ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่องสั้น/นิยายเก่าๆ ของ Black back

    ลำดับตอนที่ #6 : เรื่องยาว พี่ผม.เป็น.SUPERSTAR!! ตอนที่ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 285
      1
      1 ก.ค. 51


    2.


    ไอซาวะ ยูสึ จับรถไฟใต้ดินสายกินซ่า จุดหมายปลายทางที่สถานีไกอิมเมะ ซึ่งอยู่ถัดจากสถานีโอโมเตซันโดไปหนึ่งสถานี เพื่อตรงไปบ้านของอาซาโอกะ ทาดาฮิโร่ เพื่อนรักของเธอ ด้วยความเป็นห่วงที่เขาหนีเรียนช่วงบ่ายและแอบกลับบ้านก่อน ยูมิจึงได้ไปขอที่อยู่จากอาจารย์ประจำชั้นมา พอเลิกเรียนปุ๊บ เธอรีบเก็บกระเป๋าแล้วสาวเท้าออกนอกรั้วโรงเรียนทันที และด้วยความหงุดหงิด นั่นก็เพราะเธอพึ่งทะเลาะกับมิโนะมิยะ ชิสึกะมาหมาดๆ ยูมิฉุนมากที่มิโนะมิยะร่วมมือกับพรรคพวกทโมนในห้อง รวมหัวกันกลั่นแกล้งฮิโร่คุง 

    “ชิสึกะ!! เธอทำอย่างงั้นได้ยังไง? มันตลกนักเหรอที่ฮิโร่ชอบเธอ... เขาต่ำต้อยไม่คู่ควรกับเธอเลยงั้นเหรอ? เธอมันสูงส่งมากนักหรือไง? และก็ไอ้พวกผู้ชายในห้องนี้ สันชาตญาณสัตว์ป่ามันล้นทะลักมากนักหรือไง!  ถึงได้ชอบรังแกคนอ่อนแอเป็นประจำ”

    ยูมิด่าพร้อมกับชี้กราดไปยังบรรดาผู้ชายที่รุมล้อมมิโนะมิยะ ราวกับเหล่าแมลงตอมดอกไม้ ซึ่งบัดนี้ใบหน้าแต่ละคนหดเหลือแค่สองนิ้ว

    “จำไว้เลยนะชิสึกะ หัวใจของผู้ชายไม่ใช่ของเล่นที่เธอจะมาย่ำยีได้ง่ายๆ”

    เธอกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะสะบัดหน้าไป 

    ปกติยูมิจังเป็นคนสดใสร่าเริง มีมนุษย์สัมพันธ์ดี คอยออกหน้าช่วยเหลือคนโน้นคนนี้เป็นประจำ ทำให้เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนๆ ในห้อง แต่หากบทเธอจะโกรธขึ้นมานั้น ก็เล่นเอาพวกเพื่อนๆ แหยงกันไปตามๆ กัน เห็นตัวเล็กๆ อย่างนี้ แต่เป็นคนไม่ยอมใคร มีอะไรก็เดินหน้าท้าชนตลอด

    ยูมิบ่นงึมหลังจากจ่ายค่าโดยสารที่ตู้ขายอัตโนมัติ สอดบัตรผ่านเครื่องกั้น และก้าวเท้าเข้าไปในรถไฟ

    ..นายนี่มันอ่อนแอชะมัดเลย โดนเพื่อนแกล้งแค่นี้ก็ต้องหนีเรียนด้วย แล้วไหนที่เรานัดทำรายงานด้วยกันอีกล่ะ ไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย!

    เธอคิดพลางมองป้ายโฆษณาสินค้าบนรถไฟฆ่าเวลา ซึ่งมีทั้งโฆษณาน้ำดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า ขนมขบเคี้ยว บะหมี่สำเร็จรูป และอื่นๆ อีกจิปาถะ แต่ที่เห็นเด่นเป็นที่สะดุดตาที่สุดคือ โฆษณานักร้องวัยรุ่นยอดนิยมอันดับ 1 ที่กำลังมาแรงอย่างมากในขณะนี้ โยชิสุกะ ยูกิ 

    ด้วยหน้าตาอันหล่อเหลา ผิวขาวเนียนสวย ตัวสูงร่างกำยำ เท่บาดใจให้สาวๆ หลงใหลแทบคลั่ง อีกทั้งน้ำเสียงที่นุ่มไพเราะ และมากด้วยพรสรรค์ในยามร้องเพลง แนวที่ร้องคือเพลงร็อคที่มันส์สะใจวัยรุ่น แถมยังเป็นผู้นำทางแฟชั่นชุดสูทหนังสีดำยาวแขนกุดกับเครื่องประดับเงินรูปเปลวไฟ เสริมกับบุคลิกที่ดูลึกลับที่สุดในบรรดานักร้องทั้งหมด 

    ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้เอง โยชิสุกะ ยูกิ จึงได้รับฉายาว่า เจ้าชายแห่งรัตติกาล เขายังเป็นเจ้าของซิงเกิ้ลอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถ้าหากดูให้ดีๆ แล้ว เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์กว่าครึ่งของโฆษณาสินค้าที่มีอยู่ ตามสื่อต่างๆ ได้ลงปกนิตยสารชื่อดังมาแล้วทุกเล่ม และเร็วๆ นี้ก็จะมีภาพยนตร์ที่เขาเป็นผู้แสดงนำร่วมกับนางเอกสาววัยรุ่นชื่อดัง ด้วยทุนสร้างมหาศาล และเหนืออื่นใด โยชิสุกะ ยูกิ ยังได้รับการโหวตให้เป็นชายหนุ่มเซ็กซี่ที่สุดแห่งปีอีกด้วย แม้กระทั่งยูมิเอง ก็คลั่งไคล้ไปกับเขาด้วย ห้องของเธอถูกประดับไปด้วยโปสเตอร์ยูกิ มีซีดีอัลบั้มของเขาทุกแผ่น ไปดูคอนเสิร์ตทุกครั้งที่เขาแสดง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแฟนคลับตัวยงเลยทีเดียว!

    รถไฟจอดเทียบชานชาลา พอประตูเปิดออก ยูมิก้าวข้ามแนวเส้นเหลือง ใกล้ทางออก สอดบัตรโดยสารคืนที่ประตูกั้น แล้วไปขึ้นบันไดเลื่อน เพื่อพาตัวเธอขึ้นมาสู่พื้นผิวดิน

    ย่านอาโอยาม่าโดริค่อนข้างเงียบสงบไม่พลุกพล่าน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเขตที่พักอาศัยของผู้มีอันจะกิน ถัดจากซูมิโตโมะไปก็เป็นสวนซังเคอันร่มรื่นสีเขียวขจี สนามเด็กเล่นอยู่ด้านใน ลานทรายตรงกลางถูกจับจองไว้ด้วยเด็กๆ หลายคน เด็กบางคนก็กำลังเล่น จัง-เค็ง-โป้ง(1) กัน 

    ถ้าดูตามแผนที่แล้วก็น่าจะมาถูกทาง บ้านของฮิโร่คงอยู่อีกไม่ไกลเท่าไร เลี้ยวตรงหัวโค้งมุมเสาไฟฟ้า เลยที่จอดจักรยานสาธารณะซึ่งติดกับสวนไปเล็กน้อย บ้านหลังใหญ่สองชั้นแบบตะวันตกที่ผสมผสานกับแบบญี่ปุ่นเข้ากันได้ดีก็ปรากฏตรงหน้า ยูมิอ่านป้ายชื่อที่ทำจากแผ่นทองเหลือง ซึ่งติดอยู่ที่กำแพงอิฐสีน้ำตาลหน้าบ้านใกล้ๆ กับช่องรับจดหมาย  

    ..อาซาโอกะ..มาถูกหลังแล้วละ

    กิ้งก่อง กิ้งก่องๆ 

    ยูมิกดปุ่มอินเตอร์โฟนหน้าบ้าน แล้วก็รอสักพัก

    “ฮะ... ใครฮะ?”

    เสียงอู้อี้ลอดออกมา

    “ฮิโร่คุงใช่ป่าว? นี่ฉันเองนะยูมิ เปิดประตูหน่อยสิ”

    เธอกดปุ่มพูดกับคนในบ้านผ่านเครื่อง
    “...................” 

    ไม่มีเสียงตอบกลับจากอีกด้าน แต่สักพักเสียงคลิกคลายล็อคของประตูหน้าก็ดังขึ้น ยูมิจึงถือวิสาสะผลักประตูเข้าไปข้างใน

    เด็กสาวเดินช้าๆ ตรงไปตามทางเดินที่ถูกปูด้วยพื้นไม้หอมขัดมันอย่างดี ผ่านห้องแบบญี่ปุ่นขนาดแปดเสื่อซึ่งบานเลื่อนโซจิ(2) ถูกเปิดค้างไว้ เมื่อเธอเดินมาถึงห้องนั่งเล่น ก็เห็นฮิโร่นอนหมกอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเบาะหนังขนาด 3 ตอน 

    “ไง ฮิโร่คุง!”

    ยูมิทัก  พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ

    เงียบ..

    ฮิโร่ยังคงทำเป็นไม่สนใจรับรู้อะไรทั้งสิ้น ร่างเล็กๆ ผอมๆ ยังอยู่ในชุดนักเรียนยับยู่ยี่ เน็คไทถูกคลายออกเพียงหลวมๆ นอนตะแคงข้างอ่านอยู่อย่างนั้น ยูมิมองดูเพื่อนคู่หูพลางถอนหายใจด้วยความสงสาร แต่สักพักเธอก็ชักเริ่มมีน้ำโห เธอทะลึ่งพรวดตรงเข้าไปกระชากหนังสือที่ฮิโร่ถืออยู่ในมือออกมา   แล้วเธอก็เห็นดวงหน้าของเขา ที่ยังคงมีร่องรอยผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง

    “ฮิโร่!! ทำอย่างงี้มันไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยนะ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!  ทำตัวอมทุกข์อยู่ได้   ถ้าเจ็บใจนักก็ลุกขึ้นมาต่อยกับฉันเลยดีกว่า!”

    สาวห้าวท้าเหยงๆ พลางชูกำปั้นขึ้นมา ส่วนมืออีกข้างก็โยนหนังสือทิ้งบนโต๊ะ

    ฮิโร่ชำเลืองมองยูมิด้วยแววตาเย็นชาแต่แฝงไว้ด้วยความปวดร้าว เขาโมโหยูมิที่ยืนอยู่ในกลุ่มเพื่อนนักเรียนด้วยเมื่อกลางวัน แต่อีกใจหนึ่งก็ยังดีใจ ที่เธอมาเยี่ยมถึงบ้านด้วยความเป็นห่วง ลึกๆ แล้ว ตัวเขาเองรู้ดีว่ายูมิคงไม่ได้มีส่วนร่วมในการกลั่นแกล้งในครั้งนี้ แต่ก็อดทำแง่งอนด้วยความหงุดหงิดไม่ได้   

    “ยูมิจังเองหรือ?”

    ฮิโร่กล่าวเนือยๆ พร้อมกับลุกขึ้นนั่งพิงพนัก 

    “เพิ่งสังเกตหรือยะ! นายน่ะแอบหลบหนีออกมาจากโรงเรียนได้ไง? รู้มั้ย เพื่อนๆ เค้าเป็นห่วงกันนะ”

    “ฮึ!  ยังมีเพื่อนๆ ห่วงฉันด้วยเหรอ?”

    ฮิโร่ทำเสียงขึ้นจมูก พูดอย่างประชดประชัน

    “ก็ต้องมีอยู่แล้วล่ะน่ะ อย่างน้อยก็ชั้นนี่ไง”

    ยูมิว่า  พร้อมกับชี้ไปที่ตัวเอง

    ทาดาฮิโร่พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้ายูมิ แววตาของเธอชัดแจ้งไปด้วยความจริงใจ ในที่สุดฮิโร่มีท่าทีอ่อนลง ถามขึ้นว่า

    “เธอมาบ้านฉันถูกได้ไง แล้วที่มาเนี่ย.. แค่มาปลอบใจเท่านั้นเองเหรอ?”

    ยูมินั่งลงข้างๆ เด็กหนุ่มพลางจัดกระโปรงยาวเหนือเข่าให้เข้าที่  

    ...อากาศของฤดูใบไม้ร่วงชักเริ่มเย็นแล้วสิ อีกไม่นานเดือนหน้าก็ต้องใส่ถุงน่องยาวสีดำ ที่เป็นเครื่องแบของฤดูหนาวแล้วสินะเรา...

    “ฉันขอแผนที่มาจากอาจารย์อิมาอิน่ะ ดูสิ เปลืองค่ารถชะมัดเลย ไม่รู้ล่ะ! วันหลังเธอต้องเลี้ยงไอติมช็อกโกแลตพาเฟ่กับเครปกล้วยหอมชั้นด้วยนะ และอีกอย่าง เรานัดกับทำรายงานประวัติศาสตร์ของอีตาจารย์หัวเหน่งด้วยกันไม่ใช่เหรอ?” 

    เธอหมายถึงอาจารย์ทากามูระที่สอนวิชาประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น 

    “แหมเธอเนี่ยก็บ่นจัง! เอาน่ะๆ ฉันไม่ให้เธอเสียเปรียบหรอก พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนแล้วจะพาไปเลี้ยงเอง”

    “สองถ้วยนะ”

    ยูมิชูสองนิ้วลอยหน้าลอยตาต่อรอง 

    “ก็ได้ๆ กี่ถ้วยก็ได้  เต็มที่เลย!”

    ฮิโร่ยิ้มให้  แล้วมิตรภาพของทั้งคู่กลับมาอีกครั้ง

    “ถ้างั้นมาทำรายงานกันเลยดีกว่า  รีบๆ ทำให้เสร็จไป  มันค่อนข้างเยอะทีเดียว”

    ยูมิบอกพลางรื้อค้นหนังสือกับเครื่องเขียนออกจากกระเป๋าสะพาย ที่มีตัวตุ๊กตุ่นเคโรปี้กับปิกาจูแขวนคู่กันอยู่ เสร็จแล้วเธอก็นั่งลงกับพื้นพร้อมกับหอบอุปกรณ์ทั้งหมด ลงนั่งบนเบาะรองบนพื้นตรงโต๊ะเตี้ยญี่ปุ่นสีฟ้าตัดกับลายต้นซากุระสีชมพู ส่วนทาดาฮิโร่ก็ขอตัวเข้าไปในครัว ซักพักก็ออกมาพร้อมกับบลูเบอร์รี่ชีสพายแช่เย็น 2 ชิ้น กับชาร้อนๆ ในถ้วยกระเบื้องเคลือบ

    ฮิโร่นั่งลงตรงข้ามพร้อมกับวางถาดขนม สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นยูมิที่นั่งไม่เรียบร้อยเข้า เด็กชายถึงกับหน้าแดง  แล้วก็อ้อมแอ้มพูดว่า

    “ยูมินั่งดีๆ หน่อยสิ แหม... น่าจะให้เธอไปเรียนพิเศษโรงเรียนชาร์มสคูล(3)จัง ”

    “หือ? อ๋อ.. โทษทีๆ”

    ยูมิกล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อน เปลี่ยนจากนั่งขัดสะมาดมาเป็นนั่งพับเพียบแทน 

    ..เฮอะ อย่างกับเด็กผู้ชายแน่ะ ทั้งๆ ที่หน้าตาก็ออกจะน่ารักแท้ๆ ...ฮิโร่รำพึงในใจ


    ทั้งคู่นั่งทำรายงานไปเรื่อยๆ จนกระทั่งค่ำมืดโดยไม่รู้ตัว ด้วยเป็นเพราะเนื้อหาที่จะต้องสรุปมีค่อนข้างมาก กว่าจะได้ฤกษ์วางปากกาลงก็ปาเข้าไปสองทุ่มเศษแล้ว

    “และแล้วนั่นคือจุดจบของกลุ่มชินเซ็น นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา.. จบแล้วเย้!”

    ยูมิโยนปากกาทิ้งพลางสะบัดมือด้วยความเมื่อยล้า แต่เมื่อได้เหลือบมองนาฬิกาแล้ว เธอก็รีบลุกลี้ลุกลนเก็บข้าวของทันที

    “ตายล่ะๆ! ดึกขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย?! เลยเวลาไปเยอะเลยอ่ะ พ่อกับแม่ต้องบ่นอยู่แหงๆ นี่ๆ ขอยืมโทรศัพท์หน่อยนะ อยู่ไหนน่ะ?”

    ยูมิถามลนลาน ฮิโร่จึงชี้บอกว่าโทรศัพท์อยู่อีกห้องหนึ่ง ให้เดินตรงไปทางนี้ พอทราบก็รีบลุกออกไปยังอีกห้องเพื่อโทรศัพท์ถึงทางบ้าน

    ฮิโร่นั่งเล่นฆ่าเวลาอยู่สักประเดี๋ยว ก็มีเสียงเปิดประตูหน้าบ้าน พร้อมกับเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นว่า

    “อะไรกัน!  ฮิโร่พี่บอกกี่ครั้งแล้ว ว่าเวลากลับเข้าบ้านให้ล็อคประตูด้วยไง ดูสิ! ถ้าขโมยเข้ามาจะทำยังไงหา มีแต่เด็กอยู่บ้านคนเดียวจะไปสู้อะไรเค้าได้ อ้าว แล้วนั่นรองเท้าใครเนี่ย มีเพื่อนมาด้วยเหรอฮิโร่?” 

    ฮิโร่กระเด้งจากโซฟาด้วยความตกใจ รีบวิ่งไปหาเจ้าของเสียงโหวกเหวกที่หน้าบ้าน เมื่อมาถึงก็พบพี่ชายกำลังนั่งถอดถุงเท้าอยู่ตรงทางเข้า 

    “พี่อากิระ!! ทำไมกลับเร็วจัง ไหนว่าติดงานไงฮะ?”

    เด็กหนุ่มถามละล่ำละลัก เหงื่อแตกซิก

    “เอ๊?! ก็พอดีคุณมิเนะบอกว่าทางสตูดิโอขอเลื่อนนัดออกไปเพราะติดปัญหา ว่าแต่ทำไมล่ะ นายน่าจะดีใจนะที่พี่กลับมากินข้าวเย็นด้วย นี่พี่ซื้อเนื้ออย่างดีกับเห็ดชิตาเกะมาทำสุกี้ด้วยนะ วันนี้พี่ขอโชว์ฝีมือเอง”

    อากิระมองน้องชายที่รัก  พลางชูถุงกับข้าวที่พึ่งแวะซึ้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตให้ดู

    “ว่าแต่ วันนี้พาเพื่อนมาเที่ยวบ้านด้วยเหรอ? แปลกแฮะ สงสัยดูท่าวันนี้ฝนคงจะตกใหญ่แล้ว พี่เองก็ไม่ได้ห้ามซักหน่อยนะว่าไม่ให้เพื่อนมาบ้าน ฮิโร่เนี่ยน้า.. ตั้งแต่พี่เริ่มไปทำงาน น้องเล่นไม่ยอมพาเพื่อนมาเลย แต่ก็ดีที่วันนี้มีเพื่อนมา ดูจากรองเท้าแล้วคงเป็นเกิร์ลเฟรนด์ล่ะสิท่า เอาน่า! ไม่ต้องอายหรอก ก็ถึงวัยแล้วสินะนาย งั้นก็ชวนเพื่อนทานสุกี้ด้วยกันซะเลยซี่ พี่ซื้อเนื้อมาตั้งเยอะ ทานกันสองคนไม่หมดหรอก”  

    ฮิโร่ได้ยินอากิระพล่ามพูดเองเออเองอย่างนั้น ทำให้เขายิ่งลนลานไปใหญ่ แถมยังพยายามจะผลักไสพี่ชายให้ออกไปข้างนอกเสียนี่

    “โธ่พี่ฮะ... วันนี้ผมขอล่ะฮะ ช่วยออกไปข้างนอกสักประเดี๋ยวนึงได้ป่าว? นะๆ พี่ชายคนดีของผม แค่รอให้เพื่อนผมกลับก่อนแล้วค่อยเข้ามาก็ได้ฮะ น่านะ..” 

    ฮิโร่ออดอ้อน  พยายามจะฉุดพี่ชายให้ลุกขึ้นยืน 

    “อุวะ! คนพึ่งจะกลับมาเหนื่อยๆ จะให้ออกไปอีก อะไรของแกวะ? ไม่อยากให้เพื่อนนายเจอพี่หรือไงกัน?!”

    อากิระชักเริ่มฉุน แข็งขืนไว้ไม่ยอมลุกขึ้นตามแรงฉุดดึงของน้องชาย แต่แค่นั้นก็ประสบความสำเร็จ  เพราะตัวอากิระทั้งสูงใหญ่สมชาย แต่ฮิโร่กลับตัวเล็กนิดเดียว 

    “เสียงอะไรน่ะ? หนวกหูจังฮิโร่”

    เสียงยูมิพูดอยู่ด้านหลัง ทำให้เขาสะดุ้งโหยง

    ...ตายล่ะ! ไม่ทันแล้ว! เขาคิด เหงื่อซึมแผ่นหลัง ความวุ่นวายเริ่มก่อเค้าปรากฏให้เห็นรางๆ

    เมื่อยูมิกล่าวจบ เธอหันไปมองผู้ที่พึ่งมาถึง ทันใดนั้น ดวงตาเธอพลันเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ  พลางยกมือสั่นๆ ชี้ไปที่พี่ชายของฮิโร่ แล้วเธอก็ตะโกนอย่างสุดเสียงว่า

    “นั่นคุณโยชิสุกะ  ยูกินี่นา!!!!!”


    ........................................................................................

    1. จัง-เค็ง-โป้ง เรียกย่อๆ ว่า จัง-เค็ง หรือก็คือเป่ายิ้งฉุบนั่นเอง เป็นวิธีการตัดสินหาผู้ชนะและผู้แพ้แบบง่ายๆ โดยวิธีทำมือเปล่าเป็นสามแบบ มี ก้อนหิน หรือ “กู” คือกำมือ กระดาษ หรือ “ปา” คือแบมือ และกรรไกร หรือ “โชะคิ” คือใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทำเป็นกรรไกร

    2. โซจิ ประตูบานเลื่อนกั้นห้อง วิตถุดิบใช้กระดาษใยไม้ปิดรอบกรอบไม้ มีคุณสมบัติทำให้อากาศถ่ายเท และคุณสมบัติที่พิเศษคือเมื่อปิดแล้วก็ยังทำให้ห้องสว่างอยู่ 

    3. โรงเรียนสอนมารยาทของหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานในญี่ปุ่น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×