ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่องสั้น/นิยายเก่าๆ ของ Black back

    ลำดับตอนที่ #15 : พี่ชาย/น้องสาว แต่ไม่ได้มาจากดาวดวงเดียวกัน!? ภาค 1 บทที่ 8

    • อัปเดตล่าสุด 8 ส.ค. 51


    คอนเสิร์ตของวง 4play จัดขึ้นที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี สถานที่จัดแสดงอันใหญ่โต เคยรองรับคอนเสิร์ตของนักร้องต่างประเทศระดับโลกมาแล้ว ช่วงบ่ายแก่ๆ แดดร่มลมตก ด้านนอกอาคารมีแต่ฝูงชน ทั้งวัยรุ่น วัยไม่รุ่น ทั้งหญิงและชาย เป็นจำนวนเกือบหมื่นคน ต่างรอเวลาที่ประตูจะเปิด หนูยีกับเพื่อนๆ มองดูผู้คนที่ละลานตาโดยอยู่รอบบริเวณ บ้างก็กำลังจับกลุ่มคุยกันระหว่างแฟนคลับ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลอัพเดทข่าวคราว บ้างก็กำลังนั่งสุมหัวทำคัตเอ้าท์ชื่อวงกันมือเป็นระวิง

     “คนเยอะจังเลยนะ พวกแฟนเพลงวงนี้นี่เยอะจริงๆ”

     โยโกะบ่นกระปอดกระแปดเป็นหมีกินผึ้ง พลางเอาพัดกระดาษรูปหน้าสมาชิกในวงพัดพั่บๆ เธอไม่ค่อยได้ติดตามผลงานของวงนี้เท่าไหร่

     “ใช่ คงมากันจากทั่วสารทิศนั่นแหละ บัตรถึงได้หายากมากๆ และก็ราคาแพงมากๆ ไง แต่พวกเรานี่โชคดีเนอะ ที่มีโยโกะอยู่ด้วย ถึงได้บัตรมาฟรีๆ”

     จอยมีสีหน้าปลาบปลื้ม

     “ไม่ใช่แค่นั้นนะจอย” เบลว่า และก็หยิบบัตรขึ้นมาดู “แถมยังได้อยู่ในโซนหน้าสุดอีกด้วย ทีนี้ก็จะได้เห็นหน้าทั้งวงชัดๆ ไปถึงสิวเลย!”

     เดชเด็กหนุ่มคนเดียวในกลุ่มก็บ่นขึ้นว่า

     “เวอร์ไปแล้วเบล.. ว่าแต่เมื่อไหร่เค้าจะเปิดให้เข้าซักทีเนี่ย นี่มันเลยเวลามาแล้วนะ”

     “ใจเย็นๆ สิ เดี๋ยวก็ได้เข้าไปแล้วล่ะน่ะ ก็แหม.. นักร้องนำดันมาช้านี่จ๊ะ เอ..เป็นเพราะอะไรน้า.. หนูยีรู้ป่ะๆ?”

     เบลแกล้งทำเป็นถาม พลางเอาศอกกระทู้สีข้างหนูยีเบาๆ

     “มะ ไม่รู้สิ ไม่เกี่ยวกับยีซักหน่อยนึง”

     “ให้มันจริงเหอะ ไม่ใช่ว่ามาสายเพราะมัวแต่ไปรอรับสาวน้อยที่ไหนก็ไม่รู้อยู่หรอกเรอะ หุหุ”

     เบลกระเซ้ารู้ทัน ทำให้เพื่อนๆ แก๊งน้ำแข็งใสหัวเราะกันใหญ่

     ก็อย่างที่เพื่อนของเธอบอกนั่นละ พี่นิคไปรับยีถึงบ้าน และกว่าจะนั่งแท็กซี่มาถึงก็สายกว่ากำหนดไปร่วมครึ่งชั่วโมง พี่นิคก็เลยโดนผู้จัดการสวดใหญ่ ก่อนจะไล่ให้เขาไปแต่งหน้าแต่งตัว หนูยีจึงขอตัวออกมาจากหลังเวที และไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่ตามมาถึงทีหลัง

     สิบนาทีต่อมา ประตูทุกด้านก็เปิดออก พวกแก๊งน้ำแข็งใสยกโขยงตามหลังผู้คนกลุ่มใหญ่เข้าไป สต๊าฟคอนเสิร์ตตรวจดูตั๋ว แล้วให้พวกเขาไปยืนออกันที่แถบหน้าสุดติดเวที เวทีนั้นจัดสร้างอย่างใหญ่โต ตกแต่งด้วยทีวีโปรเจ็คเตอร์ และอุปกรณ์ไฟต่างๆ ไว้อย่างตระการตา

     ผู้คนเริ่มเบียดกันเข้ามามากขึ้นจากด้านหลัง เสียงจ้อกแจ้กอืออึงอยู่รอบตัวเหมือนผึ้งแตกรัง สีหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและรอคอยคอนเสิร์ตใหญ่ ของนักร้องวงที่โด่งดังที่สุดในตอนนี้

     “หนูยีเกาะพวกเราไว้ดีๆ นะ ระวังอย่าให้คนอื่นๆ มาเบียดเธอหายไปไหนล่ะ”

     โยโกะกล่าวพร้อมกับจับมือขวายีไว้

     “เธอเห็นเวทีนะยี ไม่โดนบังนะ”

     คราวนี้เป็นจอยถาม เด็กสาวตัวเล็กๆ อย่างหนูยีแทบจะจมหายไปกับฝูงชนที่อัดกันเข้ามาเป็นปลากระป๋อง

     “อืม..”

     “และก็ระวังอย่าให้ผู้ชายมาแต๊ะอั๋งล่ะรู้มั้ย”

     โยโกะสำทับอีกรอบ ขณะที่เธอกำลังส่งสายตาขุ่นๆ ไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้หงอไป

     “อ๊ะ อืม..”

     ตอนนี้หนูยีทั้งตื่นเต้นทั้งประหม่า ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เกิดมาก็เพิ่งเคยมาคอนเสิร์ตเป็นครั้งแรก

     มีผู้หญิงคนหนึ่งเบียดเธอมาทางด้านซ้าย ยีที่ตัวเบาอยู่แล้วก็เลยเซแท่ดๆ แถมยังมาเหยียบรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่อีกต่างหาก หนูยีหน้านิ่ว แทนที่หล่อนจะขอโทษ กลับโวยว่า

     “ระวังหน่อยสิยะ อย่ามาเบียด นี่ของเฟอรากาโม่นะ”

     ยีหันไปมองอย่างโมโห แต่พอเห็นหน้าของหล่อนเต็มตา เธอก็ร้องว่า

     “พี่ครีมนี่! มาได้ไงคะเนี่ย!?”

     “ว้ายตาย! น้องหนูยีนี่นา มาดูคอนเสิร์ตเหมือนกันเหรอคะ เอ่อเมื่อกี้พี่ขอโทษนะที่เหยียบเท้าไป”

     “ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่พี่ครีมมาคนเดียวหรือมากับเพื่อนๆ คะ?”

     “ให้ทายๆ อิอิ”

     หนูยีทำแก้มป่อง เอ..

     “ไม่ต้องทายให้เสียเวลา ครีมมากับพี่เอง”

     เสียงห้าวแห้งแล้งแบบนี้คุ้นๆ –“-

     “พี่นนท์!”

     สาวน้อยร้องเสียงหลง ทำเอาเพื่อนๆ หันมากันหมด โยโกะพอเห็นว่าคนที่อยู่อีกด้านของยีเป็นครีมเน่าคู่ปรับ เธอก็ชักสีหน้าเครียดทันที

     นนท์เขยิบเข้ามาจนชิดครีม ยีหงุดหงิดขึ้นมา และเมื่อเห็นว่าพี่ชายกุมมือครีมอยู่ เธอก็ทำหน้างอ

     “มากันครบเซ็ตเลยนะน้องๆ”

     นนท์พูดเสียงเรียบๆ ตามสไตล์ สายตาชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นโยโกะ

     “นั่นสิคะ มากันครบเลย”

     ครีมพูดเสร็จก็ตวัดสายตาไปทีละคนๆ บนลงล่าง แล้วมาหยุดที่โยโกะ

     “ไม่ได้เจอกันนาน เลยนะน้องโยโกะ หุ่นยังบึ้บบั้บเซ็กซี่เหมือนเดิม”

     ดาวม.5 กล่าวลากเสียงที่เย็นเหมือนน้ำแข็ง สายตาก็ไม่เป็นมิตร

     “อ๋อค่ะ ส่วนพี่ครีมก็ยังสวยใส (ไร้สติ) เหมือนเคยนะคะ”

     โยโกะโต้กลับ ก่อนจะละสายตาไปยังนนท์

     “สวัสดีค่ะพี่ โยโกะนึกไม่ถึงว่าพี่นนท์จะมาดูคอนเสิร์ตแบบนี้ด้วย หนูนึกว่าพี่จะชอบฟังแต่ดนตรีคลาสสิกซะอีก”

     เด็กสาวแสนสวยหัวหน้าห้องจำตอนที่เธอเคยไปออกเดตกับเขาได้ดี นนท์เคยบอก

     “เอ่อ.. ก็ลองเปลี่ยนมาฟังแนวนี้ดูบ้างน่ะ อีกอย่างพอดีครีมเค้าสนใจอยากมาด้วย”

     “อ้อ..” โยโกะเหยียดยิ้ม (หรือจะแสยะยิ้มก็ได้) “ก็มีกิ๊กเก่าพี่ครีมแสดงนี่นะ ก็ต้องมาให้กำลังใจกันหน่อย”

     “นี่! พูดดีๆ นะ กิ๊กก่งกิ๊กเก่าอะไร ฉันแค่เคยแสดงมิวสิคให้เขาเท่านั้นเอง แฟนของฉันคือพี่นนท์ต่างหาก! และอีกอย่าง พี่นนท์เป็นคนชวนฉันมาคอนเสิร์ตนี้เองนะ!”

     ครีมหน้าแดง จ้องโยโกะเขม่ง

    หนูยีที่มัวแต่ดูสองสาวปะทะคารมก็ทำหน้าประหลาดใจ

     พี่นนท์ชวนพี่ครีมมา ทั้งๆ ที่ไม่ชอบฟังแนวนี้.. –“-

     และชวนมา ทั้งๆ ที่รู้เหมือนคนอื่นๆ ว่าครีมเคยคบกับพี่นิค.. –“-;

     แล้วเรื่องที่พี่นิคเคยได้คุยโทรศัพท์กับพี่นนท์อีกล่ะ.. –“-;;

     พี่เค้าต้องการอะไรกันแน่นะ ควงพี่ครีมมาเย้ยพี่นิค หรือว่าจะมาแกล้ง เพราะระแคะระคายว่ายีจะออกเดตกับพี่นิค?

     หนูยีมองหน้าพี่นนท์อย่างสงสัย แต่เขาทำเป็นไม่สนใจ และคอยแต่พูดคุยอยู่กับครีม ทำให้เธอเกิดความรู้สึกน้อยใจขึ้นมาในอก ริมฝีปากเม้นแน่น แต่แล้วยีก็รู้สึกได้ว่ามือของโยโกะที่กุมอยู่บีบแน่นเข้า โยโกะมองเข้าไปในดวงตาของยีและส่ายหน้าช้าๆ

     ทำไมน่ะโยโกะ เธอเข้าใจอะไรงั้นเหรอ..

     โยโกะกับครีมสงบศึกกันชั่วคราว เมื่อแสงไฟดับลงและสว่างพรึบพร้อมๆ กันเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่ม ไฟสปอร์ตไลท์สาดแสงสีส่องไปยังหนุ่มๆ วง4play แล้วทีวีจอยักษ์ก็ฉายใบหน้าหล่อเหลาของนิค ซึ่งมาพร้อมกับชุดหนังสีดำเท่ๆ กระชากใจ

     เสียงกีต้าร์ เบส และกลองเร่งเร้าอารมณ์คนฟังทั่วอิมแพ็คให้กระโดดโลดเต้นอย่างสุดมันส์ ผสมผสานกับเสียงร้องที่เปี่ยมไปด้วยพลังของนิค กระแทกกระทั้นเข้ามาราวน้ำป่า ช่วงเพลงช้าก็ร้องได้บาดลึกเข้าถึงจิตใจทุกผู้คน และตรึงให้มีอารมณ์ร่วมไปกับเพลงนั้นๆ กระตุ้นให้ทุกคนร่วมร้องตาม ประสานใจเป็นหนึ่งเดียว

     หนูยีลืมทุกสิ่งทุกอย่าง สายตาจับจ้องแต่นิคคนเดียวเท่านั้น ไม่สนใจแม่แต่สายตาคู่คมของพี่นนท์ที่เอาแต่คอยมองมาที่เธอ

    เวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว การแสดงจบลงไป แต่ทั่วทั้งอิมแพ็คยังไม่อิ่มหนำ แทบทุกคนตะโกนร้อง เอาอีกๆ จนวงต้องออกมาร้องเพลงแถมไปอีก 3 เพลงเต็มๆ แล้วนั่นแหละ บรรดาแฟนเฟลงถึงได้ตัดใจยอมเลิกแต่โดยดี

    แก๊งน้ำแข็งใสเดินออกมาด้านนอก แต่ละคนใบหน้าเอิบอิ่มไปด้วยความสนุกสนาน เสียงดนตรียังคงก้องกังวานอยู่ในหัว หนูยีไม่เคยรู้สึกสนุกตื่นเต้นอะไรแบบนี้มาก่อน ตลอดสองชั่วโมงที่ได้ฟังพี่นิคร้องเพลง ไม่รู้ว่าอุปทานไปเองหรือเปล่า เพราะสังเกตได้ว่าเขามองมาทางเธอบ่อยๆ

    แต่คิดๆ ดู หรือว่าพี่นิคจะมองพี่ครีมกันแน่นะ..งือ –“-

    หนูยีคิดอย่างกังวลขณะมองครีม ซึ่งกำลังเดินเคียงคู่จับมือถือแขนพี่นนท์อยู่ข้างหน้า

    เกาะกันเป็นตังเมเลย งึมงำๆ T.T

    ตกลงจะหึงพี่นนท์ หรือจะหวงตานิคกันแน่นะยัยบ๊อง!

    “เพื่อนๆ ยีขอตัวก่อนนะ นัดกับพี่นิคไว้ที่ด้านหลังเวทีน่ะ ไปละนะขอบใจมากที่มาดูเป็นเพื่อน”

    ทุกคนหันมา ไม่เว้นแต่พี่นนท์ แววตาของเขาดูดุเป็นบ้า

    “อะไรกันจ๊า คอนเสิร์ตเลิกปุ๊บก็จะเผ่นไปหาหนุ่มเลย หุหุ แต่ก็เข้าใจอะนะ ความรักกำลังเรียกหานี่เนอะ”

    จอยหยอกล้อ ไม่ได้จริงจังอะไรมากมาย แต่นั่นยิ่งทำให้สายตาพี่นนท์จับจ้องยีเขม่ง

    “งือ.. ไม่ใช่ซะหน่อย”

    ยีแก้ตัว ร้อนๆ หนาวๆ ไปหมด

    อย่ามองเค้าอย่างนี้สิ.. T.T

    “จะไปด้านหลังงั้นเหรอ เดี๋ยวพาไปเอง บังเอิญพี่ได้บัตรผ่านมาด้วย เพื่อนคุณพ่อที่เป็นผู้บริหารค่ายเพลงเขาให้มา”

    อยู่ดีๆ นนท์ก็พูดออกมา น้ำเสียงปกติธรรมดามาก แต่ก็สร้างความประหลาดใจแก่ยีเป็นล้นพ้น บังเอิญมีบัตรผ่านหลังเวทีงั้นเหรอ?

    ครีมยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่นานแล้วก็แย้งว่า

    “จะไปทำไมคะพี่นนท์ ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย ปล่อยน้องยีไปคนเดียวก็ได้นี่คะ ครีมว่าเราไปหาอะไรทานกันดีกว่า”

    “เอาน่า ไหนๆ ก็มีบัตรผ่านแล้ว และพี่เองก็อยากเจอนิคตัวจริงด้วยนะ เผื่อจะได้ขอลายเซ็น”

    นนท์แต่หลังมือครีมเบาๆ ดวงตาเป็นประกายวิบวับอย่างมีเลศนัย

    สาวสวยไม่ใคร่ชอบความคิดของเขานัก แต่สุดท้ายก็จำยอมเดินตามเขากับหนูยีไปโดยดี

    ยีรู้หรอกน่า พี่ครีมไม่อยากเจอหน้าพี่นิคใช่มั้ยล่ะ =__=


    นิคขบคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจจริงๆ กะไว้ว่าจะเดตกับน้องยีกันสองคน แต่ทำไมถึงกลายเป็นเดตคู่ไปเสียชิบ?!

    หะแรกก็ตกใจ เพราะน้องยีไม่ได้มาคนเดียว และอยู่ดีๆ ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาแสดงตัวว่าเป็นพี่ชาย  ไม่ถูกชะตาด้วยเลย นายคนนี้ท่าทางกร่างๆ กวนๆ น่าหมั่นไส้มาตั้งแต่ทางเข้าหลังเวทีแล้ว หลังจากที่แสดงบัตรผ่านอย่างถืออภิสิทธิ์ พร้อมทั้งกุมมือสาวสวยมาด้วย สาวอนงค์นางนี้ จำได้อย่างแม่นยำ และเผลอโพล่งเรียกชื่อเธอทันทีที่เห็นหน้า

    ครีม เด็กสาวคนที่เล่นมิวสิควีดีโอคู่กันเมื่อเดือนที่แล้ว และเคยคบกันอยู่ชั่วระยะหนึ่ง แต่เลิกกันไปเพราะนิสัยเข้ากันไม่ได้ รู้ดีว่าเธอเป็นคนหัวสูงทะเยอทะยาน  สำหรับนักร้องอย่างนิคแล้ว คงเป็นบันไดที่ปีนได้ไม่สูงมากนัก พักหลังได้ข่าวแว่วๆ ว่าเธอเจอบันไดที่จะทำให้ปีนได้สูงยิ่งกว่าเขา เลยเบนเข็มไปคบกับหนุ่มลูกเศรษฐีไฮโซแทน ถ้างั้นก็เป็นไอ้หมอนี่เอง แถมยังเป็นพี่ชายของน้องยีอีก โลกมันทั้งแคบทั้งกลมชะมัด!

    “สวัสดีครับคุณนิค วันนั้นได้ยินแต่เสียง ในที่สุดก็ได้เจอตัวจริงเสียที”

    นนท์ยืนมือมาให้เขาจับ และเหมือนจงใจแกล้งบีบมือเสียแรง

    “เช่นกันครับคุณนนท์ ผมล่ะแปลกใจจริงๆ และไม่นึกว่าคุณจะเป็นแฟนกับเธอด้วย”

    นิคทิ้งสายตาไปยังครีม ที่เอาแต่ไม่ยอมสบตาด้วย

    “ไม่ได้เจอกันนานนะ ไม่คิดจะทักทายเพื่อนเก่าอย่างผมซะหน่อยเหรอ?”

    “เอ้อหวัดดีนิค”

    ครีมอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง

    ที่จริงนิคไม่ได้ทิ้งเยื่อใยสักเส้นไว้ให้สาวคนนี้แล้วนะ แต่พอเห็นท่าทีของนนท์ ซึ่งทำเหมือนจะควงมาเย้ยเขาเสียอย่างนั้น มันทำให้ความหงุดหงิดเริ่มแผ่ซ่านไปตามกระแสเลือด

    เล่นลูกไม้นี้มา ข้าก็จะหาเรื่องแกล้งแกได้เหมือนกัน!

      คิดไปคิดมาหลังจากขอตัวไปเปลี่ยนชุดเสร็จ ก็เลยออกปากชวนไปออกเดตคู่ด้วยเสียเลย

     “จะดีเหรอคะให้พี่ชายหนูไปด้วย?”

     “ดีสิครับน้องยี ไปกันสี่คนท่าทางจะสนุกดีออก แล้วพี่ก็จะได้ทำความรู้จักกับพี่ชายน้องด้วย เผื่ออีกหน่อยผมอยากนัดน้องยีไปเที่ยวบ่อยๆ ก็จะได้ขออนุญาตคุณพี่ชายได้อย่างสะดวกโยธิน”

     นิคพูดจบก็หันไปส่งสายตายิ้มๆ กับนายนนท์

     “ถ้างั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณนิคแล้วล่ะครับ ว่าวันนี้จะปฏิบัติตัวดีกับน้องของผมแค่ไหน”

     จงใจเน้นคำว่า ‘ของผม’ ชัดเจนเชียวนะ หึๆ..

     “แต่ครีมว่าคงไม่เหมาะมั้งคะ ท่าทางน้องยีคงอยากไปกันนิคสองต่อสองมากกว่า”

     “เอ่อ.. ยียังไงก็ได้ค่ะ กลัวแต่พี่นนท์จะไม่มีใจอยากไปกับเราด้วยน่ะสิคะ”

     เด็กสาวเหล่สายตาไปยังพี่ชาย น้ำเสียงกึ่งตัดพ้อกึ่งประชดนิดๆ

     “ทำไมยีคิดว่าพี่ไม่อยากจะไปเล่า” นนท์เลิกคิ้ว “พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับนิคเยอะแยะเลยนะ ถ้าอย่างนั้นเราไปกันดีกว่านะ เดี๋ยวไปรถผมหมดนี่แหละ”

     ครีมอ้าปากแล้วชะงักไว้ หุบปากแล้วค้อนขวับกอดอกหันหลังให้ แต่ไม่วายส่งสายตาขุ่นเขียวมาที่นิคบ่อยๆ ขณะที่พวกเขาออกจากอิมแพ็คฯ จนกระทั่งถึงร้านอาหาร

     ร้านอาหารเรือนชานกลางสวน เป็นร้านไม่ใหญ่นัก แต่บรรยากาศน่านั่งสบายๆ ร้านอยู่ติดถนนใหญ่ ขับมาตามถนนแจ้งวัฒนะไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง ที่นี่มีลูกค้าต้องการมาลิ้มชิมรสและดื่มด่ำไปกับดนตรีเพลงแจ๊ส ซึ่งบรรเลงโดยนักดนตรีฝีมือดีทุกค่ำคืน นนท์ก็เลยต้องจอดรถไว้ชิดริมถนนไกลออกไปจากร้านหลายร้อยเมตร ทางเข้าร้านทำเป็นสะพานไม้ข้ามคลองเล็กๆ ต่อด้วยทางเดินปูด้วยอิฐแบนทับไปบนสนามหญ้าขจี ต้นจำปี จำปา ต้นแก้ว ต้นโมกปลูกครึ้มออกดอกส่งกลิ่นโชยชื่นกำจายไปทั่วบริเวณ ตัวร้านเป็นเรือนชาน ตามเสาและแนวรั้วไม้ประดับด้วยไฟสีเหลืองนวลอยู่ในโคมกระดาษสา พวกเขาเลือกที่นั่งทำเลดีบนเรือนพื้นไม้ หากมองขึ้นไปก็จะเห็นท้องฟ้าเปิดกว้าง เห็นดวงจันทร์กระจ่างลอยเท้งเต้งอยู่กลางฟากฟ้าสีน้ำเงินเข้ม

     “ร้านสวยจังเลยค่ะ พี่นิคนี่เลือกได้เก่งจัง”

     ยีเอ่ยปากชม นิคยิ้มแก้มปริ แม้นนท์จะเป็นฝ่ายขับรถ แต่เขาเองที่เป็นคนบอกทางมาร้านนี้

     “พี่มาบ่อยครับ ชอบบรรยากาศและดนตรีแจ๊สในสวน รับรองว่าไม่ผิดหวังครับร้านนี้ อาหารอร่อยมาก ปกติพี่ก็เป็นคนช่างเลือกอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอะไร ดังนั้นการันตีได้เลย”

     “นั่นสิคะ เลือกเก่งซะด้วย โดยเฉพาะเรื่องสาวๆ”

     ครีมที่นั่งหันหน้าเข้าหากันพูดลอยๆ แต่เขาไม่ถือสา

     “นั่นสิครับ ยิ่งสเป๊กของสาวที่ผมชอบด้วยแล้วล่ะก็.. อย่างน้องยีนี่..”

     นิคแกล้งทำเป็นชายตามองไปยังน้องยีคนนั่งข้างๆ ที่เอาแต่ดูนักดนตรี ซึ่งกำลังเตรียมอุปกรณ์อยู่

     “คะ?”ยีหันมา ทำหน้าก่งก๊ง

     “ไม่มีอะไรครับ ว่าแต่หนูยีอยากทานอะไรครับ สั่งเต็มที่เลย มือนี้ผมขอเป็นเจ้ามือเองนะ”

     เขาบอกพลางรับเมนูจากพนักงานเสิร์ฟ แล้วส่งให้หนูยีเลือกรายการอาหาร นิคสังเกตเห็นว่านนท์มองเขาอยู่ และทำตาหรี่ลง ก่อนที่จะหันไปเอาอกเอาใจครีม ชี้ชวนไปที่รูปสวยๆ ในเมนู

     อาหารเริ่มทยอยมา อย่างโป๊ะแตกหม้อไฟ ปลาหมึกนึ่งน้ำมะนาว กุ้งเทมปุระ ทอดมันปลากราย ออส่วนกระทะร้อน ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ปูอบวุ้นเส้นหม้อดิน เป็นต้น พอจานสุดท้ายวางครบบนโต๊ะ ดนตรีก็บรรเลงขึ้นทันที เพลงแจ๊สเป็นแนวดนตรีที่ผู้เล่นต้องใช้ลูกเล่นอย่างมาก เพราะไม่ได้บรรเลงเป็นคอร์ดเหมือนแนวอื่นๆ แจ๊สเกิดจากการสร้างสรรค์ท่วงทำนองขึ้นมาในขณะที่เล่นสดๆ เดี๋ยวนั้น ทั้งการใส่จังหวะเบสเสียงทุ้มต่ำแต่หนักแน่น การรัวนิ้วไปบนเส้นสายกีต้าร์ และการเป่าแซกโซโฟนที่ต้องใช้พลังปอดอันแข็งแกร่ง ผสานสร้างความงามล้ำทางดนตรีขึ้นมา  

     เด็กหนุ่มสาวทั้งสี่คนแม้ดื่มด่ำไปกับดนตรีและอาหารแสนโอชะ แต่กระนั้นบรรยากาศรอบโต๊ะก็ดูไม่ชื่นมื่นนัก แม้แต่ละคู่จะดูเหมือนสวีทกันหวานแหวว นิคคอยตักอาหารให้หนูยี เอาอกเอาใจจนออกนอกหน้า ทำให้นนท์ที่คอยชำเลืองมองก็เอาอย่างบ้าง แถมนอกจากตักอาหารให้แล้ว มือยังโอบไหล่และเบียดครีมเสียชิด ส่วนครีมก็ทำหน้าระรื่นชอบอกชอบใจ พูดจากระซิบกระซาบกันสองคน โดยทำเป็นว่านิคกับยีไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น

     ทำไมต้องทำอย่างนั้นด้วยนะ ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้แคร์ยัยครีมอะไรสักหน่อย?

     นิคขบคิดสงสัยในขณะที่ตักชิ้นปลาหมึกใส่จานหนูยี เธอกล่าวขอบคุณเบาๆ แต่สายตากลับเพ่งมองไปยังพี่ชายไม่วางตา พลางเม้มริมฝีปากราวกับไม่พอใจอะไรสักอย่าง

     น้องยีไม่ชอบที่ครีมมาเกาะแกะพี่ชายอย่างนั้นเหรอ หวงพี่ชายเหรอ แต่พี่น้องปกติทั่วไปก็ไม่น่าจะแสดงอาการอะไรอย่างนี้นี่นา..

     “ทานของหวานอะไรดีครับครีม ไอศกรีม ผลไม้ หรือว่าเค้ก?”

     นนท์ถามขณะเปิดเมนูหน้าท้ายๆ ให้เลือก แต่ไม่ทันที่ครีมจะเอ่ยปาก หนูยีก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน

     “ยีเอาไอศกรีมช็อกโกแลตชิพ!”

     พี่ชายของเธอเงยหน้ามาสบนิดหนึ่ง แล้วพูดอย่างมะนาวไม่มีน้ำ

     “อยากกินก็บอกนิคสิ มาบอกพี่ทำไม โกรธพี่อยู่ไม่ใช่เรอะไง”    

     ยีปิดปากเงียบ จ้องหน้านนท์ใหญ่ ริมฝีปากเม้มจนบางเฉียบ พร้อมกับใบหน้าที่แดงขึ้นๆ

     “อ้าว พี่กับน้องทะเลาะอะไรกันอยู่หรือครับ ถึงว่าสิ น้องยีกับคุณนนท์ถึงได้ดูเย็นชาใส่กัน อย่างโกรธกันเลยครับ เป็นพี่เป็นน้องกันควรจะรักกันให้มากๆ”

     นิคช่วยประสานรอยร้าวให้โดยไม่เอะใจอะไร แต่เป็นยีที่อดรนทนไม่ได้ หลังจากที่งอนกันไปงอนกันมา เขื่อนกั้นอารมณ์ก็พังทลายเอาตอนนี้เสียแล้ว!

     “เราไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ ซักหน่อย เพราะงี้พี่เค้าถึงได้ไม่เคยรักไม่เคยแคร์อะไรหนูเลยไงละ!!”

     ทั้งโต๊ะเงียบกริบ อึ้งไปกันหมด กับสาวน้อยที่ระเบิดอารมณ์จนหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากคู่สวยสั่นระริก

     “เมื่อกี้น้องยีว่าไงนะคะ พี่ครีมได้ยินไม่ถนัด?”

     ครีมเขยิบเข้ามาใกล้หนูยีที่กำลังพยายามระบายลมที่ร้อนผ่าวผ่านจมูกอย่างแรง นนท์หน้าซีดลงไป เขารีบพูดขึ้นว่า

     “ไม่มีอะไรหรอกครับครีม น้องผมกำลังโมโหก็เลยพูดอะไรบ้าๆ ออกไป แกโกรธผมตั้งแต่เรื่องของโยโกะวันนั้นน่ะ..”

     “ยีไม่ได้พูดบ้าๆ ยีพูดความจริงนะ เราเพิ่งจะเป็นพี่น้องกันเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง พ่อของพี่นนท์กับแม่ของยีแต่งงานกัน เราถึงได้มาเป็นพี่น้องกัน”

    “ยี!”

    นนท์ปรามเสียงหนักๆ แต่ยีไม่สนใจ

    “แล้วยีไม่ได้โกรธพี่เพราะเรื่องโยโกะ แต่ยีโกรธเพราะพี่เอาแต่เอาอกเอาใจผู้หญิงคนอื่น แต่กับตัวยี พี่เอาแต่ดุแต่ว่า รังเกียจหนู ไม่อยากได้หนูเป็นน้องสาว ไม่เคยสนใจซักนิดว่าหนูจะเสียใจแค่ไหน ฮือๆ”

     ด้วยอารมณ์ที่พลุกพล่าน ทำให้เธอพ่นความน้อยเนื้อต่ำใจที่อยู่ข้างในออกมาเกือบหมด และเอาแต่สะอึกสะอื้นร้องไห้โฮจนตัวโยน

     “นี่มันหมายความว่าไงคะพี่นนท์?!”

    ครีมคาดคั้นอย่างขุ่นเคือง แต่นนท์หาได้สนใจเธอไม่ ยังคงปรามน้องต่อไป

    “ยี! เงียบหน่อยได้มั้ย โต๊ะอื่นเค้าหันมาทางนี้กันหมดแล้ว ทำตัวเป็นเด็กไปได้!”

    “พี่นนท์ก็ห่วงแต่แค่นี้แหละ!” ยีพูดสวนทั้งน้ำตา “ดีแต่ห่วงว่าคนอื่นจะมองพี่ยังไง ตอนแรกก็ปิดไม่ยอมให้ใครๆ รู้ว่ามียีเป็นน้อง แล้วที่นี่ก็ยังมาปิดบังพี่ครีมกับพี่นิคไม่ให้รู้ว่ายีไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ อีก พี่นนท์กลัวว่าพี่ครีมจะไม่พอใจใช่มั้ยล่ะ!”

    นนท์อ้ำอึ้ง ไม่รู้จะหาเหตุผลมาเถียงยังไง ส่วนทั้งนิคทั้งครีม ตอนนี้รู้สึกเหมือนมีใครเอาน้ำเย็นจัดๆ มารดตั้งแต่หัวจรดเท้า

    “นี่คุณนนท์” นิคตั้งสติได้ก็ต่อว่าเขาทันที “คุณเป็นพี่ชายประสาอะไรถึงทำให้เด็กผู้หญิงที่น่ารักอย่างน้องยีต้องเสียน้ำตา โอเค ถึงคุณจะไม่ได้เป็นพี่น้องกันมาก่อนก็เถอะ แต่ตอนนี้ก็เป็นไปแล้ว อย่างน้อยก็หัดเอ็นดูเธอในฐานะน้องสาวบ้าง นี่อะไร ปล่อยให้น้องสาวต้องอัดอั้นตั้นใจจนทนไม่ไหวร้องไห้ออกมา ถ้าน้องยีเป็นน้องสาวผม ผมไม่มีทางทำให้เธอเป็นอย่างนี้หรอก!”

    นนท์ลุกพรวดด้วยความโมโห

    “นั่นมันเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนายสักนิด ฉันจะดุจะด่าน้องยังไงมันก็เรื่องของฉัน นายเป็นคนนอกไม่ต้องมายุ่ง!”

    คราวนี้เป็นฝ่ายนิคเองที่ฉุนขาดลุกขึ้นมายืนบ้าง

    “เป็นคนนอกก็ยังมีหัวจิตหัวใจห่วงใยน้องยี ไม่ได้แล้งน้ำใจเหมือนพี่ชายแต่ในนามอย่างคุณหรอก คุณน่ะไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นพี่ชายใครได้ ไม่ว่าจะทางนิตินัยหรือพฤตินัย รู้ไว้ซะด้วย!”

    “หนอย ไอ้..!”

    “พอเถอะค่ะ!” ครีมคว้าแขนนนท์ไว้ก่อนที่จะส่งไปตั้นหน้าหล่อๆ ของนิค พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ “อย่าลดตัวไปยุ่งกับเขาเลยคนพรรค์นี้”

    นิคเลิกคิ้วทำเสียงเครียด

    “คนพรรค์นี้มันทำไม แล้วผู้หญิงที่ไหนกันล่ะ ที่เมื่อก่อนลดตัวมาตามผมต้อยๆ สลัดยังไงก็ไม่ยอมปล่อย เพราะเห็นว่าผมเป็นนักร้องดัง?!”

    “นาย! มันจะมากไปแล้วนะ!”

    ครีมเงื้อฝ่ามือจะตบ

    “พอได้แล้วทุกคนเลย!”

    หนูยีตวาดลั่น ลุกขึ้นอย่างแรงจนเก้าอี้หงายไปข้างหลัง เด็กสาวน้ำตานองหน้า ไหล่ไหวสั่นๆ

    “เป็นเพราะหนู ทุกคนถึงได้ทะเลาะกัน ถ้าหากหนูไปซักคน ก็คงจะดีกว่านี้ใช่มั้ยคะ!”

    สาวน้อยปาดน้ำตา และทันใดนั้น เธอก็หุนหันวิ่งหนีไปจากที่นั่น พุ่งตรงไปทางหน้าร้าน ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริด ไม่เว้นแต่ครีมที่ชะงักค้างฝ่ามือไว้กลางอากาศ

    กว่าที่นิคและนนท์จะได้สติ ยีวิ่งไปถึงกลางสะพานไม้หน้าร้านแล้ว ด้วยอาการรีบเร่ง กอปรกับทางที่สลัวแสง หนูยีเกิดขาขัดกันเอง สะดุดเซถลาไปด้านข้าง เด็กสาวตกใจมือไขว่คว้าหาราวจับ แต่ทว่าโชคร้ายที่สะพานแห่งนั้นไม่มีราวกันเลยแม้แต่น้อย!

    เสียงหวีดร้องยาวๆ แล้วจบด้วยเสียงของหนักกระแทกผืนน้ำ หลังจากนั้น ทั้งร้านก็เต็มไปด้วยเสียงเอะอะ เสียงตะโกนลั่น ว่ามีคนตกน้ำๆ ไปพร้อมๆ กับเสียงตีน้ำป๋อมแป๋มและเสียงขอความช่วยเหลืออย่างตื่นตกใจ เสียงของเด็กผู้หญิงที่ชื่อว่าหนูยี!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×