ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่องสั้น/นิยายเก่าๆ ของ Black back

    ลำดับตอนที่ #4 : เรื่องสั้น เจ้าหญิงนิทรา (เวอร์ชั่นพิสดาร)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 460
      0
      30 มิ.ย. 51


    อาทิตย์สนธยาใกล้ลาลับ   แสงสุริยาอ่อนจางลากเงาให้ทอดยาวไป  เสียงฝีเท้าม้าดังกุบกับ  ปรากฏม้าพ่วงพีตัวหนึ่งเดินมาช้าๆ  ผู้นั่งบนหลังม้าสีกะเลียวใบหน้าคมคายสะคราญ  เป็นบุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์บุคลิกองอาจดุจมังกรในหมู่มวลมนุษย์    อาภรณ์ที่ใส่ก็สูงค่าจนบรรดากงจื้อมหาเศรษฐียังไม่มีปัญญาจะหาซื้อ  บุรุษหนุ่มรูปงามแหงนหน้าทอดตาไปยังปราสาทรกร้าง   บนใบหน้าฉาบไว้ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า     พลางคำนึงขึ้นในใจว่า

    “องค์หญิงน้อยนิทรารอผู้กล้ามาหลายปีแล้ว  อีกทั้งนางเฒ่าโสโครกคอยเฝ้าขวางทางมิให้ผู้ใดเข้าไป  ตัวมันเป็นที่เลื่องลือกันทั่วว่ามีวรยุทธสูงส่งลึกล้ำจนสุดจะหยั่งคาดคะเน  เราแม้นวรยุทธไม่ถือว่าเป็นเอกอุในแดนดิน  แต่ก็พูดได้เต็มปากว่าพอมีปัญญาท่องไปได้สุดหล้า  กำจัดคนพาลในวงนักเลงมาก็มาก  ทั้งวรยุทธสูงต่ำทั้งเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวต่างก็สิ้นภายใต้คมดาบให้แก่เรา  น่าจะพอพิชิตเอาชัยและสามารถเข้าไปช่วยดรุณีน้อยนางนี้ได้เป็นมาดมั่น”

    จันทร์เสียวเริ่มอวดโฉมแล้ว  บุรุษหนุ่มมิอาจรั้งรอได้  กระตุกบังเหียนให้อาชาคู่ใจโผนทะยานเข้าไปในป่าใหญ่ที่ขวางหน้าปราสาทโดยพลัน  ลมเย็นปะทะผ่านทางเบื้องหน้า  ความมืดปกคลุมไปทั่ว  แต่บุรุษหนุ่มมินำพากลับห้อม้าฝ่าเข้าไปมิหวั่นเกรง 

    ที่แท้บุรุษหนุ่มรูปงามผู้นี้เป็นถึงองค์รัชทายาทอันเกริกไกรแห่งก๊กทางตอนเหนือ  มันได้ยินมาว่าบริเวณอาณาจักรใหญ่ทางภาคกลางมีเรื่องราวหนึ่งเป็นที่น่าตื่นตระหนก  ปีแอ๋แห่งอาณาจักรนี้มีบุตรีสะคราญปานหยาดฟ้า  เป็นที่กล่าวขวัญถึงไปทั่วทั้งแดนดิน  มิมีสาวงามใดเทียบนางได้แม้แต่น้อย  หากแต่นางกลับมีโชคชะตาอาภัพนัก 

    ขณะที่ยังเป็นทาริกาน้อยแบเบาะ  ปีแอ๋ได้เชิญบรรดาไพร่ฟ้ามาร่วมอวยพรในงานวันเกิด  และอีกทั้งได้เชิญนางฟ้ามาประทานพรแก่บุตรีสุดรัก  ซึ่งแต่ละองค์ต่างประทานพรแก่ทาริกาให้ผิวขาวเนียนผุดผ่องดั่งเย้ยให้หิมะได้อาย  ให้รูปโฉมงดงามเป็นที่หนึ่งแผ่นดิน  ให้ผมยาวดำสลวยเรียบลื่นดุจราตรีกาล  แต่ขณะที่รอนางฟ้าองค์สุดท้ายมาประทานพรนั้น  กลับปรากฏนางเฒ่าผู้หนึ่งก้าวออกมาจากหมู่ชนแล้วชี้หน้าด่าว่า

    “ประเสริฐ  ประเสริฐมาก  ปีแอ๋ท่านเชิญนางฟ้าพวกนี้มาเพื่อให้พรแก่ทาริกาน้อย  แต่กลับไม่ยอมชวนผู้เฒ่าที่ดำรงอยู่สูงสุดในบู๊ลิ้ม  อย่างนั้นเช่นนี้เถิดนางเฒ่าแก่ๆ อย่างเราจักประทานพรให้แก่มันสักครา  หากทาริกาน้อยเติบใหญ่เป็นโกวเนี้ยงามสะคราญเมื่อไร  มันจะต้องถูกเข็มปั่นผ้าอาบพิษน่ำตงโง้วตั๊กถึงแก่ความตาย”

    นางมารเฒ่าหัวเราะร่าพุ่งวาบเหินลอยออกไปโดยพลัน เพียงชั่วพริบตาก็หายไปในคลองจักษุ  วิชาตัวเบาของนางนับว่าน่าแตกตื่นสะท้านโลกยิ่งนัก   ผู้คนต่างตะลึงงันอ้าปากค้าง  ชั่วชีวิตนี้ไหนเลยจะได้พบเห็นวิชาตัวเบาที่นับได้ว่าเลิศล้ำพิสดารนับตั้งแต่โบราณกาลควบคุมจวบจนปัจจุบันอย่างนางเฒ่าผู้นี้ 

    หลังเงาร่างนางปีศาจเฒ่าลาหายไปแล้ว  ทั่วทั้งท้องพระโรงพากันตกอยู่ในความโศกเศร้า  ต่างคนต่างรู้ดีว่าคำสาปของนางร้ายกาจเพียงใด  แต่ทว่าในความมืดมิดหากยังคงมีแสงสว่างอยู่เสมอ  นางฟ้าองค์สุดท้ายที่ยังไม่ได้ประทานพรก็ก้าวออกมา  นางได้ประทานพรให้แก่ทาริกาน้อยว่า

    “แม้ว่าคำสาปของนางมารจะร้ายกาจ  แต่มันกลับไม่แสดงผลตามที่นางหวัง  ดรุณีน้อยจะเพียงแค่หลับไปเท่านั้น  และรอคอยให้บุรุษหนุ่มผู้เก่งกล้าองอาจดุจราชสีห์  วรยุทธสุดสูงเหนือล้ำผู้ใดในแดนดิน  จะกำจัดนางมารเฒ่าและบรรจงจูมพิศนางให้ฟื้นจากนิทรา”

     นี่คือเรื่องราวที่ชายหนุ่มได้ยินมา  มิอาจทราบได้ว่าบัดนี้มีจำนวนผู้กล้าเท่าใดแล้ว  ที่อาจหาญเผชิญหน้าต่อสู้ห้ำหั่นกับนางมารเฒ่า  และยิ่งมิอาจคำนวนได้เลยว่ามีกี่ซากศพแล้วที่นอนทอดร่างอยู่ในป่าแห่งนี้   ชายหนุ่มบังเกิดความหนาวเหน็บในจิตใจ  หรือว่าเขาต้องเอาชีวิตมาทิ้งในที่แห่งนี้ทั้งๆ ที่เยาว์วัย

    เมื่อบรรลุถึงหน้าปราสาท  เสียงหนึ่งพลันแทรกเข้ามาทำลายความเงียบให้มลายไป  ชายหนุ่มตื่นตระหนกจนหน้าเปลี่ยนสี  เพราะเสียงนั้นแกร่งกร้าวกังวาลจนแมกไม้สั่นไหว  บ่งบอกถึงกำลังภายในที่บรรลุจนถึงขั้นสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

    “มีทารกหนุ่มเข้ามารนหาที่ตายอีกแล้ว  ดีๆ เป็นที่น่าพอใจแก่เล่าฮูยิ่งนัก  ดูซิว่าเจ้าจะรับมือเราได้กี่กระบวนท่า”

    ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น  จึงเกร็งกำลังภายในตระเตรียมไว้อย่างระมัดระวัง  พลันตวาดออกไปว่า

    “นางเฒ่าที่แสนร้ายกาจ  มิต้องพิรี้พิไรไป  ท่านโปรดยื่นคอออกมารับคมดาบข้าพเจ้าเสียโดยดี”

    นางเฒ่าได้รับฟังเสียงพลันหัวใจสะท้านไหวจนต้องนิ่งคิดไป  ชายหนุ่มผู้นี้แตกต่างจากที่แล้วๆ มา  แต่ละคำพูดผสานด้วยพลังภายในเข้มแข็งยิ่ง  ลักษณะท่าทางชวนให้ใครต่อใครต่างยินยอมสยบแทบเท้า   อีกทั้งอาภรณ์สวมใส่ก็หรูหราให้รำคาญตายิ่ง  ความเป็นมาของชายหนุ่มผู้นี้คงไม่ธรรมดายิ่งแล้ว  นับว่าเป็นคู่มือที่ยากจะพบพาน

    ทันใดเงาสายหนึ่งพุ่งลงมาจากเบื้องบนดุจเกาทัณฑ์  เสียงครืนๆ ดังลั่นปานฟ้าถล่ม  เหนือศีรษะชายหนุ่มบังเกิดแรงกดดันไร้สภาพขึ้นมาขุมหนึ่ง  ที่แท้นางมารเฒ่าได้ซัดฝ่ามือหนึ่งออกมาแล้ว  พลังฝ่ามือนี้เป็นที่น่าแตกตื่นยิ่ง  อย่างน้อยๆ พลังที่กดทับลงมาต้องมีน้ำหนักมิน้อยกว่าพันชั่งเป็นแน่!!

    ดาบข้างเอวมิทันชัก  ชายหนุ่มก็กู่ร้องพร้อมกับสะบัดมือออกต้านด้วยท่าฝ่ามือพิฆาตมังกร  ซึ่งเป็นวิชาประจำตระกูลที่สืบทอดแต่ในราชนิกูลเท่านั้น  พลังลมหมุนวนจากล่างขึ้นสู่เบื้องสูงทะลักแผ่พุ่งเข้าหา  สองฝ่ามือหนึ่งเยาว์วัยหนึ่งเฒ่าชราแต่มากประสบการณ์และพลังฝึกปรือเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด

    โครม!  หลังปะทะนางมารพลิ้วตัวลอยออกไป  ร่างชายหนุ่มสะท้านเฮือก  ลมปราณตีกลับจนขัดข้องในอก  สีหน้าบัดเดี๋ยวแดงก่ำบัดเดี๋ยวซีดเผือด  แอบลอบคิดคำนึงในใจ  พลังภายในของนางเฒ่าร้ายกาจยิ่ง  หากเรามิได้เตรียมพร้อมเกร็งพลังขึ้นมาล่วงหน้า  มิฉะนั้นเราคงหยิบยื่นชีวิตให้แก่มันเป็นแน่แท้

    ส่วนนางเฒ่าหลังจากปะทะกับบุรุษหนุ่มตรงหน้าแล้วก็อดลอบตื่นตระหนกมิได้  นางซึ่งคำนวณไว้อย่างแม่นยำลอบจู่โจมออกไปอย่างรวดเร็ว  ชิงความได้เปรียบในทุกประตู  ฝ่ามือที่ใช้ออกไปก็ด้วยการผนึกกำลังลมปราณถึงสิบส่วน  ถึงกับมิอาจมีปัญญาหักหาญมันลงได้  แถมบุรุษหนุ่มยังสามารถโต้กลับมาได้อีกหนึ่งกระบวนท่า   นับเป็นคลื่นลูกหลังอายุเยาว์ที่ไล่แซงชนรุ่นปรมจารย์ได้อย่างน่ากลัว

    ชายหนุ่มเค่นเสียงแล้วพุ่งกายออกจากหลังม้า  เพียงถีบตัวออกไปคราเดียวก็พุ่งปราดไปไกลถึงสิบกว่าวาราวกับปักษาถลาเหยื่อ  พลางสะบัดฝ่ามือออกไปด้วยท่ามังกรย่างก้าว  เงาฝ่ามือพลันเหมือนแยกจากหนึ่งเป็นสอง  จากสองเป็นสี่  จากสี่เป็นแปด  จากแปดเป็นเท่าทวี  เงาฝ่ามือหนาแน่นจู่โจมอย่างไร้ปรานี 

    “ฝ่ามือที่ยอดเยี่ยม!” นางเฒ่าอดมิได้ต้องร้องชมเชยสุดเสียง  พร้อมกับสะบัดฝ่ามือซ้ายขวาออกต้าน  กระบวนท่านี้ดูเผินๆ เหมือนฟาดออกไปตรงๆ ดูทื่อสามัญยิ่ง  หากแต่กลับซ่อนความแปรผันทับซ้อนจนเทพยดามิอาจคำนวณได้   

    บัดนี้ทั่วอาณาบริเวณพร่างพรายไปด้วยพยุหะฝ่ามือ  แลเห็นเงาสองร่างเคลื่อนไหวไปมาดุจภูตพราย  สุดปัญญาที่สายตาปุถุชนธรรมดาจะมองเห็นได้    บุรุษหนุ่มรับศึกหนักจนเหงื่อโทรมกาย   แต่ละฝ่ามือของนางปีศาจเฒ่ายิ่งมายิ่งร้ายกาจ  ความอำมหิตในแต่ละฝ่ามือยิ่งเพิ่มขึ้น  มาดแม้นบุรุษหนุ่มประมาทเพียงชั่วเสี้ยววินาที  ใยมิใช่ต้องจบชีวิตภายใต้เงื้อมือนางมารเฒ่าผู้นี้เชียวหรือ?!

    เพียงชั่วหม้อข้าวเดือดทั้งสองถึงกับเค้นฝีมือปะทะไปถึงสองร้อยกระบวนท่า  ฉับพลันนั้นเองเฒ่าคำรามลั่นดั่งฟ้าร้อง   มือขวากระแทกเข้าที่หน้าอกบุรุษหนุ่ม  นางถึงกับตัดสินใจไม้ตายสูงสุดยอดออกมา!!

    บุรุษหนุ่มอดมิได้ต้องร้องด้วยความตื่นตระหนก  ช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย  ประกายตาชายหนุ่มพลันเจิดจ้า    พริบตาที่รวดเร็วยิ่งกว่าประกายไฟ  ดาบข้างเอวก็พลันบรรลุอยู่ในมือบุรุษหนุ่ม  ชายหนุ่มสะบัดดาบออกไปต้านรับอย่างหักโหม  เงาดาบพลันกระจายเต็มฟากฟ้า  รวดเร็วยิ่งกว่าอัสนีบาตฟาดเปรี้ยง   เพลงดาบที่ปล่อยออกมาทีหลังกลับบรรลุถึงก่อนฝ่ามืออำมหิตของนางมาร!!

    เงาดำสองร่างที่ยืนประจันหน้าอยู่  เงาหนึ่งค่อยๆ ทรุดฮวบลงกองกับพื้น  บัดนี้นางมารได้สิ้นชีพภายใต้ดาบเดียวของบุรุษหนุ่ม  กระบวนท่าเดียวมิมีผู้ใดต้านรับได้ในแดนดิน เป็นกระบวนท่าที่ง่ายดายและสามัญยิ่ง  แต่กลับมีความเร็วดาบปานเทพยดา  นับเป็นเพลิงดาบที่เลิศพบจรดแดน  บุรุษหนุ่มถึงกับฝึกได้ถึงขั้นรวมดาบกับใจให้เป็นหนึ่ง  ปล่อยออกรั้งเข้าดั่งใจ

     ชายหนุ่มกระหยิ่มยิ้มย่องในชัยชนะของมัน  ก้าวเท้าผ่านร่างไร้วิญญาณที่ทอดกายนอนเหยียดพื้น  แล้วเข้าสู่ตัวปราสาทที่ตั้งเด่นเป็นสง่า  ผ่านห้องหับมากมายขึ้นบันใดไปสู่ห้องบรรทม  ณ ที่แห่งนั่น  องค์หญิงผู้ที่คนทั่วแดนดินต่างยกย่องว่ามีความงามเป็นเลิศหาดรุณีใดเปรียบ      องค์หญิงผู้นิทรารมณ์มานานแสนนาน  รอคอยผู้กล้าวรยุทธเลิศล้ำสุดสูงมาบรรจงจูบเพื่อปลดปล่อยพิษร้าย 

     ชายหนุ่มเหม่อมององค์หญิงอย่างตกตะลึง ใบหน้านางงดงามหมดจดยิ่ง  ผิวพรรณขาวเนียนราวกับหยกขาวชั้นดี  ริมฝีปากก็สีชมพูอวบอิ่มราวกลีบบุบผาแรกแย้มรอคอยการประทับจูบ  เขาค่อยๆ โน้มตัวลงหาดรุณีผู้งดงามอย่างเคลิบเคลิ้ม 

     แต่แล้วบุรุษหนุ่มกลับทำสิ่งที่มิมีผู้ใดคาดถูก  อีกแค่เพียงไม่กี่นิ้วที่ริมฝีปากก็จะประทับไปบนกลีบบุบผางามหยาดเยิ้ม  บุรุษหนุ่มกลับชะงักไว้เพียงแค่นั้น  แล้วแย้มยิ้มอย่างเซื่องซึมราวกับคนโง่  พลันหันหลังกลับไปโดยมิเหลือบแลองค์หญิงอีกเลย  เพราะเหตุใดเล่าจึงเป็นเช่นนี้?!

     องค์หญิงที่ดูเหมือนหลับไหลมิได้สติอยู่นั้น  พลันลืมตาและกระโดดผางออกจากเตียง  รีบเรียกชายหนุ่มที่กำลังออกไปจากห้อง

     “ไฮ้! ไฉนท่านถึงไม่จูบข้าพเจ้า  ข้าพเจ้านอนรอบุรุษเช่นท่านมาเนิ่นนานแล้ว  ท่านที่อุตสาหะเพียรพยายามจนเอาชนะนางมารเฒ่าผู้มีวรยุทธสูงเป็นอันดับหนึ่งแห่งบู๊ลิ้มได้  หากท่านจูบข้าพเจ้าปลุกข้าพเจ้าจากนิทรา  แล้ววิวาห์เคียงคู่กับข้าพเจ้า  ดินแดนแถบนี้จักตกเป็นของท่านทันที  แล้วไฉนท่านจึงละทิ้งโอกาสนี้ไปเสียเล่า    ข้าพเจ้ามิอาจเข้าใจท่านเลยจริงๆ”

     ชายหนุ่มหมุนกายพลางมองใบหน้างามและเยาว์วัยขององค์หญิงซึ่งบัดนี้มึนตึงด้วยความไม่พอใจ   บุรุษหนุ่มจึงกล่าววาจาอย่างแช่มช้าแต่แจ่มชัดว่า

     “ข้าพเจ้าอยากจะจูบท่าน  อยากเคียงคู่กับสาวงามอย่างท่านจริงๆ  เพียงแต่ที่ข้าพเจ้าต้องออกไปจากห้องนั้น  ก็เพราะข้าพเจ้าจะออกไปหายาสีฟันแปรงสีฟันให้แก่ท่านต่างหาก!!  เพราะท่านนอนมาเนิ่นนานฟันก็มิได้แปรง  กลิ่นชิวหาท่านข้าพเจ้ามิอาจทนรับได้  แล้วจะให้ข้าพเจ้าหักใจจูบท่านได้เยี่ยงไร?!!” 

     กล่าวจบบุรุษหนุ่มพลับบีบปลายนาสิกเข้าหากัน  แล้วไปโก่งคออาเจียนออกนอกหน้าต่าง  อ้วก~~~~~~~~!!!!


      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×