพิสัยพวกเธอซะเลย”

     พูดเสร็จก็สะบัดหน้าไป โดยมีเจ้าบอยไม่ดื่มทำหน้าล้อเลียน แล้วรีบเดินตามหลังไปราวกับสุนัขตามเจ้าของ และทิ้งความโกรธแค้นให้กับพวกแก๊งน้ำแข็งใสจนหน้าดำหน้าแดงกันถ้วนหน้า


    พักกลางวัน ทุกคนในแก๊งก็ไปกินข้าวด้วยกันในโรงอาหาร และแน่นอนว่า ของหวานก็คือน้ำแข็งใสใส่น้ำแดงของเจ๊สี่ ร้านเจ้าประจำที่พวกเด็กๆ จะไปนั่งกินกันแทบทุกวัน ขณะทานกันไป แทบทุกคนก็บ่นกันอย่างหงุดหงิดถึงเรื่องเมื่อเช้า ที่นับวันยัยโยโกะกับเจ้าบอยจะกร่างคับห้องขึ้นทุกวัน และนินทาด้วยความหมั่นไส้ต่อเด็กสาวที่คิดว่าตัวเองสวยเลิศเลอเฟอร์เฟ็คเสียเหลือเกิน

    “เฮ้ยๆ ดูนั่นสิ พูดถึงก็มาพอดี ตายยากตายเย็นจริงๆ”

    จอยที่สายตาดีสุดในกลุ่มสะกิดทุกคน พอหันไปก็เห็นโยโกะ บอย และเพื่อนผู้หญิงอีกสองคน เดินชูคอชดช้อยราวกับนางพญาไปตามทางเดินระหว่างโต๊ะยาว โดยมีจุดหมายปลายทางไม่ใช่กลุ่มน้ำแข็งใส แต่เป็นกลุ่มของเด็กม.ปลายตัวเบ้อเร่อกลุ่มหนึ่ง

    “โยโกะเค้าเดินเข้าไปหาใครน่ะ”

    ยีถาม พลางชะเง้อคอมอง

    “เดี๋ยวนะ เอ.. คุ้นๆ ว่ะ พวกพี่ๆ กลุ่มนี้”

    จอยพยายามเล็งเหลี่ยม แล้วเธอก็เห็นพี่คนหนึ่งลุกขึ้นมาทักทายโยโกะ จอยทำตาโตเท่าไข่ห่าน

    “นั่นมันพี่นนท์ ประธานนักเรียนรูปหล่อพ่อรวยคนดังคนนั้นนี่!”

    เบลได้ยินที่จอยพูดก็ทำท่าตื่นเต้นเช่นกัน

    “จริงง่ะ พี่นนท์ พี่ม.6 ลูกร.ม.ต.การคลังอะนะ ไหนๆ?!”

    เดชคนที่ชอบฟังมากกว่าพูดก็ชักทำหน้าหงุดหงิด

    “พวกผู้หญิงนี่อะไรกันนักกันหนา ดันไปชื่นชอบคนพรรค์นั้นอยู่ได้”

    คนพรรค์นั้น พันธุ์ไหนหว่า หนูยีเป็นงงค่ะ ?O.O?

    “โด่.. เท่จะตาย หล่อได้ใจซะขนาดนั้น แถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก กะอีแค่เจ้าชู้นิดหน่อยไม่เห็นจะเป็นไรเลย”

    แล้วจอยกับเบลก็หันไปสบตากันอย่างเข้าใจ เดชถอนหายใจเฮือก และหันไปพูดกับยี

    “เธออย่าไปบ้าตามแม่พวกนั้นเลยนะรู้ป่ะ ไอ้พวกเพลย์บอยแบบนั้นมันไม่ค่อยจะจริงใจกับผู้หญิงหรอก”

    หนูยีอมยิ้ม ไม่พูดอะไร แต่ในใจคิด

    ดูๆ ไปพี่เค้าก็หล่อดีเนาะ เหมือนพระเอกเกาหลีในละครหลังข่าวเลย ^_____^

    แต่ถ้าให้เป็นแฟนด้วย.. ก็คงปวดหัวตายชัก >.<!

    “ต๊าย! ยัยโยโกะมันคุยกระหนุงกระหนิงกับพี่เค้าใหญ่เลยอะ กรี๊ด! ยอมไม่ได้ พวกเราเดินไปทางนั้นดีกว่า เผื่อจะได้ยินอะไรมั่ง!”

    เบลพูดจบก็ลากพวกเพื่อนๆ ไปด้วย โดยไม่ฟังคำทักท้วงจากเดชแต่อย่างใด พอเดินเฉียดเข้าไปใกล้จนพอจะได้ยินอะไรๆ แล้ว พวกเขาก็แอบนั่งหลบมุมสืบความเคลื่อนไหวของคู่อริจากเก้าอี้ยาวหลังเสา

    “พี่นนท์คะ คือโยโกะได้ยินคนอื่นๆ พูดกันว่า ตอนนี้พี่นนท์เพิ่งเลิกกับแฟนมาเหรอคะ?”

    “แหม ก็ใช่ครับน้องโยโกะ น้องนี่รู้ข่าวไวจังนะครับ พี่ล่ะทึ่งจริงๆ แล้วที่น้องถามอย่างนี้ก็หมายความว่า..”

    หนูยีชักสนใจ ก็เลยชะโงกหน้าไปกับเพื่อนๆ ด้วย เลยเห็นใบหน้าโยโกะ ซึ่งกำลังหน้าแดงสดใส ดวงตาพริ้งพรายพยายามเล่นหูเล่นตากับพี่นนท์ ที่เธอเองก็แอบปลื้มมาตั้งแต่ม.1 กับเขาเหมือนกัน ก็เลยชักหึง

    ดูทำเข้าสิน่าเกลียดจัง มารยากี่ร้อยรถบรรทุกกันล่ะเนี่ย =”=

    “เอ่อก็..แบบว่าไม่มีอะไรหรอกค่ะ โยโกะแค่อยากถามพี่นนท์เพื่อความแน่ใจ ถ้างั้นเสาร์อาทิตย์นี้พี่นนท์ก็ว่างแล้วน่ะสิคะ แหม เหมือนโยโกะเลย วันเสาร์อาทิตย์โยโกะก็ว้างว่างจังเลยค่ะ ไม่ค่อยมีอะไรทำ”

    หลังจากทอดสะพานไปไกลถึงคูเวตแล้ว มีรึที่นนท์ หนุ่มเพลย์บอยตัวฉกาจจะไม่รู้ความนัย เขาจัดแจงหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องคอมพิวเตอร์เล็กๆ มาตรวจดูตารางนัดหมายกับกิ๊กรายอื่นๆ และล็อคเวลาวันเสาร์ช่วงบ่ายที่จะถึงให้กับโยโกะ โดยเลื่อนน้องครีม ดาวสาวสวยม.5 ไปเป็นอาทิตย์หน้า

    “เอ่อ วันเสาร์นี้พี่ว่างพอดี ไม่ทราบว่าน้องโยโกะจะให้เกียรติให้พี่พาไปดูหนังสักเรื่องได้ไหมครับ?”

    “ค่ะๆ ว่างค่ะ ว่างโลดเลย ชิวๆ ทั้งวันเลยค่ะ”

    เสร็จล่ะงานนี้ คอลเล็กชั่นเราก็จะได้มีน้องโยโกะสุดสวยม.2 มาเพิ่มอีกราย แต่แหม ไม่ค่อยอยากจีบเด็กเล้ยให้ตายสิ แต่เอาวะ หุ่นอย่างนี้เด็กม.ปลายชัดๆ!

    นนท์ยิ้มกริ่ม ส่วนเด็กสาวอีกคนที่แอบดูอยู่ก็ทำหน้าสลดไปเล็กน้อย

    น่าอิจฉาโยโกะจัง ได้ไปเดตกับพี่นนท์ด้วย หรือว่าพี่นนท์จะชอบโยโกะจริงๆ และขอคบเป็นแฟนด้วย ว้า..เศร้าเลยเรา! T.T

    ยีถอนหายใจ เธอยืนเกาะเสาอยู่ พลางก้าวเท้ายืนเหลื่อมออกมานอกเสาเล็กน้อย

    “พี่ไปก่อนนะโยโกะ เดี๋ยวพี่มีเรียนวิชาพละเสียด้วย ต้องไปเปลี่ยนชุดก่อน”

    ยีได้ยินเสียงโยโกะบอกลา และได้ยินเสียงคนเดินมาทางนี้ แต่จังหวะที่เธอหันไปมองอยู่นั่นเอง หนูยีก็ชนโครมเข้ากับใครคนหนึ่ง โดยที่เพื่อนไม่ทันได้บอกให้ระวัง

    “โอ๊ยเจ็บจังเลย!”

    เธอร้องเสียงหลง และลงไปก้นจ้ำเบ้าให้ก้นกบกระแทกพื้นเต็มแรง

    ระหว่างที่ซู๊ดปากคลำก้นปอยๆ และหน้าชาด้วยความอายสุดๆ แขนของเธอก็ถูกจับพยุงให้ลุกขึ้นยืนอย่างนุ่มนวล พร้อมกับคำปลอบที่แฝงความตื่นตระหนกหน่อยๆ

    “เป็นอะไรหรือเปล่าน้อง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ขอโทษนะ พี่ไม่ทันระวังน่ะ แล้วยืนไหวมั้ยเนี่ย ให้พี่พาไปห้องพยาบาลมั้ย?”

    เจ็บๆๆๆ น่ะสิถามได้ ก้นพังมั้ยเนี่ย? แต่หน้าเรานี่สิ แตกหมอไม่รับเย็บเลย TT__TT

    หนูยีอาศัยลำแขนของใครก็ไม่รู้เกาะพยุงตัวไว้ เพราะยังจุกเสียดอยู่ พลางทำหน้าเหยเก แล้วเด็กหญิงก็ได้ยินเสียงแปร๋นๆ ของโยโกะ(อีกแล้ว)

    “นี่ยัยยี ยัยเด็กบ้า เรื่องอะไรไปเกาะแกะพี่นนท์เค้าอย่างนั้น น่าเกลียด!”

    หนูยีขมวดคิ้วและเงยหน้ามอง ก็พบเห็นนัยน์ตาคู่สวยเป็นประกายของพี่นนท์ ที่มาสบตาเธอพอดี ก่อนที่นัยน์ตาดึงดูดคู่นั้นจะหันกลับไปมองโยโกะ

    “ไม่มีอะไรหรอกน้องโยโกะ พอดีพี่เดินไม่ดูทางก็เลยไปชนกับน้องคนนี้เข้าก็เท่านั้นเอง”

    โยโกะทำหน้าเจื่อน แต่ยังไม่วายแอบถลึงตาใส่หนูยี

    >.< น่ากลัวจังเลยอะ 

    “อ่ะ เอ่อ.. หนูไม่เป็นไรแล้วค่ะ พอค่อยยังชั่วแล้ว ปล่อยหนูได้แล้วค่ะพี่”

    “แน่ใจนะ ไม่เจ็บตรงไหนนะ พี่ต้องขอโทษน้องอีกทีนะ”

    แล้วพี่นนท์ก็จับหัวหนูยีโยกนิดๆ

    มือใหญ่จังเลย ^ ^


    ช่วงบ่ายวันนั้น พอว่างเมื่อไหร่ปุ๊บ พวกเพื่อนๆ ในกลุ่มก็จะหยิบเรื่องเมื่อกลางวันมาคุยปั๊บ สองสาวเพื่อนซี้พากันอิจฉาที่ยีได้คุยกับพี่นนท์ แถมยังได้ถูกเขาจับหัวไปหนึ่งที แม้พี่นนท์จะไม่ได้เอ่ยถามชื่อเลยก็ตาม แต่ไม่ว่าจะคุยยังไง ก็ยังแพ้ทางฝ่ายโน้นอยู่ดี ที่ทั้งคุยขรมอวดพวกผู้หญิงในห้องให้อิจฉาตาร้อนผ่าวกันไปตามๆ กัน ว่าตัวจะได้ไปเดตกับพี่นนท์ ชายหนุ่มที่ป๊อปปูล่าที่สุดในโรงเรียน เบลกับจอยได้ฟังก็เขม่นเข็ดเขี้ยวแค้นกันไปตามๆ กัน ส่วนเดชได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา

    ตอนเย็นหลังเลิกเรียน ขณะที่ทุกคนกำลังเก็บของใส่กระเป๋าเพื่อกลับบ้าน อยู่ดีๆ โยโกะกับบอยก็เดินยิ้มกริ่มเข้ามาหายีถึงโต๊ะ พวกเพื่อนในแก๊งที่เหลือก็ลุกพรวดยืนกันยีไว้

    “ถอยไปพวกเธอ ฉันมีธุระกับหนูยีคนเดียว เป็นเรื่องของห้องน่ะ”

    “ถ้าเรื่องงานก็แล้วไป ว่าแต่มีอะไรก็รีบๆ พูดมา”

    เบลซึ่งตัวสูงใกล้เคียงกันออกหน้า โยโกะชำเลืองมองแวบหนึ่ง พูดอย่างไม่แยแส

    “อาจารย์พิมลวานให้โยโกะไปช่วยงานที่ห้องอาจารย์ และให้เอาผู้ช่วยไปด้วยคนนึง ฉันอยากให้เธอไปช่วยงานอาจารย์กับฉันหน่อย เดี๋ยวนี้เลย”

    เบลไม่พอใจ “อะไรกัน เพื่อนสนิทเธอก็มีตั้งหลายคน แล้วทำไมถึงมาใช้เพื่อนฉัน?”

    “ก็พวกนั้นมันไม่ว่าง” โยโกะปรายตามองเพื่อนๆ หล่อน “และฉันพอใจจะใช้หนูยี มีอะไรอีกมั้ย?”

    เพื่อนร่วมแก๊งทำท่าฮึดฮัด ยีรีบบอก

    “ยีเต็มใจช่วย พวกเธอกลับบ้านไปก่อนนะ”

    เบลจ้องหน้าโยโกะใหญ่ แต่แล้วก็ถอนใจ

    “เอาเถอะ ยีไปเถอะ มีอาจารย์อยู่ด้วยก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”

    ที่จริงก็ไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะโยโกะพาหนูยีไปห้องอาจารย์และอยู่ช่วยงานจริงๆ โดยที่โยโกะไม่ได้พูดจากวนประสาทอะไรเธอเลยสักนิด พอสองชั่วโมงผ่านไป งานก็เสร็จเรียบร้อย อาจารย์กล่าวขอบคุณ เด็กทั้งสองยกมือไหว้ลากลับบ้าน แต่ขณะเดินเคียงกันไปเลียบริมสนามฟุตบอล โยโกะทำท่านึกอะไรขึ้นมาได้

    “ตายละ ฉันลืมสมุดการบ้านไว้ที่โต๊ะนี่นา หนูยีกลับไปที่ห้องเป็นเพื่อนโยโกะหน่อยสิ โยโกะไม่กล้าไปคนเดียว”

    ตอนนี้น่ะเหรอ >.> มองขวา <.< มองซ้าย..

    โรงเรียนแทบร้างผู้คน แสงสนธยาอาบไล้อาคารสถานที่เป็นสีชมพูอมส้ม และเริ่มวังเวง

    “ก็ได้นะ เรารีบไปกันเหอะ นี่มันก็เย็นมากแล้วด้วย”

    หนูยีกับโยโกะรีบเร่งฝีเท้ากลับไปที่ห้องเรียน พอมาถึง หนูยีก็เบิกตาอย่างแปลกใจ เพราะในห้องแทนที่จะไม่มีใครอยู่ เธอกลับพบบอย!

    ขณะงุนงง โยโกะผลักเธอเข้าไปในห้องอย่างแรง ก้าวตามหลังมาและก็ปิดประตู แล้วเจ้าบอยก็ปรี่เข้ามาล็อกแขนของยีไว้ เด็กหญิงตกใจกลัว เมื่อโยโกะทำหน้าถมึงทึงเข้ามาใกล้

    “เมื่อกลางวันแกชักจะมากไปแล้วนะ แกคิดจะจีบพี่นนท์แข่งกับชั้นงั้นเรอะ?!”

    หนูยีตัวสั่น

    ยะ แย่แล้ว! น่ากลัวจัง.. >.<

    “ยี ปะ เปล่า ยีแค่หกล้ม แล้วพี่นนท์ก็ช่วย”

    “มารยา! ตอแหล! เห็นๆ อยู่ว่าแกชอบพี่นนท์ชัดๆ แกแกล้งทำเป็นชนกับพี่เค้า เพื่อจะได้เกาะแกะพี่เค้าต่างหาก และพวกเพื่อนๆ ของแกก็อีกเหมือนกัน คอยตั้งตัวเป็นอริกับชั้นอยู่นั่นแหละ หมั่นไส้มานานแล้วนะ!!”

    “ใช่ๆ และอีนังนี่มันคงอิจฉาโยโกะแหงๆ ตบมันเลยดีมั้ย?”

    หนูยีรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ความกลัวแล่นพล่าน

    ช่วยด้วย ใครก็ได้.. T.T

    แต่โยโกะส่ายหน้า

    “ไม่ได้หรอก ขืนหน้ามันมีริ้วรอยเดี๋ยวใครก็สงสัยเอา วันนี้เอาแค่เบาะๆ ก็พอ”

    แล้วโยโกะกับบอยก็ทั้งข่มทั้งขู่หนูยีไม่ให้มายุ่งกับพี่นนท์ และแกล้งด้วยการถอดเสื้อนักเรียนเธอออก

    “ไปตามเก็บเอาเองนะ”

    โยโกะปาเสื้อออกไปนอกตึก มันหล่นลงไปนอนกองอยู่บนทางเท้าข้างล่าง พอสะสาแก่ใจแล้วก็ชักชวนบอยกลับ โดยทิ้งไว้แต่เสียงหัวเราะอย่างน่ารังเกียจ

    เด็กหญิงร้องไห้กระซิก ช่วงบนเหลือแต่เสื้อซับใน กับเจ้าบราตัวจิ๋วที่แม่บังคับให้ใส่มา สะอึกสะอื้นอยู่สักพักก็ชั่งใจว่าจะรีบลงจากตึกไปเก็บเสื้อนักเรียนตอนนี้เลยดีหรือไม่ ถึงแม้จะเย็นแล้ว แต่ก็ยังพอมีนักเรียนหลงเหลืออยู่บ้างละ เธออับอายไม่กล้าออกไป แต่ถ้ารอจนเย็นกว่านี้ มันจะมืดและน่ากลัว ยิ่งคิดก็ยิ่งตัวสั่น ขณะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี หนูยีเกิดรู้สึกปวดหน่วงๆ แถวท้องน้อยขึ้นมา เมื่อก้มมองลงไปที่ขา เธอก็แทบลมจับ เพราะมันเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลย้อยมาตามหน้าขา โผล่พ้นขอบกระโปรงนักเรียนลายสก๊อตตรงหัวเข่า แล้วย้อมสีถุงเท้าขาวเป็นสีแดง

    แม้จะเพิ่งเคยประสบ แต่เธอก็รู้ดีว่ามันคืออะไร ความวัวยังไม่ทันหายคดีควายก็เข้ามาแทรก เสื้อก็โดนปาทิ้งไป แถมยังอุตส่าห์มามีเมนส์ครั้งแรกในชีวิตเอาตอนนี้อีก

    จะเป็นสาวตอนไหนก็ไม่เป็น ทำไมต้องจำเพาะเจาะจงมาเป็นเอาตอนนี้ด้วย! 

    T___T

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×