ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงพญามาร

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7 ความรับผิดชอบที่ใหญ่เกินไป

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 298
      1
      4 พ.ย. 58



              จำใจคือสิ่งที่พจณิชาทำได้ตอนนี้ แต่ไม่ได้แปลว่าเธอจะยอมจำนน เมื่ออีกฝ่ายนั่งยันนอนยันที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง ทางออกทางเดียวคือเธอต้องพิสูจน์ หญิงสาวตัดสินใจกลับไปเยอรมันกับโยฮัน อยากรู้นักหากผลออกมาว่าเธอไม่ใช่หมอนั่นจะทำหน้าอย่างไร ไม่ใช่แค่เรื่องนี้แต่เธอยังมีบางอย่างที่ยังสงสัย และมีหลายสิ่งที่อธิบายไม่ได้ เช่นรูปถ่ายใบนั้น ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันนะ คำถามนี้เหมือนเธอจะถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา และเหมือนจะไม่มีใครให้คำตอบได้นอกจากเธอจะหามันเอาเอง

                เมื่อลงจากเครื่อง ก้าวแรกเหยียบย่ำลงไปบนแผ่นดินเยอรมันนับเป็นครั้งแรกที่เธอได้มาที่นี่ เธอไม่ค่อยได้ออกนอกประเทศสักเท่าไหร่ แถมมาไกลถึงนี่ หากไม่เพราะถูกนายนั่นบีบให้มาล่ะก็เธอคงไม่มีทางได้มาอยู่ตรงนี้หรอก พจณิชาลากกระเป๋าเดินทางตามหลังโยฮันที่เดินนำลิ่วๆ ตาบ้านั่นจะรีบไปไหนนะ

                “นี่คุณ! ช่วยเดินช้าๆ หน่อยได้ไหม” เธอหยุดคำสุดท้ายเอาไว้เพราะเกรงว่าอาจไม่สุภาพ หากจะถามว่าจะรีบไปตามควายหายที่ไหน แต่ก็อย่างว่าสุภาพกับคนพรรค์นี้ไปก็เท่านั้น คนอะไรดื้อดึงเป็นที่สุด หากลองได้เชื่ออะไรแล้วการที่จะเปลี่ยนความคิดคงยาก

                “ก็เดินให้มันเร็วๆ หน่อยสิ ทำอย่างกับไม่มีแรงเอ้อระเหยลอยชายอยู่ได้” โยฮันหันมาตวัดเสียงห้วน เขาแบกเป้ไว้บนบ่าส่งเสียงจึกจั๊กอย่างหงุดหงิดราวกับเธอเป็นตัวถ่วงที่ทำให้การเดินทางล่าช้า เขาต้องการกลับให้ถึงบ้านโดยเร็วเพราะคิดถึงหลานสาวตัวน้อยใจจะขาด

                “ใครมันจะไปถึกแบบคุณล่ะ นั่งเครื่องก็ตั้งหลายชั่วโมง ฉันเหนื่อยนะ บ้านคุณอยู่ไกลไหม พักก่อนได้รึเปล่า”

                “ไม่ได้ อย่าเรื่องมากน่า นั่งเครื่องไม่กี่ชั่วโมง บ่นอย่างกับป้าแก่ๆ แถวบ้าน สำออย! เดินให้ไวๆ เลยอย่าชักช้า และไม่ต้องมารยาใส่ เห็นแล้วมันทุเรศ”

                “คนไร้น้ำใจ คุณนี่มันนอกจากจะหัวดื้อแล้วยังหยาบคายอีกนะ รู้จักสุภาพเป็นไหม”

                “ฉันจะสุภาพกับเฉพาะบางคน แต่ผู้หญิงใจยักษ์อย่างเธอฉันไม่ทำให้เสียเวลาหรอก” โยฮันปรายตามองอย่างดูหมิ่น สายตาจงเกลียดจงชังเมื่อถึงกระทำที่น่ารังเกียจ

                “คำก็ใจยักษ์สองคำก็ใจยักษ์ คอยดูเถอะสักวันคุณจะต้องกลืนน้ำลายตัวเอง”

                “ฉันจะรออย่างไม่หวังก็แล้วกัน” น้ำเสียงเยาะเย้ยด้วยมั่นใจในความคิดของตน เธอคงพูดเพียงเพื่อเอาตัวรอด

    เขาเชื่อว่าเธอคือแม่ของไลลาไม่ผิดแน่ แม้จะมีเพียงรูปถ่ายใบเดียวเป็นหลักฐาน แต่แค่นั้นก็เกินพอแล้ว ที่แล้วมาเขาไม่ค่อยได้รู้เรื่องของน้องชายสักเท่าไหร่ เมื่อปีก่อนโนอาย้ายไปประจำอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งในนิวเจอร์ซี่ เขาเป็นเอนจิเนียนริ่งนานๆ จะติดต่อมาสักที กระทั่งวันหนึ่งเขากลับมาพร้อมกับหนูน้อยโดยไร้มารดาผู้ให้กำเนิด โนอาไม่ได้พูดอะไรมากมายบอกแค่ว่าเธอคงมีเหตุผลที่ไป สำหรับเขาไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร การที่ทิ้งลูกของตนเองได้นั้นก็คือไร้สามัญสำนึกอย่างรุนแรง และเขาไม่อาจมองข้ามมันไปได้ ทุกครั้งที่มองหน้าเธอเขารู้สึกโกรธและเกลียดมากนัก หากแต่ความสงสารที่มีต่อหลานสาวทำให้เขาจำใจไปตามเธอกลับมา

    พจณิชาหลับไปตลอดทางเพราะความเหนื่อยล้า นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ต้องเดินทางไกล โยฮันมีเหมืองอยู่อีกเมืองหนึ่งซึ่งอยู่ทางตอนใต้ เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกพาไปที่ไหน กระทั่งเมื่อรถจอดสนิทพร้อมเสียงปลุกแบบไร้มารยาทโดยการเขย่าเธออย่างแรง

    “โอ๊ย! ปลุกดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องเขย่าด้วย” เธอบ่นพลางเอามือลูบศีรษะเพราะมันโขกไปกับกระจก ยังแอบเหล่อมองอย่างโกรธๆ นายนี่เคยนุ่มนวลกับใครบ้างไหมนะ

    “ถึงแล้ว ลงมา” น้ำเสียงห้วนหุ้นเช่นเคย ชักเริ่มจะชินแล้วล่ะ

    พจณิชาลากกระเป๋าลงมา ทันทีที่มาถึงโยฮันคว้าแขนเล็กหมับแล้วตรงเข้าบ้าน แรงของเขามันไม่ต่างจากกระชากเอาเสียเลย เขาเหมือนคนโกรธอยู่ตลอดเวลา หรือนี่เป็นเรื่องปรกติของเขานะ โยฮันไม่ได้ให้เธอพักผ่อนอย่างที่เธออยาก แต่กลับพาไปอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องเด็กเล็ก เด็กหญิงวัยหกเดือนเศษหน้าตาน่าชังกำลังหลับปุ๋ยเชียว

    “ดูไว้ซะ นี่คือสิ่งที่เธอทิ้งเอาไว้ เห็นลูกแล้วตัวเองแล้วรู้สึกอะไรไหม”

    พจณิชาเพียงแค่ยืนนิ่ง ทอดมองเด็กน้อยเบื้องหน้า มันเป็นความรู้สึกพิกลบอกไม่ถูกความสงสารระคนเห็นใจกับชะตากรรมอันแสนเศร้า เด็กน้อยขยับตัวนิด ดวงตากลมโตจับจ้องมาที่เธอ ดูไร้เดียงสายิ่งนัก มันเหมือนสายใยบางอย่างส่งมาให้เธอรู้สึกแปลกๆ เมื่อมอง

    เมื่อเธอเงียบไปโยฮันจึงปรายยิ้มเยาะ เพราะเข้าใจว่าเธอคงกำลังรู้สึกผิดที่ทอดทิ้งสายเลือดตัวเอง และคิดว่าเมื่อเธอได้พบกับเด็กคนนี้อีกครั้งอาจทำให้จิตใต้สำนึกดึงเอาความผูกพันทางสายเลือดออกมา

    “ตั้งแต่นี้ต่อไปเธอจะต้องดูแลเด็กคนนี้ มันคือภาระหน้าที่ที่เธอทิ้งไปนาน หมดเวลาแล้วลลิสา มันถึงเวลาที่เธอต้องหัดรับผิดชอบการกระทำของตัวเองเสียที”

    หากแต่พอได้ยินเขาเอ่ยเรียกเหมือนเธอจะรู้สึกตัว ไม่ใช่เสียหน่อย เธอไม่ได้เป็นแม่ของเด็กคนนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันใดๆ ทั้งสิ้นแล้วเธอจะรับผิดชอบได้อย่างไร แม้จะสงสารเพียงใดแต่เธอไม่อาจรับภาระที่ใหญ่หลวงแบบนี้ได้

    “ฉันไม่ใช่ลลิสา ฉันไม่รู้จักหรือแม้แต่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ จริงอยู่เธออาจมีหน้าตาละม้ายคล้ายฉัน แต่เราไม่ใช่คนๆ เดียวกัน”

    “จนป่านนี้ยังจะปฏิเสธอีกหรือ ทำไมเธอมันเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ฮึ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไม่เคยอยู่ในใจเธอเลยใช่ไหม ฉันมองเธอไม่ผิดจริงๆ เธอมันเป็นพวกไร้สามัญสำนึก ใจแข็งกระด้าง คงเที่ยวมั่วไปเรื่อยพอพลาดมาก็โยนให้เป็นภาระของคนอื่น ผู้หญิงแบบเธอนี่มันทุเรศสิ้นดี” โยฮันพูดออกมาอย่างเหลืออด ยิ่งมองเขาก็เกลียดเธอนัก

    “แรงไปแล้วนะ ต้องว่ากันขนาดเชียวหรือ”

    “มันน้อยไปนะสิ คนไม่ยอมรับความจริงแบบเธอ ขนาดอยู่ตรงหน้าแท้ๆ ยังหน้าด้านปฏิเสธได้ลงคอ ถามจริงๆ เถอะลลิสา เธอไม่สงสารเด็กคนนี้บ้างเลยหรือ เก้าเดือนที่อยู่ในท้องเธอมาไม่ได้มีความหมายอะไรเลยหรือไง ทำไมเธอใจดำกับเด็กไม่รู้ประสาแบบนี้ได้ แค่เขาสูญเสียพ่อไปก็น่าสงสารพอแล้ว แต่นี่แม้แต่แม่ตัวเองก็ยังไม่ยอมรับ ทำไมหลานฉันถึงอาภัพแบบนี้นะ ทำไมต้องเกิดมาเป็นลูกเธอด้วย”

    พจณิชาอยากร้องไห้มันเสียตรงนี้ เธอจะพูดอย่างไรดีให้เขาเชื่อ มันอัดอั้นตันใจเหลือเกิน เธอไม่ได้ผิดอะไรเลยเพียงแค่ดันมีหน้าตาไปเหมือนคนอื่นเท่านั้น

    “ฉันยังยืนยันเช่นเดิม ฉันต้องการจะตรวจดีเอ็นเอกับเด็กคนนี้ ฉันรู้พูดไปคุณก็คงไม่เชื่อ”

    “ก็ได้ ถ้าเธอจะเอาอย่างนั้น ก็ดีเหมือนกันถ้ามีหลักฐานมัดตัวคราวนี้เธอจะได้ดิ้นไม่หลุดอีก บอกให้รู้ไว้เลยนะ หากผลมันออกเมื่อไหร่ เธอต้องอยู่ที่นี่ไปจนตายแน่”

    โยฮันก้าวฉับๆ ออกมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง พูดไปก็เปลืองแรงเปล่าหากเธอจะยอมรับง่ายๆ คงไม่ทิ้งไปตั้งแต่แรก ชายหนุ่มเดินออกมาเพื่อจะแวะเข้าไปที่เหมือง

    “อ้าวโยฮัน นี่หลานกลับมาแล้วหรือ” นางซินเธียกล่าวทักหลานชายด้วยความดีใจ

    “ครับ”

    “แล้วนี่พามาด้วยรึเปล่า”

    แม้เขาไม่ได้ตอบ แต่ก็เดาได้อยู่แล้วนางจึงแสดงอาการเบื่อหน่ายออกมา เพราะนางค้านมาตลอดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

    “โยฮัน ป้าบอกแล้วไงว่าป้าดูแลไลลาเองได้ ลืมแล้วหรือไงผู้หญิงคนนี้ทำอะไรไว้ เมื่อหล่อนเป็นคนทิ้งไปจะตามกลับมาทำไมให้เสียเวลา”

    “ผมรู้ครับป้า แต่ยังไงไลลาก็ต้องมีแม่ ผมจะทำให้เธอยอมรับเด็กคนนี้ให้ได้” เขาบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ นับจากนี้เธอจะไม่มีวันได้ทิ้งไลลาไปได้เป็นเด็ดขาด



    ..........................................................................................
    ขออภัยที่หายไปนานมากกกกก แต่ยังไม่ลืมนะคะ แวะมาอัพ หากใครอยากอ่านเร็ว ทวงมากนะคะ(อิอิ คนเขียนโรคจิต) อย่าลืมเมนท์ให้กำลังใจกันด้วยน้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×