คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : พี่ชาย/น้องสาว แต่ไม่ได้มาจากดาวดวงเดียวกัน!? ภาค 1 บทที่ 7
ใต้เงาไม้ใหญ่ร่มรื่น ลมพัดโบกโบยเย็นสบาย พอโรงเรียนเลิก สมาชิกแก๊งน้ำแข็งใสทั้ง 4 คนก็มาประชุมกันอยู่ที่ซุ้มม้านั่งหินที่ประจำ แต่เย็นนี้กลับมีเด็กผู้หญิงอีกคนมาร่วมด้วย เด็กคนที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เด็กคนที่คอยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาตลอด เด็กสาวที่ชื่อโยโกะคนนี้!
“ตกลงสรุปว่า แม่ของยีแต่งงานกับพ่อพี่นนท์ ทั้งเธอและก็พี่นนท์ก็เลยกลายมาเป็นพี่น้องกัน?”
“อือฮื้อ”
“แล้วยีก็ยังแอบชอบพี่นนท์อยู่เหมือนเดิม?”
“เอ่อ..” ^ ^;;
“แต่พี่นนท์กลับชอบทำเย็นชาใส่?”
“ง่า..” >.<
“แล้วพวกแก๊งน้ำแข็งใสทุกคนก็รู้ดี แต่คนอื่นในโรงเรียนกลับไม่มีใครรู้ เพราะพี่นนท์สั่งไว้ไม่ให้บอก?”
“แหะๆ” =O=
แล้วโยโกะก็เผลอโวยวายขึ้นมา
“พวกเธอนี่แย่จริงๆ ทำไมไม่บอกฉันมั่งเลย!”
“แล้วทำไมพวกฉันต้องบอกเธอ แล้วอย่าลืมสิ เรื่องที่เธอแกล้งหนูยี พวกฉันยังแค้นฝังหุ่นอยู่เลยนะ”
เบลเด็กสาวตัวสูง ที่คอยเป็นปรปักษ์กับหัวหน้าห้องสุดสวยมาตลอดก็สวนกลับเสียงเย็นๆ พร้อมกับใบหน้าที่บึ้งตึง
ถ้าเป็นโยโกะคนเดิม ก็คงจะตาต่อตาฟันต่อฟันเถียงไปแล้ว แต่โยโกะคนนี้กลับลูบแขนเบล และกล่าวเสียงอ่อนเสียงหวาน
“โธ่เบลจ๋า.. ฉันก็ขอโทษไปแล้วไง อย่าโกรธโยโกะเลยนะๆ ฉันผิดไปแล้ว ก็ตอนนั้นฉันหึงพี่นนท์ซะจนหน้ามืดไปหน่อยนี่ และก็ ตอนนี้ฉันอยากเป็นเพื่อนกับพวกเธอด้วยจริงๆ นะ”
โยโกะทำตาปริบๆ กุมมือและทำหน้าน่าสงสาร ดวงตาของเธอยังแดงช้ำอยู่เลย
เบลหันไปมองหน้าเพื่อนๆ และเห็นว่าทุกคนพยักหน้า ก็ถอนใจออกมา
“โอเคๆ เรื่องที่ผ่านๆ มาถือซะว่าให้มันผ่านๆ ไปละกัน แต่ถ้าเธออยากจะเข้ากลุ่มพวกเรา เธอจะต้องทำตัวดีๆ นะ และไม่คอยหาเรื่องคนอื่นอีก”
“ได้ๆ ฉันสัญญานะ”
โยโกะรีบตอบอย่างกระตือรือร้น
“นี่ๆ หัวหน้าห้อง ว่าแต่เธอทำใจได้แล้วเหรอ เรื่องพี่นนท์น่ะ?”
จอยที่นั่งอยู่อีกด้านถามขึ้นมา โยโกะนิ่งอึ้งไป สักพักก็ถอนหายใจ
“ถ้าบอกว่าทำใจได้แล้วก็โกหกละ ตอนนี้ก็ยังเจ็บในใจจี๊ดๆ อยู่เลย ก็พี่นนท์เป็นรักครั้งแรกของฉันเลยนะ”
“ไม่จริงน่า..” จอยทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“จริงๆ นะจอย ถึงฉันจะดูเป็นสาวก็เถอะ แต่โยโกะก็พึ่งจะ 13 ยังเป็นเด็กเหมือนพวกเธอ และก็ไม่ได้สตรอบอแหล คบผู้ชายเยอะแยะเหมือนอย่างยัยพี่ครีมนั่นหรอก!”
“แต่ยีว่าพี่ครีมก็ดูเรียบร้อยน่ารักดีออกนะ พี่เค้าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น”
สาวน้อยตัวเล็กสุดในกลุ้มแย้ง
“โอ๊ยหนูยี!” โยโกะทำเสียงสูง “เธอนี่อินโนเซ้นต์ยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ เธออย่าไปถูกเปลือกนอกของยัยครีมหลอกเอาสิ ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น ว่าข้างในของยัยนี่เน่าจะตาย”
-“- ข้างในเน่า ยังไงอ่ะ เหม็นงั้นเหรอ? O.o
“รู้มะ ยิ่งคิดโยโกะก็ยิ่งเจ็บใจๆๆๆ อย่างพี่นนท์น่ะนะ ถึงโยโกะจะโกรธที่เขาชอบมีกิ๊กหลายๆ คน แต่ตอนเดตกัน พี่เค้าก็เทกแคร์ดี และไม่เคยพูดจาไม่ดีเลย แต่กับยัยครีมเน่านี่ซี่ มันดันประกาศเป็นเจ้าเข้าเจ้าของพี่นนท์เฉยเลย หนอย..! พูดมาได้ว่าเป็นแฟนตัวจริง อยากรู้นักว่าพี่นนท์เค้ายอมรับแล้วงั้นเหรอ!”
ยีเหม่อมองโยโกะที่กำลังพูดอย่างฉุนเฉียว ในใจพลางคิดถึงตัวเอง
ที่จริงพี่นนท์ก็พูดจาไม่ดีกับยีบ่อยจะตายไป สงสัยหนูยีเป็นผู้หญิงที่อาภัพที่สุดแล้วมั้ง T__T
“ถ้างั้นเธอไม่ลองถามพี่นนท์เองเลยล่ะ อีกเดี๋ยวเขาก็มาแล้ว”
เดชที่นั่งฟังอยู่นาน ก็เอ่ยเสียงเรียบๆ พร้อมกับดูนาฬิกาข้อมือ
“หา!? ทำไมล่ะ โอ๊ย..โยโกะไม่อยากเจอหน้าพี่เค้าตอนนี้นะ”
หัวหน้าห้องโอดครวญใหญ่ เดชเลยอธิบาย
“ก็ทุกเย็น พี่นนท์จะมารับเจ้ายีกลับบ้านด้วยกัน”
“โหย..” โยโกะส่งสายตาอิจฉาสุดๆ “ดีจังเลยน้า.. ถ้าเปลี่ยนฉันเป็นเธอละก็นะ ฉันจะใช้โอกาสนี้ไม่ยอมยกพี่นนท์ให้ยัยครีมเน่านั่นง่ายๆ หรอก จะขวางสุดฤทธิ์เลย คอยดูสิเอ้า!”
เงาร่างของพี่นนท์ปรากฏขึ้นไกลๆ หนูยีเห็นแล้วก็ถอนใจออกมา ตั้งแต่เป็นพี่เป็นน้องกันมาก็หลายสัปดาห์แล้ว แต่แทบนับครั้งได้เลยที่พี่นนท์จะพูดดีด้วย
รู้มั้ยโยโกะ การมาเป็นน้องสาวของพี่นนท์ มันช่างน่าปวดใจยิ่งกว่าอีก จะรักมากเกินกว่าคำว่า ‘พี่ชาย’ ก็ลำบาก แถมเขาแทบไม่เห็นหนูยีในสายตาเลยด้วยซ้ำ!
หนูยีรู้ว่าตอนนี้โยโกะไม่มีอารมณ์อยากจะเผชิญหน้ากับพี่นนท์ ก็เลยโบกมือลาเพื่อนๆ และเดินไปหาเขาแทน แต่ก่อนจะลุกไปนั้น โยโกะก็พูดกับยีขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยพลัง
“หนูยี เธอต้องขัดขวางยัยครีมเน่าให้ได้นะ พี่นนท์ของเธอน่ะ ไม่เหมาะกับผู้หญิงพรรค์นั้นหรอก ไม่ว่าจะยังไง หรือจะวิธีไหน เธอจะปล่อยพี่ชายสุดที่รักไปให้แม่นั่นงาบไม่ได้เด็ดขาด โยโกะจะช่วยเธออีกแรง!”
^ ^ ขอบใจนะโยโกะ เธอเป็นเด็กที่มีน้ำใจจริงๆ ด้วย แต่ว่า.. ตอนนี้ฉันยังโกรธพี่อยู่เลยอ่ะ T__T
บนรถไฟฟ้าขากลับ คนค่อนข้างเยอะไม่มีที่นั่ง ยีกับพี่จึงยืนอยู่ใกล้ๆ ประตู พี่นนท์มองเธออยู่นาน ก่อนจะถามว่า
“แล้วช่วงบ่ายโยโกะเป็นไงบ้าง ยังคงร้องไห้เหมือนเมื่อตอนกลางวันหรือเปล่า?”
นัยน์ตาคมเข้มจ้องมอง แต่ตอนนี้หนูยีไม่ชอบแววตาอย่างนั้นเลย
“ ”
“ตกลงว่าไง ไม่ได้ยินที่พี่ถามเหรอ?”
“ .” :x
หนูยีกอดอก หันไปดูวิวจากบานหน้าต่างรถไฟลอยฟ้า
“ยี เป็นอะไรไป ทำไมไม่พูด!”
=__= งือ.. ดุอีกแล้ว ฮึ! หนูยีไม่พูดกับพี่แล้ว พี่นนท์ใจร้าย ใจร้ายกับหนูยี และก็ใจร้ายกับโยโกะด้วย!
“โกรธพี่เพราะเรื่องเมื่อกลางวันหรือไง นี่ยี! พี่ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นอย่างนั้นเลยนะ โยโกะเพื่อนน้องมาโวยวายๆ หาเรื่องกับครีมก่อนนี่ และอีกอย่างนึงนะ ตอนนี้พี่กับครีมคบเป็นแฟนกันอยู่ ส่วนโยโกะเขาเด็กเกินไป พี่คบหากับเธอเกินเลยกว่านั้นไม่ได้”
งึมงำๆ แก้ตัว.. พี่ชายบ้า! แต่ที่ยีโมโหมากกว่า ก็ที่พี่ทำปั้นปึ่งกับเค้ามาตั้งแต่คืนเมื่อวานนี้แล้ว! :-(
ขอโทษยีสักคำก็ไม่มี บ้าๆๆๆ >__<
นนท์เห็นหนูยีเอาแต่นิ่งเงียบอยู่นั่นแหละ ถามอะไรก็ไม่พูด จนกระทั่งกลับถึงบ้านแล้วก็ทำหน้างอนเป็นตูดลิง และเอาแต่ค้อนใส่เขาเสียหลายวง ก็เลยชักโมโห ก็เลยกระชากแขนให้หันมา ก่อนที่สาวน้อยจะขึ้นบันได้ พร้อมกับดุเสียงหนักๆ ไปว่า
“นี่ยี! เลิกทำกิริยาอย่างนี้กับพี่ได้แล้ว พี่ไม่ชอบรู้มั้ยหะ ไม่พอใจอะไรก็พูดออกมาเลยดีกว่า!”
“โอ๊ย! หนูเจ็บนะ!”
หนูยีร้องลั่นน้ำตาคลอ นนท์ใจหายวาบ รีบคลายมือ แต่ก็ยังไม่วายถือทิฐิ
“อยากงอนอยากโกรธก็เชิญเลย! ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตไปได้ ไม่พูดซะได้ก็ดี บ้านจะได้เงียบๆ ไม่หนวกหู!”
กล่าวจบ เขาก็เห็นน้องสาวตัวดีจ้องมองด้วยแววตาปวดร้าว ก่อนที่ริมฝีปากจะรั้นขึ้น แล้วสะบัดหน้าวิ่งโครมๆ ขึ้นห้องไป
เออดี ว่านิดว่าหน่อยก็ทำเป็นตะบึงตะบอน หนอย.. ไม่น่ามาเป็นน้องฉันเลยจริงๆ ให้ตายสิ!!
“นนท์จ้ะ เมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้นน่ะ น้าได้ยินเสียงเอะอะไปถึงในครัวเลย”
เด็กหนุ่มสะดุ้งไป เมื่อเห็นแม่เลี้ยงเดินมาหาด้วยใบหน้าฉงน
“คุณน้าอยู่ในครัวอีกแล้วเหรอครับ ที่จริงคุณไม่น่าจะต้องไปทำให้มันเหนื่อยเลย คนครัวของบ้านนี้ก็ทำอาหารเก่ง”
เขาบ่นเสียงเรียบ หาความอบอุ่นไม่ได้เลย แต่วิชุดาไม่ถือสา
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ น้าอยู่บ้านเฉยๆ ก็เบื่อจะแย่ มีอะไรให้ยุ่งในทำบ้างมันก็ดี อีกอย่าง น้าเองชอบเข้าครัวทำกับข้าวอยู่แล้ว”
นนท์ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เบื่อเหลือเกินกับใบหน้าที่เอาแต่ยิ้มแย้มของหล่อน
“ก็ตามใจคุณน้าละกันครับ ผมแค่ไม่อยากให้กุ๊กบ้านเราทำงานไม่คุ้มเงินเดือนก็เท่านั้น”
“จ้ะ ว่าแต่เมื่อสักครู่นี้ นนท์เพิ่งทะเลาะกับหนูยีมาใช่ไหม?”
จำแม่นจริง.. อุตส่าห์เบี่ยงประเด็นไปแล้วนะ!
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ เราแค่ไม่เข้าใจกันนิดหน่อย”
พูดจบก็เห็นน้าวิชุดาจ้องมองมา เขาบังเกิดความรู้สึกแปลกประหลาด ไม่กล้าสบตาด้วย
“นนท์จ๊ะ พวกเธออยู่ด้วยกันมันก็ต้องมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง ซึ่งน้าเองก็เข้าใจ แต่น้าอยากบอกอะไรหน่อยนะ ตอนนี้เธอกับหนูยีก็เป็นพี่น้องกันแล้ว มีอะไรก็ต้องค่อยๆ พูดจากันดีๆ หนูยีน่ะเด็กกว่าเธอมาก ไม่เข้าใจอะไรต่อมิอะไรในโลกกว้างได้อย่างเธอหรอกนะ ไม่สมควรเลยที่เธอจะลดตัวไปถือสาด้วย..”
ริมฝีปากของเขาเม้มเข้าพลางคิดตาม เข้าใจดีว่าที่น้าวิชุดากล่าวไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีอะไรนั้น ที่จริงหล่อนกำลังต่อว่าอยู่ทางอ้อมต่างหาก ถ้าตีความในอีกมุมก็คือ เขาน่ะโตกว่าหนูยีตั้งเยอะ เป็นพี่ควรให้อภัยน้อง และจะไปถือสาหาความอะไรกับเด็กกันเล่า ถ้าเขายังถือเป็นอารมณ์ต่อไปอีก เขาเองนั่นแหละที่เด็กยิ่งกว่า!
ความรู้สึกประหลาดที่เริ่มมีต่อหล่อนนั้น มันอาจจะเรียกว่าเป็นความ ‘เกรง’ ก็ได้ แต่จะเกรงใจ หรือ เกรงกลัว นนท์เองก็ไม่แน่แก่ใจนัก
และ ‘เกรง’ ที่หล่อนอยู่ในฐานะอะไรกันล่ะ!?
นนท์สลัดความคิดที่สับสนออกไป ก่อนที่ผู้หญิงคนที่เริ่มจะทำตัวเป็นแม่ และยัดเยียดให้เขาทำตัวเหมือนลูกชาย เขาพูดตัดบทไปว่า
“คุณน้าครับ เรื่องนี้ผมทราบดี และรู้ด้วยว่าจะจัดการอย่างไร ยังไงๆ ยีก็เป็นน้องสาวของผม ผมไม่ถือสาอยู่แล้ว ถ้า.. เธอจะเอ่ยปากขอโทษผม”
วิชุดาถอนใจ
“เอาเถอะ เรื่องของพวกเธอนี่นะ จริงสิ ยังมีอีกเรื่องที่น้ากำลังจะบอกนนท์อยู่พอดี คืออย่างนี้จ้ะ ตั้งแต่วันศุกร์นี้เป็นต้นไป น้ากับพ่อของเธอ เราจะไปฮันนีมูนกันน่ะ!”
เขาเลิกคิ้ว
“งั้นหรือครับ ขอให้เที่ยวอย่างสนุกนะครับ”
นนท์บอกสั้นๆ และทำเป็นไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่วิชุดากลับจับมือเขาและบีบไว้
“นี่นนท์ น้าเองก็ใช่อยากจะไปมากนักนะ เพราะน้าก็ห่วงแต่กับหนูยีนี่แหละ หนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ที่เกาะตาฮิติจะโทรศัพท์กลับมาได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉะนั้น คนที่พึ่งได้ก็มีแต่เธอเท่านั้น นนท์ น้าฝากให้เธอช่วยดูแลยีให้ดีๆ ด้วยนะ พวกเธอมีกันและกันแค่สองคน หนูยีน่ะนับถือเธอมากเลยนะ น้ารู้ดี น้าเป็นแม่ของเค้ามาชั่วชีวิต ปกป้องน้องด้วย อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้น ถือว่าน้าขอร้องล่ะ!”
ทำไมต้องพูดถึงขนาดนี้ด้วยนะ ก็แค่อาทิตย์เดียว จะห่วงอะไรกันนักกันหนา และจะให้เราช่วยดูแล ทุกวันนี้ไม่ได้เรียกว่าดูแลหรือไง?!
“ก็ได้ครับ ผมรับปากว่าจะดูแลเธออย่างดี แค่นี้คุณน้าพอใจหรือยัง?”
“จ๊ะ!” หล่อนพยักหน้าพร้อมกับบีบมือแน่นเข้า “น้ารู้ว่านนท์เป็นคนพูดจริงทำจริง เท่านี้น้าก็ไปฮันนีมูนได้อย่างสบายใจแล้วละ!”
หลังจากอาบน้ำสระผมเสร็จ นนท์ก็ผิวปากอย่างอารมณ์ดี พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมให้แห้ง กะไว้ว่าจะนอนฟังเพลงบรรเลงเปียโนคอนแชร์โต ของ โมสาร์ท ก่อนนอนสักครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยอ่านหนังสือรอบดึก แต่ในขณะเดินผ่านหน้าห้องของหนูยี เขาก็ได้ยินเสียงพูดคุยเล็ดลอดออกมา หนึ่งในคำพูดนั้น มี ‘นิค’ ลอยลมอยู่ด้วย จึงชะงักเท้าโดยพลัน แล้วเขยิบไปใกล้ประตู
“งั้นเลยเหรอคะพี่ ตลกจังนะคะ ไม่น่าเชื่อเลยว่านางเอกชื่อดังจะเป็นแบบนั้น..”
เสียงพูดเบาไปนิด แต่ก็พอจับใจความได้ นนท์เอียงหูแนบฟัง
“เอ๋.. แล้วพี่นิคจัดเวลายังไงเนี่ย ทั้งเรียนไปด้วยร้องเพลงไปด้วย.. อืม.. อ้อ.. ค่ะ”
เจ้าน้องยีกำลังคุยโทรศัพท์กับนิค4play นี่หว่า! หนอยยัยเด็กบ้า! พี่ไม่ได้ซื้อโทรศัพท์มือถือไว้ให้คุยกับชายหนุ่มนะเฟ้ย!
“ใช่ค่ะๆ แหมพี่นิคนี่ก็.. ฮะๆๆ”
ฮืม! คุยเรื่องอะไรกัน หัวเราะร่วนเชียว!
เขาถอนหายใจหนักๆ ด้วยความหงุดหงิดและตั้งใจฟังต่อ
“คอนเสิร์ตวันเสาร์นี้ อยากไปสิคะ แต่บัตรหายากจะตาย.. เอ๋.. พี่จะให้หนูเหรอคะ ว้าวๆ!”
เฮ้ย..! จะไปไหนกันฟะ วันเสาร์ เอ..
“แล้วพี่นิคจะมารับหนูที่บ้านเหรอคะ อืมก็ได้ค่ะ อ้อ.. พ่อกับแม่ไม่อยู่ค่ะ
ไม่อยู่?.. เออใช่! พ่อกับน้าไปฮันนีมูนนี่หว่า!
“ถ้าไม่ดึกก็คงไปได้มั้งคะ เอ๋.. พี่หนูยีน่ะเหรอ. ฮึ! ช่างเค้าเถอะค่ะ ไม่เห็นจะต้องไปขออนุญาตเลย ยีโตแล้วนะ ตัดสินใจเองได้!”
เสียงที่ดังลอดมา ทำให้นนท์กัดฟันกรอดๆ พร้อมกับค่อยๆ ถอยหลังออกมา
พ่อแม่ไม่อยู่ก็ถือโอกาสเลยนะยัยเด็กบ้า! จะออกไปโดยไม่ขอฉันงั้นเรอะ! แม่เธอฝากเธอไว้ในกำมือฉันแล้วนะเฟ้ย! แต่ที่น่าโมโหกว่าก็ไอ้เวรนิค! ไอ้หมอนี่.. วันนั้นก็บอกมันไปแล้วนะ หนอยแน่ะ! วันเสาร์ที่จะถึงใช่มั้ย ฮึ! คิดอะไรเด็ดๆ ออกละ หึๆ สนุกแน่ๆ แกเอ๋ย!
คิดวางแผนเสร็จสรรพ มุมปากก็เหยียดยิ้ม และเดินกลับเข้าห้องของตัวเอง
วันศุกร์แล้ว พรุ่งนี้ก็จะถึงวันนัดไปดูคอนเสิร์ตกับพี่นิค หนูยีเฝ้านับชั่วโมงรอให้ถึงเร็วๆ ก็แหม.. สาวๆ วัยรุ่นสักกี่คนกันเชียว ที่จะมีโอกาสดีๆ ได้ไปชมคอนเสิร์ตที่นั่งVIPติดขอบเวที และแถมด้วยอาหารค่ำกับนักร้องนำของวงที่ดังที่สุดในขณะนี้!
แค่คิด ตัวก็จะลอยไปไกลถึงปุยเมฆแล้ว หนูยีก็เลยเอาแต่เหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง ไม่เป็นอันเรียนสักนิด จนถูกอาจารย์ว่ากล่าวตักเตือน แม้เพื่อนๆ จะช่วยสะกิดเรียกก็ตาม
“นี่ๆ หนูยี เธอเป็นอะไรไปน่ะ พักนี้เอาแต่เหม่อๆ อยู่นั่นแหละ ฉันอุตส่าห์ส่งสายตาตั้งหลายทีแล้วนะ ดูซิ เลยถูกอาจารย์พิมลต่อว่าเลย”
^ ^;; งือ.. แหะๆ
“ขอโทษจ้าโยโกะ หนูยีแค่มีเรื่องอะไรต้องคิดนิดหน่อยน่ะ”
ยีพนมมือปะลกๆ กับหัวหน้าห้อง สาวสวยโตเกินวัย ที่ทำหน้าบึ้งๆ
ตอนนี้ โยโกะเป็นสมาชิกแก๊งน้ำแข็งใสเต็มตัวแล้ว หลังจากที่ได้เป็นเพื่อนกัน ทุกคนในกลุ่มก็ตัดสินว่า เธอเองก็เป็นคนที่น่าคบเหมือนกัน เมื่อเธอได้โยนความอวดดีและความหยิ่งยโสทิ้งลงส้วมไปแล้ว ส่วนเจ้าบอย เมื่อเห็นว่าโยโกะแปรพรรคไปเสียแล้ว ก็เลยไปเกาะกลุ่มอยู่กับพวกกะเทยกองใหญ่ ที่ชอบนัดกันไปเหล่มองหนุ่มหล่อๆ ชวนกันนินทาชะนี และพอเลิกเรียนก็ไปตบลูกวอลเลย์กันโครมๆ ในสนาม
“อย่างหนูยีเนี่ย คิดไหวด้วยเหรอ อิอิ”
จอยถือโอกาสแซวพลางทำหน้าทะเล้น
ง่า.. IQ หนูยีก็พอมีกะเค้าเหมือนกันนะ งึมงำๆ “-
“แกอย่าชักใบให้เรือเสียสิ ว่าแต่ยีมีเรื่องอะไรเหรอ แต่เบลรู้สึกว่ายีต้องมีเรื่องอะไรดีๆ แน่ๆ เลย หรือว่าเริ่มมีอะไรคืบหน้ากับพี่นนท์แล้วใช่ม้า..!”
“ไม่ใช่นะเบล แหม กับพี่นนท์น่ะไม่มีหรอก ยียังงอนพี่เค้าอยู่นะ แล้วยีจะไปคืบหน้ากับเค้าทำไมกัน!”
หนูยีรีบบอก เมื่อเห็นว่าใบหน้าของโยโกะเจื่อนลงไปเล็กน้อย
เธอทำใจเรื่องพี่นนท์ได้หรือยังนะ =__=?
“แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ เห็นเอาแต่นั่งอมยิ้มทั้งวัน ถ้าไม่เกี่ยวกับพี่นนท์แล้วมันยังไง?”
เดชที่อ่านการ์ตูนรายสัปดาห์อยู่ก็หันมาถาม
“คืองี้นะ ยีจะบอกแล้ว แต่ว่าพวกเธอต้องปิดเป็นความลับนะ”
“อะไรมันจะลึกลับขนาดนั้นนะเจ้ายี.. ก็ได้ๆ ปิดก็ปิด ยังไงก็รู้กันแค่นี้แหละ เอ้าๆ เล่ามาซะ”
“พรุ่งนี้ยีมีเดตกับพี่นิคละ!”
พอประกาศไป ทุกคนก็ทำตาโต
“พี่นิค4play น่ะเหรอ?!”
พวกสาวๆ อุทานพร้อมกัน แล้วหัวของแต่ละคนก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ กัน หนูยีเล่าเรื่องที่พี่นิคโทร.มาคุยเป็นประจำทุกวัน และเขายังเอ่ยปากชวนไปดูคอนเสิร์ต แล้วพอเลิกงานก็จะพาหนูยีไปดินเนอร์ด้วย
“อิจฉาจังเลย.. ยีนี่น้า ทำไมมีแต่หนุ่มหล่อๆ มาล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เรื่อยนะ”
“ต้าย! รู้งี้จองตั๋วไว้ซะก็ดีอ่ะ โธ่..”
เบลครางอย่างเสียดายที่ไม่ได้ไปด้วย
“วันนั้นฉันก็ถามเธอแล้วไงว่าจะเอามั้ยตั๋ว เธอบอกไม่เอาเองนี่นา”
“ก็ค่าบัตรมันแพงนี่นา มันเสียดายอ่ะ!”
“หึๆ ชอบ 4play แต่ก็ยังเค็มเหมือนเดิมเพื่อนเรา"
เดชพอได้ฟังก็พูดกับเบลขึ้นว่า
“เธออยากไปเหรอเบล ฉันว่าไม่เห็นมันจะน่าไปตรงไหน หนวกหูจะตาย มีแต่พวกผู้หญิงไปกรี๊ดๆ เป็นบ้าเป็นบอ อะโด่..ก็แค่หน้าตาหล่อหน่อย”
“นี่ไอ้แว่น! อ่านการ์ตูนไปเลยไป๊ หน้าตาหล่อสู้เค้าไม่ได้ก็เลยอิจฉาใช่มั้ยล่ะ!”
“อ๊ะนี่เธอ!”
“พอน่าๆ ทั้งสอนคนน่ะ อย่าเพิ่งเถียงกันได้มั้ย?”
โยโกะเข้ามาห้าม หลังจากนั้นเธอมองหนูยีอย่างเป็นกังวล
“ยี แน่ใจแล้วเหรอที่จะไปเดตกับนิคน่ะ มีข่าวลืออยู่บ่อยๆ ออก ว่าหมอนี่ควงผู้หญิงในวงการอยู่หลายคนเลย อย่างล่าสุดที่เพิ่งเลิกกันก็ยัยครีมเน่านั่น”
“ข่าวลือก็คือข่าวลือน่า พี่นิคดูเป็นคนดีออก เท่าที่ได้คุยกับพี่เค้ามา ก็ไม่เห็นจะเป็นอย่างนั้นเลย”
เธอค้าน ทำให้โยโกะถึงกับส่ายศีรษะ
“ยีนี่น้า..ชอบมองคนในแง่ดีเกินไปแล้ว ฉันรู้แล้วล่ะ ว่าเธอ ‘เด็ก’ จริงๆ ด้วย”
“ยีไม่เด็กนะ ยีเป็นสาวแล้วด้วย!”
“จ้าๆ สาวก็สาว หึๆ”
โยโกะขำกับท่าสะบัดหน้าอย่างเคืองๆ ของหนูยี แต่ว่าเบลกลับไม่ขำด้วย
“เจ้ายี แล้วพี่นนท์น่ะ เธอเอาไปไว้ไหนแล้ว เลิกชอบพี่เค้าแล้วเหรอ?”
หัวใจกระตุกทันทีที่ได้ยินชื่อพี่นนท์
ชอบนะ ชอบที่สุดเลย แต่.. T.T
“เขาเป็นพี่ชายยีนะ ยังไงๆ ก็ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก และอีกอย่าง พี่เค้าไม่ชอบยี ไม่ชอบยีที่เป็นเด็กทำอะไรเองก็ไม่ได้และทำตัวน่ารำคาญ ยีน่ะจะไปเดตกับพี่นิค และก็จะไม่สนใจพี่นนท์อีกต่อไปแล้วล่ะ!”
หนูยีพูดอย่างดื้อดึง ปากแข็ง ทั้งเบล จอย และเดชต่างเข้าใจว่า เธอคงจะเลิกเห่อเลิกหลงใหลได้ปลื้มกับพี่นนท์แล้ว และหันไปกรี๊ดกร๊าดกับนักร้องหนุ่มอย่างนิค4play แทน
ทว่าก็มีแต่โยโกะเท่านั้น ที่พอจะเข้าใจจิตใจของหนูยีดี เพราะเธอก็เคยหลงรักพี่นนท์มาก่อน เด็กคนนี้ทำเป็นพูดไปอย่างนั้นเอง แต่ยังไงในใจก็ตัดเขาไม่ขาดแน่ เพราะโยโกะเองทุกวันนี้ก็เป็นเช่นนั้น
หนูยีนี่น้า.. ตอนนี้เธอก็เหมือนน้องสาวที่กำลังหาเรื่องงอนประท้วงพี่ชาย เพื่อให้พี่ชายหันมาสนใจนั่นแหละ เฮ้อ..
“แต่ฉันก็ยังเป็นห่วงเธออยู่ดีนะหนูยี เอางี้ดีกว่า วันคอนเสิร์ตพวกฉันจะไปดูเป็นเพื่อนด้วย”
โยโกะพูดขึ้นมา
“แต่พวกเราไม่มีบัตรกันนะ จะไปได้ยังไง?”
ทั้งเบลและจอยเตือน
“ได้ซี่ บัตรคอนเสิร์ตแค่นี้เอง ฉันให้ป๊ะป๋าหาให้ได้อยู่แล้ว เรื่องสิวๆ น่ะ”
สิวๆ ก็คือขี้ปะติ๋วนั่นแหละ ศัพท์แสลงวัยรุ่นจ้า.. ^ ^
“ว้า.. ถ้าพวกเธอไปด้วย แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเดตได้ยังไงอ่ะ”
หนูยีถึงกับบ่นพึม เพื่อนๆ พากันหัวเราะ โยโกะเลยบอกว่า
“เอาน่าๆ มีเพื่อนๆ ติดไปด้วนสองสามคน พี่นิคคงไม่ว่าอะไรหรอก แล้วพอคอนเสิร์ตเลิก เธอจะไปไหนกับพี่นิคต่อ นั่นก็เรื่องของเธอสองคนแล้วล่ะ”
เย็นวันเดียวกัน หนูยีตามพี่นนท์ไปส่งลุงนิพนธ์กับแม่ขึ้นเครื่องที่สนามบิน พวกเขายืนร่ำลากันหน้าทางเข้าเทอร์มินัลขาออก ก่อนจะเข้าไปด้านใน ทั้งลุงนิพนธ์และคุณแม่ก็กำชับนนท์อีกรอบ ว่าให้ดูแลน้องให้ดีๆ หลังจากโบกมือลากันแล้ว นนท์ก็เดินนำหนูยีกลับไปที่ตึกจอดรถ ระหว่างที่เดินเคียงกันไป ทั้งสองคนก็ยังไม่พูดจากันอยู่ดี นานๆ ครั้งนนท์จะมีพูดขึ้นมาบ้าง ส่วนหนูยีก็ถ้าไม่ถามก็ไม่พูดอะไรออกมาเลย บรรยากาศรอบตัวเป็นที่น่าอึดอัดตะครั่นตะครอใจยิ่งนัก เป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยไปจนกระทั่งถึงเช้าวันเสาร์ วันที่หนูยีมีนัดเดตเป็นครั้งแรกในชีวิตของวัยเริ่มจะสาว
กิ้งก่องๆ
เสียงกริ่งใสๆ ดังขึ้น แม่บ้านรีบไปที่หน้าประตูบ้าน หนูยีชะเง้อคอยาวดูก็เห็นว่าเป็นพี่นิคมารับตามนัด เขานั่งแท็กซี่มา สาวน้อยนั่งรออยู่บนโซฟา สักพักแม่บ้านก็พาหนุ่มใบหน้าหล่อๆ เข้ามา
“สวัสดีค่ะพี่นิค มาตรงเวลาเป๊ะๆ เลย ยีเตรียมตัวเสร็จแล้วค่ะ”
หนูยีส่งเสียงทักทายก่อน ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“โอ้โห! วันนี้หนูยีน่ารักมากๆ เลยครับ น่ารักกว่าวันที่เราเจอกันที่จตุจักรเสียอีก”
โดนชมซึ่งๆ หน้า สาวน้อยก็ออกอาการเขินจัด รีบเชิญให้เขานั่ง พอเขาหย่อนก้นนั่งสบายๆ แล้ว นิคก็หันหน้ามองไปรอบๆ และเอ่ยปากอย่างทึ่งจัด
“บ้านหนูยีใหญ่โตมากเลยครับ สมแล้วที่เป็นบ้านท่านรัฐมนตรี ตอนอยู่หน้าบ้านพี่ต้องใช้เวลาตั้งนาน กว่าจะทำใจกล้ากดออดได้ มือสั่นไปหมดเลย ก็นะ จะขอคุณหนูลูกสาวคนสวยของท่านไปเที่ยวนี่นา”
หนูยีหน้าแดง
“แหม ไม่ถึงขนาดนั้นซักหน่อย คุณหนูอะไรกันคะ เอ๊ะ?! ว่าแต่พี่นิครู้ได้ยังไงว่าหนูเป็นลูกสาวรัฐมนตรี”
“อ้อ พี่ชายของหนูยีบอกพี่น่ะครับ ก็เมื่อวันก่อนที่พี่โทร.มา พอดีพี่ชายหนูยีรับสายแทน เราก็เลยได้คุยกัน”
“เอ๋..? ตอนไหนอ่ะ พี่นนท์ไม่เห็นเคยบอกเลย” แล้วหนูยีก็เริ่มฉุน “ถือวิสาสะมารับโทรศัพท์ของหนูยีเฉยเลย น่าโมโหชะมัด!”
“อืม.. ก็พอจะเดาได้อยู่หรอกนะ” นิคพึมพำเบาๆ
“คะ? เมื่อกี้พี่พูดว่าอะไรนะ?”
“ปะ เปล่า แล้วนี่พี่เค้าอยู่หรือเปล่า พี่อยากจะเจอเขาหน่อยน่ะ”
หนูยีสั่นหัวพลางถอนใจอย่างเซ็งๆ
“ไม่อยู่ค่ะ ไปเรียนพิเศษตั้งแต่เช้าแล้ว ปกติพี่เค้ากลับค่ำจะตาย สงสัยตอนนี้ก็คงกำลังเที่ยวกับครี.. เอ่อ.. กับสาวๆ ที่ไหนอยู่ล่ะมั้ง เชอะ!”
เกือบหลุดปากพูดชื่อครีมไปซะแล้วสิเรา แป๊ว.. ^ ^;
“ฮะๆ ท่าทางหนูยีจะหวงพี่ชายเหมือนกันนะครับ สงสัยพี่ชายหนูยีคงต้องหล่อมากแน่ๆ”
“ฮึ! หล่อแต่นิสัยไม่ดีน่ะสิคะ ชอบดุชอบว่าหนูยีอยู่เรื่อยแหละ และก็ชอบเห็นหนูยีเป็นเด็กไม่รู้จักโต”
ริมฝีปากบางรั้นขึ้นมีแง่งอน ทำให้นิคยิ้มนัยน์ตาเป็นประกาย
“แต่พี่คิดไม่เหมือนพี่ชายหนูยีนะ ยีน่ะโตแล้วล่ะ และก็สวยมากเสียด้วย”
“จริงหรือคะ พี่เห็นว่าหนูยีโตเหรอคะ ฮิๆ ดีใจจัง”
ทุกคนเอาแต่บอกว่ายีเป็นเด็ก มีแต่พี่นิคนี่แหละ ที่เห็นว่ายีโต หุหุ พี่นิคนี่น่ารักกว่าพี่นนท์เยอะเลย ^___^
สาวน้อยตัวเล็กที่อยากจะโตเป็นสาวเสียเหลือเกิน ก็หน้าบานเป็นดอกทานตะวัน ถูกใจกับคำพูดหวานๆ ที่พี่นิคป้อนให้ จิตใจชักแกว่งไกวเอนเอียงมาทางนักร้องวัยรุ่นชื่อดังมากขึ้น..
ความคิดเห็น