ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงพญามาร

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 สูญเสีย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 462
      8
      26 ส.ค. 58

        
    CR.SQW


                                               

                บ่วงพญามาร

                               บทที่ 1

     

    ร่างสูงหญ่กำยำก้าวขึ้นไปตามบันไดวนอย่างรีบร้อน ใบหน้าคมนั้นดูิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง คิ้วเข้มดกหนาเรียงกันเป็นแพพาดระกับดวงตาสีเหลืองอำพันประดุจเหยี่ยวภูเขา จมูกโด่งคมสันต์รูปทรงหยดน้ำมันช่างเข้ากับเรียวปากรูปกระจับสีส้มแบบธรรมชาติ โยฮัน ฟริต  ชายหนุ่มวัยสามสิบสาม เจ้าของเหมืองเพชรที่หญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเยอรมัน ผู้ซึ่งมีลักษณะนิสัยอารมณ์ร้อน และสิ่งที่ทำให้เขาต้องยอมทิ้งเหมืองกลับมาหนนี้ก็เนื่องด้โนอา ฟริต น้องชายคนเดียวของเขาป่วยหนัก

    เมื่อชายหนุ่มขึ้นมาถึง ภายนห้องช่างดูหดหู่นัก เขามองร่างอ่อนแรงของผู้เป็นน้องชายที่อยู่บนเตียงนอน โดยที่ข้างเตียงนั้นมีหญิงสูงวัยยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าเศร้าสลด พอโนอาเห็นพี่ชายเขาพยายามที่จะยิ้มห้ หากแต่เป็นรอยยิ้มเื่อนๆ บหน้าที่ครั้งหนึ่งเคยร่าเริงกลับกลายเป็นหมองเศร้าเพียงเพราะคนๆ หนึ่งที่ไร้หัจ เขารู้มาตลอดว่าโนอายังอาลัยอาวรณ์คนๆ นั้นอยู่

    “โยฮัน มาเสียที ผมนึกว่าพี่จะมาไม่ทันเสียแล้ว” เสียงแหบห้าวแสนแผ่วของน้องชายทำเอาโยฮันรู้สึกเศร้าใจนัก

    “ไม่ทงไม่ทันอะไรกัน พูดเสียน่ากลัเชีย แล้วนี่แกเป็นยังไงบ้าง ป่วยหนักขนาดนี้ทำไมเพิ่งบอกพี่”

    น้ำเสียงคล้ายตำหนิอยู่นที เพียงแต่มันเต็มไปด้วยความห่วงใย เป็นเพราะชีิตของเขามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง พ่อกับแม่ของทั้งคู่เสียไปนานแล้ เหลือแต่ผู้เป็นป้าที่คอยเลี้ยงดูมาเขาจึงรักและผูกพันกับน้องชายคนนี้มาก

    “เพราะตอนแรกผมคิด่ามันจะไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เหมือนมันจะไม่ช่แบบนั้นแล้ หมอเพิ่งตรวจพบก้อนเนื้อร้าย ซึ่งผมอาจจะมีชีิตอยู่ได้ไม่นานนัก” โนอาพยายามจะบอกเพื่อห้พี่ชายเข้าใจ

    ตลอดเลาเขาพยายามที่จะต่อสู้กับมัน ที่เขาไม่ยอมบอกโยฮันตั้งแต่แรกเพราะไม่อยากห้พี่ชายเป็นกังล หากแต่เวลานี้ก้อนเนื้อร้ายนั้นบั่นทอนสภาพร่างกายของเขาจนตอนนี้มันอ่อนแรงเต็มทน

    “ไม่หรอก อย่าพูดแบบนั้น เดี๋ยวนี้หมอเก่งๆ มีเยอะ แกอย่าห่วงเลย แกจะต้องไม่เป็นไร ฉันจะหมอที่ดีที่สุดมารักษาแก”โยฮันบอกทั้งที่จหาดหั่น เมื่อคนตรงหน้าดูซีดเซีย มันทำห้เขากลัจับจ เส้นชีิตที่แสนบอบบางของโนอาเหมือนจะค่อยขาดลงไปอย่างช้าๆ

    “ที่ผมห้พี่มาันนี้ เพราะผมรู้ว่าผมสู้มันไม่ไหวแล้วพี่ รู้ว่าอีกไม่นานผมคงต้องไป แต่ผมยังมีห่วงอยู่...พี่คงยังไม่เคยเห็นไลลา แกน่ารักมาก...ผม...อยากห้พี่เห็นแกจริงๆ”

    “ฉันก็อยากเห็นหลานสาของฉันเหมือนกัน กี่เดือนแล้วล่ะ คงจะจ้ำหม้ำมากสิช่ไหม”

    โยฮันกุมมือน้องชายไ้ตลอดไม่ยอมห่าง ขณะที่ผู้เป็นป้ายืนร้องไห้อยู่เงียบๆ เขาพยายามไม่แสดงออกมาว่าเขาหวั่นจแค่ไหน เสียงของโนอาแผ่ลงทุกที แต่ดูมีความสุขเมื่อพูดถึงลูกสาวตัวน้อยที่โยฮันเองไม่เคยเห็นหน้า หลานสาวตัวน้อยที่น่าสงสาร

    “แกมี...ดวงตาเหมือนแม่ของแก”

    “จะพูดถึงผู้หญิงจยักษ์คนนั้นทำไม คนจไม้ไส้ระกำแบบนั้น”

    เมื่อได้ยินน้องชายเอ่ยถึงโยฮันรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เพราะหลังจากคลอดลูกได้เพียงันเดียว ผู้หญิงคนนั้นก็หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งลูกน้อยเอาไว้กับโนอาโดยไม่ยดี ช่างเป็นผู้หญิงที่เลือดเย็กนัก ทิ้งได้แม้แต่ลูกนไส้ของตัเอง

    “ผมเชื่อว่าลลิสาต้องมีเหตุผลที่เธอทำแบบนั้น เธอไม่ใช่คนใจร้าย ถึงผมไม่รู้ว่าเธอไปเพราะอะไร” โนอาบอกด้วยรอยยิ้มอย่างคนไม่ถือโกรธ เขานึกถึงความทรงจำดีๆ มากมาย หญิงสาวผู้แสนอ่อนหวานและอ่อนไหวยังคงอยู่จเขา แม้เธอจะทอดทิ้งเขาเหลือทิ้งไ้เพียงพยานรักที่เขาหงแหนยิ่งกว่าชีวิต

    “ทิ้งก็คือทิ้ง จะมีเหตุผลอะไรอีกล่ะ ผู้หญิงคนนี้ใจดำยิ่งว่าอีกา”

    “เรื่องนั้น...ช่างมันเถอะครับ แต่ตอนที่ผมเป็นห่วงมากที่สุด คือไลลา แกน่าสงสารมาก ตอนแรกผมตั้ง...จจะดูแลแกอย่างดี แต่...ตอนนี้ผมคงจะทำไม่ได้แล้ พี่...ช่ยดูแลแกแทนผมได้ไหม ห้คาม...รัก...ความอบอุ่นแก่แทน...ผม” น้ำเสียงของโนอาเริ่มขาดห้วงจนโยฮันจไม่ดี

    “ไม่...ฉัน...แกต้องอยู่ดูแลลูกแกสิ โนอา!

    “ผม...ทำไม่ได้ ขอร้อง...ดูแลไลลา...ด้ย”

    โยฮันมือไม่สั่นเทา เขามองน้องชายเอ่ยย้ำเหมือนจะเป็นการสั่งเสียครั้งสุดท้าย จชายหนุ่มเหมือนจะขาดเสียให้ได้ จำเป็นต้องรับปากออกไป

    “ดะ..ได้ ฉันจะดูแลไลลาเอง”

    เพียงนี้เมื่อได้ยิน โนอาเหยียดกว้างที่สุดเท่าทีจะทำได้ เขาเหมือนจะขอบคุณ แต่กระนั้นก็ไมได้เปล่งอะไรออกมา มีเพียงแววตาเท่านั้นที่เต็มไปด้วยความตื้นตันก่อนที่มันจะไร้ซึ่งแววดๆ เมื่อสายใยชีิตที่แสนเปราะบางได้ขาดไปเสียแล้

    โยฮันบหน้าอยู่กับมือของน้องชาย ที่ยามนี้มันช่างเย็นชืดเหลือเกิน ชายหนุ่มร่ำไห้กับการสูญเสียครั้งยิ่งหญ่ของตน ปล่อยน้ำตาร่งรินลง ห้องทั้งห้องตกอยู่ในคามโศกเศร้าอาดูร เสียงคร่ำครวญอย่างโศกสรรค์ของชายหนุ่มกายใหญ่สั่นเทิ้มอย่างสุดจะกลั้น ผู้เป็นป้าถึงกับทรุดตัลงกับพื้นอย่างหมดแรงปล่อยโฮออกมา โยฮันนั้งเงยมองน้องชาย มือหนาลูบศีรษะแล้วเอ่ยกับเขาเบาๆ แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้ยินแล้วก็ตาม

    “ไม่ต้องห่วงนะน้องชาย ไลลาจะต้องมีคนดูแล”

    เมื่อเขาบอกเช่นนั้น นัยน์ตาคมกริบนั้นแดงก่ำแลดูแข็งกร้าว พลันคิดใจ่า เธอจะต้องกลับมารับผิดชอบในสิ่งที่เธอทำ ลลิสา

     

    สองเดือนต่อมา....

    ภายนห้องพักของรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ใกล้ๆ อุทยานแห่งชาติวังน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นเวลาดึกมาแล้ว แต่หญิงสาวร่างเพรียวบางยังนั่งก้มหน้าอยู่บนจอโน๊ตบุ๊คตัวเก่ง นิ้วเรียวสวยรัวลงไปบนแป้นพิมพ์อย่างต่อเนื่องเมื่อพล๊อตนิยายไหลมาราวกับเขื่อนแตก ึ่งมันไม่บ่อยนักที่จะเป็นแบบนี้ สำหรับ พจนิชา ศานติบูณ์ นักเขียนสาผู้เต็มไปด้วยไฟฝัน  ปีนี้เธอเข้าวัยเบญจเพศพอดิบพอดี เธอมีรูปร่างผอมบางสมส่วน นัยน์กลมใสสีดำแวววาว ปากจิ้มลิ้มสีชมพูน่ารัก จมูกรั้นนิดพอๆ กับนิสัยที่ค่อนข้างจะออกไปแนวเอาแต่ใจหน่อยๆ

    เธอมักหาแรงบันดาลจโดยการหลบมาอยู่คนเดียเงียบๆ ตัดขาดจากโลกภายนอกอยู่บ่อยครั้ง แต่กระนั้นก็ยังมีคนมารังควานไม่เลิก หญิงสาวเบนสายตาจากหน้าจอเมื่อโทรศัพท์มือถือดังไม่หยุด เธอพยายามไม่ส่ใจ แต่คนทางนั้นไม่ล่ะคามพยายามเสียทีจนเธอทนไม่ไหวหยิบมันกดรับเพื่อหยุดเสียงรบกวนนั่นเสียก่อนที่เธอจะสติแตก

    อะไรกันนักกันหนาฮึ มาริน”

    “ต้นฉบับฉันเมื่อไหร่จะได้”

    ทันทีที่เธอกดรับรับ ฝ่ายนั้นรีบทงจนพจนิชาต้องยกมือกุมขมับ เมื่อถูกมารินเพื่อนสาว และยังเป็นบ.กของสำนักพิม์ของเธอตามทวงชิดที่ว่าโทรฯจิกไม่ห้เธออยู่ดีเลย แต่เพราะทั้งคู่มีความสนิทสนมกันดี เธอกับมารินรู้จักกันมานานเกือบสิบปีแล้

    “โอย...มารินฉันก็รีบอยูนี่ไง ทวงจัง รู้ไหมเธอทำห้ฉันรู้สึกเหมือน่ามีผีจูออนเกาะหลัง แล้วคอยเอาแต่พูดว่า เอาต้นฉบับฉันมา...เอาต้นฉันมาเลย ฉันปั่นจนไฟแลบแล้นะเนี่ย รับรองคืนนี้ฉันจะปิดต้นฉบับส่งเธอแน่ เพราะงั้นเลิกจิกฉันเหมือนแม่ห่านหวงลูกเสียที

    “รับปากแล้นะ พรุ่งนี้ฉันต้องได้ตันฉบับของเธอนะ ไม่งั้นฉันจะตามทวงแบบนี้ต่อไปแน่...แล้วนี่เมื่อไหร่จะเลิกปลีกวิเวกเสียทีเฮอะหญ้าหวาน ชอบหายเข้ากลีบเมฆจนฉันจะปิดประกาศตามหาคนหายแล้วรู้รึเปล่า แม่นักเขียนติสแตกเอ๊ย กลับมาเสียทีเถอะ ทางบ้านห้อภัยแล้ว”

    เสียงจากทางนั้นบ่นอุบและยังเย้าแหย่เล่นจนพจนิชาหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี เพราะมารินพูดได้ตรงประเด็นนั่นคือเธอมักจะเก็บตัวอยู่เงียบๆ ตะเวนไปตามสถานที่ต่างๆ แม้แต่บ้านเธอเองก็ยังไม่ค่อยจะกลับจนผู้เป็นแม่ต้องโทรฯ ตามอยู่บ่อยๆ เพราะเป็นลูกสาวคนเดียวแม่ของเธอจึงหวงราวกับไข่นหิน กระนั้นเธอก็ยังแอบหนีแม่มาโบยบินหาอิสรภาพ เธออยู่กับแม่เพียงสองคนเท่านั้น ส่วนพ่อเธอแม่บอกว่าเสียไปตั้งแต่เธอเกิดได้เพียงไม่กี่วัน แต่ก็น่าแปลกที่แม่ไม่มีรูปพ่อเก็บไว้เลยสักใบเธอจึงไม่รู้เลยว่าพ่อของเธอมีหน้าตาเป็นอย่างไร

    “ฉันกลับไปเมื่อไหร่เธอก็เห็นเองแหล่ะ แค่นี้ก่อนนะ ฉันจะรีบไปปั่นงานไม่งั้นพรุ่งฉันไม่มีส่งไม่รู้ด้วยนะ”

    พจนิชาตัดสายไป โดยเธอนั่งมองจอคอมพิวเตอร์อยู่ แต่เวลานี้หมดอารมณ์จะปั่นงานเสียแล้ว เพราะแม่บ.กตัวดีนั่นเชียว เธอลุกไปเปิดตู้เย็นขนาดมินิอยู่ที่มุมห้องหยิบเอากระป๋องน้ำอัดลมมาเปิดดื่มก่อนเดินออกไปที่ระเบียงด้านนอก

    รีสอร์ทแห่งนี้แบ่งออกเป็นหลังๆ แวดล้อมไปด้วยแมกไม้อันแสนจะร่มรื่น มันเงียบสงบมากทีเดียวเหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงแบบเธอ ค่ำคืนนี้อากาศเย็นสบายนัก ท้องฟ้าก็เปิดโล่งสบายตา พระจันทร์กลมเกลี้ยงสีเหลืองนวลประดับอยู่บนผืนฟ้าสีน้ำเงินเย็นตานัก เธอยืนชื่นชมบรรยากาศอยู่พักหญ่เลยทีเดียจึงได้กลับไปทำงานต่อ

    แต่ขณะนั้นเอง มีดวงตาคู่หนึ่งมองออกมาจากห้องพักั่งตรงข้าม ดงสีอำพันนั้นมันเต็มไปด้วยความชิงชัง ไหล่หนานั้นอิงอยู่ที่ผนัง ขณะที่มือยังเปิดแง้มผ้าม่าน มองร่างเพรียวระหงเดินกลับเข้าไป ช่างมีความสุขเสียจริง ไมทุกข์ไม่ร้อนกับอะไร เธอจะรู้ไหมนะว่ามีคนทุกข์ทรมานเพราะเธอ ดื่มด่ำไปเถอะชีวิตอิสระ เพราะอีกไม่นานเขาจะเอามันไปจากเธอ




                                              


    ................................................................................................

    ป.ล ขอย้ำนะคะว่านิยายเรื่องนี้หวานแหวว แต่เปิดมาดราม่าเชียว ชื่นชอบ อย่าลืมแอดแฟน เม้น โหวตเป็นกำลังจกันนะคะ ขอบคุณค่ะ


     




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×