ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่องสั้น/นิยายเก่าๆ ของ Black back

    ลำดับตอนที่ #10 : พี่ชาย/น้องสาว แต่ไม่ได้มาจากดาวดวงเดียวกัน!? ภาค 1 บทที่ 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 212
      0
      4 ก.ค. 51


    ปกติแล้วตอนเช้าของวันเสาร์ นางเอกตัวน้อยของเราจะต้องนั่งเฝ้าอยู่หน้าจอโทรทัศน์ ดูรายการโปรดอย่างช่อง 9 การ์ตูนแล้ว แต่ทว่าวันนี้กลับอดดู เพราะว่าเธอต้องออกไปธุระข้างนอกกับแม่แทน ธุระที่ไม่ได้อยากจะไปเลย นั่นก็คือ การไปทานอาหารกลางวันที่บ้านของลุงนิพนธ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่คุณแม่จะแต่งงานด้วยในเร็วๆ นี้

     สาวน้อยนั่งรถไปกับวิชุดา นั่งไปพลางบ่นไปพลาง เพราะเธอถูกแม่จับแต่ตัวเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ตั้งแต่เช้า ทั้งเรื่องชุดกระโปรงที่มีแต่ระบายลูกไม้เต็มไปหมด ทั้งผมหนาหยักศกนิดๆ ที่ถูกถักเป็นเปียวนรอบศีรษะ แล้วปล่อยบางส่วนให้สยายลงมาตามแนวหลัง แล้วไหนจะ..

     “อย่าบ่นนักได้ไหมลูก แม่ว่าหนูดูน่ารักจะตายไป”

     หนูไม่อยากน่ารัก หนูอยากสวยมากกว่านี่ –“-

     หนูยีมองวิชุดา วันนี้คุณแม่สวยจริงๆ นะ ^ ^

     แล้วเมื่อไหร่ เราจะสวยได้อย่างนี้มั่ง อยากโตไวไว! T.T

     วิชุดาขับรถเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังหนึ่ง พอประตูรั้วเปิดออกอย่างอัตโนมัติ หนูยีก็คิดว่ามันไม่น่าจะเรียกว่าบ้านได้เลย มันหลังใหญ่จนน่าจะเรียกคฤหาสน์มากกว่า

     ลุงนิพนธ์ยิ้มแย้มเดินออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง คุณแม่ทักเสียงใส หนูยียกมือไหว้ เขากุมมือแม่เบาๆ แล้วรับไหว้หนูยี แต่พอเห็นความน่ารักของหนูยีเข้า ก็ดึงสาวน้อยมาหอมแก้มเสียหนึ่งฟอด

     “อีกหน่อยหนูยีจะมาเป็นลูกสาวของลุงแล้วนะ”

     แม่เองก็โอบไหล่หนูยีไว้ และพูดว่า

     “ใช่แล้ว และต่อไปหนูก็ต้องเรียกคุณลุงว่าคุณพ่อนะลูก”

     พ่องั้นเหรอ? O.o

     ยีมองคุณพ่อคนใหม่อย่างจั๊กจี้ในหัวใจ

     ว่าที่คุณพ่อคนใหม่พาสองแม่ลูกเข้าไปในบ้าน คุยกันสักพัก แม่บ้านก็มาบอกว่าจัดอาหารเสร็จแล้ว ก็เลยย้ายกันไปนั่งที่โต๊ะอาหารแทน อาหารน่าทานมากมายถูกจัดไว้อย่างสวยงาม ส่งกลิ่นหอมฉุยชวนหนูยีน้ำลายสอ แล้วเด็กสาวก็สังเกตเห็นว่า บนโต๊ะถูกจัดไว้สำหรับ 4 ที่

     “อ้อ นั่นเป็นที่นั่งของลูกชายลุงเอง แต่เอ..ทำไมยังไม่ลงมาอีกนะ?”

     นิพนธ์ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ เรียกแม่บ้านให้ไปตามมาทานข้าวด้วยกัน แล้วค่อยหันมาอธิบายให้หนูยีฟังต่อ

     “ลูกของลุงชื่อนนทพัฒน์ ปีนี้อายุ 17 ปี อยู่ม.6 แล้วล่ะ เขาเรียนเก่งมากเลยนะ แถมยังเป็นประธานนักเรียนด้วย ปีหน้าก็จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ลุงว่าจะให้เขาเอ็นฯเข้าคณะนิติศาสตร์หรือไม่ก็รัฐศาสตร์นี่ละ อยากให้หนูได้รู้จักทำความสนิทสนมคุ้นเคยกันไว้ เพราะอีกหน่อยเขาจะเป็นพี่ชายของหนูนะ หนูยีดีใจไหมที่จะได้มีพี่ชาย?”

     หนูยีตีหน้ายิ้มไว้ก่อน

     นอกจากมีพ่อใหม่แล้ว แถมยังจะมีพี่ชายเพิ่มมาอีกคน จะดีใจดีมั้ยเนี่ยเรา –“-;

     “นั่นไงมาพอดี นนท์! เข้ามาไหว้คุณน้าวิชุดาเขาซะสิ”

     นนท์?! O.O!

    พอได้ยินชื่อเท่านั้น สาวน้อยก็หันขวับไปมองอย่างเร็ว กลัวว่าจะใช่คนที่เธอคิด เพราะชื่อมันเหมือนกันเหลือเกิน

    แล้วคนที่ยีเห็น ก็เป็นจริงดังคาด!

    พี่นนท์ ประธานนักเรียนรูปหล่อ คนที่เธอแอบฝันแอบชอบ เดินหน้ายุ่งๆ เข้ามา ในมือถือหนังสือเตรียมสอบเล่มหนามาด้วย

    หนูยีอ้าปากค้างตัวแข็งทื่อ ตกตะลึงจนแทบลืมหายใจ นนท์หย่อนก้นลงนั่งด้านตรงข้าม ยกมือไหว้วิชุดา แล้วพอเลื่อนสายตามาทางหนูยีปุ๊บ เขาก็สะดุ้งไปเล็กน้อย และจ้องมองเธอเขม่ง

    “สะ สวัสดีค่ะพี่นนท์”

    “สวัสดีหนูยี”

    น้ำเสียงนนท์ราบเรียบ..

    “อ้าว นี่รู้จักกันแล้วเหรอลูก?”

    “นั่นสินนท์ แกรู้จักลูกสาวคุณวิชุดาด้วยหรือ?”

    ทั้งลุงทั้งแม่ต่างผลัดกันถาม และมีสีหน้าแปลกใจด้วยกันทั้งคู่”

    นนท์เลยพูดขึ้นว่า

    “หนูยีเป็นเด็กรุ่นน้องที่โรงเรียนครับพ่อ”

    “บ๊ะ ดีเลย!” ลุงตบไหล่นนท์ “รู้จักกันมาก่อนก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องแนะนำอะไรให้มาก ต่อไปนี้หนูยีจะมาเป็นลูกสาวของบ้านนี้ และก็จะเป็นน้องสาวแกด้วย”

    มือหนูยีเย็นเฉียบ แต่นนท์กลับขมวดคิ้วยุ่ง แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก

    นิพนธ์พยักหน้าบอกให้แม่บ้านตักข้าว แล้วทุกคนก็ลงมือทานอาหาร กินไปคุยไปพลาง แต่นนท์นิ่งเงียบตลอด นานๆ ครั้งถึงจะหันมามองสองแม่ลูกเสียทีหนึ่ง แต่ไม่รู้หนูยีคิดมากไปหรือเปล่า เพราะยามที่พี่นนท์จับจ้องมาทางคุณแม่  สายตาช่างดูแข็งกร้าวน่ากลัว จนหนูยีกระเดือกอาหารไม่ค่อยลง ทั้งๆ ที่มีแต่ของน่าทานอยู่เต็มโต๊ะ

    หลังทานของหวานจนอิ่มหนำแล้ว ลุงกับแม่ก็ขอตัวไปห้องรับแขก เพื่อปรึกษาถึงรายละเอียดเกี่ยวกับงานแต่งที่จะมีขึ้นในเร็ววัน แต่ก่อนลุกออกไป ลุงนิพนธ์ก็ฝากนนท์ให้ช่วยดูแลน้องด้วย

    “พาน้องไปดูบ้านด้วยนะ อีกหน่อยหนูยีกับน้าวิชุดาก็จะย้ายมาอยู่ที่นี่ และก็ทำความสนิทสนมคุ้นเคยกันไว้ และอย่าทำอะไรให้น้องลำบากใจ”

    น้ำเสียงตอนหลังฟังดูเข้มขึ้น กับใบหน้าที่ไม่มีรอยยิ้ม

    “ครับพ่อ”

    นนท์รับคำ ด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นกัน

    เด็กสาวตัวเล็กได้แต่มอง สองพ่อลูกนี่ยังไงกันนะ แปลกจัง..

    ลุงกับแม่ทิ้งหนูยีไว้กับพี่นนท์ เธอทั้งประหม่าทั้งตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก

    พี่นนท์ตัวเป็นๆ มายืนอยู่ตรงหน้ายีแล้ว โอ๊ย! +.O

    “เธอเองหรอกเหรอ ที่จะมาเป็นน้องสาวฉัน”

    เสียงทุ้มต่ำ ฟังแล้วน่าขนลุก

    “คะ ค่ะ หนูเอง เอ่อ.. บ้านพี่นนท์ใหญ่จังนะคะ”

    เขาหรี่ตามอง

    “บังเอิญจังนะ ทั้งเรื่องในวันนั้น และก็วันนี้อีก”

    นั่นสิ ยียังงงเลย แต่ทำไมตอบคนละเรื่องเลยอ่ะ ~.~?

     แล้วนนท์ก็เริ่มออกเดิน เขานำหนูยีไปดูตามส่วนต่างๆ ของบ้าน และพูดแต่ประโยคสั้นๆ แค่ว่าห้องนี้คืออะไร และสุดท้ายก็พาไปนั่งที่ชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้กลางสวนหิน ที่มีทางน้ำไหล แวดล้อมด้วยแมกไม้ร่มรื่น มองไปตลอดก็จะเป็นสวนสวย สนามหญ้าเขียวขจี

     หย่อนก้นได้ไม่ทันจะพูดจา แม่บ้านก็เอาขนมกับน้ำหวานมาเสิร์ฟ พี่นนท์หยิบแก้วน้ำเย็นเจี๊ยบดื่ม หลังจากนั่นค่อยเปิดบทสนทนาที่ฟังแล้วห่างเหินไม่เหมือนก่อน ราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อวันนั้น

     “เธอกับแม่เธอคิดจะย้ายเข้ามาอยู่นี่เมื่อไหร่ จะก่อนแต่งเลยหรือเปล่า?”

     “ไม่รู้ค่ะ”

     นัยน์ตาคู่คมจ้องมอง

     ก็หนูไม่รู้จริงๆ นี่ +.+

     “ดูท่าแม่เธอคงมีความสุขมากเลยสินะ คว้าเนื้อชิ้นโตมาได้แล้วนี่”

     เอ.. เนื้ออะไร หมายความว่าอะไร ~”~?

     แต่ฟังดูเหมือนเหน็บแนมยังไม่ไม่รู้ >.<

     หนูยีขยับนั่งหลังตรง แต่มือที่วางอยู่บนตักบิดไปมา

     “เอ่อ.. หนูยังไม่ได้คืนกางเกงพละให้พี่เลย”

     นนท์เลิกคิ้วสูง หนูยีรีบกล่าวต่อ

     “ตะ แต่หนูซักให้แล้วนะ รับรองไม่มีเปรอะอะไรแน่ๆ ค่ะ”

     “ช่างเถอะ ถึงไงเดี๋ยวเธอก็จะมาอยู่บ้านนี้แล้ว จะคืนตอนไหนก็ได้”

     เขาตอบเสียงเย็นๆ ด้วยท่าทีไม่อินังขังขอบ

     จากคำพูดคำจาตั้งแต่ที่ได้เจอหน้ากันในวันนี้ หนูยีรู้สึกขึ้นมาทันที ว่าดูเขาจะไม่ค่อยชอบเธอกับแม่เท่าไหร่ แล้วไหนจะสรรพนามที่ใช้เรียกเธออีกเล่า ปรับเปลี่ยนจาก’น้อง’ มาเป็น ‘เธอ’ จนสาวน้อยเหน็บหนาวในหัวใจขึ้นมา

     “เธอจะไปวิ่งเล่นที่ไหนก็ได้นะ พี่จะอ่านหนังสืออยู่ตรงนี้  หรืออยากจะนั่งอยู่ตรงนี้ก็ตามใจ แต่ช่วยเงียบๆ หน่อยก็แล้วกัน”

     ยีกะพริบตาปริบๆ มองเด็กหนุ่มร่างสูงที่กำลังเพ่งความสนใจไปยังหนังสือ สาวน้อยไม่รู้ทำไงดี เลยบอกเขาเสียงแผ่วเบาไปว่า

     “หนูไปเดินดูอะไรแถวๆ นี้ดีกว่าค่ะ พี่อ่านหนังสือไปก็แล้วกันนะคะ หนูไม่อยากรบกวนพี่หรอก”

     แล้วเด็กสาวตัวน้อยก็ลุกขึ้น และเดินห่อเหี่ยวจากไป

     พอเห็นว่าไปไกลแล้ว นนท์ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ วางหนังสือลง และแนบหน้ากับฝ่ามือตัวเอง

     


     หนังสือพิมพ์หลายสำนักประโคมข่าว เรื่องการแต่งงานรอบที่สอง ของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลัง กับม่ายสาวลูกติดอีกหนึ่งกันครึกโครม งานแต่งงานจัดขึ้นที่ห้องบอลรูมในโรงแรมหรูหราห้าดาว มีแขกผู้มีเกียรติทั้งผู้ใหญ่ในรัฐบาล นักธุรกิจใหญ่ ผู้คนในแวดวงไฮโซมาร่วมงานมากมาย และมีพณฯท่านนายกรัฐมนตรีมาเป็นประธานอีกด้วย

     วันนี้วิชุดาอยู่ในชุดเจ้าสาวแสนสวย ยืนคู่กับเจ้าบ่าววัยสี่สิบเศษ ที่วันนี้หล่อเหลาภูมิฐานเอาการ หนูยีมองพวกเขาด้วยแววตาชื่นชม

     เหมาะสมกันจัง ^.^

     ส่วนหนูยีเองก็สวมชุดได้สวยน่ารักมาก ชุดขาวกระโปรงบานฟูฟ่องกับถุงมือยาว เหมือนชุดเจ้าสาวในขนาดย่อส่วน ทรงผมก็จัดเซ็ทได้อย่างประณีตงดงาม ทั้งถักเปีย ผูกโบว์ ดัดม้วนผมราวกับตุ๊กตาฝรั่ง และเธอยังแต่งหน้ามาอย่างอ่อนๆ อีกด้วย แต้มพวงแก้มให้เป็นสีชมพูสดใสน่าหยิก

     แล้วหนูยีก็เงยคางช้อนสายตาขึ้นไปมองชายหนุ่มข้างๆ เธอ นนท์เองก็หล่อมากในชุดทักซิโด ผมดำขลับ นัยน์ตาดำคู่สวย เข้ากับได้ดีกับสีของหูกระต่าย แม้ว่าแววตาตอนนี้จะดูเย็นยะเยียบ ไม่ส่อเค้าถึงความยินดีร่วมกับคนอื่นๆ ก็ตาม

     ทำไมต้องปั้นหน้ายักษ์ในวันแต่งด้วย จะยิ้มสักนิดก็ไม่มี..

     เด็กสาวที่น่ารักน่าเอ็นดูราวกับเจ้าหญิงน้อยถอนหายใจ

     ก่อนหน้านี้ หนูยีเคยจินตนาการฝันเฟื่องถึงงานแต่งงานระหว่างเธอกับพี่นนท์ในลักษณะนี้ แต่ในความเป็นจริง แม้ชุดที่สวมอยู่ตอนนี้ช่างเหมือนชุดเจ้าสาวเสียเหลือเกิน และก็มีพี่นนท์อยู่เคียงข้าง แต่ก็เหมือนกับมีกำแพงล่องหนมาขวางกั้น ให้เธอและเขาห่างไกลกันประหนึ่งคนละมุมโลก ด้วยการยัดเยียดคำว่า ‘พี่ชายกับน้องสาว’ ให้อย่างที่นางเอกตัวน้อยไม่เต็มใจ..

     จากลุงก็กลายเป็นคุณพ่อ จากพี่นนท์กลายเป็นพี่ชาย แต่น้องสาวคนนี้ไม่อยากได้พี่ชายนี่นา T__T

     “หนูยี เฮ้! เพื่อนเราน่ารักสุดยอดไปเลยวันนี้ อ๊ะอุ๊ย! พี่นนท์สวัสดีค่ะ!”

     กลุ่มเพื่อนๆ แก๊งน้ำแข็งใส ตอนแรกตะโกนโหวกเหวกทักหนูยี แต่พอเห็นว่ามีพี่นนท์ยืนอยู่ด้วยก็รีบสวัสดีอย่างลนลาน

     หนูยีชวนพวกนี้มาด้วย หะแรกต่างตกใจกันยกใหญ่ เมื่อรู้ว่าแม่ของยีแต่งงานกับท่านรัฐมนตรีคนดัง แต่ยิ่งมารู้ว่า หนูยีกับพี่นนท์ประธานนักเรียนของพวกเขา ต้องมาเกี่ยวดองกลายเป็นพี่น้องกันด้วยแล้ว จนป่านนี้ก็ยังช็อคกันไม่หายเลยสักที

     “พี่จำพวกเธอได้ นี่หนูยี พาเพื่อนๆ ไปหาอะไรทานสิ”

     จอยขยับเข้ามาถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ

     “แล้วพวกเพื่อนๆ พี่นั่งกันอยู่ตรงไหนค่ะ พวกน้องเผื่อจะได้ไปทักทาย”

     นนท์กลับขมวดคิ้ว ทำหน้าเคร่งขรึม

     “พี่ไม่ได้ชวนใคร”

     “ง่า..งั้นเหรอคะ แหะๆ”

     หน้าไม่รับแขกจริงๆ T.T

    แล้วพวกเพื่อนๆ ก็สะกิดยีให้พาเข้าไปในงาน และตรงไปที่โซนอาหาร ซึ่งทางโรงแรมจัดแบบค็อกเทล มีอาหารขึ้นชื่อของหลากหลายประเทศให้ได้ลิ้มลองรส ทั้งพาสต้าลาซานญ่าแบบอิตาเลียน ซูชิแบบญี่ปุ่น ขาหมูแฮมกับไส้กรอกแบบเยอรมัน บาร์บีคิวเสียบไม้แบบละตินอเมริกา อาหารกระจุ๋มกระจิ๋มแบบฝรั่งเศส ที่หนักไปทางคาเวียร์กับตับห่าน และแน่นอนว่าอาหารไทยก็มีให้เลือกอร่อยด้วย

     พวกเด็กๆ เวียนไปกินตามมุมนู้นมุมนี้กันอย่างสนุก จนกระทั่งท้องกางกันเป็นแถบๆ แต่ก็ยังไม่วายกันที่เหลือไว้สำหรับของหวานอย่างฟองดูร์ ผลไม้จำพวกเบอร์รี่จิ้มช็อกโกแลตอุ่นๆ เป็นต้น ทุกอย่างอร่อยจนหนูยีบ่นกับเพื่อนๆ ว่าชุดตรงช่วงเอวมันรัดท้องป่องๆ ของเธอเสียเหลือเกิน  

     และแล้วไฮไลต์ของงานก็มาถึง เมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวจูงมือกันตัดเค้กฟองน้ำครีมขาวสูง 7 ชั้น ด้วยกระบี่ยาวสีเงินวาววับ และ เจ้าบ่าวหอมแก้มเจ้าสาวในงาน

     หนูยีปรบมือ ใบหน้าเบิกบานอย่างมีความสุข ปลาบปลื้มยินดีไปกับคุณแม่ และฝันเหมือนเด็กสาวทั่วๆ ไป ที่อยากมีงานแต่งงานอย่างนี้สักครั้งในชีวิต กับผู้ชายที่เธอรักจนสุดหัวใจ

     คิดได้เช่นนั้นแล้วจึงเหลือบมองไปทางเด็กหนุ่ม ผู้ที่ต่อไปนี้จะต้องเรียกเขาว่าพี่ชายให้ชินปาก และถอนใจ

     ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ พระเจ้าทรงเล่นตลกอะไรกับเรางั้นหรือ T__T


     เสียงนาฬิกาปลุกดังอยู่นาน กว่าหนูยีจะตื่นมาอย่างงัวเงีย เห็นห้องนอนแปลกตาไป ต้องใช้เวลาสักพักกว่าสมองจะเริ่มทำงาน เธอไม่ได้อยู่ในห้องนอนของบ้านหลังเดิมอีกแล้ว สองสามวันก่อนงานแต่ง แม่กับหนูยีได้ย้ายมายังบ้านหลังใหม่ สาวน้อยกวาดตามองไปรอบๆ จากเตียงนอนขนาดใหญ่ ห้องกว้างขวาง มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน และตกแต่งอย่างสวยหวานราวกับห้องบรรทมของเจ้าหญิงน้อย

     ห้องน้ำมีในตัว หนูยียืนแปรงฟันอยู่หน้ากระจก ในเงาสะท้อน เธอเห็นเด็กสาวร่างเล็กบาง ใบหน้าสะลึมสะลือ ผมหนาๆ ฟูแลดูยุ่งเหยิง แล้วก็ถอนหายใจ

    วันนี้รวบเป็นหางม้าง่ายๆ ก็แล้วกัน :-{

    บรรยากาศบนโต๊ะอาหารยามเช้าดูสดใสพอสมควร เมื่อมีสามีภรรยาคู่ใหม่ปลามัน ที่กำลังคุยกันกะหนุงกะหนิง หากแต่บรรยากาศอีกด้านหนึ่งของโต๊ะกลับน่าอึดอัด เพราะมีพี่นนท์นั่งหน้าบูดเป็นตูดลิง และพอหนูยีหย่อนก้นลงบนเก้าอี้อีกด้าน นัยน์ตาคมๆ ก็ฉายแววหงุดหงิดขึ้นมา 

     “ทำไมลงมาช้าจัง รู้มั้ยมันสายมากแล้วนะ”

     พี่นนท์ว่า หนูยีหน้าจ๋อยไปถนัด ก่อนจะรีบทานอาหารเช้าชุดใหญ่ มีทั้งไส้กรอกเบคอน ไข่ดาว แพนเค้กราดน้ำผึ้ง และน้ำส้มแก้วใหญ่

     นิพนธ์พอได้ยินลูกชายว่าลูกสาวคนใหม่ ก็ใช้สายตาดุๆ ตำหนิ

     “แกจะรีบร้อนอะไรกันนัก อีกตั้งนานกว่าโรงเรียนจะเข้า แกจะเร่งน้องทำไม เด็กผู้หญิงก็ต้องใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวนานเป็นธรรมดา”

     นนท์ถอนหายใจแรง

     “ก็ผมต้องไปจัดการงานต่างๆ ที่กองพะเนินอยู่ในห้องกรรมการนักเรียนนี่ครับ และอีกอย่างมันดูไม่ดี หากประธานฯจะไปโรงเรียนสาย ถ้าไม่ติดต้องพาหนูยีไปด้วย ผมคงไปเองนานแล้ว”

     ~.~; ลืมไปเลย ยีผิดเองที่มัวแต่ชักช้า พี่นนท์อย่าโกรธเลยนะ..

    หนูยีวางช้อนลง รีบดื่มน้ำส้ม

     “หนูเสร็จแล้ว ไปได้เลยค่ะ”

     “หนูยีทานต่อเถอะ” นิพนธ์บอก “เด็กกำลังโตต้องทานเยอะๆ แล้วเจ้านนท์ ถ้าแกรีบนักก็ไปเองเลย เดี๋ยวฉันไปส่งหนูยีเองก็ได้”

     บรรยากาศชักไม่ค่อยดีแล้ว สงครามเย็นของพ่อลูกคู่นี้ วันๆ มีไม่รู้กี่ครั้ง นับตั้งแต่หนูยีกับวิชุดาย้ายมา

     “ไม่เป็นไรค่ะ หนูยีอิ่มแล้วจริงๆ เช้าๆ หนูยีไม่ค่อยอยากทานอะไร เอ่อ พี่นนท์คะ เราไปกันเถอะค่ะ”

     สิบห้านาทีต่อมา พวกเขาทั้งสองก็มายืนอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า เป็นครั้งแรกที่หนูยีได้มาใช้บริการ ก็เลยโก๊ะมาตั้งแต่ช่องขายตั๋ว ดีนะที่มีนนท์มาด้วย เขาจัดการทำตั๋วเดือนให้เสร็จสรรพ แต่พอจะผ่านเครื่องแผงกั้นอัตโนมัติ หนูยีก็ยัดบัตรใส่ผิดๆ ถูกๆ ร้อนถึงนนท์ที่เข้าไปด้านในแล้วต้องย้อนกลับมาช่วย และพอขึ้นไปถึงชานชาลาแล้ว ความโก๊ะก็ยังไม่จางหาย เมื่อนนท์คลาดสายตาไปหน่อย สาวน้อยก็ดันทะเล่อทะล่า ไปยืนหลังเส้นเหลือง ชิดขอบชานชาลา เพราะอยากเห็นราง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป่านกหวีดปรี๊ดๆ และโบกมือไล่ เธอก็ยังอุตส่าห์ทำหน้าเหลอหรา จนเมื่อนนท์รีบฉุดมือกลับเข้ามา และดุเสียงดัง

     “มานี่! ไปยืนเลยเส้นเหลืองทำไมกัน ไม่รู้หรือยังไงว่าเขาห้าม!”

     หนูยีหน้าเสีย

     ก็หนูไม่รู้นี่ T.T

     “เธออย่าทำให้พี่หนักใจจะได้มั้ย เมื่อเช้าก็ทีนึงแล้ว รู้เสียบ้างสิ พี่ต้องพาเธอไปโรงเรียนด้วยทุกวัน ฉะนั้นถ้ารู้ว่าอาบน้ำแต่งตัวนาน ก็หัดตื่นให้มันเช้ากว่านี้หน่อย..”

     พี่นนท์บ่นไปตลอดทาง ฟื้นฝอยหาตะเข็บ วกไปเรื่องเมื่อเช้าบ้าง เรื่องที่เธอโก๊ะบ้าง ยีทำหน้าเศร้า จนไม่มีกะจิตกะใจจะดูวิวกรุงเทพฯในมุมสูงเลย แต่แล้วหนูยีก็เพิ่งรู้สึกตัว พี่นนท์จับมือไว้ตลอด เพราะด้วยความกลัวว่าเธอจะทะเล่อทะล่าแบบเมื่อกี้อีก มือใหญ่ที่อบอุ่น หัวใจดวงน้อยก็เลยพลอยอุ่นตามไปด้วย

     แต่เมื่อใกล้มาถึงหน้าโรงเรียน นนท์ปล่อยมือเสียดื้อๆ ทำให้หัวใจสาวน้อยหล่นหายไปห้องหนึ่ง และเมื่อได้ฟังที่พี่นนท์พูด ก่อนจะแยกไป ก็เล่นเอาหนูยีแทบน้ำตาซึม

     “แล้วตอนอยู่โรงเรียน เธออย่ามากวนพี่นะ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็น งานรับผิดชอบพี่เยอะ ไม่มีเวลามาเล่นกับเด็กๆ หรอก ส่วนเรื่องที่เราต้องมาเป็นพี่น้องกัน นอกจากพวกนั้นแล้ว ก็อย่าบอกให้ใครรู้อีก เข้าใจเปล่า?”

     T.T ก็ได้ค่ะ.. แต่หนูยีไม่เด็กแล้วนะ..

     ยีกลุ้มใจ เลยปรึกษาเพื่อนๆ ระหว่างที่เดินกลับเข้าห้องเรียน หลังเคารพธงชาติ

     “พี่นนท์จริงจังจังนะ ทั้งที่ดูเหมือนเพลย์บอยแบบนั้น”

     เบลพูดขึ้น

     “แต่ฉันว่าพี่นนท์หาข้ออ้างมากกว่า ฟังจากที่เล่า ดูพี่นนท์ไม่ค่อยปลื้มที่ได้หนูยีมาเป็นน้องเลย”

     เดชค้าน พร้อมกับส่งสายตาเชิงสงสารลอดแว่นมา

     “ไม่ใช่แค่นั้นนะ ท่าทางพี่นนท์จะไม่อยากมีแม่ใหม่ด้วย”

     จอยเสริม เธอนึกภาพหน้าตามู่ทู่ของนนท์ ตอนถ่ายรูปหมู่ในวันงาน

     “พี่นนท์อาจจะคิดว่า แม่ของหนูยีกับหนูยีเป็นคนมาแย่งความรักที่พ่อมีให้ก็ได้นะ”

     เดชเสนอแนะ แต่เบลแย้ง

     “พี่นนท์เค้าไม่ได้ดูเป็นลูกแหง่ติดพ่อซักหน่อย นายคิดฟุ้งซ่านไปแล้ว”

     “มันก็ไม่แน่นะ” เดชส่ายนิ้ว พลางตีสีหน้าเคร่งขรึม พูดราวผู้รู้ “คนที่ภายนอกดูเพอร์เฟ็คมากอย่างพี่นนท์ แต่จริงๆ แล้ว เขาอาจต้องการความรักความเอาใจใส่มากกว่าใครก็ได้ พี่นนท์ถึงได้ชอบพิสูจน์ตนเอง ให้ทุกคนรู้ว่าเก่งกาจไปทุกด้านไง”

     –“-  อืม.. น่าคิดเนอะ ช่วงเวลาไม่กี่วัน ที่ได้อยู่ในบ้านเดียวกัน สังเกตได้เลย พี่นนท์กับพ่อก็ดูระหองระแหงกันอย่างบอกไม่ถูก

     แต่ที่สำคัญ ก็เรื่องที่เดชกับจอยพูดเมื่อตะกี้ พี่เค้าท่าทางไม่ชอบหนูยีกับแม่จริงๆ นั่นแหละ เฮ้อ.. คิดแล้วก็อยากร้องไห้จัง T.T

     


     พักกลางวันหลังทานอาหารเสร็จ หนูยี จอย และเบล นั่งคุยกันอยู่ตรงโต๊ะหิน พร้อมกับดูเดชกับพวกเด็กผู้ชายเตะฟุตบอลพลาสติกกัน เพื่อนซี้สี่ตาเล่นเป็นผู้รักษาประตู คอยเฝ้าประตูเล็กๆ ที่ใช้อิฐตัวหนอนแทนเสา ท่าทางก๋องๆ แก๋งๆ ดูตลกขบขันเวลาสกัดลูกบอล

     “วู้…! เข้าไปอีกแล้ว กันดีๆ หน่อยดิ๊เดช”

     เบลตะโกนเยาะเย้ย เดชทำหน้ายุ่งๆ ส่งมา และกลับไปตั้งสมาธิจดจ่อกับเกมใหม่

     “เธอนี่ชอบแซวเดชจังนะ คิดอะไรอยู่หรือเปล่า?”

     จอยกระเซ้า ขณะกินมันฝรั่งถุง มือมันปากมันไปหมด เบลตาโต และทำเสียงสูงตามตัว

     “บ้าป่ะ ชั้นไม่ได้คิดอะไรกับอีตานั่นเลย ตัวแห้งๆ อย่างนั้น นี่ๆ อย่ามาจับคู่มั่วซั่วเลยนะ”

     จอยหัวเราะ หลิ่วตากับยี พลางกล่าว

     “ฉันก็แค่ล้อเล่นเอง ไม่เห็นต้องร้อนตัวเลย ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ อิอิ”

     เบลชักฉุน ขณะสองสาวขยับปากจะต่อล้อต่อเถียง (กันประจำ) หนูยีก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงรีบสะกิดบอกเพื่อนๆ ใหญ่ จอยกับเบลหันไปมอง และก็อุทาน

     “พระเจ้าช่วยกล้วยทอด! นั่นพี่ชายเธอนี่ยี แต่ว่าเขาเดินมากับสาวที่ไหนอีกล่ะนั่น?”

     ง่า.. อย่าเอาพระเจ้าไปทอดกล้วยสิ ~”~

    “ไม่ใช่โยโกะนี่นา ทางทางจะเป็นเด็กม.ปลายเหมือนกัน สวยซะด้วยนะ แต่หน้าคุ้นๆ”

     หนูยีบอกพร้อมกับชะเง้อคอดู

     พี่เรา สาวเยอะจริงๆ !

     “ถ้าคนนี้เรารู้จักนะ” จอยเจ้าแม่ข้อมูลอัพเดทวงการบันเทิงพูดขึ้น ทุกคนหันมามอง “เธอชื่อครีม เป็นดาวของม.5 เร็วๆ นี้ก็เพิ่งเป็นนางเอกมิวสิคให้กับวง 4play“

     “จริงง่ะ เออใช่ว่ะ ถึงว่าทำไมหน้าคุ้นๆ แต่เห็นใครๆ เค้าลือกันไม่ใช่เหรอ ว่าเธอคบอยู่กับนิค นักร้องนำวง 4play”

     “ต๊าย!” เบลจับแขนจอย “หล่อได้ใจทั้งวงเลยนะ แล้วพี่นิคน่ะ สุดเลิฟของชั้นเลยนะยะ โหย..เท่ซะ แล้วนังครีมมันมาตีสนิทอะไรพี่นนท์เค้าอีกล่ะ อย่าบอกนะว่ากะจะจับทั้งสองหนุ่ม!”

     คู่แข่งตัวฉกาจอีกคนปรากฏตัว ที่โยโกะยังแทบเทียบไม่ติด ทุกคนเพ่งดูสาวสะสวย ผิวขาวกระจ่างใส กำลังหัวเร่อต่อกระซิกกับนนท์ เวลาเธอหัวเราะแต่ละครั้ง ก็จะเห็นเหล็กดัดฟันสีชมพู หนูยีเห็นแล้วก็ทำหน้าเศร้าไปถนัด และเหมือนนรกแกล้ง เมื่อพวกเขาเดินย่างกรายมาทางนี้พอดี!

     นนท์สังเกตเห็นหนูยีกับเพื่อนๆ แล้ว หน้าเขาเปลี่ยนสีนิดหนึ่ง แล้วกุมมือครีมผ่านเลยไป ไม่! แม้แต่จะแวะเอ่ยปากทัก!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×