ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พรหมลิขิตรักสองภพ

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 58



    CR.SQW


     

                    “เฮ้ยปล่อยแม่เพียงออเดี๋ยวนี้” ด้วงแกล้งขู่เสียงเข้ม ทำใจกล้า แม้ว่าถ้าเทียบขนาดตัวเขาอาจจะเสียเปรียบอยู่หลายขุม

                    “อย่าเสือก” ชายคนดังกล่าวตะคอกกลับพลางชี้หน้า ทำเอาด้วงชะงัก ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา

                    “ปล่อยมือเอ็งจากแม่นางบัดเดี๋ยวนี้” เสียงทุ้มใหญ่ดังกังวานและน่าหวั่นเกรงยิ่ง ชายคนดังกล่าวจึงหันไปมอง

                    “แล้วมึงเป็นใครวะ ถึงกล้ามาสั่งกู ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อย่ามาเสือก” โต้กลับโดยไม่เกรงแต่อย่างใ

                    “กูเป็นใครไม่สำคัญ แต่หากมึงทำกิริยาต่ำช้าเยี่ยงนี้ ไม่ให้กูเสือกเห็นทีจะไม่ได้...ปล่อยมือมึงซะ” พันอินแค่นเสียงคำรามราวกับราชสีห์ แม้ใจจะหวั่นๆ แต่ชายคนดังกล่าวกลับเชิดหน้าขึ้นสู้

                    “แล้วถ้ากูไม่ปล่อยมึงจะทำไม”

                    พันอินไม่ตอบ เขาขยับเข้ามาใกล้ แล้วจับไหล่เธอทั้งสองข้างไว้มั่น จากนั้นใช้เท้าถีบชายคนดังกล่าวอย่างแรงจนกระเด็นหงายหลัง ชายคนนั้นลุกขึ้นอย่างขลุกขลักก้มลงมองรอยฝ่าเท้าที่ทาบอยู่บนอกอย่างโกรธจัด

                    “มึง..มึงกล้าถีบกูรึ” ชายคนนั้นปราดเข้ามาจะเอาคืน แต่ถูกพวกสิน กับก้าน และชายอีกสองคนเข้าขวางทำเอาเขาผงะ อ้อ..จะรุมกูงั้นรึ” เขามองพวกพันอินอย่างโกรธแค้น แต่ไม่กล้าจะเสี่ยง เพราะคนของพันอินมากกว่า ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” เขากล่าวทิ้งท้ายอย่างอาฆาตมาดร้าย ก่อนจะจากไปอย่างอารมณ์เสีย

                    หลังจากชายคนนั้นไปแล้ว เพียงออที่ยังอยู่ในอาการตกใจ เธอนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เอี่ยวหน้าไปมองพันอิน แม้ชายคนนี้จะดูน่าหวั่นเกรงเพียงใด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อกี้ที่เขาทำมันแมนโคตรๆ ใบคมเข้มถึงจะดูดุดันแต่มันก็ดูดีอยู่ในที ก่อนที่ดวงตาคู่โตจะเลื่อนลงต่ำลงมอง มือของเขายังเกาะกุมอยู่ที่ไหล่นุ่มๆ ของเธอ พอชายหนุ่มรู้ตัวรีบปล่อยมือทันที

                    “ขออภัย..ข้ามิได้...” พันอินรีบบอกด้วยเกรงว่าเธอจะหาว่าเขาลวนลามเธอ

                    “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่ช่วย” หญิงสาวพูดเสียงนุ่ม สายตายังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหนุ่ม ความหวาดที่มีค่อยๆ คลายลง ยังไงเขาก็ช่วยเธอไว้ อย่างน้อยเขาก็ยังดีกว่าไอ้คนเมื่อกี้หลายเท่า ท่าทางดูสุภาพผิดกันมาก

                    “ชะแม่จำข้าได้หรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงทุ้มใหญ่ หนก่อนที่แม่ช่วยข้า ยังมิได้ขอบคุณเจ้าเลย ขอบน้ำใจเจ้านัก หากมิได้แม่ข้าเห็นทีจักต้องสิ้นชีพลงคราวนั้น” สีหน้าและแววตาขึงขังแบบเมื่อกี้มันหายไปสิ้น สายตาของเขามันดูอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด

                    “อ๋อ...เรื่องนั้นน่ะเหรอ ไม่เป็นไรค่ะ” เพียงออรับคำขอบคุณอย่างจริงใจ ถึงหน้าตาจะดูน่ากลัวไปหน่อย แต่กิริยาท่าทางที่ดูเป็นมิตร ดวงตากลมใสหรี่ลงนิดๆ อย่างครุ่นคิด จะว่าไปแล้ววันนั้นเขาก็ถูกทำร้ายก่อน เขาทำก็เพื่อป้องกันตัว เป็นตัวเธอเองที่กลัวเกินเหตุไปรึเปล่านะ ก็คนมันไม่เคยเห็นคนฆ่ากันตายนี่นา

                    “ข้ามีของจะคืนให้” เขาว่า ดึงเอาถุงผ้าที่ผูกอยู่ที่เอวออกมา จากนั้นเขาก็ดึงสร้อยสีเงินที่มีล็อกเก็ตรูปไข่สีนวล เพียงออยิ้มกว้างในทันทีด้วยความดีใจแบบสุดๆ เมื่อเขาส่งมันคืนให้

                    “สร้อยฉันขอบคุณค่ะ นึกว่าจะไม่ได้มันคืนซะแล้ว”

                    เธอเสียงหวานสดใส ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ราวกับได้ของรักของหวงคืนมา พันอินที่มองแล้วมองอีกแทบไม่วางตา ยามเมื่อเธอเหยียดยิ้มมันช่างน่ามองเสียนี่กระไร เขาพบเห็นสาวงามมาก็มาก แต่หญิงที่อยู่ตรงหน้ากลับดูแปลกตา กิริยาวาจาที่เอื้อนเอ่ยมันแปลกแตกต่างจากคนที่เขาพบเจอมา ท่าทางที่ดูสดใสมันทำให้เขาอดเผลอยิ้มไม่ได้ บุญลือลอบมองนายหนุ่มที่จ้องสาวจนตาไม่กระพริบ เขาไม่เคยเห็นพันอินเป็นแบบนี้ และมันทำให้รู้ว่าพันอินต้องตาต้องใจนางคนนี้เป็นอย่างมาก

                    “จริงสิคุณชื่ออะไร ฉันชื่อเพียงออนะ”

                    “ข้าชื่อพันอิน” ชายหนุ่มบอกเสียงนุ่ม สำหรับเพียงออเธอไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร แต่สำหรับจำปีกับด้วงอ้าปากหวอทันที เพราะรู้ว่าเจ้าเมืองจ้างคณะอิงฟ้ามาก็เพื่อจะต้อนรับพันอินผู้นี้  แล้วนี่แม่มาทำอะไรที่นี่

                    “ฉันมากับคณะนางรำอิงฟ้า ท่านเจ้าเมืองจ้างเรามา ต้อนรับพวกพ่อค้าจากเมืองอโยธยาอะไรนี่แหล่ะ”

                    “งั้นรึW พันอินแปลกใจอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มกริ่ม เขารู้ว่าเจ้าเมืองจะจัดงานต้อนรับเหมือนกัน แต่ตัวเขาเองไม่ค่อยกระตือรื้อล้นมากนัก แต่พอรู้ว่าเพียงอออยู่ในคณะนางรำนี้ด้วยทำให้เขาสนอกสนใจขึ้นมา

                    “ฉันไปก่อนนะ แล้วเจอกันค่ะ” เพียงออพูดพลางโบกมือลาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะจากไปพร้อมกับจำปีและด้วง พันอินมองตาร่างอรชรที่เดินหายไปในฝูงชน

                    “เห็นท่าว่างานเลี้ยงค่ำนี้คงจะสนุกเสียแล้วสิ”

                    สินที่ยืนฟังทั้งคู่อยู่นานเอ่ยเป็นเชิงแซวปนขำ เมื่อเห็นนายหนุ่มยังมองทั้งๆ ที่สาวร่างบางไปตั้งนานแล้ว สีหน้าเหม่อลอยจนดูคล้ายคนโดนสะกด

              วลาบ่ายแก่ จวนท่านเจ้าเมือง ในเรือนรับรอง บรรดานางรำกำลังวุ่นอยู่กับเตรียมตัวเพื่องานเลี้ยงในค่ำนี้ นักดนตรีชายพากันจัดเตรียมของอย่างจ้าล่ะหวั่น เพราะไม่ใช่แขกคนสำคัญทำให้เรือนพักของพวกเธออยู่เกือบท้ายสุด จวนท่าเจ้าเมืองแห่งนี้มีเรือนพักอยู่หลายหลัง เรือนใหญ่จะอยู่ด้านหน้าเป็นที่พักของเจ้าบ้าน ถัดมาอีกประมาณสามหลังเป็นเรือนรับรองแขกคนสำคัญ นางอิ่มสั่งไม่ให้ไปยุ่งวุ่นวายในบริเวณนั้น พวกเธอจึงไม่เยื้องย่างเข้าไปแถบนั้นเลย เรือนแต่ล่ะหลังอยู่ห่างกันราวๆ ร้อยสองร้อยเมตรเห็นจะได้ ถัดไปอีกหน่อยก็เป็นเรือนทาส

              ตะวันคล้อยต่ำลงดินไปเรื่อยๆ งานเลี้ยงจะถูกจัดขึ้นในสวน ในบริเวณเรือนใหญ่ นักดนตรีชายหลายคนทยอยขนเครื่องดนตรีไปก่อนแล้ว เหลือพวกสาวๆ ที่กำลังแต่งเนื้อแต่งประโคมเครื่องประทินผิวกันแบบเอาเป็นเอาตาย กลิ่นน้ำอบน้ำปรุงลอยคลุ้งไปทั่วห้อง เพียงออนั่งอยู่หน้ากระจกเงา บรรจงแต่งแต้มเครื่องสำอางลงไปบนใบหน้านวลอย่างคล่องแคล่ว นางรำที่นี่ไม่นิยมแต่งหน้าสีสันฉูดฉาดเหมือนคนสมัยใหม่ เน้นสวยใสแบบธรรมชาติ ซึ่งเพียงออก็คิดว่าดีแล้ว เธอไม่ค่อยชอบแต่งหน้าจัด เหมือนบัวริน รายนั้นจะขึ้นแสดงแต่ล่ะที สารพัดเครื่องสำอางที่บรรจงโป๊ะลงจนเหมือนใส่หน้ากากซะมากกว่า เพียงอออดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึง แม้บรรยากาศจะไม่ต่างกัน แต่มันก็ต่างสถานที่ต่างเวลาอยู่ดี ถึงคนที่นี่จะดูโอบอ้อมอารีย์ และเป็นมิตรกันเกือบทุกคน ยกเว้นจันทร์แรมที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบหน้าเธอเท่าไหร่นัก แต่เธอก็ยังคิดถึงบ้าน คิดพ่อแม่ ป่านนี้คงจะเป็นห่วงตามเธอกันให้วุ่น อดเศร้าใจไม่ได้ เธอยังคงขบคิดใคร่ครวญหาเหตุผลว่าเธอมาโผล่อยู่นี่ได้ไง แต่ก็ยังเหมือนเดิมคือหาคำตอบไม่ได้ ใจมันแอบหวั่นๆ ถ้าหากเธอต้องอยู่ที่นี่ไปจนตายจะทำยังไงดี

              “เออนี่..พี่เพียงออ พี่ไปรู้จักมักคุ้นกับท่านพันอินได้อย่างไร” จำปีที่ก้มหน้างุดๆ อยู่กับแป้งนวล

              “ฉันเจอเขาที่กลางป่า แล้วไปช่วยเขาไว้โดยบังเอิญ”

              “ถึงว่า ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับท่านพันอินผู้นี้มาบ้าง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหนุ่มรูปงามถึงเพียงนี้ “

              “เธอรู้จักเขาด้วยเหรอ”

              “อ้าว นี่พี่ไม่รู้รึ ท่านพันอินผู้คนนี้ก็คือพ่อค้าจากเมืองอโยธยาที่ท่านเจ้าเมืองจัดงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับพ่อค้าต่างเมือง หรือจริงๆ แล้วก็เพื่อต้อนรับท่านพันอินผู้นี้แหล่ะ เขาลูกชาติลูกตระกูล บิดาของท่านพันอิน”

              “จริงเหรอ ฉันไม่รู้เลย” เพียงออว่าอย่างขำๆงหน้าสวยประดับรอยยิ้มที่มุมปากนิด อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น นึกถึงใบหน้าคมเข้ม แววตาคู่คมดุดันราวกับราชสีห์ ครั้งแรกที่เจอเธอยอมรับว่าชายคนนี้น่ากลัวมาก ก็แน่ล่ะในยุคของเธอการฆ่าคนมันผิดกฎหมาย แต่หลังจากที่เขาช่วยเธอไว้ที่ตลาด เธอพบว่าเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด มีทัศนะคติต่อเขาในทางที่ดีขึ้น จะว่าไปแล้วเขาก็ถือว่าดูดีทีเดียว หล่อแบบคนโบราณ คิดพลางก็อมยิ้มไปพลางโดยไม่รู้ตัว

              “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว รึว่าพี่ท่าน...ก็เป็นธรรมดา ท่านพันอินรูปงามออกจะปานนั้น แถมลูกเมียก็ยังไม่มี ชาติตระกูลก็ดี แลดูท่าว่าท่านพันอินจะพึงใจพี่ไม่น้อย” จำปีเอ่ยแซว เพียงออทำไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่รู้สึกอะไร

              “พูดอะไรจำปี คิดมากน่า รีบๆ แต่งหน้าเข้า เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่อง แกล้งทำหน้าดุ แล้วหันไปแต่งหน้าต่อ เสียงคิกๆ ของจำปีดังลอดออกมา

              “อ้าวพวกเอ็งเร่งมือไวๆ หน่อย เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดี” นางอิ่มก้าวเท้าเข้ามาในห้อง พร้อมกับเร่งสาวๆ ที่ดูเอื่อยเฉื่อยกันซะเหลือ เหลือบมามองเพียงออ สะดุดเล็กน้อย รอยยิ้มพอใจจุดประกายขึ้นมา มองเธอสำรวจเธออย่างทึ่งๆ เธอใส่ผ้าแถบสีแดงเข้ม นุ่งผ้าถุงสีทองผืนงาม ทั้งเครื่องประดับ ส่งผลให้ดูโดดเด่นขึ้นมาถนัดตา “งามมาก” นางอิ่มกล่าวชื่นชม ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำเอาเพียงออยิ้มไม่หุบ

              เรือนรับรองฝั่งตะวันออก พันอินเดินลงเรือนมาอย่างหน้าชื่นตาบาน เดิมทีเขาไม่ใช่คนที่ชื่นชอบงานอะไรพวกนี้ หากแต่ครั้งนี้กลับรู้สึกอยากไปร่วมงานเสียเต็มประดา เดินเลาะไปตามทางตรงไปยังเรือนใหญ่ โดยมีบุญลือคนสนิทตามหลังต้อยๆ แอบมองนายหนุ่มที่เดินเอามือไขว่หลังอย่างอารมณ์ดี

              “อุเหม่! ค่ำนี้ท่านพันอินดูครึ้มอกครึ้มใจเหลือเกินนะขอรับ ไม่รู้ว่าเป็นงานเลี้ยงที่ท่านเจ้าเมืองจัดให้ หรือเป็นเพราะนางคนนั้นกันแน่” บุญลือลอบชำเลืองอย่านึกขัน พันอินที่ไม่เคยแม้แต่จะปรายหางตามองสตรีใด ชั่วชีวิตอุทิศให้กับงานค้าขาย แต่ครั้งนี้เขากลับดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

              “เจ้าอย่าสู่รู้ให้มากนัก ข้าก็แค่นึกครึ้มเท่านั้นดอก นานๆ ทีจะได้เปิดหูเปิดตา ขลุกอยู่แต่กับเหล็กทั้งวัน เบื่อเหลือมันจะแปลกกระไรหากข้าจักหาความสำราญบ้าง” พันอินว่าเสียงทุ้ม บุญลืออมยิ้มตามหลัง รู้ว่าเขาไม่ได้อยากเปิดหูเปิดตาเท่านั้นหรอก


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×