ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัญจวนรักเพลิงพิศวาส

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 610
      1
      16 ต.ค. 58




     

    เย็นวันนั้น เมลินดาเลิกงานตามปรกติ มัญชรีกลับไปตั้งแต่บ่ายแล้ว เธอต้องทนรองรับอารมณ์ของบอสสาวอย่างมีน้ำอดน้ำทน มัญชรีอารมณ์เสียทั้งวันทั้งเหวี่ยงทั้งวีนแม้แต่เรื่องเล็กน้อย อรดีนั้นเคยเจอแบบนี้บ่อยจึงเห็นเป็นเรื่องปรกติแต่สำหรับเมลินดาเพิ่งเคยเจออารมณ์ร้อนของนายสาวเลยค่อนข้างตกใจ เมื่อจัดการเก็บงานจนเสร็จเธอกับอรดีได้พากันลงมา ซึ่งคนอื่นๆ ได้ทยอยกลับกันแล้ว

    “ฉันน่ะเจอแบบนี้บ่อย คุณมัญชรีนะเคยเหวี่ยงถึงขนาดตบหน้าเลขาคนเก่าเพียงเพราะชงกาแฟไม่ถูกใจ เธอเป็นคนอารมณ์ร้อน ถ้าดีล่ะก็แม่พระมาโปรดเลย แต่ถ้าร้าย เชื่อฉันเหอะเธอคงไม่อยากเห็นแน่ เจ้าแม่ขาวีนตัวจริง” อรดีป้องปากกระซิบกระซาบราวกับกลัวเจ้าตัวจะมาได้ยิน มันก็น่ากลัวอยู่หรอก

    “เมย์คงต้องระวังมากกว่านี้ใช่ไหมคะ”

    “ก็คงงั้น แต่มันก็คุ้มนะ ฉันทำงานมาหลายที่ แต่ไม่มีที่ไหนที่ได้เงินเดือนสูงขนาดนี้ ถ้ามองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปได้ที่นี่มันดีกว่าอื่นเยอะ...แล้วนี่เธอกลับยังไง กลับรถเมล์เหมือนเหรอ ให้ฉันไปส่งไหม”

    “ไม่เป็นไรคะ เมย์กลับรถเมล์เองได้ไม่กี่ป้ายก็ถึงแล้ว อีกอย่างบ้านอยู่คนล่ะทางกันด้วย เกรงใจคุณอรน่ะค่ะ” เธอปฏิเสธเพื่อนร่วมงานอย่างถนอมน้ำใจ

    “โอเค...งั้นฉันกลับก่อนนะ ระวังๆ หน่อยล่ะ พรุ่งเจอกัน”

    หลังจากบอกลาอรดีตรงไปยังลานจอด ส่วนเธอออกไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทเวลานั้นบริเวณเต็มไปด้วยผู้คนที่ยืนรอรถ เมืองหลวงอะไรก็ดีไปหมดเสียอย่างเดียวมันค่อนข้างแออัด เธอมองรถแต่ล่ะคันที่มาจอดเทียบมันอัดแน่นไปด้วยผู้โดยสาร แน่ล่ะมันเป็นเวลาเลิกงานนี่ใครๆ ต่างก็พากันกลับที่พัก เธอยืนคิดอะไรเพลินๆ นานเลยทีเดียว มองรถคันแล้วคันเล่า กระทั่งมีคันหนึ่งเข้ามาจอด มันเป็นรถยนต์ส่วนตัวที่ไม่น่ามาจอดที่ป้ายรถสารธารณะแบบนี้เลย และเธอก็จำได้ว่าเป็นของใครจึงดูไม่ปลื้มเท่าไหร่นัก ยิ่งเมื่อคนๆ นั้นลงมาทักทาย

    “จะกลับบ้านเหรอเมย์ ให้ผมไปส่งไหม”

    “ไม่ต้องค่ะ ฉันกลับเองได้ เดี๋ยวรถก็คงมา ฉันนึกว่าคุณกลับบ้านไปแล้วเสียอีกนวัฒน์” เธอถามต่อด้วยอาการไม่พอใจเล็กน้อย จากเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้ทำให้เธอรู้สึกเคืองใจชายคนนี้มากขึ้นไปอีก

    “ผมยังต้องดูงานต่ออีก เห็นคุณทำงานอยู่นี่เลยแวะมาหา สบายดีนะ”

    “แทนที่คุณจะมาถามว่าฉันสบายดีไหม คุณเคยถามภรรยาตัวเองไหมว่าเธอสบายดีรึเปล่า คุณนี่ไม่เคยเปลี่ยนนิสัยเลยนะ เที่ยวมั่วใครต่อใครไม่เลิกทั้งๆ ที่บ้านก็ยังมีคนรอคุรอยู่” เมลินดาตำหนิออกมาตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อมถึงพฤติกรรมที่เธอรู้สึกรังเกียจนี้

    “เมย์..เรื่องที่คุณเห็นผมอธิบายได้” อีกฝ่ายพยายามแก้ตัว

    “คุณไม่จำเป็นต้องมาอธิบายให้ฉันฟัง เก็บคำแก้ตัวไว้ให้ยัยพิมพ์ดีกว่า กลับบ้านเถอนะนวัฒน์ พิมพ์กับลูกกำลังรอคุณอยู่ เลิกนิสัยแย่ๆ พวกนี้เสียที”

    “ผมไม่ได้รักเขา ผมรักคุณ ผมรู้นะหนึ่งปีนี้ที่คุณไม่ยอมมีใครเพราะคุณยังรักผม คุณยังรู้สึกอะไรกับผมอยู่ใช่ไหม”

    เมลินดาถอนหายใจหนักๆเมื่อเขายังคิดเข้าข้างตัวเองไม่เลิก เขาทำร้ายจิตใจเธออย่างแสนสาหัสโดยการทรยศต่อความรักที่เคยมีกลับยังหวังจะให้เธอยกโทษให้

    “ค่ะ ฉันยังรู้สึกกับคุณเพียงแต่มันไม่ใช่แบบเดิมๆ ที่เคยมี มันจบแล้วนะตั้งแต่วันที่คุณโยนความซื่อสัตย์ที่มีต่อฉันทิ้งไป คุณเลิกคิดเองเออเองเสียที ฉันไม่อยากยุ่งกับสามีชาวบ้าน”

    หากแต่พอคำสุดท้ายหลุดออกไปกลับรู้สึกเหมือนมาจุกอยู่ที่คอ เธอไม่อยากยุ่งสามีคนอื่น กระนั้นสามีคนอื่นก็มานอนค้างที่ห้องเธอทั้งคืน มันแปลกที่อยู่ๆ มันก็ทำให้เธอคิดถึงอีกคนขึ้นมา

    “ไม่เมย์! เรายังสามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ แค่เพียงคุณอภัยผมยินดีที่จะเลิกทุกอย่างแล้วหยุดอยู่ที่คุณ” เขาวอนขอออกมาโดยที่ดึงมือเธอไปกุมไว้ ไม่ยอมให้เธอตัดสายสัมพันธ์กับเขาง่ายๆ

    “ปล่อยฉันนะนวัฒน์! เราจะกลับไปเป็นอย่างเดิมได้ยังไงในเมื่อคุณเป็นสามีของน้องสาวฉัน ขอร้องอย่ามายุ่งกับฉัน ปล่อยให้ฉันอยู่กับชีวิตใหม่ของฉัน ปล่อยฉัน” แววตาของเธอเวลามันบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่เหลือความรู้สึกดีๆ ให้กับเขาอีกแล้ว หากแต่อีกฝ่ายไม่ยอมคืนอิสรภาพให้แก่เธอ

    “ไม่! ผมไม่ปล่อย”

    “เธอบอกให้ปล่อยไง ไม่ได้ยินหรือ”

    ทว่าจู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งมาดึงมือเขาออกไปพร้อมสีหน้าดุดันเขม่นมองก่อนจะผลักอกนวัฒน์จนเต็มแรง

    “คุณเป็นใครไม่ทราบ” นวัฒน์ถามกลับพร้อมด้วยแสดงอาการหยาบคายออกมาโดยการมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างดูหมิ่น

    “ผมภูรินท์! แล้วคุณล่ะเป็นใคร” คำถามของภูรินท์กลายเป็นเมลินดาที่เป็นคนตอบแทน

    “เขาเป็นสามีของน้องสาวฉัน” เธอบอกพลางมองนวัฒน์ด้วยสายตาเย้ยหยัน อีกฝ่ายรู้สึกหน้าเสียเป็นอย่างมากเหมือนโดนเธอตอกหน้าถึงฐานะที่เขาอยากจะลืมๆ มัน ขณะที่เธอหันไปหาภูรินท์ต่อ “คุณมาพอดี ช่วยไปส่งฉันหน่อยได้ไหมคะ ฉันรอรถโดยสารนานแล้ว” หญิงสาวเกาะแขนภูรินท์อย่างสนิทสนมเธอต้องการให้นวัฒน์ได้เห็นและเลิกยุ่งกับเธอเสียที

    “อ๋อได้สิครับ” ภูรินท์ตอบรับอย่างงวย แต่ก็พอใจนักที่เธอกอดแขนเขาแน่นอย่างสนิทชิดเชื้อ อย่างน้อยเธอก็ให้ค่าความสำคัญเขามองกว่าไอ้คนที่กำลังมองตนตาขวางอยู่ตอนนี้ ปรายตามองเย้ยนวัฒน์ ฝ่ายนั้นยืนกัดฟันก่อนพึมพำออกมาเมื่อทั้งสองเดินจากไป

    “มีใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” เขาคิดว่าภูรินท์เป็นผู้ชายคนใหม่ของเธอ แต่ยังไม่รู้สถานะอีกอย่างหนึ่ง กระนั้นถึงแม้จะรู้เขาก็อาจไม่สนใจ

     

    เมลินดานั่งใจลอยไปตลอดทาง ขนาดภูรินท์เอารถไปจอดที่หน้าอพาร์ตเม้นต์เธอยังแทบไม่รู้ตัวเลยกระทั่งเขาส่งเสียงเรียก

    “เมลินดา! คุณเป็นอะไร” เขาขมวดคิ้วแปลกใจกับอาการของหญิงสาว

    “เปล่าค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง ขับรถกลับดีๆ นะคะ”

    “อะไรเนี่ย หลอกให้มาส่งแล้วไล่ผมกลับเฉยๆ งั้นหรือ อย่างน้อยก็ให้ผมขึ้นไปดื่มอะไรสักหน่อยสิ” อุตส่าห์มาถึงที่เรื่องอะไรจะยอมไปง่ายๆ

    “คุณภูรินท์...คุณไม่ควรขึ้นไปห้องฉันอีกนะคะ อันที่จริงคุณไม่ควรมาหาฉันด้วย” นี่ก็อีกคน ทำไมนะชีวิตเธอถึงมีแต่คนที่มีครอบครัวแล้วมาพัวพัน

    “ทำไม..คนคุ้นเคยกัน มาหากันไม่ได้รึยังไง”

    “คุณควรกลับไปหาภรรยาคุณ” เป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอต้องไล่สามีคนอื่น

    “ก็นั่งอยู่ตรงนี้ไง คุณเป็นเมียผมมาตั้งปีนึงแล้วนะ” อาการไม่สะทกสะท้านเมื่อเอ่ยออกมาทำเอาอีกคนจิกสายตาใส่

    “แล้วคุณมัญชรีล่ะคะ”

    “นั่นแค่นิตินัย แต่คุณสิพฤตินัย จนถึงตอนนี้คุณก็ยังเป็นเมียคนเดียวของผมอยู่นะ” ใบหน้าทะเล้นตึงตังเป็นที่สุด

    “รู้ไหมคุณทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเมียน้อยเลย”

    “เมียน้อยที่ไหน คุณมาก่อนคุณสิเป็นเมียหลวง” เขายังดึงดันพูดต่อไป มันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีเลย ตรงกันข้ามเธอยิ่งอึดอัดเข้าไปใหญ่ที่ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมปล่อยมือจากเธอง่ายๆ พอๆ กับนวัฒน์ที่สร้างความรำคาญให้ไม่หยุดหย่อน

    “คุณภูรินท์คะ ได้โปรดอย่าทำอย่างนี้ คุณกลับไปเถอะ อย่ามหาฉันอีกเลย ขืนคุณยังทำแบบนี้อีกฉันคงต้องย้ายที่อยู่แล้ว ฉันพูดจริงๆ นะ ยังไงวันนี้ฉันก็จะไม่ยอมให้คุณขึ้นไปบนห้องฉันเด็ดขาด”

     

    เมลินดานั่งหน้างออยู่บนเก้าอี้โซฟาโดยมีภูรินท์ยิ้มแฉ่งอยู่ข้าง เธอถูกเขารบเร้าอยู่เป็นนานสุดท้ายเขาก็ดึงดันขึ้นมากับเธอจนได้ ไล่ยังไงก็ไม่ไป ผู้ชายอะไรหน้าด้านที่สุด

    “ดูทำหน้าสิ ไม่เอาน่าคุณเมียยิ้มให้ชื่นใจหน่อยสิครับ”

    “กรุณาอย่าเรียกฉันแบบนี้อีก มันก็แค่คืนเดียวเท่านั้น ฉันไม่ได้จริงจังอะไร” เธอพลั้งปากพูดทว่ารอยยิ้มของอีกคนจางไปในทันที

    “หึ! ผมรอคุณมาตั้งเป็นปี แต่คุณกลับบอกไม่ได้จริงจัง จะขำดีไหมเนี่ย เมลินดาคุณเลิกขับไล่ไสส่งผมออกไปจากชีวิตของคุณเสียทีได้ไหม” น้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยความโกรธกรุ่นเธอไม่ใยดีเขาสักนิด สัมพันธภาพที่เกิดขึ้นมันคงเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบสำหรับเธอ แต่กับเขามันไม่ใช่

    “ฉันไม่สามารถรับใครเข้ามาในชีวิตฉันได้หรอก ฉันไม่อยากมีคนมาร่วมแบ่งปัน มันชินกับการอยู่คนเดียว คุณเองก็ไม่ได้ตัวเปล่าอย่ามาอะไรกับฉันเลย” เธอรู้คำพูดพวกนี้อาจทำให้เขาเจ็บ แต่หากว่ามันทำให้เขายอมรามือ

    “ให้ผมทำแบบนั้นก็เท่ากับบอกให้ผมไปตายเท่านั้นแหล่ะ ตั้งแต่วันนั้นที่คุณเข้ามาในชีวิตผมจนวันนี้ ผมลืมคุณไม่ได้เลย ทุกครั้งที่คิดถึงผมทรมาน”

    นัยน์ตาคมนั้นทอแสง และทุกครั้งที่ได้มองมันมักทำให้บางอย่างในตัวอ่อนลง ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องฝืนตัวเองให้ถอนสายตาออกมาเพราะเธอเห็นปัญหาที่รออยู่ ถ้าเขาเป็นคนเดิมเหมือนเมื่อหนึ่งปีก่อนเธอจะไม่ลังเล เธออาจโกหกเขาได้ว่าไม่รู้สึกทั้งที่ลึกๆ ใจมันกำลังอ่อนไหว เธอพยายามมองเขาให้เหมือนๆ กับมองนวัฒน์ รู้อยู่เต็มอกว่าเขาเป็นของคนอื่นแต่สิ่งที่ผูกเธอกับไว้มันแน่นเหลือเกินเธออยากจะใช้ความหมางเมินนี้ตัดมันให้ขาดแต่มันก็ไม่คมพอเลยต้องยืดเยื้อกันอยู่อย่างนี้ เธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งในวันนั้นมันก่อให้เกิดบางอย่างในใจขึ้นมา

    “คุณจะไม่ทรมานถ้าเลิกคิดเรื่องนี้ ลืมๆ มันไปซะ”

    เหมือนเธอจะบอกให้เขาปลง แต่มันจะทำได้หรือ เมื่อเธอกำลังจะลุกหนี เหมือนกับที่เคยหนีเขา และตอนนี้เองที่ทำให้เขารู้ว่าเขาไม่อาจปล่อยเธอไปได้ เธออาจอยากจะจบมันแต่เขาไม่เขาเอื้อมมือออกไปคว้าเธอกลับมาสู่อ้อมอกของเขาอีกครั้ง

    “คุณภูรินท์!” เมลินดาดิ้นขลุกขลักอยู่บนตักกว้างของชายหนุ่ม ถูกโอบรัดด้วยวงแขนแข็งแรง

    “ผมปล่อยคุณหนีไปอีกไม่ได้ ผมต้องการคุณเหลือเกิน ผมไม่อยากเป็นทุกข์เพราะคิดถึงคุณ คุณทำร้ายความรู้สึกผมมามากพอแล้วนะ และผมจะไม่ยอมให้คุณทำอีก”

    “ตกลงเป็นความผิดฉันงั้นหรือ”

    “ใช่! คุณมาล่อลวงผมแล้วหนีหายไปพร้อมๆ กับของๆ ผม”

    “คุณกล่าวหาฉันแบบไม่ยุติธรรมเลย คุณเป็นคนเข้ามาหาฉันแล้วได้บางอย่างจากฉันไปยังมาบอกว่าฉันล่อลวงคุณอีก โยนความผิดทั้งหมดมาให้ฉัน โอเค...ฉันผิดเองก็ได้” เธอพูดประชดออกไปอีกคนจึงยิ้มร่ากับอาการแสนงอน

    “คุณอยากชดใช้ความผิดไหมล่ะ”

    “อะไรนะนี่ฉันต้องชดใช้ให้คุณด้วยหรือ” เธอถลึงตามอง ทำไมเขาถึงเป็นคนแบบนี้นะนอกจากจะขี้ตู่แล้วยังหน้าด้านที่สุด เธออยากจะต่อว่าเขาอีกหลายชุดเลยทีเดียวทว่าเขาไม่ปล่อยให้เธอทำ

    ยามเมื่อสาดสายตามาหาเธอเหมือนจะร้อนราวกับอยู่ในกองเพลิง เปรียบได้ว่าเขาเหมือนไฟที่ทำให้กายใจร้อนรุ่ม เพลิงพิศวาสกำลังลุกไหม้น้ำที่มีอยู่ในมือไม่อาจดับไฟที่กระหน่ำโหมได้ เมลินดาพยายามปรามมืออันจาบจ้วงที่กำลังสอดเข้าไปใต้ร่มผ้าบริเวณโคนขาเนียนขณะเดียวกันเขาก็ไล่ซุกสูดกลิ่นหอมของเนื้อสาว เขาใช้ฝ่ามือประคองแผ่นหลังซึ่งมันค่อยๆ เอนราบลงไปบนพื้นเบาะนุ่มๆ สูบเอาเรี่ยวแรงเธอไปทีละน้อย

    “อย่าค่ะคุณภู!” เธอพยายามตั้งสติเพื่อให้ตัวเองกระเจิดกระเจิง แต่มันไมง่ายเลยเขารุกรานเธอไม่หยุด หญิงสาวปัดมือหนาออกไปจากบริเวณต้องห้ามกระโปงของเธอถูกเขาเลิกขึ้นมาอยู่บนเอวแล้วเขากำลังจะรั้งเอาชิ้นส่วนสุดท้ายลงมา เธอต้องต่อสู้ทั้งกับเขาและตัวเอง เธอยากขับไล่ความหวิวไหวรัญจวนจิตนี้ออกไปเหลือเกิน สัมผัสอันเบาบางแต่เร่าร้อนบนเรือนกายลากผ่านลำคอเนียนก่อนหยุดเคล้นคลึงเนินตูมตึง

    ไม่เพียงแต่นุ่มมือรสชาติของมันยังหอมหวานละมุนอีกด้วย รูปรสกลิ่นกายที่เคยได้เสพสมอันเลือนรางปรากฏเด่นชัดขึ้นอีกครั้ง เขาจึงตักตวงอย่างตะกละตะกลาม ยอดนุ่มเต้นอยู่ในลิ้นอย่างซาบซ่าน เสียงครางอืออาของเจ้าของมันเหมือนจะพยายามยามห้ามกระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมให้มันหลุดออกจากปากเขา ชายหนุ่มนาบกายแกร่งของตนบดลำกายอันร้อนระอุไปที่ใจกลางสรีระอันอ่อนนุ่มเขาเลื่อนมือลงไปที่ขอบกางเกงหมายจะปลดปล่อยมันจากที่คุมขังตอนนั้นเสียงบางอย่างก็ทำเขาต้องสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย

    “รับสิคะ อาจเป็นภรรยาคุณ” เธอพูดออกมาอย่างยากลำบากเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งก่อนถูกดึงกลับสู่โลกของความเป็นจริง ภูรินท์จำต้องผละออกก่อนดึงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง เมลินดาจึงขยับลุกรวบเสื้อผ้าของตนให้เรียบร้อย หากแต่ชายหนุ่มไม่ได้กดรับกลับตัดสายทิ้งแล้วจับมือเธอไว้พร้อมกับส่ายหน้า เขาไม่อยากเห็นวิมานที่วาดฝันไว้พังลงตรงนี้

    “ขอได้ไหม”

    “ฉันให้ก็ได้ ถ้าคุณรับปากว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายและคุณจะไม่มาหาฉันอีก” ข้อแลกเปลี่ยนเธอทำเอาเขาเงียบไป ไม่ให้มาหาเขายอมตายดีกว่า

    “คุณจะทรมานตัวเองไปทำไม คุณต้องการผม เราต้องการกัน” เขาพูดอย่างไม่เข้าใจ เพียงชั่วขณะเท่านั้นเองที่เธอโอนอ่อนให้เขา

    “ไม่ค่ะ...ถ้าคุณจะอยู่นี่คืนนี้คุณต้องไม่ทำอะไรฉัน” เมลินดายืนยันหนักแน่น หลังจากที่ถูกเรียกกลับมาจึงทำให้ได้เห็นความเป็นจริง เธอไม่อาจปล่อยใจกับสิ่งยั่วใจเหล่านี้ได้ คำว่าไม่ได้นี้มันกั้นอยู่ตรงกลางระหว่างเธอกับเขา







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×