คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 17 ปลายทาง
บนท้องฟ้าในคืนที่ดาวพราวแสง เครื่องบินเจ๊ทขนาดแปดที่นั่งลอยลำอยู่เหนือน่านฟ้า ขณะที่บนเก้าอี้ลูกฟูกเนื้อกำมะหยีเนียนนุ่มเอริยาหลับสนิท เดเมียนที่นั่งตรงข้ามกำลังใจจ่ออยู่กับจอแลปท๊อปเงยมองพลางคลี่ยิ้ม วงหน้าเล็กเอียงไปด้านข้างนิดหน่อย แค่เครื่องทะยานขึ้นฟ้าได้ไม่นาน เอริยาก็หมดฤทธิ์สลบไสล เขาขยับลุกไปหาหยิบเอาผ้าห่มผืนบางที่ถูกพับไว้ที่ชั้นมาห่มให้ เขายอมวางงานเพื่อที่จะได้ไปพักผ่อนกับเธอเพียงสองคน หากมีใครมาว่าเขาหลงเธออย่างหนักเขาก็คงจะไม่เถียงสักคำ กระนั้นหลายอย่างในใจก็วิ่งชนกันมั่วไปหมด
เดเมียนกลับมาที่หน้าจอต่อ เช็คงานที่เหลืออีกนิดหน่อยก่อนจะไปเช็คอีเมลต่อ ซึ่งมีส่งมาใหม่หลายฉบับ อีเมลนี้เป็นอีเมลส่วนตัวมีคนรู้จักเพียงไม่กี่คน ซึ่งคนที่ส่งมาก็คือสุรีนาและตนก็ไม่ได้โทรฯหาเธอเลย ใจความนอกจากจะเล่าเรื่องงานก็ยังมีต่อว่าเล็กน้อยเพราะเวลาเธอโทรฯมาเขาไม่ค่อยรับสาย โดยไม่รู้ว่าเดเมียนนั้นจงใจจะให้อีกฝ่ายกระวนกระวาย ชายหนุ่มหยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจตอบอีเมลและยังไม่ลืมที่จะหยอดคำอย่างหวานหยดให้เธอกระชุ่มกระชวยเล่นจนกระทั่งเธอหลงเข้ามาทีล่ะน้อย ในอีเมลสุรีนายังแนบภาพสมัยที่ทั้งคู่เคยเรียนด้วยกันและพูดพร่ำถึงวันวานที่เธอยังไม่ลืม
ใช่! เขาเองก็ไม่ลืมเหมือนกันว่าตอนนั้นเขาเจ็บขนาดไหน และสิ่งที่แม่นยำอยู่ในใจคือผู้หญิงคนนี้หักหลังเขาได้อย่างเลือดเย็นและเขาไม่ใช่คนที่ลืมอะไรง่ายๆ ด้วยสิ สิ่งที่เขาจะทำตอนนี้คือจะทำให้อีกฝ่ายเชื่อใจวางกับดักล่อทีล่ะน้อยรอให้เหยื่อติดเบ็ดก่อนที่เขาจะโยนเธอลงจากสูงให้เธอได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกของคนที่โดนหักหลัง
เอริยาหลับสนิทมากเสียจนกว่าจะรู้ตัวอีกทีเครื่องบินก็แตะลงบนพื้นรันเวย์แล้ว เดเมียนมีคฤหาสน์อยู่ในแคว้นแอนดารูสเซียทางตอนใต้ของสเปนแดนกระทิงดุ เธอเพิ่งรู้ว่าเขามีแม่เป็นคนสเปน แต่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่นิวยอร์คจนกระทั่งไปพบรักกับพ่อของเขาที่นั่น แต่ตอนนี้ทั้งคู่อยู่อีกเมืองหนึ่ง
หญิงสาวตื่นมาในเช้าของอีกวัน เพราะกลิ่นขนมปังปิ้งหอมๆ ปลุกเธอให้ตื่น เอริยาโงหัวขึ้นมาจากหมอนจึงได้เห็นถาดอาหารเช้าวางอยู่ปลายเตียง โดยที่เดเมียนนั้นยืนกอดอกยิ้มละไม
“ตื่นแล้วรึคนขี้เซา” เสียงนุ่มทักทายยามเช้า เธอหลับยาวตั้งแต่เมื่อวานจนป่านนี้ “ทานอะไรหน่อยสิผมทำเองนะ” ว่าพลางขยับถาดไปหาเธอ เอริยาเหล่มองแต่ก็รับมันมา ช่างแปลกนักที่วันนี้เขาใจดีเป็นพิเศษทำอาหารเช้าให้เธอด้วย
“ขอบคุณคะ” เอริยาทานมันด้วยความหิวโหย เมื่อวานกว่าจะมาถึงก็ดึกมากแล้วเธอจึงนอนทั้งที่ไม่ได้กินอะไรเลย เป็นอะไรที่วิเศษสุดเมื่อตื่นมาก็มีอาหารเช้ามาเสิร์ฟถึงเตียง มองเดเมียนเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง หยิบหวีมานั่งลงข้างแล้วสางผมที่พันกันยุ่งให้
“อิ่มแล้วก็ไปอาบน้ำ เดี๋ยวผมจะพาไปเที่ยว” มือหนานั้นช่างนุ่มนวลอย่างมากมาย ไม่เพียงแต่อิ่มท้องยังอุ่นใจ เดเมียนเตรียมทุกอย่างให้ทั้งที่จริงระดับอย่างเขาไม่จำเป็นต้องทำให้ใคร เธอไม่อยากคิดว่ามีใครบ้างนะที่ได้รับการดูแลแบบนี้จากเขา ความสุขนี้อาจมีอายุอยู่ในระยะสั้นๆ กระนั้นคนที่ได้รับก็รู้สึกเอมอิ่มจนล้นปรี่
รถเปิดประทุนคันงามขับออกสู่ถนนเส้นเล็ก มีรถวิ่งสวนทางต่างจากเมืองสำคัญโดยทั่วไป เมื่อพ้นออกมาเข้าสู่ถนนนอกเมืองสภาพภูมิประเทศสองข้างทางมีบ้านเรือนทรงเตี้ย อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบและสวยงามน่าชม
รถวิ่งไปตามถนนคดเคี้ยวโค้งแคบและสูงชันมากมายจนน่าเวียนหัว พื้นที่ส่วนในสเปนเป็นที่ราบและผาสูงเป็นเมืองแห่งมนต์เสน่ห์ แต่เธอคิดว่าเดเมียนมีความชำนาญพอตัว บ้านเรือนที่บางตาจึงมองเห็นทิวทัศน์ทุ่งหญ้าสีเขียวอมเหลืองและพื้นที่การเกษตรที่มีทั้งไร่ส้ม ไร่องุ่น หรือแม้แต่ฟาร์มเลี้ยงสัตว์
หากแต่เธอไม่ค่อยได้สนใจวิวข้างทางแต่กลับสนใจคนข้างๆ สายลมโบกสะบัดพลิ้วตามความเร็วของรถ ไม่รู้ทำไมเธอชอบแอบมองเขาจัง ระหว่างทางเดเมียนแวะจอดที่บริเวณสะพานสไตล์โรมันที่สร้างขึ้นเหนือโกรกธาร ที่ดูๆแล้วเหมือนจะเป็นหุบเหวลึกเสียมากกว่า โดยสะพานแห่งนี้ทำหน้าที่เชื่อมเมืองทั้งเมืองเข้าไว้ด้วยกัน โดยบริเวณด้านล่างจะมีน้ำเชี่ยวกรากไหลผ่านส่วนแถบเมืองใหม่นั้นเป็นบริเวณที่สวยมากหรือเป็นไฮไลท์ของรอนด้า
“ที่นี่เขาเรียก The New Bridge เมื่อก่อนสะพานแห่งนี้ได้มีการก่อสร้างใหม่หลังแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แต่พอก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแต่ยังไม่ทันเปิดใช้ ก็เกิดพังถล่มเอาดื้อๆซะก่อน มีการลงทุนสร้างกันใหม่อีกครั้ง พอเปิดใช้งานก็เลยเรียกว่า The New Bridge หรือย่านสะพานใหม่ แต่ก่อนมันเคยเป็นน้ำตก แต่หลังจากแผ่นดินไหวใหญ่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 แผ่นดินก็แยกออกจากกัน ทำให้น้ำตกค่อยๆเหือดแห้งไป เหลือทิ้งไว้แต่เพียงลำธารเล็กๆกับเชิงผาสูงชัน” เดเมียนอธิบายแบบคร่าวๆ แต่พอเข้าใจ ใต้ของสะพานนี้ถือเป็นภูมิทัศน์ที่สวยงามมาก
เมื่อชื่นชมมันจนพอใจเดเมียนจึงพาเธอไปยังไร่ส้มที่อยู่อีกเมือง เบื้องหน้าเป็นพื้นที่ราบสูงทางเข้าเป็นไร้ส้มทอดยาวไปกับตัวถนนจนกระทั่งไปจนสุดปลายทางมีบ้านหินอ่อนสร้างอยู่บนเชิงเขาร่มรื่นน่าอยู่มาก และด้วยเขาไม่ได้โทรฯบอกก่อนว่าจะมาเมื่อเดเมียนลงไป หญิงวัยสูงแต่งตัวแบบชาวไร่ เสื้อแขนยาวลายทางกับกางเกงยีนส์และรองเท้าบู๊ตกรีดร้องด้วยความดีใจพร้อมยิ้มกว้างสวมกอดด้วยความคิดถึงอย่างท่วมท้น แม้จะมีลูกชายรวยระดับมหาเศรษฐีนางกลับชอบที่จะใช้ชีวิตแบบบ้านๆ มากกว่า ถึงเดเมียนอยากจะพาสองสามีภรรยาไปอยู่ด้วยแค่ไหนก็ตาม
“ดูสิเนี่ยใครมา ลูกหายไปเลย แม่คิดถึงแทบแย่”
“ผมก็คิดแม่ครับ แต่พักนี้งานยุ่งมาก” เดเมียนบอกและยังหอมแก้มผู้เป็นแม่ฟอดใหญ่แลดูน่ารัก เธอเคยเห็นแต่เขาวางมาดเนี๊ยบอยู่ตลอดเวลาพอได้เห็นมุมนี้ของเขามันช่างแตกต่าง
“แน่ล่ะเดี๋ยวนี้ลูกแม่เป็นนักธุรกิจหนุ่มไปเสียแล้ว ขลุกอยู่กับสาวๆ จนยุ่งลืมแม่เสียแล้วกระมัง” โดโรทีเอ่ยแซวเพราะรู้ข่าวของลูกชายตัวดีมาตลอด “แล้วนี่พาใครมา” นางเบนความสนใจมาที่หญิงสาว เมื่อกะเอาคร่าวๆ ว่าเป็นคนเอเชียจึงมีท่าทีหมางเมินอยู่บ้าง เพราะนางมีความรู้สึกที่ไม่ดีเกี่ยวกับผู้หญิงคนก่อน กระนั้นก็ไม่ได้มีอาการรังเกียจแต่อย่างใด เหมือนจะเป็นการประเมินเสียมากกว่า
“เอริยานี่ผม แม่นี่เอริยาครับ” เดเมียนแนะนำสั้นๆ โดยไม่ได้ขยายความมาก
“เข้าบ้านก่อนสิ พ่อแกอยู่หลังบ้านกำลังเตรียมเครื่องมือล่าสัตว์อยู่ เขาคงดีใจที่ลูกมา”
“ดีจังครับ ไม่ได้เข้าป่ากับพ่อมานาน” เดเมียนว่าอย่างกระตือรื้อล้น จูงมือเอริยาเดินตามแม่เข้าบ้านไปโดยที่นางยังเหลือบมองมือลูกชาย
ที่ลานหลังบ้าน ชายร่างใหญ่ก้มอยู่กับอุปกรณ์ล่าสัตว์ที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาพับแขนเสื้อลายสก๊อตขึ้นเล็กน้อย ขณะที่สวมหมวกปีกกว้างกับแจ๊คเก็ตแขนกุด เมื่อเห็นลูกชายเข้ามาจึงกล่าวทักอย่างดีใจพร้อมกับโอบกอดและตบบ่าหนักๆ เพราะนับแต่เดเมียนไปอยู่นิวยอร์คน้อยมากที่เขาจะได้กลับมา
“ไงไอ้ลูกชาย หายหน้าไปเลย มาได้ถูกจังหวะเชียว ฉันกำลังจะเข้าป่า” เสียงห้าวดังกังวานของดิแลนพร้อมอารมณ์เบิกบาน กิจกรรมยามว่างของสองพ่อลูกที่ชื่นชอบเพียงแต่ห่างหายไปนาน ทักทายกันพอหอมปากหอมคอก็ชวนเข้าป่าเสียอย่างงั้น
เอริยาถูกทิ้งให้อยู่กับโดโรทีตามลำพัง เธอนั้นเกร็งสุดๆ แอบเคืองเดเมียนที่ไม่ยอมอยู่เป็นเพื่อนเธอ โดโรทีนั้นยกถาดเครื่องดื่มเป็นกาแฟอีกหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของคนสเปนนอกเหนือจากไวน์ เอสเพรสโซ่เข้มข้น
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณในความเอื้อเฟื้อของเจ้าบ้าน เอริยาเติมนมลงไปนิดหน่อยเพื่อลดความเข้มลง ขณะเดียวกันก็ยังแอบมองโดโรทีที่ยกแก้วของตนขึ้นดื่ม
“เธอรู้จักกับเดเมียนมานานแล้วหรือ”
“ไม่นานหรอกค่ะ คือฉันทำงานกับเขา” ตอบให้อีกฝ่ายพอได้เข้าใจเลี่ยงที่จะพูดถึงสัมพันธ์ที่ยังไม่แน่ชัด
“อืม งั้นรึ แน่ล่ะงานของเดเมียนมักเกี่ยวข้องกับสาวๆ เสมอเขาเป็นคนเสน่ห์แรง ซึ่งมันก็ไม่แปลกแต่เธอเป็นคนแรกที่เขาพามานี่ เขาไม่ค่อยจริงจังกับเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ที่ผ่านมาฉันก็เห็นเขามีผู้หญิงไปเรื่อย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็คงเพราะเขาเข็ดกับเรื่องเก่าจนฉันเองคิดว่าเขาคงจะไม่ลงเอยกับใครได้อีก” โดโรทีพูดเหมือนชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็ยังลอบสังเกตอาการของเธออยู่เงียบๆ เหมือนจะลองใจ เอริยาเพียงอดทนฟัง
“เห็นเขาแบบนี้ เดเมียนเขาอ่อนไหวนะ เขามีช่วงเวลาที่เลวร้ายทำให้จำฝังใจเพียงแต่เขาไม่ชอบที่จะแสดงออกมา จนหลายคนมองว่าเขาเย็นชา แต่ถ้าจะมีใครสักคนเข้าใจเขา”
“แต่แค่คนอื่นเข้าใจเขาอย่างเดียวคงไม่พอหรอกค่ะ ใครๆ ต่างก็เคยมีช่วงเวลาที่ไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น แต่หากมัวแต่กอดมันไว้ก็จะไม่มีวันรู้จักอนาคต หากเขายอมเปิดใจรับคนอื่นบ้าง ทำไมจะไม่มีใครเข้าใจเขาล่ะคะ บางครั้งอยากให้คนอื่นเข้าใจก็ต้องเข้าใจคนอื่นก่อนใช่ไหมคะ อดีตคือเรื่องที่ต้องจดจำแต่ไม่ใช่ให้ยึดติด มันแค่ก็บอกให้รู้ว่าเราผ่านอะไรมา แต่ที่สำคัญคือทำอย่างไรให้ไม่เป็นแบบนั้นอีก”
“แล้วเธอคิดว่าเธอจะเข้าใจเขาได้ไหม”
“นั่นขึ้นอยู่กับว่าเขาเปิดรับฉันมากน้อยแค่ไหน สำหรับฉัน ฉันพร้อมที่จะยอมรับไม่ว่าอดีตจะเคยเป็นอย่างไร ขอเพียงมีความจริงใจฉันก็พร้อมที่จะมอบมันให้เช่นกันค่ะ การที่เขาเคยผิดหวังไม่ได้แปลว่าเขาจะพบเจอกับมันเสมอไป คนเราก็ใช่จะเหมือนกันทุกคน ขนาดฝาแฝดต่อให้คล้ายกันแค่ไหนแต่มันก็ยังมีบางมุมที่แตกต่าง ถึงภายนอกที่มองผิวเผินอาจจะเหมือนจนแยกไม่ออกแต่ถ้ามองผ่านรูปลักษณ์ไม่แน่อาจจะเห็นความแตกต่างก็เป็นได้ ไม่มีมนุษย์คนใดบนโลกใบนี้ที่จะเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วหรอกคะ มันไม่ยากเลยที่แยะแยะหากว่าคนๆ นั้นเพียงแค่ยอมเปิดตารับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เปิดใจรับสิ่งใหม่ที่เข้ามา และเปิดหูเพื่อรับฟังคนอื่น” เธอไม่คิดว่าเดเมียนจะมีสิ่งเหล่านี้ได้ครบถ้วน เพราะบางครั้งเธอรู้สึกว่าตนไม่สามารถทะลุทะลวงกำแพงใจเขาได้ คำว่ารอที่เขาให้มันเหมือนมองไม่เห็นปลายทาง ถึงรู้อย่างนั้นเธอก็ยังรอเขาด้วยความหวังที่มีอยู่น้อยนิด หวังสักวันเธอจะได้เขาไปนั่งในใจเขาได้
โดโรทีนั้นเพียงแค่เงียบฟังอย่างวิเคราะห์ หากเป็นเมื่อก่อนตนคงห่วงว่าเดเมียนจะต้องพบกับความผิดหวังอีกหรือเปล่า เพราะช่วงเวลานั้นกว่าเขาจะผ่านมันมาเขาก็แทบแย่เหมือนกัน จนกระทั่งเขากลายเป็นคนเฉยชา เขาไม่ปล่อยตัวเองให้หยุดนิ่งเพื่อป้องกันความผิดหวังซ้ำซาก แต่ตอนนี้กลับรู้สึกกังวลกับคนตรงหน้ามากกว่า เพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมานานจนดูออกว่าเอริยานั้นเธอไม่ได้เหมือนผู้หญิงคนอื่นของเขาที่มาเพื่อหวังผลประโยชน์ ไม่สิ เธอหวังแต่ไม่ใช่จากสิ่งที่เขามี ตนรู้ว่าทุกวันนี้เขายังคงคิดถึงผู้หญิงคนนั้นอยู่ ถึงแม้ตอนนี้เอริยาจะมาไกลกว่าคนอื่นแต่ก็ไม่แน่ว่าจะไปถึงปลายทาง
เอริยายืนกอดอกไหล่อิงขอบหน้าต่างเหม่อมองออกไปด้านนอกที่ยามนี้มีแต่ความมืด เธอถอนหายใจอยู่รอบกว่าเดมียนจะเข้ามา ชายหนุ่มพาเธอกลับก็ค่ำแล้ว พอมาถึงเขาก็กลับเข้าห้องทำงานทันที แอบสงสัยอยู่ว่าถ้างานยุ่งขนาดนี้เขาจะพาเธอมาทำไมกันนะ เธอหันไปส่งยิ้มนิดเพื่อรับรู้ว่าเขาเข้ามาจากนั้นจึงหันมองออกไปข้างต่อ แม้จะมองอะไรไม่เห็นก็ตาม บางครั้งเธอก็ปล่อยให้ใจลอยไปเรื่อย กระทั่งเอวเล็กถูกวงแขนหนาโอบรัด
“ไหนเล่าให้ฟังหน่อยสิ วันนี้คุยอะไรกับแม่ผมบ้าง”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ก็แค่นินทาคุณเฉยๆ” เอริยาแกล้งพูดเล่น
“หือ...นินทาอะไรผม บอกมาเดี๋ยวนะ” เสียงห้าวดุเข้ม
“เรื่องอะไรจะบอกคุณล่ะคะ คุณเคยเห็นใครที่นินทาคนอื่นแล้วเอามาบอกเจ้าตัวบ้าง ถ้าฉันบอกก็ไม่เรียกว่านินทานะสิ ลองคิดดูเอาเองว่าคุณมีอะไรให้นินทา” เธอโยกโย้ไม่ยอมเล่า
“ไม่พูด งั้นต้องให้ผมเปิดปากก่อนใช่ไหมถึงจะยอม ไหนดูสิว่าระหว่างปากคุณกับปากผมของใครมันจะแข็งกว่ากัน” เดเมียนจับร่างนวลให้หันกลับมา แต่เอริยายกมืออุดปากตนเองไว้แน่นเขาผละมือจากเอวมาที่ข้อมือเล็กทั้งสองข้างตรึงไว้โดยที่ประสานฝ่ามือเข้าด้วยกัน เอริยาก้มหน้าหลบ
“ก็ได้ค่ะ พูดก็ได้ คุณก็เลิกเอาเปรียบฉันเสียที เอะอะก็จูบปากฉันช้ำหมดแล้วนะ” ต่อว่าต่อขานอย่างงอนเง้า ปากเขาไม่ได้มีไว้พูดอย่างเดียวแต่ฉกไวพอๆ กับงูไวเปอร์ที่สามารถปล่อยพิษร้ายทำลายระบบประสาทและส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจและประสบภาวะระบบหายใจเป็นอัมพาตเหมือนเธอตอนนี้ไม่มีผิดเพี้ยน พิษนี้อาจแทรกซึมไปทั่วร่าง
“มันเป็นบทลงโทษของคนดื้อไง ถ้าคุณว่าง่ายก็ไม่ต้องเจ็บปาก แต่อาจจะเจ็บอย่างอื่นแทนอันนี้ต้องดูว่าคุณให้ความร่วมมือมากแค่ไหน”
“ไม่ ฉันไม่อยากเจ็บตรงไหนทั้งนั้น ฉันบอกคุณก็ได้”
“อืม...ไม่รู้สินะ ตอนนี้ผมไม่อยากรู้แล้วว่าคุณนินทาอะไรผม แต่ผมอยากทำอย่างอื่นมากกว่า มาเถอะที่รัก เรามาเล่นขี่ม้าส่งเมืองกันดีกว่า” ว่าพลางขยิบตาขี้เล่น แต่แค่เขาพูดทำเอาเธอขนลุกแล้ว ตอนนี้ถ้าปฏิเสธไปตรงๆ คงไม่รอดมือเขาหรอกเพราะเดเมียนเคยฟังเธอเสียทีไหน
“ขี้ม้ามันเหนื่อยนะคะเรานอนกอดกันเฉยๆ ดีกว่าไหม นะคะฉันอยากนอนกอดคุณ” อยู่กับเขาเธอรู้ว่าต้องรู้จักพลิกแพลงตามสถานการณ์และเธอรู้ว่าหากแข็งขืนกับเดเมียนเธอก็จะเสียเปรียบอยู่ร่ำไป แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้ลูกอ้อนแทน ส่งสายตาพริบพราวและหวานเชื่อมจนเขายอมคลายมือ
“ผมเพิ่งรู้นะว่าคุณอ้อนคนเป็นด้วย” เขาพูดเหมือนจะไม่ชอบ แต่กลับพอใจเอามากๆ ยิ่งมือเล็กนั้นโอบรอบเอวหนาเอาไว้หลวมๆ แค่นี้ทำไมเขาถึงอ่อนยวบอย่างไม่น่าให้อภัย
“ก็อยากให้ฉันน่ารักไม่ใช่เหรอคะ ฉันก็พยายามทำตัวน่ารักอยู่นี่ไง” เสียงอ่อนหวานเสียจนเขาทำอะไรไม่ถูกเลย คางเล็กนั้นวางอยู่บนอกแข็งแรงของตนเขาอยากจับเธอกดลงบนเตียงเหลือเกินแต่ไม่รู้ทำเจอสายตาแวววาวนี้เขาถึงขนาดยื่นทื่อ เขาเจอลูกอ้อนแบบนี้มาก็มากมันเฉยๆ แต่พอเป็นเธอมันน่ารักน่าหยิกเอามากๆ
“ก็ได้ คุณต้องนอนกอดผมทั้งคืนนะ แล้วห้ามลุกหนี ถ้าผมตื่นมาพรุ่งนี้ผมต้องเห็นคุณนอนข้างๆ ด้วยไม่งั้น”
“รับรองได้ว่าพอคุณเปิดเปลือกปุ๊บคุณจะเห็นรอยยิ้มหวานของฉันแน่นอน” เอริยาพูดอย่างโล่งใจ รู้งี้ทำแบบนี้ตั้งแต่แรกก็ดีจะได้ไม่ต้องโดนเขารังแกตั้งสองครั้ง
..........................................................
เรื่องนี้มารออกฤทธิ์ช้า ตอนหน้าจะหวานอีกนิด จากนนั้นมารจะลงคิวแล้วนะ
ความคิดเห็น