คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เรื่องสั้น เจ้าหญิงนิทรา (เวอร์ชั่นพิสดาร)
อาทิตย์สนธยาใกล้ลาลับ แสงสุริยาอ่อนจางลากเงาให้ทอดยาวไป เสียงฝีเท้าม้าดังกุบกับ ปรากฏม้าพ่วงพีตัวหนึ่งเดินมาช้าๆ ผู้นั่งบนหลังม้าสีกะเลียวใบหน้าคมคายสะคราญ เป็นบุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์บุคลิกองอาจดุจมังกรในหมู่มวลมนุษย์ อาภรณ์ที่ใส่ก็สูงค่าจนบรรดากงจื้อมหาเศรษฐียังไม่มีปัญญาจะหาซื้อ บุรุษหนุ่มรูปงามแหงนหน้าทอดตาไปยังปราสาทรกร้าง บนใบหน้าฉาบไว้ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า พลางคำนึงขึ้นในใจว่า
“องค์หญิงน้อยนิทรารอผู้กล้ามาหลายปีแล้ว อีกทั้งนางเฒ่าโสโครกคอยเฝ้าขวางทางมิให้ผู้ใดเข้าไป ตัวมันเป็นที่เลื่องลือกันทั่วว่ามีวรยุทธสูงส่งลึกล้ำจนสุดจะหยั่งคาดคะเน เราแม้นวรยุทธไม่ถือว่าเป็นเอกอุในแดนดิน แต่ก็พูดได้เต็มปากว่าพอมีปัญญาท่องไปได้สุดหล้า กำจัดคนพาลในวงนักเลงมาก็มาก ทั้งวรยุทธสูงต่ำทั้งเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวต่างก็สิ้นภายใต้คมดาบให้แก่เรา น่าจะพอพิชิตเอาชัยและสามารถเข้าไปช่วยดรุณีน้อยนางนี้ได้เป็นมาดมั่น”
จันทร์เสียวเริ่มอวดโฉมแล้ว บุรุษหนุ่มมิอาจรั้งรอได้ กระตุกบังเหียนให้อาชาคู่ใจโผนทะยานเข้าไปในป่าใหญ่ที่ขวางหน้าปราสาทโดยพลัน ลมเย็นปะทะผ่านทางเบื้องหน้า ความมืดปกคลุมไปทั่ว แต่บุรุษหนุ่มมินำพากลับห้อม้าฝ่าเข้าไปมิหวั่นเกรง
ที่แท้บุรุษหนุ่มรูปงามผู้นี้เป็นถึงองค์รัชทายาทอันเกริกไกรแห่งก๊กทางตอนเหนือ มันได้ยินมาว่าบริเวณอาณาจักรใหญ่ทางภาคกลางมีเรื่องราวหนึ่งเป็นที่น่าตื่นตระหนก ปีแอ๋แห่งอาณาจักรนี้มีบุตรีสะคราญปานหยาดฟ้า เป็นที่กล่าวขวัญถึงไปทั่วทั้งแดนดิน มิมีสาวงามใดเทียบนางได้แม้แต่น้อย หากแต่นางกลับมีโชคชะตาอาภัพนัก
ขณะที่ยังเป็นทาริกาน้อยแบเบาะ ปีแอ๋ได้เชิญบรรดาไพร่ฟ้ามาร่วมอวยพรในงานวันเกิด และอีกทั้งได้เชิญนางฟ้ามาประทานพรแก่บุตรีสุดรัก ซึ่งแต่ละองค์ต่างประทานพรแก่ทาริกาให้ผิวขาวเนียนผุดผ่องดั่งเย้ยให้หิมะได้อาย ให้รูปโฉมงดงามเป็นที่หนึ่งแผ่นดิน ให้ผมยาวดำสลวยเรียบลื่นดุจราตรีกาล แต่ขณะที่รอนางฟ้าองค์สุดท้ายมาประทานพรนั้น กลับปรากฏนางเฒ่าผู้หนึ่งก้าวออกมาจากหมู่ชนแล้วชี้หน้าด่าว่า
“ประเสริฐ ประเสริฐมาก ปีแอ๋ท่านเชิญนางฟ้าพวกนี้มาเพื่อให้พรแก่ทาริกาน้อย แต่กลับไม่ยอมชวนผู้เฒ่าที่ดำรงอยู่สูงสุดในบู๊ลิ้ม อย่างนั้นเช่นนี้เถิดนางเฒ่าแก่ๆ อย่างเราจักประทานพรให้แก่มันสักครา หากทาริกาน้อยเติบใหญ่เป็นโกวเนี้ยงามสะคราญเมื่อไร มันจะต้องถูกเข็มปั่นผ้าอาบพิษน่ำตงโง้วตั๊กถึงแก่ความตาย”
นางมารเฒ่าหัวเราะร่าพุ่งวาบเหินลอยออกไปโดยพลัน เพียงชั่วพริบตาก็หายไปในคลองจักษุ วิชาตัวเบาของนางนับว่าน่าแตกตื่นสะท้านโลกยิ่งนัก ผู้คนต่างตะลึงงันอ้าปากค้าง ชั่วชีวิตนี้ไหนเลยจะได้พบเห็นวิชาตัวเบาที่นับได้ว่าเลิศล้ำพิสดารนับตั้งแต่โบราณกาลควบคุมจวบจนปัจจุบันอย่างนางเฒ่าผู้นี้
หลังเงาร่างนางปีศาจเฒ่าลาหายไปแล้ว ทั่วทั้งท้องพระโรงพากันตกอยู่ในความโศกเศร้า ต่างคนต่างรู้ดีว่าคำสาปของนางร้ายกาจเพียงใด แต่ทว่าในความมืดมิดหากยังคงมีแสงสว่างอยู่เสมอ นางฟ้าองค์สุดท้ายที่ยังไม่ได้ประทานพรก็ก้าวออกมา นางได้ประทานพรให้แก่ทาริกาน้อยว่า
“แม้ว่าคำสาปของนางมารจะร้ายกาจ แต่มันกลับไม่แสดงผลตามที่นางหวัง ดรุณีน้อยจะเพียงแค่หลับไปเท่านั้น และรอคอยให้บุรุษหนุ่มผู้เก่งกล้าองอาจดุจราชสีห์ วรยุทธสุดสูงเหนือล้ำผู้ใดในแดนดิน จะกำจัดนางมารเฒ่าและบรรจงจูมพิศนางให้ฟื้นจากนิทรา”
นี่คือเรื่องราวที่ชายหนุ่มได้ยินมา มิอาจทราบได้ว่าบัดนี้มีจำนวนผู้กล้าเท่าใดแล้ว ที่อาจหาญเผชิญหน้าต่อสู้ห้ำหั่นกับนางมารเฒ่า และยิ่งมิอาจคำนวนได้เลยว่ามีกี่ซากศพแล้วที่นอนทอดร่างอยู่ในป่าแห่งนี้ ชายหนุ่มบังเกิดความหนาวเหน็บในจิตใจ หรือว่าเขาต้องเอาชีวิตมาทิ้งในที่แห่งนี้ทั้งๆ ที่เยาว์วัย
เมื่อบรรลุถึงหน้าปราสาท เสียงหนึ่งพลันแทรกเข้ามาทำลายความเงียบให้มลายไป ชายหนุ่มตื่นตระหนกจนหน้าเปลี่ยนสี เพราะเสียงนั้นแกร่งกร้าวกังวาลจนแมกไม้สั่นไหว บ่งบอกถึงกำลังภายในที่บรรลุจนถึงขั้นสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
“มีทารกหนุ่มเข้ามารนหาที่ตายอีกแล้ว ดีๆ เป็นที่น่าพอใจแก่เล่าฮูยิ่งนัก ดูซิว่าเจ้าจะรับมือเราได้กี่กระบวนท่า”
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น จึงเกร็งกำลังภายในตระเตรียมไว้อย่างระมัดระวัง พลันตวาดออกไปว่า
“นางเฒ่าที่แสนร้ายกาจ มิต้องพิรี้พิไรไป ท่านโปรดยื่นคอออกมารับคมดาบข้าพเจ้าเสียโดยดี”
นางเฒ่าได้รับฟังเสียงพลันหัวใจสะท้านไหวจนต้องนิ่งคิดไป ชายหนุ่มผู้นี้แตกต่างจากที่แล้วๆ มา แต่ละคำพูดผสานด้วยพลังภายในเข้มแข็งยิ่ง ลักษณะท่าทางชวนให้ใครต่อใครต่างยินยอมสยบแทบเท้า อีกทั้งอาภรณ์สวมใส่ก็หรูหราให้รำคาญตายิ่ง ความเป็นมาของชายหนุ่มผู้นี้คงไม่ธรรมดายิ่งแล้ว นับว่าเป็นคู่มือที่ยากจะพบพาน
ทันใดเงาสายหนึ่งพุ่งลงมาจากเบื้องบนดุจเกาทัณฑ์ เสียงครืนๆ ดังลั่นปานฟ้าถล่ม เหนือศีรษะชายหนุ่มบังเกิดแรงกดดันไร้สภาพขึ้นมาขุมหนึ่ง ที่แท้นางมารเฒ่าได้ซัดฝ่ามือหนึ่งออกมาแล้ว พลังฝ่ามือนี้เป็นที่น่าแตกตื่นยิ่ง อย่างน้อยๆ พลังที่กดทับลงมาต้องมีน้ำหนักมิน้อยกว่าพันชั่งเป็นแน่!!
ดาบข้างเอวมิทันชัก ชายหนุ่มก็กู่ร้องพร้อมกับสะบัดมือออกต้านด้วยท่าฝ่ามือพิฆาตมังกร ซึ่งเป็นวิชาประจำตระกูลที่สืบทอดแต่ในราชนิกูลเท่านั้น พลังลมหมุนวนจากล่างขึ้นสู่เบื้องสูงทะลักแผ่พุ่งเข้าหา สองฝ่ามือหนึ่งเยาว์วัยหนึ่งเฒ่าชราแต่มากประสบการณ์และพลังฝึกปรือเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด
โครม! หลังปะทะนางมารพลิ้วตัวลอยออกไป ร่างชายหนุ่มสะท้านเฮือก ลมปราณตีกลับจนขัดข้องในอก สีหน้าบัดเดี๋ยวแดงก่ำบัดเดี๋ยวซีดเผือด แอบลอบคิดคำนึงในใจ พลังภายในของนางเฒ่าร้ายกาจยิ่ง หากเรามิได้เตรียมพร้อมเกร็งพลังขึ้นมาล่วงหน้า มิฉะนั้นเราคงหยิบยื่นชีวิตให้แก่มันเป็นแน่แท้
ส่วนนางเฒ่าหลังจากปะทะกับบุรุษหนุ่มตรงหน้าแล้วก็อดลอบตื่นตระหนกมิได้ นางซึ่งคำนวณไว้อย่างแม่นยำลอบจู่โจมออกไปอย่างรวดเร็ว ชิงความได้เปรียบในทุกประตู ฝ่ามือที่ใช้ออกไปก็ด้วยการผนึกกำลังลมปราณถึงสิบส่วน ถึงกับมิอาจมีปัญญาหักหาญมันลงได้ แถมบุรุษหนุ่มยังสามารถโต้กลับมาได้อีกหนึ่งกระบวนท่า นับเป็นคลื่นลูกหลังอายุเยาว์ที่ไล่แซงชนรุ่นปรมจารย์ได้อย่างน่ากลัว
ชายหนุ่มเค่นเสียงแล้วพุ่งกายออกจากหลังม้า เพียงถีบตัวออกไปคราเดียวก็พุ่งปราดไปไกลถึงสิบกว่าวาราวกับปักษาถลาเหยื่อ พลางสะบัดฝ่ามือออกไปด้วยท่ามังกรย่างก้าว เงาฝ่ามือพลันเหมือนแยกจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ จากสี่เป็นแปด จากแปดเป็นเท่าทวี เงาฝ่ามือหนาแน่นจู่โจมอย่างไร้ปรานี
“ฝ่ามือที่ยอดเยี่ยม!” นางเฒ่าอดมิได้ต้องร้องชมเชยสุดเสียง พร้อมกับสะบัดฝ่ามือซ้ายขวาออกต้าน กระบวนท่านี้ดูเผินๆ เหมือนฟาดออกไปตรงๆ ดูทื่อสามัญยิ่ง หากแต่กลับซ่อนความแปรผันทับซ้อนจนเทพยดามิอาจคำนวณได้
บัดนี้ทั่วอาณาบริเวณพร่างพรายไปด้วยพยุหะฝ่ามือ แลเห็นเงาสองร่างเคลื่อนไหวไปมาดุจภูตพราย สุดปัญญาที่สายตาปุถุชนธรรมดาจะมองเห็นได้ บุรุษหนุ่มรับศึกหนักจนเหงื่อโทรมกาย แต่ละฝ่ามือของนางปีศาจเฒ่ายิ่งมายิ่งร้ายกาจ ความอำมหิตในแต่ละฝ่ามือยิ่งเพิ่มขึ้น มาดแม้นบุรุษหนุ่มประมาทเพียงชั่วเสี้ยววินาที ใยมิใช่ต้องจบชีวิตภายใต้เงื้อมือนางมารเฒ่าผู้นี้เชียวหรือ?!
เพียงชั่วหม้อข้าวเดือดทั้งสองถึงกับเค้นฝีมือปะทะไปถึงสองร้อยกระบวนท่า ฉับพลันนั้นเองเฒ่าคำรามลั่นดั่งฟ้าร้อง มือขวากระแทกเข้าที่หน้าอกบุรุษหนุ่ม นางถึงกับตัดสินใจไม้ตายสูงสุดยอดออกมา!!
บุรุษหนุ่มอดมิได้ต้องร้องด้วยความตื่นตระหนก ช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย ประกายตาชายหนุ่มพลันเจิดจ้า พริบตาที่รวดเร็วยิ่งกว่าประกายไฟ ดาบข้างเอวก็พลันบรรลุอยู่ในมือบุรุษหนุ่ม ชายหนุ่มสะบัดดาบออกไปต้านรับอย่างหักโหม เงาดาบพลันกระจายเต็มฟากฟ้า รวดเร็วยิ่งกว่าอัสนีบาตฟาดเปรี้ยง เพลงดาบที่ปล่อยออกมาทีหลังกลับบรรลุถึงก่อนฝ่ามืออำมหิตของนางมาร!!
เงาดำสองร่างที่ยืนประจันหน้าอยู่ เงาหนึ่งค่อยๆ ทรุดฮวบลงกองกับพื้น บัดนี้นางมารได้สิ้นชีพภายใต้ดาบเดียวของบุรุษหนุ่ม กระบวนท่าเดียวมิมีผู้ใดต้านรับได้ในแดนดิน เป็นกระบวนท่าที่ง่ายดายและสามัญยิ่ง แต่กลับมีความเร็วดาบปานเทพยดา นับเป็นเพลิงดาบที่เลิศพบจรดแดน บุรุษหนุ่มถึงกับฝึกได้ถึงขั้นรวมดาบกับใจให้เป็นหนึ่ง ปล่อยออกรั้งเข้าดั่งใจ
ชายหนุ่มกระหยิ่มยิ้มย่องในชัยชนะของมัน ก้าวเท้าผ่านร่างไร้วิญญาณที่ทอดกายนอนเหยียดพื้น แล้วเข้าสู่ตัวปราสาทที่ตั้งเด่นเป็นสง่า ผ่านห้องหับมากมายขึ้นบันใดไปสู่ห้องบรรทม ณ ที่แห่งนั่น องค์หญิงผู้ที่คนทั่วแดนดินต่างยกย่องว่ามีความงามเป็นเลิศหาดรุณีใดเปรียบ องค์หญิงผู้นิทรารมณ์มานานแสนนาน รอคอยผู้กล้าวรยุทธเลิศล้ำสุดสูงมาบรรจงจูบเพื่อปลดปล่อยพิษร้าย
ชายหนุ่มเหม่อมององค์หญิงอย่างตกตะลึง ใบหน้านางงดงามหมดจดยิ่ง ผิวพรรณขาวเนียนราวกับหยกขาวชั้นดี ริมฝีปากก็สีชมพูอวบอิ่มราวกลีบบุบผาแรกแย้มรอคอยการประทับจูบ เขาค่อยๆ โน้มตัวลงหาดรุณีผู้งดงามอย่างเคลิบเคลิ้ม
แต่แล้วบุรุษหนุ่มกลับทำสิ่งที่มิมีผู้ใดคาดถูก อีกแค่เพียงไม่กี่นิ้วที่ริมฝีปากก็จะประทับไปบนกลีบบุบผางามหยาดเยิ้ม บุรุษหนุ่มกลับชะงักไว้เพียงแค่นั้น แล้วแย้มยิ้มอย่างเซื่องซึมราวกับคนโง่ พลันหันหลังกลับไปโดยมิเหลือบแลองค์หญิงอีกเลย เพราะเหตุใดเล่าจึงเป็นเช่นนี้?!
องค์หญิงที่ดูเหมือนหลับไหลมิได้สติอยู่นั้น พลันลืมตาและกระโดดผางออกจากเตียง รีบเรียกชายหนุ่มที่กำลังออกไปจากห้อง
“ไฮ้! ไฉนท่านถึงไม่จูบข้าพเจ้า ข้าพเจ้านอนรอบุรุษเช่นท่านมาเนิ่นนานแล้ว ท่านที่อุตสาหะเพียรพยายามจนเอาชนะนางมารเฒ่าผู้มีวรยุทธสูงเป็นอันดับหนึ่งแห่งบู๊ลิ้มได้ หากท่านจูบข้าพเจ้าปลุกข้าพเจ้าจากนิทรา แล้ววิวาห์เคียงคู่กับข้าพเจ้า ดินแดนแถบนี้จักตกเป็นของท่านทันที แล้วไฉนท่านจึงละทิ้งโอกาสนี้ไปเสียเล่า ข้าพเจ้ามิอาจเข้าใจท่านเลยจริงๆ”
ชายหนุ่มหมุนกายพลางมองใบหน้างามและเยาว์วัยขององค์หญิงซึ่งบัดนี้มึนตึงด้วยความไม่พอใจ บุรุษหนุ่มจึงกล่าววาจาอย่างแช่มช้าแต่แจ่มชัดว่า
“ข้าพเจ้าอยากจะจูบท่าน อยากเคียงคู่กับสาวงามอย่างท่านจริงๆ เพียงแต่ที่ข้าพเจ้าต้องออกไปจากห้องนั้น ก็เพราะข้าพเจ้าจะออกไปหายาสีฟันแปรงสีฟันให้แก่ท่านต่างหาก!! เพราะท่านนอนมาเนิ่นนานฟันก็มิได้แปรง กลิ่นชิวหาท่านข้าพเจ้ามิอาจทนรับได้ แล้วจะให้ข้าพเจ้าหักใจจูบท่านได้เยี่ยงไร?!!”
กล่าวจบบุรุษหนุ่มพลับบีบปลายนาสิกเข้าหากัน แล้วไปโก่งคออาเจียนออกนอกหน้าต่าง อ้วก~~~~~~~~!!!!
ความคิดเห็น