ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พรหมลิขิตรักสองภพ

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 58



    CR.SQW


    เพียงออวิ่งหน้าตั้งแบบไม่รู้ทิศ ในคืนเดือนมืดมองไปทางไหนก็มีแต่ความว่างเปล่า เธอเห็นแสงไฟเรืองรองส่องออกมาจากเรือนเป็นระยะ เธอเห็นกลุ่มคนถือคบไฟตามหลังมาติดๆ หญิงสาวหลบเข้าไปซ่อนในพุ่มไม้ข้างทาง ยกมือปิดปากแน่น แทบจะกลั้นหายใจ เฝ้ามองกลุ่มชายฉกรรจ์ราวหกเจ็ดคนผ่านมา

    "หาให้ทั่ว! คงไปได้ไม่ไกลหรอก” ชายคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง มือถือคบเพลิงโบกไปมา

    เพียงออหมอบอยู่อย่างนั้น รอจนกลุ่มชายฉกรรจ์แยกกันไปคนล่ะทิศ ใจมันหวาดหวั่น เธอจะออกไปจากจวนนี่ได้อย่างไรถ้ามีคนหาเธอให้ควักแบบนี้ ทำไมเธอถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้หนอ หญิงสาวค่อยๆ คลานออกมา ลัดเลาะไปตามพุ่มไม้อย่างระแวดระวัง สองแขนกอดกระเป๋าแนบอก

     

    เรือนรับรองฝั่งตะวันออก พันอินยืนเอามือไขว่หลัง แหงนมองท้องฟ้ายามราตรี มันพร่างพราวไปด้วยหมู่ดาวที่ส่องสกาวในคืนเดือนดับอย่างเหม่อๆ ใจลอยละล่องไปถึงใครคนหนึ่ง สายลมเอื่อยๆ พัดมา เผลอมองไปที่เรือนรับรองที่อยู่ท้ายจวน บุญลือยืนสงบนิ่งอยู่ข้างๆ อมยิ้มนิดๆ พันอินนิ่วหน้าเล็กน้อย เมื่อสังเกตเห็นแสงจากคบไฟ เห็นกลุ่มคนกำลังเดินกันให้พล่าน นึกสงสัยว่าพวกนั้นกำลังหาอะไรกันอยู่นะ ยามวิกาลเช่นนี้ ออกมาวิ่งวุ่นกันให้ควักช่างน่าแปลกเสียจริง ทันใดนั้นอยู่ดีๆเขาก็ถูกร่างใครคนหนึ่งพุ่งชนแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเอาเขาเซเล็กน้อย

    เพียงออที่หนีหัวซุกหัวซุนด้วยความรีบร้อน เลยไม่ทันเห็นว่ามีคนยืนอยู่ แถมบรรยากาศก็ค่อนข้างมืดสลัว เธอเลยชนใครก็ไม่รู้โดยไม่ตั้งใจ พอเห็นหน้าเขาชัดๆ เท่านั้นแหล่ะ เหยียดยิ้มด้วยความดีใจ

    “คุณพันอิน!

    “แม่เพียงออ ค่ำมืดดึกดื่นป่านฉะนี้ แม่มาทำอะไรแถวนี้รือ” พันอินถามออกไปด้วยความฉงน

    “คุณพันอิน...ช่วยฉันด้วย ขุนเดช...ขุนเดชจะเอาฉันไปทำเมีย ฉันเลยหนีมา” เธอบอกเสียงกระหืดกระหอบ พลันเสียงตะโกนก็ดังลอยมา เธอเกาะแขนเขาแน่น พันอินมองกลุ่มคนที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มองบุญลือแวบหนึ่ง เขาพยักรับอย่างเข้าใจความหมาย

    “มาทางนี้” ชายหนุ่มตัดสินใจพาเธอขึ้นไปหลบบนเรือน ปล่อยให้บุญลืออยู่รับหน้าแทน

     

    ขณะเดียวกันกลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งตรงมาหาและสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ เรือน ขณะที่บุญลือที่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    “เกิดเหตุอันใดขึ้นรือ ไฉนพวกเอ็งถึงถือคบเพลิงวิ่งวุ่นกันเยี่ยงนี้” สินตีสีหน้าเรียบนิ่งได้อย่างแนบเนียน

    “ข้ามาตามหาคน เห็นนางรำผ่านมาทางนี้รึไม่” ชายคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงเข้ม

    “นางรำ” สินแกล้งทวนคำแบบงงๆ “ ข้าก็ยืนอยู่ตรงนี่ ไม่เห็นเงาใครเลยซักคน”

    “ไม่จริง! เมื่อครู่ข้าเห็นนางคนนั้นวิ่งมาทางนี้” เสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา

    “เอ็งคงตาฝาดไปแล้วกระมัง”

    “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตรวจค้นได้รึไม่!” ชายคนแรกเอ่ยถามเสียงห้าวห้วน ใบหน้าถมึงทึง

    “หากเอ็งจะตรวจค้นรอบๆ เรือนน่ะได้ แต่บนเรือนมิได้” สินบอกเสียงดังฟังชัด

    “ เหตุใดจึงไม่ได้ “ ชายคนแรกว่าอย่างไม่พอใจ

    “ อุวะ! เอ็งรู้หรือไม่นี่เรือนพักของใคร เรือนนี้เป็นเรือนพักของท่านพันอิน แขกคนสำคัญของท่านเจ้าเมือง ไพร่อย่างพวกเอ็งกล้าขึ้นไปค้นรึ? “

    บุญลือขึ้นเสียงขู่ด้วยสีหน้าดุเข้ม ทำเอาชายคนดังกล่าวหน้าเจื่อนลง ทว่าเสียงที่ดังยิ่งกว่าแทรกขึ้นมา

    “มันไม่กล้า แต่ข้ากล้า ข้าอยากตรวจค้นเรือนนี้”

    “หามิได้ ท่านขุนเดช แต่ท่านพันอินกำลังพักผ่อนอยู่ กำชับกระผมว่ามิให้ผู้ใดขึ้นไปรบกวน” บุญลือเปลี่ยนกิริยามาเป็น้อบน้อม

    “แต่ข้าเห็นแสงไฟบนเรือนยังส่องสว่างอยู่ แสดงว่านายเอ็งยังมิหลับ ก็ไม่ถือว่าเป็นการรบกวน” ขุนเดชพูดออกมาหน้าตาเฉย ทำท่าจะเดินขึ้นเรือน แต่ถูกบุญลือกับพวกอีกหลายคนที่ลงมาสมทบเข้าขวาง แต่แค่นี่มันหาทำให้เขาหวั่นเกรงไม่

    “กระผมคงปล่อยให้ท่านขุนขึ้นเรือนมิได้ขอรับ”

    “นี่พวกมึงกล้าขวางกูรึ ไพร่อย่างมึงไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเสียจริง หลีกไป!” ขุนเดชตวาดเสียงดัง แต่บุญลือยังยืนนิ่ง ด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น ขุนเดชใช้เท้าถีบบุญลืออย่างแรง เกิดการชุลมุนขึ้น

     

    บนห้องนอน เพียงออยืนฟังเสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังมาจากหน้าเรือนด้วยความหวาดกลัว มองพันอินที่แอบแง้มประตูเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างเครียดจัด คิดว่าเดี๋ยวไม่นานขุนเดชคงจะบุกขึ้นมา ชายหนุ่มหันมามองเธอด้วยสีหน้าครุ่นคิดและเป็นกังวล ขมวดคิ้วมุ่นอย่างคิดหนัก

    “ขออภัยนะแม่นาง”

    เพียงออนิ่วหน้านิดๆ ไม่เข้าใจว่าเขามาขออภัยเธอเรื่องอะไร แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ถอดเสื้อตัวเองซะงั้น ดวงตาคู่โตพองขึ้นด้วยความตกใจ

    “คุณ..คุณถอดเสื้อทำไม”

    เธอมองแผงอกกำยำของเขา เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ท่อนบนเปลือยเปล่า มันเต็มไปด้วยมัดกล้ามผิวสีเข้มเข้มสะท้อนแสงเทียน เขาย่างสามขุมมาหา เพียงออจึงถอยหลังไปหลายก้าว พลันคิดในใจว่าอย่าบอกนะว่าเธอหนีเสือปะจระเข้อีกแล้ว ชายหนุ่มเอื้อมมือใหญ่หนาจับไหล่เธอไว้

    “นี่ปล่อยนะ คุณจะทำอะไร”

    “ถ้าไม่อยากเป็นเมียขุนเดชมัน ก็จงทำตามที่ข้าบอกเถิด”

    เสียงด้านนอกดังขึ้นเรื่อย พันอินรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนเมื่อมีคนก้าวขึ้นมาบนเรือน เขาดันเธอลงไปนอนที่เตียงอย่างเร่งรีบ ขณะที่เพียงออพยายามขัดขืน มือหนาของเขาดึงเอาผ้าแถบรัดอกเธอจนหลุดลุ่ย เพียงอออ้าปากจะว่า แต่เขาชูนิ้วจ่อที่ริมฝีปากของตัวเอง โน้มหน้าลงกระซิบเสียงเบาข้างๆ หู

    “เงียบๆ”

    เธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อน หายใจติดขัดมวนในท้องราวกับมีคลื่นพายุอยู่ภายใน ใจมันเต้นรัวและแรงมาก นี่เขาทำบ้าอะไรเนี่ย ร่างหนาหนักของเขาทาบทับอยู่บนตัวเธอ จนเธอแทบขยับไม่ได้

    ขุนเดชก้าวอาดๆ ขึ้นมาบนเรือน สีหน้าถมึงทึง ยามนี้โทสะมันพุ่งพล่าน รู้สึกเหมือนโดนหักหน้า ในใจมันคิดว่ายังไงต้องเอานางคนนั้นเป็นเมียให้ได้ ไม่เคยมีใครปฏิเสธเขาแบบนี้ ตรวจดูทีล่ะห้องอย่างเหิมเกริม ไม่แม้แต่จะรักษามารยาท จนมาหยุดที่หน้าห้องๆ ห้องหนึ่ง ไม่เสียเวลาเคาะให้ยืดยาว ถีบประตูอย่างแรงจนมันอ้าออก แต่พอได้เห็นภาพข้างใน มันทำเขาตกตะลึงจนตาค้าง มันช่างบาดตาเสียนี่กระไร พันอินโงหัวขึ้นมาจากร่างอรชร คิ้วหนาขมวดมองผู้บุกรุกด้วยสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ขุนเดชโกรธจนเลือดขึ้นหน้า มองพันอินในสภาพเปลือยครึ่งท่อนทีหนึ่ง สลับเพียงออที่พยายามรวบผ้าแถบที่มันหลุดลุ่ยแบบลุกลี้ลุกลน อย่างเดือดดาล

    “ขุนเดช ดึกดื่นค่ำคืน ในยามวิกาลเช่นนี้ บุกขึ้นเรือนผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่เสียมารยาทไปหน่อยหรือ” พันอินว่าด้วยน้ำเสียงห้วนหุ้น ลุกจากเตียงอย่างเคืองขุ่น เพียงออลุกตามและคอยหลบหลังชายหนุ่มอย่างหวาดๆ

    “พันอิน! ท่านรู้หรือไม่ว่า ข้าหมายตานางคนนี้ไว้แล้ว ท่านกระทำการเยี่ยงนี้ไม่หยามหน้าข้าไปหน่อยหรือ” ขุนเดชถามกลับเสียงดังลั่น สายตาขุนแค้นจนแทบจะกระอักเลือด

    “งั้นรึ? ต้องขออภัย ข้าหารู้ไม่ ช่างบังเอิญดีแท้ ข้าเองก็พึงใจนางคนนี้อยู่เช่นกัน เสียดายที่ท่านช้าไป” พันอินตอบกลับหน้าตาเฉยแบบไม่รู้สึกรู้สา ทำเอาอีกฝ่ายตัวสั่น เสียงบดขยี้กรามดังกรอดๆ ด้วยความโมโหสุดขีด

    “ไม่รู้จริง หรือแสร้งทำไม่รู้กันแน่ ข้าต้องการนางคืน”

    “เห็นทีจะไม่ได้ ข้าได้นางคนนี้เป็นเมียเสียแล้ว คงจะคืน ให้ท่านมิได้ดอก”

    “พันอิน! ท่านทำเช่นนี้หมายเป็นศัตรูกับข้าใช่หรือไม่” ขุนเดชตวาดเสียงดังตามแรงโทสะ อย่างสามขุมเข้าหาอย่างไม่ยอมแพ้ “ยังไงวันนี้ข้าต้องเอานางคนนี้กลับไปให้ได้” เขาพูดแบบหน้าด้านๆ ทำเอาพันอินชักเริ่มเดือด เห็นคาตาขนาดนี้แล้ว ยังดื้อดึงจะเอาอีก คนๆ นี้ช่างเหลือทนจริงๆ คิดว่าคนเราดื้อด้านได้เพียงนี้เชียวหรือ

    “หากกล้าแตะต้องเมียข้าแม้แต่ปลายขุมขน เราได้เห็นดีกันแน่” พันอินบอกด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว จ้องหน้าขุนเดชท่าทางเอาเรื่องอย่างไม่หวั่นเกรง

    “อ้ายพันอิน!

    ขุนเดชพูดเสียดังอย่างลืมตัว โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ในมือกำดาบไว้แน่น ก่อนจะชักมันออกมาขู่ แต่ทว่าพันอินก็ทำแบบเดียวกัน เขาคว้าเอาดาบที่วางอยู่หัวเตียงขึ้นมาทันควัน สู้สายตาของอีกฝ่ายแบบท้าชน สองฝ่ายจ้องหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย

    “หากท่านคิดจะเอานางไป ข้ามศพข้าไปก่อน ท่านคงไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงหูท่านเจ้าเมืองหรอกกระมัง ขุนเดชผู้ยิ่งใหญ่ มากล้นบารมี กลับคิดแย่งเมียผู้อื่น ความรู้ถึงไหนอายถึงนั่น”

    “นี่มึงขู่กูรึ” ขุนเดชชี้หน้าพ่นวาจาหยาบช้าอย่างลืมตัว ยามนี้โทสะมันเข้าตา อะไรเขาก็ไม่สนทั้งนั้น

    “ข้าหาได้ขู่ไม่ หากท่านคิดจะงัดข้อกับข้าก็เอา คนอย่างพันอินหายอมให้ผู้ได้มาหมิ่นเกียรติ ท่านก็มีคนนับหน้าถือตา เป็นที่เคารพยำเกรง คิดพรากผัวพรากเมียผู้อื่นเช่นนี้ มิกลัวชาวบ้านเขาจะติฉินนินทาหรอกรึ”

    ขุนเดชนิ่งอึ้ง เขาหาได้กลัวคำครหาของชาวบ้านไม่ หากแต่เกรงบารมีเจ้าเมืองต่างหาก ยิ่งช่วงก่อนเขาเพิ่งไปมีเรื่องกับพ่อค้าต่างถิ่นเลยถูกคาดโทษเอาไว้ ถ้าเกิดเรื่องนี้ถึงหูเจ้าเมืองจริง คงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถึงจะเจ็บใจอย่างสุดแสนก็ตามที

    “มึงอย่าคิดนะ ว่าจะเป็นคนโปรดของท่านเจ้าเมืองได้นาน อย่าเผลอแล้วกัน กูจะเหยียบมึงให้จมดิน” เขาบอกอย่างอาฆาตทิ้งท้ายอย่างมาดร้ายเหลือคณา สายตาเคียดแค้นและชิงชังไปให้คนที่เขาเกลียดแสนเกลียด ก่อนจะหุนหันออกไปอย่างจำยอมพร้อมกับเพลิงโทสะ

    หลังจากขุนเดชไปแล้ว พันอินจึงรีบปิดประตูตามหลัง เพียงออยืนลุ้นหายใจคว่ำลอบถอนใจอย่างโล่งอก คนอะไรไม่รู้น่ากลัวชะมัด ชายหนุ่มหันกลับมาชะงักเล็กน้อย เธอยังยืนกำชายผ้าที่มันหลุดลุ่ย เขาเมินหน้าหนี เพียงออเพิ่งรู้ตัวว่าอยู่กับเขาสองต่อสอง แถมเธอยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย หญิงสาวรีบหันหลังให้ จัดแจงใส่ผ้าให้เรียบร้อย ใบหน้านวลยังเป็นสีชมพูจางๆ เพราะมัวแต่กลัวขุนเดช จนลืมเรื่องเมื่อกี้ไปสนิทเลย นึกถึงเรื่องที่เขาทำเมื่อครู่ หน้ามันร้อนผ่าวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงรู้ว่าเขาทำเพื่อช่วยเธอ แต่มันก็อดเคืองนิดๆ ไม่ได้อยู่ดี เธอไม่กล้ามองหน้าเขาเลย มันรู้สึกแปลกๆ ยังไงพิกล ใช่ว่าไม่เคยอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง เกิดความเงียบอยู่ชั่วอึดใจ

    “เรื่องเมื่อครู่ ข้า...ขออภัยนะแม่นาง ข้ามิได้มีเจตนาจะล่วงเกินแม่เลย” ชายหนุ่มบอกอย่างคนรู้สึกผิด เห็นเธอเอาแต่มองไปทางอื่น คิดว่าเธอคงโกรธ

    “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ไม่เห็นต้องใช้วิธีนี้เลย” เธออดตำหนิเสียงค่อยไม่ได้ แม้จะรู้ว่าเขาทำไปเพราะสถานการณ์มันบีบคั้น

    “ขออภัยจริงๆ แต่ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน หากข้าไม่ใช้วิธีนี้ แล้วข้าจะหาเหตุผลใดมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกป้องแม่เล่า” พันอินมองอย่างขอความเห็นใจ มันทำให้เธอโกรธเขาไม่ลงจริงๆ

    “ช่างมันเถอะ ยังไงก็ ขอบคุณนะค่ะ คุณช่วยฉันไว้ตั้งสองครั้งแล้ว”

    พันอินเหยียดยิ้มเล็กน้อย นึกว่าเธอจะโกรธนานกว่านี้เสียอีก เขาเดินไปหยิบเสื้อที่มันตกอยู่บนพื้นขึ้นมาสวม ตลอดเวลาที่สนทนากัน เพียงออเอาแต่มองไปทางอื่นอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ทำไมใจมันเต้นแรงซะเหลือเกิน แอบชำเลืองมอง เธอเห็นผู้ชายถอดเสื้อมาก็มาก แต่คราวนี้ทำไมเวลามองแล้วมันถึงหวิวไหวในช่องท้องก็ไม่รู้

    “ คืนนี้แม่นางคงต้องนอนค้างในห้องนี้กับข้าเสียแล้วล่ะ ข้าคิดว่าพวกขุนเดชมันยังคงวนเวียนอยู่แถวนี้ “

    “ค้างที่นี่เหรอ”

    “แม่ไม่ต้องกลัว ข้ามิทำอะไรแม่ดอก” ชายหนุ่มให้คำมั่นอย่างหนักแน่น แม้ใจจะหวั่นๆ แต่นอกจากเลยตามน้ำ เธอคงไม่มีทางเลือกอื่น เพราะถ้าออกไปตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้นถูกขุนเดชจับไปเป็นแน่

    “ก็ได้...แต่ว่า..คุณต้องสัญญานะ ว่าจะไม่ทำอะไรฉัน” เธอพูดกำชับเสียงอ่อยแบบไม่เต็มเสียง ก็ไม่อยากระแวงหรอกนะ แต่ให้นอนในห้องกับผู้ชายสองต่อสอง จะไม่ให้กลัวเลยก็เป็นไปไม่ได้

    “ข้าสาบาน ข้าจะไม่แตะต้องแม่นางแม้แต่ปลายก้อย” พันอินบอกอย่างมั่นเหมาะ แม้ว่าใจหนึ่งก็แอบหวั่นไหว อยู่กับสาวงามกันเพียงลำพังมันก็อดที่จะใจสั่นไม่ได้ แต่เขามีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่คิดทำอะไรที่หักหาญน้ำใจใคร

    ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย ต่างคนต่างนอนแบบเงียบๆ แต่ไม่มีใครหลับ เตียงสี่เสาขนาดกว้าง ประดับด้วยผ้าม่านผืนบาง เพียงออนอนชิดขอบเตียงจนจะตกแหล่มิตกแหล่อยู่แล้ว ไอ้ครั้นจะไล่เขาลงไปนอนข้าล่างก็กระไรอยู่ เพราะนี่มันห้องเขานี่นา หันหลังให้ก็เสียวสันหลัง พอเห็นมาเจอใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มที่ส่งยิ้มมาให้ มันก็พาลทำให้นอนไม่หลับเข้าไปใหญ่ กว่าจะข่มตาลงได้ เล่นเอาพลิกตัวอยู่หลายตลบ ในที่สุดเธอก็ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนล้า

    พันอินนอนมองสาวน้อยอย่างนึกเอ็นดู ฟังเสียงหายใจดังฟี้ๆ ต่ำๆ สม่ำเสมอ ดวงตาคู่งามนั้นหลับพริ้ม เผลออมยิ้มอย่างสุขใจ ยิ่งมองก็ยิ่งงาม ใบหน้าเรียวเล็กขาวผ่อง ริมฝีปากอิ่มได้รูปเผยอเล็กน้อย ขนาดนอนห่างๆ แบบนี้ยังได้กลิ่นน้ำปรุงลอยเอื่อย กลิ่นกุหลาบหอมชื่นใจ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเขาจะได้มานอนมองเธอแบบนี้ ชั่วขณะหนึ่งที่เขาได้สัมผัสจับต้อง มันทำให้เขาแทบลืมหายใจ ผิวกายนวลเนียน หอมกรุ่นนุ่มละมุนชวนฝัน ติดตาตรึงใจมิรู้ลืม นอนมองกุหลาบงามจนผล็อยหลับไปด้วยอีกคน



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×