ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัญจวนรักเพลิงพิศวาส

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 545
      0
      21 ต.ค. 58




     

    เมลินดาหมุนปากกาในมือเล่นอย่างใจลอย เธอว่างตลอดทั้งเช้าเพราะวันนี้มัญชรีไม่ได้เข้ามาแต่โทรฯสั่งงานแทน เธอไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่บอสสาวทำนัก มัญชรีจะรู้ไหมนะว่านวัฒน์มีครอบครัวแล้ว ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดูแล้วคงไม่ราบรื่นสักเท่าไหร่ เกิดอะไรขึ้นกันนะทั้งภูรินท์เองก็ดูไม่สนใจมัญชรีอย่างที่ควรจะเป็นแต่กลับมาคอยตามตื้อเธอแทนเสียนี่ ครอบครัวนี้ดูแปลกพิกล หญิงสาวสะบัดไล่เรื่องของคนอื่นออกไปจากใจ ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงกันเธอไม่ควรสน เธอสนแค่ว่าจะทำยังไงให้ภูรินท์เลิกยุ่งกับเธอดีนะ เมลินดาเหลือบมองนาฬิกา บัดนี้ทั้งเข็มยาวเข็มสั้นพร้อมใจกันชี้ไปที่เลขสิบสองแล้ว เธอกำลังคิดอยู่ว่าเที่ยงนี้จะทานอะไรดี ทันใดนั้นเองเสียงเครื่องมือสารก็ดึงความสนใจเธอไปที่มัน เมื่อหยิบออกมาดูเธอต้องแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะน้อยนักที่เจ้าของเบอร์นี้จะติดต่อมาหาเธอหากว่าไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรง

    “ค่ะแม่!” เมื่อเธอกดรับเสียงจากปลายสายสนทนาส่งคำถามกลับมา

    “เที่ยงนี้แกว่างรึเปล่า ออกมาทานข้าวกับแม่หน่อยสิ”

    “ทานข้าว? แม่มากรุงเทพฯเหรอคะ”

    “อืม...มาเมื่อเช้า เพิ่งคุยงานเสร็จ นานแล้วที่เราไม่ได้มาทานข้าวด้วยกัน”

    “ได้ค่ะ” เธอรีบตอบอย่างงุนงง

    ที่แปลกใจไม่ใช่เพราะนางเมริสาชวนไปทานข้าว อีกฝ่ายพูดถูกที่บอกว่านานเพราะจริงๆ น้อยมากที่จะได้อยู่ทานข้าวด้วยกัน เมริสาเป็นคนงานยุ่งอยู่ตลอดเวลา แทบจะไม่เคยสนใจเธอเลยมันไม่ใช่เรื่องปรกติที่ผู้เป็นแม่จะชวนเธอไปทานข้าวแบบนี้มันเลยอดคิดไม่ได้ว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ เลย กระนั้นเธอก็เก็บของบนโต๊ะจนเรียบร้อยแล้วจึงออกไปตามนัด

    ทว่าเมื่อลงมายังด้านล่างมีอะไรให้เธอแปลกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นชายหนุ่มมายืนรอ หญิงสาวแสดงอาการเบื่อหน่ายคล้ายไม่ยินดีแต่ยินร้ายเสียมากกว่า

    “นวัฒน์...มาทำอะไรที่นี่”

    “คุณแม่ชวนผมไปทานข้าว เห็นว่าเป็นทางผ่านเลยแวะรับคุณไปด้วยกัน” ชายหนุ่มเอ่ยบอกด้วยใบหน้าแช่มชื่นเหลือเกิน เธอไม่อาจปฏิเสธได้จึงจำเป็นต้องไปพร้อมกับเขา

     

    ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านสุขุมวิท ชายหนุ่มนั่งหน้าบอกบุญไม่รับ เขาไม่สนใจเมนูอาหารที่พนักงานวางไว้ให้เลยสักนิด ขณะที่อีกคนนั่งไขว่ห้างเปิดเมนูอาหารอยากอารมณ์ดี

    “ช่วยทำหน้าดีๆ หน่อยได้ไหม ไม่บ่อยนะที่เราจะมาทานข้าวด้วยกัน” มัญชรีว่าแม้อีกคนจะดูไม่สบอารมณ์ก็ตามที

    “ที่ผมมาก็เพราะคุณบอกว่าพ่อแม่คุณชวนรามาทานข้าว แล้วไหนล่ะ” เอ่ยถามหาและยังจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจ

    “ก็พอดีพ่อแม่ฉันติดธุระ ทำไมทานข้าวกับฉันไม่ได้รึไง” เธอรู้เขาไม่เต็มใจแต่เธอสนเสียที่ไหนก้มลงอ่านเมนูต่อ เมื่อเลือกอาหารได้แล้วมองหาพนักงาน หากแต่กลับเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินเข้าร้านมาแทน

    “นั่นยัยเลขาฉันนี่ มาทานข้าวกับแฟนเก่าด้วย”

    พอจบเสียงอุทานของมัญชรี ภูรินท์ที่นั่งหันหลังให้ทางเข้าเอี่ยวหน้ากลับไปมองก่อนที่ปมคิ้วจะปรากฏขึ้น มันขมวดมุ่นเมื่อมองทั้งคู่เดินเข้ามาและยังประโยคสุดท้ายยิ่งทำให้เขาประหลาดใจมาก

    “แฟนเก่า...ไหนว่าเป็นสามีของน้องสาวไง” เขาถามออกไปอย่างลืมตัว มัญชรีล่ะสายตาจากทั้งสองมาทันที

    “คุณรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นสามีของน้องสาว”

    ภูรินท์สะดุดอยู่อึดใจเลยทีเดียว แต่ก็หันกลับมาเผชิญหน้าพร้อมกับส่งคำถามแทนคำตอบกลับไปเหมือนกัน

    “นั่นสิ...คุณรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นแฟนเก่ากัน”

    มัญชรีจ้องนิ่งคนเบื้องหน้า เรียวปากฉาบลิบสติกสีแวววาวกระตุกที่มุมนิดหนึ่งอย่างนึกสนุก อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร

    “ก็..ฉันกับนวัฒน์เรารู้จักกันเป็นการส่วนตัว”

    เธอจงใจพูดกำกวมเพื่อต้องการยั่วให้อีกฝ่ายคิดต่อว่าส่วนตัวที่เธอหมายถึงนั้น มันส่วนตัวแค่ไหน ยิ่งเห็นเขามีอาการคล้ายคนไม่ชอบใจอะไรบางอย่าง มัญชรีจึงคิดไปว่าเขาอาจจะรู้สึกอะไรกับเรื่องนี้บ้าง ทึกทักเอาเองว่าสีหน้าขึงขวางเป็นเพาะเขากำลังหึงตน หากแต่เธอไม่รู้ว่าที่เขาหึงนั่นหาใช่เธอแต่เป็นอีกคนต่างหาก และเมื่อนวัฒน์กับเมลินดาเดินผ่านมาเธอจึงร้องทัก

    “ไง นวัฒน์ เมลินดา บังเอิญจัง มาทานข้าวกันสองคนหรือ”

    ทั้งสองหยุดตามเสียงทักทายของหญิงสาว เมลินดาสะดุดเล็กน้อยเมื่อเห็นภูรินท์ เธอไม่กล้ามองหน้าเขาเลยหากแต่นวัฒน์นั้นกลับมองภูรินท์อย่างไม่วางตา

    “เปล่าหรอกครับ เรามาทานกับข้าวกับคุณแม่” นวัฒน์บอกโดยที่ไม่ยอมล่ะสายตาจากภูรินท์ขณะที่เจ้าตัวเองก็จับจ้องอยู่ที่เมลินดาไม่ยอมวางเช่นกัน มัญชรีนั้นฉายยิ้มอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเธอดูพออกพอใจที่ภูรินท์แสดงอาการไม่ชอบใจนวัฒน์ก่อนเอจะแนะนำออกมา

    “เกือบลืม...นี่ภูรินท์สามีฉันเองค่ะ”

    เมื่อได้ยินดังนั้นสิ่งแรกที่นวัฒน์ทำคือหันไปมองเมลินดาที่ยืนก้มหน้าทันที ความเริ่มกระจ่างทีล่ะน้อย เขาเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เอง

    “ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งครับ” นวัฒน์ฉายยิ้มที่แลดูชั่วร้ายมากกว่าประสงค์ดี แม้ภูรินท์จะไม่แสดงอาการใดๆ แต่ตนรู้ว่าอีกฝ่ายคงใจเต้นระส่ำอยู่เป็นแน่

    “อีกครั้ง...คุณเคยเจอกันแล้วเหรอ” มัญชรีขมวดคิ้วถาม นึกสงสัยอยู่ว่าสองคนนี้ไปเจอกันตอนไหน

    “ครับ เราเคยเจอกันหน้าอพาร์ตเม้นต์” นวัฒน์หยุดไว้แค่นั้นไม่ได้บอกต่อ มัญชรีกำลังจะอ้าปากถามอยู่พอดีกับเมลินดามองเห็นนางเมริสาเข้าเสียก่อน ความโล่งอกจึงพรูออกมาพร้อมกับลมหายใจ

    “แม่มาแล้ว เมย์ขอตัวก่อนะคะ” เธอรีบบอกมัญชรีกลัวนวัฒน์จะพลั้งปากพูดอะไรออกไป เธอไม่อยากคิดเลยว่าหากมัญชรีรู้จะมีปฏิกิริยายังไง เมื่อมัญชรีพยักหน้าคล้ายอนุญาต เธอจึงรีบดึงแขนนวัฒน์ออกมาจากตรงนั้นตรงไปหาเมริสาทันที

    “อ้าว! พวกแกมาด้วยกันรึ” นางมองทั้งคู่อย่างสงสัย เริ่มระแวงว่าสองคนนี้แอบเจอกันอยู่อีกรึเปล่า

    “พอดีเป็นทางผ่านน่ะครับ ผมเลยแวะรับเมย์มาด้วยกัน” นวัฒน์อธิบายยิ้มๆ

    “แค่นั้นจริงๆ หรือ นี่แกสองคนคงไม่ได้แอบพบกันอีกใช่ไหม”

    “จะใช่ได้ยังไงล่ะคะแม่ เราไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก” เมลินดารีบบอกเพราะอีกฝ่ายเข้าใจผิด แม้จะสงสัยเพียงใด

    แต่นางเมริสาเองก็ไม่ได้ถามต่อเพราะมีเรื่องอื่นที่ต้องสนใจกว่า

    “มาเถอะ แม่จองโต๊ะไว้แล้ว”

    “นึกยังไงถึงชวนเรามาทานข้าวครับ”

    “แล้วมันน่าแปลกตรงไหน คนในครอบนัดกันทานข้าว” นางว่าเพลงเหล่ตามอง ก่อนตามพนักงานไปที่โต๊ะ ทว่านางยังไม่สั่งอาหารทันที เมื่อเมลินดาจะสั่งนางจึงร้องห้าม

    “อย่าเพิ่ง รอแขกก่อน”

    “แขก” เมลินดาทวนคำเบาๆ

    “อ๊ะ...พูดถึงมาพอดี” นางรีบลุกขึ้นรับเมื่อมองเห็นชายวัยกลางคนเดินมาหา เมริสาดูเทคแคร์ชายคนนี้เป็นพิเศษเมลินดากับนวัฒน์จึงมีท่าทีนอบน้อมต่อเขา

    “รอนานไหมครับ รถติดมากเลยช้าไปหน่อย” เขาบอกถึงเหตุผลที่ต้องให้พวกเธอรอ

    “ไม่เลยค่ะ เชิญนั่งค่ะ...นี่เมลินดาลูกสาวดิฉันเอง ส่วนนวัฒน์ลูกเขย” นางเมริสาแนะนำอย่างเรียบๆ ขณะที่อีกฝ่ายนั่งลงตามคำเชิญ

    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ไม่นึกว่าคุณเมริสาจะมีลูกสาวสวยขนาดนี้ นี่คนพี่ใช่ไหม”

    “ใช่ค่ะ คนน้องอยู่บ้านไม่ได้มาด้วย”

    “อ่อ...งั้นหรือ”

    คุยกันไปพักใหญ่เลยทีเดียว เมลินดาถึงพอจะจับใจความบทสนทนาได้ พิภพเป็นเจ้าของเหมืองแร่ทองคำแห่งหนึ่ง มีผลผลิตออกสู่ตลาดมากมาย เมริสาเองก็เป็นหนึ่งในคู่ค้า ซึ่งในแต่ล่ะปีพิภพจะส่งเข้าโรงงานของเมริสาจึงไม่แปลกเลยที่นางดูจะเกรงอกเกรงใจพิภพนัก เมลินดานั่งฟังอย่างเบื่อๆ นวัฒน์เองก็เช่นกัน ขณะที่เมริสาพูดคุยเรื่องเหมืองแร่อยู่นั้นพิภพเองกลับดูไม่ค่อยสนใจ นัยน์ตาแพรวพราวนั้นเอาแต่เหล่มองหญิงสาวรุ่นลูกอยู่เป็นนิจเมริสาเองก็จับอาการนี้ได้จึงยิ้มกริ่มด้วยความพอใจเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน

    “หนูเมย์ทานน้อยจัง ไม่อร่อยหรือ” พิภพเอ่ยถามเมื่อเห็นเมลินดาวางช้อนของตนลง

    “เปล่าค่ะ เมย์ไม่ค่อยหิว” เธอตอบตามมารยาทแอบเหล่มองนาฬิกาเพราะอยากกลับบริษัทใจจะขาด เวลานี้เธอรู้สึกอึดอัดเพราะสายตากรุ้มกริ่มของพิภพและที่สำคัญเธอรู้สึกแปลกพิกลเมื่อเห็นภูรินท์มาทานข้าวกับมัญชรี เธอไม่น่ารู้สึกอะไรเลยเพราะมันน่าจะเป็นเรื่องปรกติยู่แล้วเขาเป็นสามีภรรยากันหากแต่มันรู้สึกแปลบปลาบในใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้พยายามจะไม่มองแต่ก็อดไม่ได้

    โดยที่ขณะนั้นนวัฒน์เองก็ลอบสังเกตกิริยานี้ของเธอ เขาเห็นเธอเอาแต่มองภูรินท์แอบสะใจอยู่ลึกๆ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่พอใจพิภพอยู่เล็กน้อย สายตาที่มองเธอมันช่างขัดใจเขานัก ดูท่าเสือแก่ตัวนี้จะพออกพอใจหญ้าอ่อนเสียแล้ว ถึงว่าปรกติไม่เคยเห็นเมริสาสนใจเมลินดา แต่วันนี้กลับชวนมาทานข้าวเพราะอย่างนี้นี่เอง

    การสนทนาดูน่าเบื่อสำหรับเมลินดามาก เวลาก็เดินช้าเหลือเกิน บัดนี้ทั้งโต๊ะเหลือเธอกับผู้เป็นแม่เพียงสองคน เพราะพิภพออกไปคุยโทรศัพท์ ส่วนนวัฒน์เข้าห้องน้ำ นางเหลือบมองบุตรสาวอย่างคนครุ่นคิด

    “งานเป็นไงบ้าง มาอยู่พักหนึ่งแล้วนี่ ดีไหม”

    “ก็ดีค่ะ เมย์เริ่มชินแล้ว”

    “แม่อยากให้แกไปทำงานกับแม่มากกว่า ทำงานกินเงินเดินน้อยนิดจะไปพออะไร ไปช่วยแม่ แม่ให้เงินเดือนสูงกว่านี้อีก” นางว่า ซึ่งสำหรับเมลินดานั้นแปลกมาก

    “ไม่ดีกว่า หนูไม่อยากให้ใครว่าหนูเป็นเด็กเส้น” อันที่จริงไม่ใช่แค่เรื่องนี้ที่ทำให้เธอไม่อยากไปทำงานกับเมริสา หากแต่เพราะเธออยากอยู่ห่างๆ จากครอบครัวที่แสนวุ่นวาย เพราะต้องเผชิญอารมณ์หึงหวงของพิมพ์ดาวอยู่บ่อยครั้ง เลยคิดว่าการออกมาอยู่คนเดียวอาจจะดีกว่า

    “แล้วนี่..แกมีใครแล้วรึยัง”

    คำถามนี้ทำเอาเธอเผลอมองไปที่ภูรินท์ จะเรียกว่ามีก็คงไม่ถูกนัก เพราะเรื่องเธอกับเขามันเริ่มเร็วและจบเร็ว แม้ทุกวันนี้เขาจะยังไม่ยอมปล่อยเธอ กระนั้นเธอก็ไม่คิดจะสานต่อความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนนั้น ไม่พาตัวเองไปติดบ่วงกิเลสที่ไม่มีวันจบ

    “ยังค่ะ”

    “งั้นเหรอ...แม่ว่าแกก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรหาใครสักคนมาดูแลได้แล้ว” นางเอ่ยลองเชิงเพื่อดูปฏิกิริยาของลูกสาว

    “คงยังหรอกค่ะ เมย์ชอบชีวิตแบบนี้ ถึงไม่มีใครเมย์ก็อยู่ของเมย์ได้ค่ะ เมย์ดูแลตัวเองได้”

    “แต่มันอาจจะทำให้ยัยพิพม์ไม่สบายใจ แกก็รู้ยัยพิมพ์ยังระแวงกลัวแกกับนวัฒน์กลับไปหากันอีก แม่สงสารน้อง”

    คำว่าสงสารคำนี้เธออยากให้มันมาหาเธอบ้างจังเลย เมริสาห่วงแต่ความรู้สึกของพิมพ์ดาว ไม่ว่าอะไรก็ต้องให้เธอเป็นคนเสียสละให้น้องตลอด แม้แต่คนรักเธอก็ต้องยอมยกให้ ถึงจะอิจฉาสักเท่าไหร่แต่เธอก็ไม่เคยเอ่ยปากเลยสักคำ

    “อย่าห่วงเรื่องนั้นเลยค่ะ เมย์ไม่มีทางกลับไปหานวัฒน์หรอก เรื่องของเรามันจบลงไปนานแล้ว สำหรับเมย์จบก็คือจบ” เธอยืนยันอย่างหนักแน่นถึงความตั้งใจ เมื่อสายใยที่เคยมีขาดลงไปแล้วมันไม่มีทางกลับมาต่อกันติดได้

    “แกจบ แต่นวัฒน์ไม่จบ หากแกยังลอยไปลอยมาตัวเปล่าอยู่แบบนี้เขาจะไม่มีวันเลิกยุ่งกับแก แต่ถ้าแกมีครอบครัวไปเสีย ปัญหาทุกอย่างก็จะจบ”

    “แล้วแม่จะให้หนูทำยังไงคะ หนูผิดหรือที่เลือกจะอยู่คนเดียว”

    “แม่ก็แค่อยากอุ่นใจกว่าถ้าแกลงหลักปักฐานกับใครสักคนเสียที” นางว่าบีบเรื่องเข้าไปทีละนิด

    “ที่อุ่นใจเพราะกลัวหนูจะเป็นปัญหาให้ยัยพิมพ์ใช่ไหมคะ” นำเสียงนี้ของเธอเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เธอคงเป็นตัวปัญหาของเมริสามากสินะ “หนูจะไปลงหลักกับใครได้ล่ะคะ”

    เมริสาพยายามเก็บรอยยิ้มของตนไว้เมื่อเมลินดาเข้าประเด็นมาโดยที่ตนไม่ต้องเป็นคนเปิดก่อน มองไปที่หน้าร้านพิภพยังคุยโทรศัพท์อยู่

    “คุณพิภพเขาดูสนใจแกไม่น้อยนะ แกไม่คิดจะมองเขาสักหน่อยหรือ”

    “เขาเป็นพ่อหนูได้เลยนะคะนั่น” เมลินดานิ่วหน้าที่อยู่ๆ เมริสาก็มาเชียร์เธอให้ชายรุ่นพ่อ แม้ดูอายุอานามแล้วจะห่างแม่ของเธอไปไม่เท่าไหร่ ถึงอายุจะเข้าเลขห้าไปแล้ว หากแต่หน้าตาไม่ได้เป็นไปตามวัยเลยสักนิด ถึงอย่างนั้นมันคงขัดน่าดูหากเธอจะต้องมีสามีคราวพ่อเช่นนี้

    “แต่เขารวย...แม่หมายถึงเขายังไม่มีครอบครัว ฐานะการเงินก็ดี หน้าตาก็หล่อเหลา เขาไม่ได้แก่อะไรมากมายเลยนี่”

    “หนูไม่ได้รังเกียจเรื่องอายุหรอกค่ะ แต่คนเราหากจะแต่งงาน มันต้องเกิดจากความรักเท่านั้น แต่นี่หนูเพิ่งรู้จักเขาได้วันเดียวเอง”

    “แกยังมีเวลาที่จะเรียนรู้เขาอีก อย่าเพิ่งปฏิเสธตอนนี้สิ ความรักอย่างเดียวมันกินไม่ได้หรอกนะ แกต้องมองถึงอนาคตสิ ถ้าแต่งกับเขาแกจะสุขสบายไปทั้งชาติเลย”

    “ถึงไม่มีใครหนูก็มั่นใจว่าจะดูแลตัวเองได้ค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงหนู” เมลินดาจบประโยชน์ด้วยการประชดนิดๆ เธอรู้ว่าความห่วงใยนี้ไม่ได้ออกมาจากใจจริงของแม่เลยสักนิด

    เช่นเดียวกันกับนางเมริสาที่หงุดหงิดเหลือเมื่อลูกสาวตัวดีไม่คล้อยตาม เหมือนความหวังจะดับวูบลงไป จุดประสงค์ที่นัดเธอออกมาไม่อาจจะบรรลุได้ง่ายๆ จะทำยังไงดีนะ หากเมลินดายอมตกลงมันจะเป็นผลดีกับตนมากทีเดียว เพราะตนอาจจะได้สัมปทานจากบริษัทของพิภพแบบถาวรเลยก็ได้ ทำยังไงเธอถึงจะยอมนะ









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×