ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัญจวนรักเพลิงพิศวาส

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 ความบังเอิญที่ไม่น่าเกิด

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 58




               

                เมลินดาเอาเปิดเอาผ้าขึ้นจากเครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญใส่ตะกร้าก่อนหอบกลับขึ้นห้องพักของตนไป อพาร์ตเม้นต์แห่งนี้สะดวกสบายพอดู มีทั้งร้านอาหารและซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ใกล้ๆ เดินออกไปอีกหน่อยก็ถึงป้ายรถเมล์แล้ว ชีวิตในเมืองหลวงก็ไม่ถึงกับเลวร้าย แม้จะเหงาบ้างอะไรบ้าง แต่เธอคิดว่ามันยังดีกว่าอยู่ครอบครัวที่วันๆ พูดคุยกันเพียงไม่กี่คำเท่านั้น

                เมื่อเธอเอาผ้าไปตากที่ระเบียงห้อง หญิงสาวยังยืนเหม่อลอยอยู่ครู่ใหญ่ ยามค่ำคืนของที่นี่ผิดจากที่ที่เธอจากมามาก มันส่องสว่างและครึกครื้นไปด้วยนักท่องราตรี ถัดจากที่พักของเธอไปอีกเล็กน้อยจะมีซอยที่เต็มไปด้วยผับบาร์ แหล่งรวมอบายมุข เสียงดังกระหึ่มมาถึงนี่ ครั้งสุดท้ายที่เธอไปเยือนสถานที่เหล่านั้นเธอเสียอะไรบางอย่างไปให้กับใครคนหนึ่งด้วยความเต็มใจ เธอคิดว่ามันเป็นเพียงแค่คืนหนึ่งในความทรงจำและไม่เคยคิดถึงมันเลย แต่นึกไม่ถึงหนึ่งปีให้หลังคนในคืนนั้นจะย้อนกลับมาในชีวิตเธออีกครั้ง วันนั้นเธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใครและไม่เคยคิดจะสนใจ หากแต่โชคชะตากลับนำเขากลับมาพร้อมกับฐานะที่เธอคาดไม่ถึง ชายคนนั้นในความทรงจำกลายเป็นสามีของเจ้านายเธอไปเสียแล้ว มันช่างน่าตลกนัก โลกใบนี้มันช่างกลมเหลือเกิน แต่ไม่ว่ายังไงมันก็จบไปแล้วและเธอคิดว่าคงจะไม่รื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก

                                                   

     

                เมลินดาหอบเอาเอกสารเดินตามหลังร่างเพรียวบางต้อยๆ บ่ายนี้เธอออกมาข้างนอกกับมัญชรี ทั้งคู่มาดูงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดอยุธยาฯ กว่าจะเสร็จก็บ่ายแล้ว ทั้งสองแวะทานอาหารก่อนกลับ มัญชรีคอยเอาแต่ดูนาฬิกาอยู่ตลอดเวลาเหมือนกำลังรออะไรอยู่ กระทั่งมีสายเรียกเข้ามา เธอผละออกไปคุยครู่หนึ่งก่อนกลับมา

                “เธอกลับเองได้รึเปล่า พอดีฉันนัดเพื่อนไว้น่ะ”

                “ได้ค่ะ...คุณจะไม่เข้าบริษัทใช่ไหมคะ” เมลินดาถามต่อ

                “ไม่! เธอเองก็ไม่ต้องเข้าออฟฟิศก็ได้นะ ฉันอนุญาต อ้อ...พรุ่งนี้อย่าลืมสรุปรายงานสินค้าให้ฉันด้วยล่ะ” มัญชรียังสั่งงานตบท้าย

                “ค่ะ” เมลินดารับคำ

                ก่อนกลับหญิงสาวแวะเข้าห้องน้ำล้างไม้ล้างมือ ตลอดทั้งเช้าเธอต้องไปโน่นมานี่ไม่ได้หยุดพักเลย มัญชรีมีโรงงานที่นี่หลายแห่งกว่าจะตรวจทั่วทำเอาเหนื่อยเลย กระนั้นมันคืองานเธอไม่คิดจะบ่นเลย อีกอย่างเธอแค่อยู่ในช่วงทดลองงานยังไม่ได้บรรจุและบริษัทใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆเธอจึงทุ่มเทอย่างเต็มที่

                เมลินดาเก็บของกำลังจะออกมา หากแต่พอตรวจดูกลับพบว่ามันขาดแฟ้มรายการสินค้าจากโรงงานซึ่งมันคงจะอยู่ที่รถของมัญชรีเป็นแน่

    “บ้าจริง...ลืมเอกสารได้ไงเนี่ย! สะเพร่าจริงเรา” เมลินดาบ่นให้ตนเองอย่างหงุดหงิด อีกฝ่ายกำชับให้เธอสรุปรายไปให้ หากพรุ่งนี้ไม่มีมันคงแย่แน่ๆ เมื่อคิดได้เธอจึงรีบตรงไปยังลานจอดรถ ภาวนาขอให้มัญชรียังไม่ไปทีเถอะ

    เมื่อไปถึงหญิงสาวยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจ เมื่อเห็นรถตู้สีดำของมัญชรียังจอดอยู่ เธอสาวเท้าก้าวฉับๆ ตรงไปหา ทว่าเห็นเพียงคนขับรถเท่านั้น เธอเคาะกระจกเบาๆ อย่างมีมารยาท คนขับรถจึงลดกระจกลง

    “ขอโทษนะคะ พอดีฉันลืมเอกสารไว้น่ะค่ะ” เมลินดาแจ้งชายคนที่ทำหน้าที่ขับรถถึงจุดประสงค์ของตนก่อนขึ้นไปเอาเอกสาร “คุณมัญชรีไปไหนหรือคะ” เธอถามต่อด้วยความสงสัย

    “คุยกับเพื่อนอยู่ทางโน้น” ชายคนดังกล่าวโบ้ยหน้าไปที่รถอีกคัน เมื่อเธอมองตามก็ต้องสะดุดเพราะรู้สึกคุ้นกับรถคันนี้มาก หญิงสาวหยุดคิดที่จริงเธอจะไม่ใส่ใจก็ได้ โลกนี้มันคงไม่บังเอิญขนาดนี้หรอกมั้ง แต่ก็อยากรู้เหลือเกินว่ามันจะใช่คนที่เธอคิดรึเปล่าสุดท้ายถูกความอยากรู้ชนะจนได้จึงตัดสินใจเดินไปดู

    เมื่อได้เห็นป้ายทะเบียนเท่านั้นแหล่ะดวงตาจึงพองขึ้นด้วยความตกใจ เธอมองเข้าไปในรถก่อนยกมือปิดปากตน ข้างในนั้นมีสองร่างกำลังนัวเนียได้ที่โดยไม่นำพาเลยว่าตรงนั้นอาจไม่ใช่สถานที่ที่จะใช้พลอดรักกัน เมื่อฝ่ายชายโงหัวขึ้นมาจากทรวงสล้างของเจ้านายสาวของเธอเขาผงะด้วยความตกใจ พอเขาแสดงอาการนี้ออกมัญชรีจึงได้หันมองตาม เธอกลอกตาเล็กน้อยเพียงแต่ไม่ได้มีอาการสะดุ้งสะเทือนที่เลขาสาวของตนมาเห็นภาพเธอกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับผู้ชายที่ไม่ใช่สามีตน มัญชรีลดกระจกลง

    “มีอะไร” น้ำเสียงเฉื่อยชาเอ่ยถาม

    “พอดีฉันลืมเอกสารน่ะค่ะก็เลยกลับมาเอา” เมลินดาตอบพลางเหล่มองคนในรถ นัยน์ตากลมวาวเต็มไปด้วยแววตำหนิจนอีกคนหลุบตาต่ำ

    “ได้แล้วใช่ไหม” มัญชรียังถามต่อ เธอยังมองอาการของเลขาสาวที่ยังจ้องคู่ขาของตนไม่เลิก

    “ได้แล้วค่ะ” เมลินดาว่า เมื่อเห็นสายตาของมัญชรีที่มองมาคล้ายจะถามเป็นนัยๆ ว่าเมื่อได้แล้วทำไมยังไม่ไปเสียทีหญิงสาวจึงจำเป็นต้องออกมาจากตรงนั้นพร้อมกับความขุ่นเคืองแทนน้องสาว

    หากแต่พอคล้อยหลังเธอชายหนุ่มจึงเอ่ยถามออกมา โดยที่ยังไม่ล่ะสายตาจากร่างที่เพิ่งจะผละออกไป จนมัญชรีออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อย

    “ผู้หญิงคนนั้น...”

    “เลขาฉันเอง ทำไม...อย่าบอกนะว่าสนใจน่ะ” คำถามของเธอมีความไม่พอใจแฝงอยู่นิดๆ ไม่ชอบใจที่เมลินดามาดึงความสนใจเขาไป แม้เธอจะไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับผู้ชายคนนี้ แต่เธอก็ชอบที่จะให้ตัวเองเด่นที่สุดเสมอ ทว่าชายหนุ่มกลับหัวเราะดังหึ

    “อะไรจะบังเอิญขนาดนี้นะ เมลินดาเป็นคนรักเก่าผมเอง” และอีกนัยหนึ่งเธอยังพี่สาวของภรรยาเขาด้วย เขารู้ว่าเธอย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะมาเป็นเลขามัญชรีคู่ขาของเขา จุดไต้ตำตอแท้ๆ

    “งั้นเหรอ...แล้วนี่คุณยัง..อะไรกับเธออยู่รึเปล่า” ดวงตาคู่รีหรี่แคบเมื่อถาม ปรกติแล้วเธอไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวเขา

    “ไม่หรอก ตอนนี้ผมสนใจคุณมากกว่า” ชายหนุ่มพูดอย่างเอาใจ

    ใช่! ตอนนี้เขาไม่สนใจ แต่กระนั้นเขาก็ไม่เคยวางมือจากเมลินดาเพราะเธอเป็นเสมือนเพชรน้ำงามที่เขายังไม่เคยได้เชยชมก็ดันเผลอไปคว้าเอายัยน้องสาวมาแทน แค่ครั้งเดียวทว่าเขาต้องชดใช้ด้วยอิสรภาพของตนแทน

    เมื่อได้ยินเขาบอกเช่นนั้นมัญชรีจึงฉายยิ้มพราวเสน่ห์ เธอรู้จักกับนวัฒน์ตอนไปดูงานที่จังหวัดนครราชสีมาเมื่ออาทิตย์ก่อน ครั้งแรกที่ได้เห็นเธอสะดุดตาเขาทันที เพราะนวัฒน์นอกจากหล่อเหลาคมคายแล้ว เขายังเป็นคนช่างเอาอกเอาใจเพราะทนอยู่กับสามีแสนเย็นชามานานพอได้เจออีกคนที่ตรงกันข้ามเธอจึงเคลิ้มไปได้ง่าย ถึงรู้อยู่ว่าเขาแต่งงานแล้วแต่ใครสนกันล่ะ เพราะรสพิศวาสของเขามันทำเธอขาดความยับยั้ง ซึ่งอันที่จริงก็ไม่เคยมีอยู่แล้ว ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายสาดสายตาอันแสนยวนใจนั้นมาเธอจึงคว้าเอาคอเสื้อของเขาส่งจุมพิตร้อนไปให้ก่อนภารกิจอันแสนร้อนเร่าจะเริ่มขึ้น

     

    เมลินดานั่งรถตู้กลับกว่าจะมาถึงก็เย็นมากแล้ว ตลอดทางเธอนั่งคิดวนไปเวียนมาถึงเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้ นวัฒน์ไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย ขนาดว่าตอนนี้พิมพ์ดาวกำลังอุ้มท้องลูกของเขาอยู่กลับไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายมีจิตสำนึกแต่อย่างใด สงสารก็แต่น้องสาวของตนที่ไปหลงรักผู้ชายไม่รู้จักพอคนนี้ เธอเองก็เคยตกหลุมพรางของเขามาแล้ว เธอสามารถกำจัดรอยด่างดวงนี้ออกไปจากชีวิตได้แต่พิมพ์ดาวนี้สิยังต้องทนอยู่ ซ้ำร้ายผู้หญิงคนนั้นยังเป็นเจ้านายของเธอ หญิงสาวดึงเอาโทรศัพท์ออกมาชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่เลยทีเดียว เธอควรจะเตือนพิมพ์ดาวดีไหมนะ อีกใจก็กลัวจะไม่เชื่อคำพูดของเธอ กระนั้นหากจะปล่อยเลยตามเลยตนก็คงจะใจดำเกินไปหน่อยแล้ว เมลินดากดโทรฯบอกรอไม่นานฝ่ายนั้นก็รับสาย

    “พิมพ์นี่พี่เองนะ ยุ่งอยู่รึเปล่า”

    “ไม่นี่...พี่มีอะไร” น้ำเสียงของเธอห่างไกลคำว่ายินดีเหลือเกิน ตั้งแต่เมลินดาย้ายมาทั้งก็ไม่ได้ติดต่อกันเลยจนกระทั่งวันนี้

    “เปล่าหรอก พี่ก็แค่โทรฯมาถามไถ่ แล้ววัฒน์...”

    “พี่ถามถึงสามีพิมพ์ทำไม” พิมพ์ดาวย้อนเสียงห้วนทันที

    “พี่ก็แค่อยากรู้ว่าเขาดูแลเธอดีรึเปล่า”

    “ก็ต้องดีสิ ถามแปลกๆ พิมพ์กำลังจะมีลูกให้เขาก็ต้องดูแลพิมพ์ดีอยู่แล้ว ช่วงพี่นวัฒน์เขาทำงานหนักเพื่อลูกของเรา” บอกย้ำให้อีกฝ่ายรู้ว่าสถานะเธอตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะความระแวงที่ไม่เคยหมดไป แม้เมลินดาจะคอยย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนวัฒน์จบลงแล้วถึงอย่างนั้นพิมพ์ดาวกลับรู้สึกว่าทั้งคู่ยังคงเหลือเยื่อใยให้กันอยู่

    “ช่วงนี้เขาแปลกไปรึเปล่า” เมลินดายังถามต่ออย่างลองเชิง

    “ก็ไม่นี่ ทำไม”

    “คือวันนี้พี่เจอเขา”

    “อะไรนะ นี่พี่ยังนัดเจอกันอีกหรือ ทำไมพี่เมย์ หนีไปอยู่นั่นแล้วยังไม่เลิกรังควานฉันอีกหรือ” น้ำเสียงห้วนแกมโมโห

    “เปล่า..ไม่อย่างงั้น พี่แค่บังเอิญเจอเขาตอนไปดูงาน ก็แค่นั้น..พี่เห็นเขากับ...ผู้หญิงคนอื่น” เธอรีบบอกกลัวเรื่องจะพลิกกลับตาลปัตร แต่ก็ไม่กล้าบอกไปตรงๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นคือเจ้านายของเธอเอง

    “ก็คงแค่เพื่อนเท่านั้นแหล่ะ พี่อย่ามายุเสียให้ยากเลยอย่ามาวุ่นวายกับครอบครัวพิมพ์ คิดจะให้พิมพ์ผิดใจกับพี่นวัฒน์หรือ ไม่มีทาง! ครอบครัวพิมพ์ พิมพ์ดูแลจัดการได้ คนอื่นอย่ามายุ่ง ถ้าจะโทรฯมาเพื่อสร้างความร้าวฉานล่ะก็ ข้อร้องว่าอย่า และถ้าพิมพ์รู้ว่าพี่นัดเจอกันล่ะก็พิมพ์ไม่ไว้หน้าจริงๆ ด้วย” บอกจบก็ตัดสายไปทันที

    “อะไรกันเนี่ย ทำไมเรากลายเป็นคนผิดเสียอย่างงั้น เฮ้อ! พี่คงช่วยเธอได้เท่านี่แหล่ะพิมพ์ เมื่อเธอไม่รับความหวังดีพี่ก็คงจนปัญญา” เมลินดาพึมพำอย่างเศร้าใจ

    เธอก็แค่ไม่อยากเห็นพิมพ์ดาวถูกทำร้ายเหมือนๆ กับที่เธอเคยโดนผู้ชายคนนี้หักหลังมาแล้วหนหนึ่ง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมฟังคำเตือน คนอื่นอย่างเธอคงได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆ แบบนี้แหล่ะ คงเป็นโชคร้ายของเธอแล้วล่ะพิมพ์ที่รับช่วงต่อผู้ชายเลวๆ คนนี้ต่อจากเธอ

    หญิงสาวนั่งรถกลับมาถึงอพาร์ตเม้นต์ก็มืดแล้ว กรุงเทพฯไปไหนมาไหนทีก็ลำบาก ไหนจะรถติดเอยอะไรเอย พอมาถึงเมลินดาแวะซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ร้านประจำว่าจะเอากลับไปทานที่ห้อง

    “ป้าอย่างเดิมชุดหนึ่งนะ ขายดีไหมจ๊ะวันนี้” เธอสั่งอาหารเสร็จก็ชวนคุย หญิงร่างผอมบางวันกลางคนจึงส่งยิ้มมาให้

    “ก็เหมือนเดิมแหล่ะหนู ได้เรื่อยๆ ทำไมวันนี้กลับค่ำจัง”

    “พอดีเพิ่งกลับจากดูงานจ้ะ”

    เธออยู่นี่มาหลายวันจึงพอที่จะเริ่มคุ้นเคยกับคนแถวนี้ เธอชอบร้านนี้เพราะนอกจากอาหารจะอร่อยแม่ค้ายังอัธยาศัยดี นางเป็นคนคุยเก่งชอบชวนเธอคุยโน่นนี่ประจำโดยเฉพาะเรื่องหวย วัดไหนดังเลขเด็ดนางจะเอามาพูดให้ฟังเสมอ ซึ่งเธอฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะเธอไม่ใช่นักเสี่ยงโชคแบบนี้ ระหว่างนั้นเองที่เธอกำลังยืนรอโดยที่เมลินดายืนหันหลังให้ถนนเธอจึงไม่เห็นว่ามีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบริมฟุตบาทกระทั่งร่างสูงโปร่งขยับมายืนข้างๆ เธอไม่ได้หันไปมองเลยกระทั่งเขาเอ่ยทัก

    “ไงคุณเลขาคนสวย”

    “คุณ!” พอเธอหันไปตามเสียงจึงได้มีอาการตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ภูรินท์ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ  มือของเขาซุกอยู่ในกระเป่ากางเกงอยู่ตลอดเวลา

    “สั่งอาหารอยู่หรือ สั่งเผื่อผมด้วยสิผมกำลังหิวเลย” เขาบอกอย่างแช่มชื่น พอเมลินดาเรียกตัวเองมาจากอาการมึนงงได้ เธอรีบพูดต่อทันที

    “แต่ฉันจะสั่งขึ้นไปทานบนห้องนะคะ” เธอบอกอย่างเกรงใจเล็กน้อย เพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นสามีของเจ้านายเธอจึงจำเป็นต้องรักษามารยาท หากแต่เธอก็ต้องตาโต

    “อืม...ไม่เป็นไรขึ้นไปทานบนห้องกับคุณก็ได้”

    “แบบนั้นได้ยังไงล่ะคะ คุณจะขึ้นไปบนห้องฉันไม่ได้นะ มันไม่เหมาะ”

    “อะไรคือไม่เหมาะ ผมไม่เข้าใจ เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลเสียหน่อยคุณก็รู้นี่...ว่าเราสนิทแนบแน่นกันแค่ไหน” เขาก้มลงเพื่อให้เธอได้ยินเพียงคนเดียว

    เมลินดาอึนไปเลยทีเดียวเมื่อเขาบอกออกมาแบบนี้ เขากำลังจะเอาเรื่องเก่าขึ้นมาพูด แถมยังบอกจะขึ้นไปห้องเธอหน้าตาเฉย เธอยังไม่ได้ชวนเขาสักคำแต่เขาเหมาเอาเองหมดโดยที่เธอไม่ได้อนุญาต พอเธออ้าปากจะขัดเขากลับหันไปสั่งแม่ค้าต่อ เธอไม่กล้าพูดอะไรมากตรงนี้เพราะมีคนอื่นอยู่ด้วย แต่เธอไม่ชอบเลยที่ขอบขี้ตู่แบบนี้ ห้องก็ห้องเธอเขาควรจะรอให้เธออนุญาตก่อนสิ











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×