คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ลมรัก 6
หลังจากงานแต่งผ่านไปหลายวัน เกลินอยากจะกลับเมืองไทยใจจะขาด แต่รมย์นลินกลับรั้งเธอไว้ด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ ใจหนึ่งก็อดห่วงแม่ไม่ได้ เพราะมิคาเอลไม่ได้ยินดีต้อนรับ หรือต้องการจะนับญาติด้วยเลย แถมยังทำเหมือนรังเกียจทั้งเธอและแม่ราวกับขยะที่รกหูรกตา เธอเป็นห่วงว่าถ้ารมย์นลินอยู่ที่นี่คนเดียวอาจจะรับมือไม่ไหว ยิ่งมาพักหลังเขากลับมาค้างที่บ้านบ่อยขึ้น เธอสงสัยว่าเขาจะมาจับผิดเธอกับแม่รึเปล่า ขนาดว่าเจอกันไม่กี่ครั้งเธอยังไม่ไหวจะเคลียร์ นี่พบหน้ากันทุกวัน ตาบ้านี่ก็ปากเสียสุดๆ ชอบพูดเสียดสี มันเป็นโรคประจำตัวเขารึไงนะ เจอที่ไรเป็นต้องเหน็บ เช่นเดียวกับวันนี้ เธอกำลังช่วยอรรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน เพราะมัวแต่ฟังเพลงเพลินเลยไม่ได้สังเกตว่าเขาเดินมาเมื่อไหร่ รู้ตัวอีกที่สายยางในมือก็หันไปหาเขาโดยไม่ตั้งใจพร้อมกับละอองน้ำจนเขาร้องเสียงหลง
“ ยัยเสร่อ! นี่แกล้งฉันรึไง “ มือใหญ่เช็ดเอาคราบน้ำออกจากใบหน้าอย่างหงุดหงิด
“ ฉันเปล่านะ ก็นายอยากเดินไม่ดูตามม้าตาเรือเองทำไม “ เธอว่าก่อนจะหันสายยางไปทางอื่น
“ ไม่ต้องมาทำฟอร์ม ฉันรู้เธอจงใจ “ พูดพลางจ้องตาขวาง เกลินถอนใจยาวๆ อย่างเบื่อหน่าย เบื่อกับกานทุ่มเถียงที่ไร้เหตุผล น้อยครั้งนักที่จะพูดกันดีๆ หรือจะพูดตามตรงก็คือไม่มีเลย วันนี้เธอจึงยอมสงบศึกไม่อยากต่อความที่มันอาจจะยืดเยื้อ
“ อยากคิดแบบนั้นก็ตามใจ “ หญิงสาวเดินไปปิดน้ำ จากนั้นก็เก็บสายยางให้เข้าที่ เมื่อเดินผ่านชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงบันได เขากลับคว้าข้อมือเธอไว้
“ เดี๋ยว จะเดินหนีฉันไปดื้อๆ แบบนี้นะเหรอ “
“ แล้วจะเอายังไง นายไม่เบื่อบ้างรึไง ฉันไม่อยากมีเรื่องอีกแล้วนะ บอกตรงๆ มันไร้สาระ ฉันเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่ามาเสวนากับนาย เปลืองน้ำลายเปล่าๆ “ เธอเน้นเสียงใส่ พยายามจะดึงมือกลับ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อย เกิดการยื้ยุดอยู่ช่วงหนึ่ง “ ปล่อยฉันนะ ไอ้หน้าปลาจวด “
มิคาเอลเพิ่มแรงบีบขึ้นอีก แม้จะสงสัยอยู่ว่าทำไมเธอชอบด่าเขาว่าหน้าปลาจวด แต่ยังไม่ทันได้อ้าปาก เธอก็สะบัดมือจนหลุด วินาทีนั้นเธอทรงตัวไม่อยู่ เกลินยืนอยู่บนบันได้ขึ้นบนสุด แม้มันจะสูงไม่มาก แต่เธอหงายหลังลงมาก้นจ้ำเบ้าลงไปกับพื้น ชายหนุ่มแค่นเสียงซ้ำเติมอย่างเยาะเย้ย
“ สมน้ำหน้า “ เขารอดูว่าเธอจะลุกขึ้นมาด่าเขาไหม แต่เธอยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม เขานึกว่าเธอมารยา เลยทำเป็นไม่สนใจ เดินหนีเข้าบ้านไปหน้าตาเฉย
เกลินนั่งกุมขาตนเองพร้อมน้ำตาไหล เธอไม่ได้เสแสร้งเพราะเธอเจ็บจริงๆ แถมอีตาบ้านั่นยังเดินยิ้มเย้ยหนีเข้าบ้านไปอย่างไร้น้ำใจ เธอนึกก่นด่าเขาในใจ ไอ้คนบ้า ไอ้ผู้ชายห่วย คิดไปพลางก็พยายามหยัดกายลุกขึ้น แต่ไม่ไหวเลยได้แต่นั่งก้มหน้าอยู่แบบนั้นด้วยความเจ็บใจ แต่แล้วเธอก็เห็นเท้าใหญ่อยู่เบื้องหน้า เมื่อเงยขึ้นมองพร้องความประหลาดใจ ดวงหน้าชื้นแฉะมแววสงสัยมาเขากลับมาทำไม
“ จะนั่งอยู่ตรงนี้อีกนานไหม สำออยจริงๆ นะเธอ “
“ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน จะไปไหนก็ไปเลยไป “ เมื่อพูดหน้าหวานก็หันไปทางอื่น จนเมื่อเขาย่อตัวลง ถามด้วยเสียงเบาอย่างน่าประหลาด
“ เจ็บเหรอ “ แววตานั้นมันดูอ่อนลงอย่างเหลือเชื่อ จริงๆ เขาก็อยากจะสะใจอยู่หรอก แต่ไม่รู้ทำไมพอเห็นน้ำตาผู้หญิงมันรู้สึกอ่อนยวบ แม้จะเป็นน้ำตาของผู้หญิงที่เขาไม่ชอบหน้าก็เถอะ กายใหญ่ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด พร้อมยื่นมือออกไปแตะที่เอว
“ ทำอะไรน่ะ “ เธอปัดออกอย่างไม่ไว้ใจ
“ อยากนั่งอยู่แบบนี้ทั้งวันรึไง “ พอจบคำเขาก็ช้อนร่างเธอขึ้นย่างรวดเร็ว
“ อ๊ะ..วางฉันลงเดี๋ยวนี้นะ บอกให้วางไง ไอ้...”
“ หยุดเลย ถ้าเธอด่าฉันนะ ฉันจะปิดปากเธอ คงไม่ต้องให้บอกนะว่าฉันจะใช้อะไรปิด “ เสียงขู่ของเขามันทำคนในอ้อมแขนหงอลง เผลอมองริมฝีปากหยักได้รูปก่อนจะกลืนน้ำลายดังเอื้อก จำใจให้เขาอุ้มเธอกลับเข้าไปในบ้าน
และเมื่อเท้าใหญ่เหยียบเข้ามาในห้องโถง อรที่กำลังยืนเช็ดบานหน้าต่างอยู่ร้องทักพร้อมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รีบเข้าดูอย่างร้อนรน
“ ตายแล้วหนูเกล เป็นอะไรมาเหรอค่ะเนี่ย “ว่าพลางสำรวจร่างอรชรอย่างเป็นห่วง
“ ยังไม่ตายหรอก แค่ขาเดี้ยง ผมว่าพี่อรรีบหายามาทาก่อนดีกว่านะ ไม่งั้นอาจจะขาเป๋ไปเลย มันคงจะน่าเกลียดพิลึกถ้าจะต้องเดินกระโผลกกระเผลก “ แกล้งว่าอย่างล้อเลียน เกลินทำปากยื่นอย่างอย่างหมั่นไส้ พออรเดินหายออกไปจากห้อง เธอจึงหยิบหมอนอิงปาใส่หน้า มิคาเอลคว้ามันไว้อย่างแม่นยำ
“ ทำร้ายฉันอีกแล้วนะ เอะอะก็ปาของโรคจิตรึไง “
“ นายนั่นแหล่ะโรคจิต ลืมกินยามารึไงถึงมาช่วยฉัน “
“ ฉันแค่แสดงความรับผิดชอบ “ ยืดออกแบบแมนๆ เพราะยังไงที่เธอตกบันไดก็เป็นเพราะเขา แต่คนฟังกลับขำออกมาเสียยกใหญ่
“ แสดงความรับผิดชอบงั้นเหรอ น่าขัน คนอย่างนายมีความคิดแบบนี้ด้วยเหรอ ฉันยังนึกว่าเก่งแต่ทำคนอื่นจนไม่รู้จักสำนึกผิดเสียอีก “ อดใจที่จะตอกกลับไม่ได้ เธอคิดเสมอว่าคนอย่างมิคาเอลทั้งหยิ่งยโส และไร้น้ำใจ แต่วันนี้เขากลับมาแปลกไม่เหมือนเขาเลย หรือนี่เป็นการเสแสร้งแกล้งทำเพื่อให้เธอตายใจ พอเธอเผลออาจจะเล่นงานเธอหนักกว่านี้ก็ได้
อรกลับมาพร้อมกล่องเครื่องมือปฐมพยาบาล หยิบเอากระปุกยาออกมาก่อนจะลงมือนวด แต่เกลินสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บปวด
“ พี่อร เกลเจ็บ “ เธอหดขากลับ มิคาเอลยืนกอดอกมองจึงพูดแทรก
“ ขาแพลงใครเขาให้นวดกันล่ะพี่อร แบบนี้มันก็อักเสบหนักเข้าไปอีกสิ “ เมื่อดูท่าแล้วคงไม่ได้เรื่อง เขาจึงลงมือเองให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย เขาหยิบเอาน้ำแข็งจากแก้วน้ำที่อรเอามาด้วย ดึงเอาผ้าเช็ดหน้าของตนออกมาห่อก้อนน้ำแข็ง แล้วประคบลงไปบริเวณที่กำลังบวมเบาๆ เพื่อลดการอักเสบ แค่นั้นมันกลับทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาก แอบชำเลืองมองใบหน้าหนุ่ม มือหยาบหนา แต่สัมผัสนุ่มนวลบรรจงพันผ้ารอบข้อเท้า รู้สึกแปลกพิกลยามเมื่อมองเขา และเมื่อปากหนาขยับพูดเธอรู้สึกมีหยดน้ำอุ่นๆ รินลงบนร่าง เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “ อาจจะเดินลำบากหน่อยนะช่วงนี้ ถ้าจะให้ดี ไปให้หมอตรวจดีกว่า เผื่อว่ามีเอ็นฉีกขาด “ พอเขาเงยหน้ามา เห็นตากลมราวกับปลาทองจ้องมองด้วยแววตาอ่อนนุ่ม เธอรีบหันไปมองทางอื่น ชายหนุ่มเผลอยิ้มนิดๆ
“ ขอบคุณ “ หญิงสาวเอ่ยบอกเสียงเบา
“ อย่าเหลิงล่ะ ที่ฉันทำให้เพราะฉันเป็นคนผิดหรอก “ ถึงปากจะบอกอย่างนั้น แต่น้ำเสียงไม่ได้แข็งทื่อเหมือนเดิมแล้ว เขายิ้มอยู่นานก่อนจะรู้ตัว นี่เราทำบ้าอะไรวะ ชักงงกับตัวเอง ยัยนี่เป็นศัตรูที่เขาควรกำจัด แค่กลับมานั่งดูแลประคบประหงม เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงจับขาเธออกไปจากตัก “ ทีหลังก็อย่าซุ่มซ่ามอีกล่ะ “ เกลินค้อนขวับทันที หือ...ที่เธอเป็นเพราะก็เขานั่นแหล่ะ ยังมีหน้าว่าเธอซุ่มซ่ามอีก
ด้านนอกห้อง ร่างสูงเอนกายพิงขอบประตูกอดอกมองพร้อมเรียวปากเหยียดยิ้มอย่างพออกพอใจกับภาพเบื้องหน้า จนเมื่อผู้เป็นภรรยาเดินเข้าหา
“ ดูอะไรอยู่คะ “ เสียงเรียบนุ่มเอ่ยถาม เขาไม่ตอบแต่จ่อนิ้วพร้อมส่งเสียงดังชู่ว..จากนั้นจึงเบนนิ้วไปในห้อง
“ อ๊ะ..นั่น “ รมย์นลินแทบจำขยี้ตากับภาพที่เห็น นึกตนตาฝาด ปรกติเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันทีไรเป็นปะทะกับอย่างดุเดือด แล้วไหงวันนี้จึงยอมสงบศึกกันได้
“ คุณเห็นอย่างที่ผมเห็นรึเปล่า “
“ คะ? “ รมย์นลินย่นคิ้วใส่
“ สองคนนั้นเขาเหมาะกันดีนะ “ เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา แววตาเปล่งประกายกับแผนที่คิดได้อย่างกะทันหัน
“ เหมาะที่จะเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันละสิไม่ว่า “
“ ไม่หรอก ผมรู้ว่าลึกๆ แล้วสองคนนี้ไม่ได้เกลียดกัน เพียงแค่มีบางอย่างที่ไม่เข้าใจกัน “
“ นี่คุณจะบอกอะไรฉัน “ เอียงหน้ามองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่จุดประกายอยู่มุมปาก เริ่มรู้ทันแล้วว่าผู้เป็นสามีต้องการอะไร และเขาก็เผยมันออกมาตอบข้อสงสัยของเธอ
“ ผมคิดว่าผม..อยากได้ลูกสะใภ้ “
“ เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ลูกชายคุณเกลียดยัยเกลอย่างกับอะไรดี หรือ..ต่อให้ไม่เกลียด สองคนนี้ก็มีอะไรที่เข้ากันไม่ได้อยู่หลายเรื่อง พวกเขาไม่มีทางลงเอยกันได้หรอก “
“ พนันกันไหมล่ะ “ ท่าทีมั่นอกมั่นใจในความคิดของตน ว่ามองไม่ผิด เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างระหว่างสองคนนี้ที่เริ่มเปลี่ยนไปทีล่ะน้อย แม้จะน้อยจนแทบมองไม่ออก
“ หึ! คุณรู้รึเปล่าว่าคุณท้าอยู่กับใคร ฉันเป็นเซียรพนันเชียวนะ “
“ แล้วไง! เชื่อผมสิ มิคาเอลไม่ใช่คนเลวร้าย เขาอาจจะดื้อรั้น เอาแต่ใจ แต่ผมเลี้ยงเขามาผมย่อมรู้ดี ทำมาเองกับมือเลยนะเนี่ย “
“ ฉันไม่ห่วงลูกชายคุณเลย แต่ฉันห่วงลูกสาวฉันต่างหาก กลัวแต่ว่าจะโดนยัยเกลแผลงฤทธิ์ใส่ไม่กี่ที มิคาเอลเละแน่ “
“ แต่ผมคิดว่านี่แหล่ะเหมาะเลย ผมเชื่อว่าเกลินจะสามารถกำราบมิคาเอลได้อยู่หมัด ไม่เชื่อก็คอยดู “ จากนั้นจึงหมุนกายกลับไป รมย์นลินมองตามอย่างครุ่นคิด ก่อนจะหันไปมองทั้งคู่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินตามสามีไปอีกคน
ความคิดเห็น