ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัญจวนรักเพลิงพิศวาส

    ลำดับตอนที่ #24 : ตอนที่ 24

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 429
      2
      15 ธ.ค. 58




     

    เมลินดา!” สุ่มเสียงดังกังวานและแข็งกร้าวนัก เมลินดาสะดุ้งเฮือกด้วยเสียงนี้ ก่อนผุดลุกอย่างร้อนรน

    แม่ เมลินดาเอ่ยออกมาได้เพียงเท่านี้ก็ถูเมริสาปราดมากระชากเธอเพื่อให้ออกห่างจากภูรินท์ ชายหนุ่มนั้นก็แสดงความไม่พอออกมาเช่นกัน

    “ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกยุ่งกับผู้ชายคนนี้ ทำไมแกไม่ฟัง” นางเป็นเดือดด้วยความโมโห แค่คลาดสายตาหน่อยเดียวเธอก็แอบมาเจอเขาจนได้

    “คือแม่คะ...” เมลินดาพยายามจะอธิบายแต่ภูรินท์กลับแทรกขึ้นมาเสียก่อน

    “คุณแม่ยายครับ ถึงคุณจะเป็นแม่ก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับเธอแบบนี้นะ”

    “คุณอย่ามายุ่ง คำเตือนของฉันมันไม่มีความหมายสำหรับคุณเลยใช่ไหม ต้องให้ฉันทำยังไงคุณถึงจะเลิกยุ่งกับลูกสาวฉัน”

    “อย่าเสียเวลาเลยครับ ยังไงผมก็ไม่เลิกยุ่งกับเธอหรอก คุณเองก็อย่าทำเหมือนเธอเป็นเด็กได้ไหม เธอตัดสินใจเองได้” แม้เขาจะบอกเช่นนี้ทว่านางกลับหาได้ฟัง ซ้ำยังใช้สายตาดูหมิ่นชายหนุ่มเบื้องหน้า ไม่ว่ายังไงนางก็ไม่อาจทำใจให้ถูกชะตากับเขาได้ ยิ่งเวลานี้ด้วยแล้ว นางฉวยข้อมือของบุตรสาวก่อนพาเดินหนีมา ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนส่ายหน้าตามหลังพร้อมกับคิดในใจว่า เห็นทีว่าเมริสาคงไม่ญาติดีกับตนง่ายๆ เป็นแน่ พลันนึกเสียใจเมื่อกลางวันตนไม่น่าไปพูดจายั่วยุให้นางเกลียดขี้หน้าเลย

     

    “ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นแม่ อย่าไปยุ่งกับเขาอีกเข้าใจไหม”

    “แม่ค่ะ”

    “เมลินดา ผู้ชายคนนั้นไม่มีดีอะไรสักอย่างเลยนะ ทำไมแกไม่เข็ดหลาบเสียที จำไม่ได้หรือว่าเขาทำอะไรไว้ แค่เขาพูดอะไรนิดหน่อยแกก็เชื่อเขาแล้วหรือ เพราะแกเป็นอย่างงี้ไงฉันถึงอดกังวลไม่ได้ ฉันปล่อยให้แกเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่างแกต้องถูกผู้ชายคนนั้นหลอกอีกเป็นแน่” ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าพิภพอาจจะถอดใจคราวนี้นางจะชวดทุกอย่างแน่ๆ

    “แม่จะทำอะไรคะ” เธอหรี่ตามมองมารดา

    “แม่จะจัดการเรื่องแกกับคุณพิภพ”

    “แม่คะ หนูว่าแม่เลิกคิดเรื่องนี้เถอะค่ะ เจ้าตัวเขาเองยังไม่เคยพูดอะไรสักคำ หนูเห็นมีแต่แม่นี่แหล่ะที่พยายามยัดเยียดหนูให้เขา แม่ทำแบบนี้ไม่กลัวเขาจะดูถูกเอาเหรอคะ”

    ”ยอมให้เขาดูถูดีกว่าปล่อยให้แกทำตัวเหลวแหลกต่อไป ทุกวันนี้ฉันก็อับอายขายขี้หน้าเพราะแกมาพอแล้ว ดีเท่าไหร่ที่เขาสนใจแก ยังมาเล่นตัวอีก ฉันจะพูดเรื่องแกกับเขา ฉันว่าเขาคงไม่ปฏิเสธแกหรอก”

    “แม่อย่าพูดนะ แม่คะอย่าให้เขามองเราต่ำลงกว่านี้เลยนะคะหนูขอร้อง แค่นี้หนก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เหลือศักดิ์ศรีแล้ว” เธอบอกอย่างเหนื่อยหน่ายใจที่เมริสาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

    “แกไม่เหลือศักดิ์ศรีตั้งแต่ยอมไปเป็นเมียเก็บผู้ชายคนนั้นแล้วล่ะ คราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้แกทำแบบนั้นอีก”

    เธอมองความดื้อดึงของอีกฝ่าย แม้นางจะพยายามตอกย้ำความผิดพลาดของเธอ หวังว่าจะรู้สึกผิดจนคล้อยตามแต่หญิงสาวก็ยังไม่ยอมโอนอ่อน

    “หนูเสียใจค่ะแม่ที่หนูทำให้แม่ต้องอับอาย หนูยอมรับหนูผิดเองที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ แต่ถึงอย่างนั้นหนูก็คงทำตามใจแม่ไม่ได้หรอกค่ะ” เมลินดาบอกด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่

    “ยัยเมย์”

    “หนูขอโทษค่ะ” เมลินดาเดินกลับเข้าห้องนอนของตนไปโดยไม่สนใจอีกฝ่ายที่อยู่ในอารมณ์โกรธแบบสุดๆ

    “ยัยลูกคนนี้ ทำไมมันหัวดื้อแบบนี้นะ” นางว่าอย่างโมโหให้กับลูกสาวตัวดี รู้แน่หากพูดดีๆ เมลินดาคงไม่ฟังตนเป็นแน่ คงจะหลงผู้ชายคนนั้นจนหัวปักหัวปำ หากว่าใช้วิธีนี้ไม่ได้นางคงต้องดึงเอาแผนอื่นมาใช้เสียแล้ว ใจจริงก็ไม่ได้อยากจะใช้วิธีนี้กับลูกเลย แต่เพราะเธอทำให้นางไม่มีทางเลือก

     

    หลังจากการดูงานที่เหมืองเสร็จสิ้นไป พิภพได้พาพวกเธอไปเที่ยวที่กระบี่ต่อ ซึ่งเขามีโรงแรมอยู่ที่นั่น โดยภูรินท์กับมัญชรีก็ตามมาด้วยคำเชิญของพิภพ ระหว่างที่พักอยู่นี่เมริสานั้นไม่ปล่อยให้เธออยู่ตามลำพังเลย คงจะกลัวว่าเธอจะแอบไปพบภูรินท์สองต่อสองอีกกระมัง กระนั้นคนที่ร้อนใจไม่ใช่หญิงสาวแต่เป็นภูรินท์ที่หาช่องเข้าใกล้เธอไม่ได้เลย

    โดยวันนี้ทั้งหมดได้มาชมฟาร์มไข่มุกของพิภพ ระหว่างที่เจ้าของพาทั้งหมดเดินทัวร์ไปทั่วฟาร์ม ซึ่งมัญชรีนั้นดูสนอกสนใจเป็นพิเศษเป็นปรกติธรรมดา ของสวยๆงามๆ แบบนี้มันย่อมถูกจริตเธอ แม้แต่เมลินดาเองที่ไม่เคยสนใจพวกเครื่องประดับนี้เท่าไหร่ก็ยังตื่นตากับไข่มุกสีแวววาวพวกนี้ไม่ได้ เธอฟังพิภพบรรยายให้ฟังจนเพลิน ทว่ากลับมีอีกสองคนที่เอาแต่เขม่นกันอยู่ข้างหลัง

    “คุณพิภพนี่ยอดเลยนะคะ ทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน หากเป็นฉันแค่เหมืองก็คงปวดหัวแล้ว นี่ทั้งโรงแรมและฟาร์มไข่มุก หากใครได้คุณเป็นสามีคงโชคดีตายเลย” มัญชรีกล่าวชมอีกฝ่ายไม่หยุดปาก เพียงแต่ว่าสายตานั้นก็จับจ้องอยู่ที่หญิงสาวอีกคน คำเยินยอของเธอเหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่าหากใครปล่อยเขาหลุดมือคงโง่เต็มทน

    “ก็งั้นสิคะ แต่คงไม่มีใครที่จะโชคดีกันง่ายๆ จริงไหมคุณพิภพ” เมริสาสมทบด้วยอีกคน ออกอาการเป็นปลื้มนักหนาผิดกับอีกคนที่แม้แต่มองยังไม่อยากเลย

    “ครับ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มี เพียงแต่เจ้าตัวคงไม่รู้” เขาพูดพลางมองหญิงสาว ทว่าเจ้าตัวกลับสนอกสนใจไข่มุกเม็ดงามที่ตั้งโชว์ในตู้กระจกจนเมริสาต้องสะกิดเธอ เมลินดาหันกลับมาอย่างงงๆ เหมือนไม่รับรู้เรื่องที่พวกเธอคุยกันเลยทำให้เมริสาไม่พอใจเอามากๆ ดูเหมือนลูกสาวตัวดีไม่สนใจในสิ่งที่ตนพยายามหยิบยื่น

    แต่ขณะนั้นคนที่ไม่พอใจหนักกว่านางยืนอยู่ข้างด้วยใบหน้ามุ่นมุ่ยยิ่งกว่า ภูรินท์กลอกตาพลางนึกหมั่นไส้ชื่นชมกันเข้าไป พวกเธอทำอย่างกับพิภพเป็นเทวดายอกันเสียจนอีกฝ่ายลอยได้แล้วกระมัง

    ทั้งหมดอยู่ในฟาร์มเกือบครึ่งค่อนวันเลยทีเดียว หลังจากที่กลับมาจากแพเลี้ยงหอยมุก ทั้งหมดได้แวะตรงมุมของฝาก มัญชรีและเมริสากำลังเลือกซื้อไข่มุกแสนสวย โดยพิภพนั้นแยกตัวไปสั่งงาน เหลือเพียงเมลินดาเธอยืนอยู่ที่ซุ้มกาแฟ

    “น่าเบื่อจริงๆ ผมไม่เห็นว่ามันจะน่าสนใจตรงไหน” ภูรินท์เปรยขึ้นมาเบาๆ ด้วยอาการเบื่อแบบสุดๆ

    “ถ้าคุณเบื่อก็กลับโรงแรมไปก่อนสิคะ” เมลินดาว่า มันก็ไม่แปลกหรอกเพราะภูรินท์เป็นผู้ชายย่อมต้องไม่ชอบของพวกนี้อยู่แล้วผิดกับสองสาวต่างวัยที่กำลังจ้องไข่มุกเม็ดงามตาเป็นมัน

    “แต่ผมยังไม่อยากกลับนี้ อยากไปเที่ยวที่อื่น”

    “งั้นก็ไปสิคะ เดี๋ยวฉันจะบอกคุณพิภพให้เอง” เธอคิดว่าที่เขาเบื่อนั้นอาจไม่ใช่สถานที่ หากแต่เป็นคนมากกว่า เพราะเขาดูไม่ได้ชื่นชอบพิภพเท่าไหร่แม้ว่าอนาคตข้างหน้าอาจมีโอกาสทำธุรกิจร่วมกัน กระนั้นจุดประสงค์ของภูรินท์อาจไม่ใช่แค่เรื่องงาน

    “คุณไม่ต้องอยู่บอกเขาเองก็ได้ ฝากพนักงานบอกก็เหมือนกัน” เขาว่าจบเดินตรงไปเคาน์เตอร์ใกล้ๆ เอ่ยบอกพนักงานให้รู้ว่าจะกลับก่อนหากแต่ที่บอกไม่ใช่เขาคนเดียวแต่เป็นเธอด้วย เขาถือโอกาสตอนที่ไม่มีใครสนใจเขากับเธอจูงมือเธอเดินออกมาหน้าตาเฉยจนหญิงสาวตั้งตัวไม่ทันจึงร้องท้วง

    “คุณภู ถ้าคุณอยากไปเที่ยวอื่นต่อก็ไปคนเดียวสิคะ”

    “แต่ผมไม่อยากไปคนเดียวนี่ ผมอยากให้คุณไปด้วย” เสียงร้องท้วงระคนเขียวขุ่นที่อีกฝ่ายไม่ถามแต่กลับถือวิสาสะพาเธอออกมาเฉยเลย

    “แต่เมย์ไม่อยากไปนี่คะ เมย์ยังไม่ได้บอกแม่ด้วย” เธอหาเหตุผลมาอ้างเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องไปกับเขา

    “ขืนบอกแม่คุณก็ไม่ให้ไปสิ ไม่ต้องบอกหรอก กลับมาค่อยบอก”

    “คุณภู ทำแบบนี้แม่เมย์ก็ยิ่งโกรธสิคะ” เธอเองก็ไม่ชอบใจด้วย แต่ถ้าเขาฟังเธอมันก็คงแปลก เมลินดาพยายามดึงมือของตนคืนทว่าเขากุมมันแน่นไม่ว่าจะสะบัดยังไงก็ไม่หลุดที่สุดก็ถูกเขาดันขึ้นรถตู้ของโรงแรมไป “คุณนี่เอาแต่ใจจริงๆ เลย” ปากเธอก็บ่นไปพลางขณะที่รถตู้สีดำก็แล่นออกมาจากฟาร์ม

    “ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้ผมจะมีโอกาสอยู่กับคุณหรือ แม่คุณคุมแจออกขนาดนั้น ก็อย่างว่าคุณชอบดื้อนี่ แต่ไม่รู้ว่าเวลาคุณดื้อแม่คุณตีก้นคุณเหมือนผมรึเปล่า” เขาพูดและยังหัวเราะจนหญิงสาวมองค้อนจนตาคว่ำ ถูกบังคับให้ออกมากับเขาแบบนี้ เธอกำลังคิดว่าป่านนี้เมริสาจะโมโหแค่ไหนที่เธอหายมาทว่าเสียงโทรศัพท์ก็ดังบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายคงโทรฯตามเป็นแน่ เมื่อได้เห็นเบอร์เธอจึงเหลือบมองชายหนุ่มเล็กน้อยและกำลังจะกดรับ ทว่าภูรินท์ฉวยมันไปกดปิด

    “ไม่ต้องรับหรอก”

    “ไม่ได้นะคะ”

    “ได้สิคะ” ภูรินท์เลียนเสียงเธออย่างน่าหมั่นไส้ “คุณก็รู้อยู่นี่ว่าใครโทรฯมา ถ้ารับแล้วไม่สบายใจจะรับทำไม น่าเมย์วันนี้ผมอยากอยู่กับคุณนะ” เขาเสริมด้วยน้ำเสียงเว้าวอนหวังจะให้เธอตามใจ โดยหญิงสาวได้แต่หน้างอ ถูกฉุดขึ้นรถมาแบบนี้ถึงปฏิเสธไปก็คงไม่มีผลอะไรแล้ว เธอคิดว่าเมริสาคงกำลังหัวเสียอย่างหนักเป็นแน่

    และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นางกดกระหน่ำโทรฯออกทว่าปลายทางก็ไม่ตอบรับ ยัยลูกบ้านี่ ทั้งโกรธทั้งโมโหแต่เพราะอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ตรงนี้จึงไม่สามารถทำอะไรได้ นางเหลือบมองพิภพที่นั่งนิ่งขณะที่รถตู้อีกคนแล่นกลับโรงแรม  หากคราวนี้ปล่อยพิภพหลุดมือไปนางต้องเสียใจไปจนตายแน่

    ในขณะเดียวกันมัญชรีที่นั่งอยู่หลังก็ถอนใจอย่างเหนื่อยหน่ายเช่นกัน เหนื่อยกับความพยายามที่สูญเปล่า บางทีเธอก็คิด นี่เธอทำบ้าอะไรนะเนี่ย

     

    ท้องทะเลสีครามตัดกับสีสดใสของผืนฟ้า แม้แต่ลมร้อนก็ไม่อาจทำลายบรรยากาศให้ลดทอนความสวยงามนี้ลงได้ นัยน์ตากลมสวยทอดมองไปยังผืนทรายสีขาวนวลเบื้องหน้า ภูรินท์พาเธอขึ้นมายังจุดชมวิวที่สูงที่สุด สามารถมองเห็นท้องทะเลอันดามันได้กว้างไกลนัก

    “ที่นี่สวยจังค่ะ” เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มซึ่งไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนักในช่วงนี้

    “แต่คุณสวยกว่า” เขาไม่พลาดที่จะหยอดคำหวานเพื่อเติมเต็มให้หญิงสาวอารมณ์ดีมากขึ้นไปอีก

    “ไม่ต้องมาปากหวานใส่เมย์หรอกค่ะ เพราะเมย์ไม่ปลื้ม” เธอแสร้งทำไม่ใส่ใจ กระนั้นก็ใช่ว่าจะไม่ยินดีกับคำป้อยอเหล่านี้ แต่ก็ไม่อยากแสดงออกมา ไม่อยากให้เขาได้ใจ

    “คุณไม่ปลื้มผมก็ไม่เป็นไร แค่ผมปลื้มคุณก็พอ” เขาไม่เพียงแค่พูดแต่ยังฉวยเอามือนิ่มขึ้นจูบ เธอพยายามดึงมันคืนเล็กน้อยอย่างไว้ตัวแต่ก็รู้อยู่ว่าเขาคงไม่คืนมันให้ “มือคุณนุ่มจัง นุ่มกว่าก้นคุณอีก” พอเขาพูดจบเธอจึงขึงตาใส่

    “ยังจะพูดอีก น่าเกลียดจริงๆ” หญิงสาวตีไปที่อกเขาเบาๆ ด้วยท่าทีเขินอาย ภูรินท์ส่งเสียงหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีนัก เขายังจับมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อยนวดคลึงเบาๆ อย่างหวงแหนราวกับของล้ำค่าก็ไม่ปาน

    “ผมพูดจริงๆ นะ นิ้วคุณก็สวยแต่มันโล่งไปหน่อย ถ้าได้แหวนสักวงมันจะสวยกว่านี้อีก” เขาว่าพร้อมด้วยรอยยิ้มแพรวพรายทว่าสิ่งที่แวววาวในมือกลับดึงดูดสายตาเธอไปแทน ก่อนที่เขาบรรจงสวมมันให้

    “คุณไปแอบซื้อมาตอนไหนคะ” เธอถามด้วยความแปลกใจระคนดีใจ

    “ก็ตอนที่คุณไม่เห็นไง...ใส่ได้พอดีเปะเลย”

    คนที่ได้รับนั้นอมยิ้มแก้มแทบปริ เธอไม่คิดถึงราคามันหรอกหากแต่มันมีคุณค่าทางจิตใจสำหรับเธอมากกว่า โดยที่ริมฝีปากร้อนที่กดลงอย่างแผ่วจนทั่วพื้นที่ ประคับประคองมือเล็กอย่างทะนุถนอม นุ่มนวลเสียจนเธอหลงเคลิ้มตามไปได้ง่ายนัก

    “ห้ามถอดออกนะมันคือตัวแทนของผมที่จะอยู่กับคุณตลอดไป ที่ผ่านมาผมไม่ได้ทำอะไรเพื่อคุณมากนัก แต่มีสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคือใจของผม นับตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอคุณเมื่อหนึ่งปีก่อน จนถึงวันนี้มันยังเป็นของคุณเหมือนเดิม ผมจะไม่ขออะไรคุณมากเลยแค่เพียงรักษามันไว้ให้ดี”

    ความอบอุ่นที่ได้รับมันหล่อเลี้ยงให้ใจชุ่มฉ่ำ ไม่ว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานี้มันมาจากความรู้สึกนึกคิดของเขาจริง หรือเป็นเพียงลมปาก แต่มันก็อุ่นซ่านหัวใจนัก ช่วงเวลาของความสุขที่แม้มันมักอยู่กันเธอได้ไม่นาน กระนั้นแค่เพียงเศษเสี้ยวของมันก็เพียงพอแล้ว บางครั้งการที่เธอทำลืมเรื่องบางอย่างที่ทำให้คับข้องใจ อาจมีเรื่องเรื่องราวที่เข้ามาเป็นอุปสรรคให้ได้ขุ่นเคือง แต่สิ่งที่เธอเริ่มแน่ใจมากขึ้นทุกวันคือความรู้สึกที่เพิ่มพูน เธอไม่ได้ต้องการผู้ชายที่เพรียบพร้อมไปหมดทุกด้าน เขาอาจไม่ได้เพอร์เฟคแต่เขาก็ทำให้ใจดวงน้อยดวงนี้เต้นดังได้ สองมือที่โอบอุ้ม ริมฝีปากร้อนที่มอบจุมพิตให้ มันคือสิ่งที่เธอไม่เคยปฏิเสธได้ และยังต้องการมันอยู่เสมอ

     

    “กลับมาแล้วเหรอแม่ตัวดี หายไปเสียครึ่งค่อนวันโดยไม่บอกกล่าว แถมยังปิดเครื่องอีก ฉันล่ะจนปัญญากับความโง่เง่าของแกจริงๆ”

    สิ่งแรกที่เธอได้ยินเมื่อก้าวเข้ามาในห้อง คือน้ำเสียงกรุ่นโกรธระคนเหน็บแนมของเมริสายืนเท้าสะเอวพร้อมใบหน้าถมึงทึงอย่างขุ่นแค้นกับลูกสาวหัวดื้อ

    “ขอโทษค่ะแม่” เธอเอ่ยขอโทษโดยไม่พยายามแกตัวที่ตนหายไป นางคงรู้แล้วว่าเธอหายไปกับใคร

    “เรื่องของแกไว้ฉันค่อยจัดการทีหลัง ตอนนี้แกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป” นางคาดโทษเอาไว้แล้วไล่เธอไปอาบน้ำ

    “คะ” เมลินดามีอาการงวยงงเมื่อผู้เป็นแม่ไม่เอาเรื่องเธอในทันที

    “คุณพิภพชวนเราไปดินเนอร์ รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเลยไป ไปสิ!” นางไล่ซ้ำเมื่อเธอยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เมลินดาเดินก้มหน้ากลับห้องตนไป เธอไม่รู้จะบอกผู้เป็นแม่อย่างไรถึงจะเข้าใจเรื่องพิภพว่ามันคงไม่มีทางเป็นไปไม่ได้

     

    ทั้งสองขึ้นมายังชั้นที่พักของพิภพ วันนี้เขาชวนมาเป็นการส่วนตัวจึงไม่มีภูรินท์กับมัญชรีมาร่วมด้วย ห้องนี้เป็นห้องรับรองพิเศษที่พิภพเอาไว้พักผ่อนเวลามาตรวจงาน เมื่อมาถึงเขาให้การต้อนรับสองแม่ลูกอย่างดี เขายังคงเรียบนิ่งเช่นเดิม ใบหน้าคมนั้นประดับรอยยิ้มอยู่เสมอและยังเอ่ยถามหญิงสาว

    “ไปเที่ยวมาวันนี้สนุกไหมหนู” น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยไม่ได้มีความเคืองใจแม้แต่น้อย ทว่าหญิงสาวหน้าเสียเล็กน้อยที่ตนไปโดยไม่บอกล่าว

    “ต้องขอโทษคุณพิภพแทนลูกคนนี้นะคะ จะไปไหนก็ไม่บอกแย่จริงๆ เลย” นางว่าอย่างตำหนิกับการกระทำที่เหมือนไม่ไว้หน้าเขาเลย

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ เชิญข้างในก่อนดีกว่า”

    พิภพวางท่าทีสบายๆ ไม่ได้ถามเธอต่อว่าวันนี้เธอหายไปไหนกับใคร ซึ่งก็คงเพราะรู้อยู่แล้วจึงไม่อยากถามย้ำให้บรรยากาศมันตึงเครียด เขาได้สั่งคนเตรียมดินเนอร์สุดหรูไว้ให้ทั้งคู่ มันดำเนินไปอย่างเรียบร้อย หลังจากนั้นทั้งเขาและเมริสาก็อยู่คุยงานกันต่อโดยมีเมลินดานั่งอย่างสงบเสงี่ยม

    “คุณคงเข้าใจผมนะครับ เพราะการประมูลครั้งนี้มีคนเข้าร่วมมากกว่าปีที่แล้ว ผมจึงต้องพิจารณามากเป็นพิเศษ” พิภพเปรยขึ้นมา เพราะรู้ว่เมริสาคงหวังกับงานนี้มากพอดู กระนั้นเขาไม่อาจเห็นแก่ความสัมพันธ์ส่วนตัวได้

    “ฉันเข้าใจคุณค่ะ ว่านี่มันคือธุรกิจของแบบนี้เมื่อถึงเวลามันก็ต้องเปลี่ยนมือ จริงสิ อาทิตย์หน้าฉันคงต้องกลับไปดูบริษัทที่นครราชสีมาคราวนี้อาจไปยาว ทางนี้คงต้องให้คุณช่วยดูแลแทนนะคะ” นางเกริ่นพลางชำเลืองบุตรสาว คิดว่าอีกฝ่ายคงเข้าใจความหมายที่ตนสื่อว่าที่ฝากให้ดูแลไม่ใช่บริษัทเท่านั้น

    “ได้อยู่แล้วครับ ผมเองก็มีหุ้นอยู่ด้วย ไม่เห็นต้องฝากเลย ถึงไม่คุณไม่บอกผมก็ดูแลดีอยู่แล้ว” พิภพล่ะสายตาจากเมริสาไปหาหญิงสาวอีกคน แม้เธอไม่เคยมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อตน กระนั้นใจลึกๆ ก็ยังหวังในตัวเธออยู่ไม่คลาย เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตนยังไม่รามือจากเธอเสียที เขาหวังอะไรจากเธอกันแน่นะ

    แสงพราวระยับที่อยู่ในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของอีกฝ่ายทำเธอต้องหลบมัน นับวันมันยิ่งเปล่งประกายแรงกล้ายิ่งเมื่อมันฉายแสงมาที่เธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ พิกล “จริงสิพิมพ์ดาวใกล้จะคลอดแล้วรึยังครับ” พิภพหันไปถามหาบุตรสาวอีกคนของเมริสาแทน

    “ก็ใกล้แล้วล่ะค่ะ เพราะอย่างนี้ถึงได้ต้องกลับไปดู แต่ทางนี้ก็ยังห่วงอยู่ยิ่งไม่ค่อยทันคนอยู่ด้วย ถ้าฉันไม่อยู่ก็กลัวจะโดนคนอื่นหลอกเอาอีก ถ้าได้ใครสักคนมาดูแลแทนฉันคงวางใจได้มากกว่า” คำพูดของนางส่อเจตนาชัดเจน

    “แม่คะหนูโตแล้วนะคะ” เมลินดาท้วงเบาๆ เมริสากลับขึงตาใส่ให้เธอเงียบเสียง โดยพิภพมองสองแม่ลูกอย่างครุ่นคิดอีกฝ่ายก็พยายามยัดเยียดอีกคนกลับปฏิเสธ

    ทั้งสามยังนั่งคุยกันต่อจนดึก คุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย ระหว่างที่พิภพปลีกตัวออกไปคุยโทรศัพท์ เมลินดาได้ขอตัวเข้าห้องน้ำ เมริสาจึงมีเวลานั่งคิดอะไรอยู่เพียงลำพังและได้ทบทวนหลายเรื่อง งานนี้สำคัญกับนางมากหากว่าต้องแพ้ให้กับภูรินท์นางคงยอมไม่ได้ แต่เมลินดาเองก็รั้นไม่ยอมทำตามความต้องการของตนลูกคนนี้ช่างไม่เข้าใจตนเลยจริงๆ เวลาดื้อก็ดื้อสุดฤทธิ์หมดทางจะเกลี้ยกล่อมคงเหลือวิธีสุดท้ายแล้วกระมัง

    เมลินดากลับมาจากเข้าห้องน้ำพร้อมๆ กับพิภพที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จพอดี เธอนั่งลงข้างมารดาก่อนจะเห็นแก้วเครื่องดื่มในมือนาง

    “แม่คะ แม่หยิบผิดแก้วรึเปล่าคะ นั่นแก้วหนูนะ” เธอท้วงเมื่อเห็นเมริสายกแก้วน้ำส้มของตนขึ้นจรดริมฝีปาก นางทำหน้าเหรอหราก่อนมองแก้วไวน์ของตนที่วางอยู่ใกล้กัน

    “แม่คงเบลอ โทษที” นางว่าก่อนคืนแก้วให้เธอแล้วหยิบของตนมาดื่ม เมลินดาไม่ได้เอะใจอะไรเพราะคิดว่านางคงมึนกับไวน์

    “พรุ่งนี้เราก็ต้องกลับกันแล้ว ใจจริงผมก็อยากอยู่ต่อ นานๆ จะได้มาพักผ่อนที” พิภพว่าเริ่มกรึ่มกับฤทธิ์แอลกอฮอลอันร้อนแรง เขาเอนหลังพิงโซฟาอย่างสบายอารมณ์

    “งั้นคุณทำไมไม่อยู่ต่อล่ะค่ะ ให้ยัยเมย์อยู่เป็นเพื่อนก็ได้ค่ะ” นางมองเมลินดาที่เอามือป้องปากเพื่อกลั้นหาว

    “ผมเกรงใจหนูเมย์นะครับ เธอคงอยากกลับแล้ว”

    “โอ๊ยไม่หรอกค่ะ แกอยู่ได้ใช่ไหมยัยเมย์” นางเอ่ยตอบแทนก่อนหันไปถามขณะที่เจ้าตัวที่มีอาการอึกอัก ดวงตาปรือๆคล้ายคนง่วงนอนคงเพราะเหนื่อย เวลานี้เธอหนักหัวชอบกลอยากกลับไปพัก

    “ไหวไหมหนู ถ้าง่วงจะกลับไปนอนก่อนก็ได้นะ”พิภพบอกอย่างใจดี ด้วยความเกรงใจเธอจึงส่ายหน้าปฏิเสธ

    “ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยู่ต่อได้” กระนั้นเธอก็เอนหลังพักอิงศีรษะไปที่ขอบเก้าอี้โซฟา พิภพมองอาการนี้ของเธอแล้วนึกสงสัยจู่ๆ เธอก็หลับไปเสียเฉยๆ

    “หนูเมย์” พิภพเรียกซ้ำแต่เธอไม่ตอบรับ

    “แกคงเหนื่อยน่ะค่ะ” เมริสาพูดพลางจิบเครื่องดื่มของตนต่อไป “แล้วนี่คุณจะอยู่ต่อรึเปล่าค่ะ แต่ฉันคงต้องกลับก่อนนะ เพราะต้องไปเคลียงาน”

    “เรื่องนี้ขอผมคิดดูก่อนแล้วกัน” เขายังไม่ล่ะสายตาจากหญิงสาว อะไรจะหลับง่ายปานนั้น

    “ฉันมีลูกสาวอยู่สองคน คนหนึ่งนั้นทำผิดพลาดโดยการเลือกคู่ชีวิตที่แทบหาความรับผิดชอบไม่ได้เลย ฉันเป็นแม่ได้แต่เสียใจที่ไม่ห้ามแต่แรก ยังเหลือก็แต่ยัยเมย์ ฉันไม่อยากให้เดินตามรอยยัยพิมพ์ไปอีกคน มาถึงขั้นนี้แล้วฉันถามคุณตรงๆ เถอะนะ คุณชอบลูกสาวฉันไหม” นางเข้าตรงประเด็นโยไม่อ้อมค้อมอีก อาการเรียบนิ่งของอีกฝ่ายทำให้นางเดาไม่ถูกเลยกระทั่งเขาเอ่ยออกมา

    “ผมยอมรับ ผมพอใจหนูเมย์มาก เธอเรียบร้อยน่ารัก และอ่อนหวาน ทำงานก็เก่ง ผมผ่านผู้หญิงมาก็เยอะแต่ไม่เคยถูกใจใครเท่านี้มาก่อน”

    “ถ้างั้นฉันจะฝากยัยเมย์ไว้กับคุณได้ไหม หากเป็นคุณฉันจะวางใจ ฉันรู้คุณดูแลแกได้”

    คำพูดของเมริสาทำให้เขาหยุดชะงัก ประเมินค่าอีกฝ่ายอย่างใคร่ครวญพลางมองแก้วน้ำส้มของเมลินดา ชะรอยว่าที่เธอหลับไปคงไม่ใช่เพราะเหนื่อยเป็นแน่ แต่อาจเพราะบางอย่างในแก้วน้ำส้มนั่น

    “คุณต้องการอะไรกันแน่คุณเมริสา เท่านี้หรือสิ่งที่คุณต้องการ” เขาผ่านคนมาเยอะก่อนจะมาถึงจุดนี้ จุดประสงค์ของอีกฝ่ายคงไม่ใช่แค่นี้เป็นแน่ เพื่อบรรลุจุดประสงค์ของตนเมริสากึงกับวางยาลูกสาวตัวเองเอามาเป็นเครื่องบรรณาการให้ตนเชียวหรือ

    “เรื่องนี้คุณคงรู้ดีอยู่แล้ว ฉันก็แค่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเมลินดาเท่านั้น คุณจะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่คุณ” นางขยับลุกโดยที่ไม่หันไปมองเมลินดาที่หลับสนิทอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวกับชะตากรรมของตน เขาไม่ได้ตอบรับในสิ่งที่นางใส่พานเอาถวายให้ แต่นางก็รู้ดีว่าเขาอยากได้เกินกว่าจะปฏิเสธ นางเดินออกไปจากห้องพยายามข่มความรู้สึกผิดของตนลงไป พร่ำบอกตนเองว่านางทำถูกแล้ว สักวันเมลินดาจะเข้าใจเอง

    มือใหญ่คู่นั้นประสานกันพร้อมกับครุ่นคิดอย่างหนัก เสียงประตูปิดลงเมริสาออกไปจากห้องแล้วโดยทิ้งเมลินดาไว้ตรงนี้พร้อมกับความสงสารของเขา นกน้อยแสนสวยกลายเป็นเหยื่อความละโมบของมารดาเสียแล้ว ถึงอย่างนั้นบรรณาการชิ้นนี้ก็มีแจงจูงใจสูงมาก พิภพขยับลุกไปหาเธอ ก่อนทิ้งกายลงนั่งใกล้ๆ ยื่นมืออกไปชื่นชมของกำนัลผิวเนื้อเนียนนุ่มยามเมื่อได้ลูบไล้สัมผัส อดใจไม่ไหวโน้มตัวลงไปดอมดมเนื้อหอมของหญิงสาว ช่างละมุนยวนใจเธอขยับเล็กน้อยเพราะยังไม่หลับสนิท ปรือเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมองก่อนจะเบี่ยงหนีอย่างอ่อนแรง

    “คุณ...” แม้แต่จะร้องปรามเธอยังไม่มีแรงน้ำเสียงอ่อนระโหยแต่ยั่วเย้าใจเขานักมันทำลายความอดกลั้นที่มีจนพังทลายลง ความอยากมันมีอณุภาพเหนือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเสียแล้ว เขาช้อนร่างอ่อนขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขน ศีรษะเล็กโงนเงนพร้อมกับความพยายามที่จะขืนตัวแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ เธอถูกพิภพพาเข้าห้องไปก่อนจะวางเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ

    “ยะ..อย่าค่ะ” น้ำเสียงแสนแผ่วร้องห้ามขณะที่ใบหน้าคมซุกไซร้ไล่ไปตามลำคอระหงอันหอมหวาน เขาผละออกจากเธอก่อนจะค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อตนออกทีล่ะเม็ด นัยน์คมกล้าสาดมองหญิงสาวมันเต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า จากนั้นเขาก็ก้มลงหาเธออีกครั้ง ดวงตาของทั้งสองข้างของเมลินดาพร่ามัวไปหมด สิ่งสุดท้ายที่เธอรับรู้คือริมฝีปากหนาที่บดขยี้ปากบางของตนอย่างหนักหน่วงก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบ

     

    ........................................................................................................

    คุณแม่ช่างทำได้ ตามให้กำลังใจหนูเมย์ต่อนะคะ ลุ้นกันว่าคุณพิภพผู้แสนดีจะตบะแตกรึเปล่า หนึ่งเม้นหนึ่งโหวตหนึ่งกำลังใจ แอบกระซิบเรื่องนี้ใกล้หมดโควต้าอัพแล้วนะคะ ลงมาจะครบ 80% แล้ว ขออภัยที่จะลงไม่จบ









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×