ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัญจวนรักเพลิงพิศวาส

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 58





     

               

                ภายในห้องทำงานเสียงเคาะนิ้วลงไปบนโต๊ะเบาๆขณะคนทำนั้นอยู่ในอาการเหม่อลอย ภูรินท์หยิบเอาแฟ้มขึ้นมาทำงานต่อ บริษัทที่เขาต้องรับผิดชอบหนึ่งในหลายๆ เรื่องที่ต้องแบกไว้บนบ่า มันเหมือนตรวนที่มองไม่เห็น ยิ่งพยายามแกะมันออกเท่าไหร่ เหมือนมันยิ่งแน่นกว่าเดิม แต่เขาคิดว่าอีกไม่นานนักหรอกที่จะทนอยู่ในสภาพแบบนี้ เขากำลังจะปลดมันออกในไม่ช้านี้ แม้รู้ว่ามันไม่ง่ายกระนั้นทุกอย่างย่อมมีจุดสิ้นสุด ขณะนั้นเองจังหวะความคิดต้องสะดุดลงเมื่ออินเตอร์คอมดังขึ้น เขาจึงดึงตัวเองกลับมา

                “มีอะไร”

                “คุณทนายมาขอพบค่ะ” เสียงเลขาสาวรายงาน

                “อืมให้เข้ามา” ชายหนุ่มเอ่ยอนุญาต จากนั้นเสียงเคาะประตูพร้อมกับชายวัยกลางคนเดินเข้ามา “นั่งสิ!” จบคำของภูรินท์ชายนั้นก็นั่งลงตามคำสั่งทันทีพร้อมกับเอ่ยธุระ

                “ผมเตรียมเอกสารครบแล้วครับ เอามาให้คุณตรวจสอบ จะให้ผมดำเนินการเลยไหม” ชายคนดังกล่าวบอกพร้อมถามต่อ

                “ยังก่อน รอให้ผมเครียร์กับเธอครั้งสุดท้ายดูก่อน” ภูรินท์บอกพลางหยิบซองสีน้ำตาลนั้นมาเปิดดู

                มันเป็นเอกสารหลายฉบับเลยทีเดียว และหนึ่งในนั้นเป็นเอกสารสำคัญประกอบการหย่า เขาวางมันลงแล้วหยิบรูปถ่ายมาดู

                “ดีแล้วครับ หากเจรจากันได้ มันย่อมดีกว่าต้องขึ้นโรงขึ้นศาลมากนัก” ทนายความผู้สูงวัยกว่าบอกพลางลอบมองเจ้านายหนุ่ม

    นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเห็นใจเพราะรู้ว่าภูรินท์ต้องทนอยู่กับความอึดอัดใจมานาน หากไม่เพราะมารดาบังเกิดเกล้าขอร้องเอาไว้ก่อนเสียชีวิต ความใฝ่ฝันที่อยากจะเห็นลูกชายคนเดียวแต่งงานมีครอบครัวจึงได้ขอร้องแกมบังคับ แม้รู้ว่ามัญชรีมีนิสัยเช่นไร แต่นางคิดว่าหากแต่งงานกันไปมัญชรีคงจะปรับเปลี่ยนได้ ทว่านางคิดผิด มัญชรีผู้แสนเอาแต่ใจ ซ้ำยังควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า ต่อให้ครอบครัวจับใส่ตะกร้าล้างน้ำประเคนให้เธอก็ยังไม่ยอมเลิกนิสัยเก่า ตนรู้พฤติกรรมเหล่านี้ดี ในขณะที่มัญชรีใช้ชีวิตราวกับตนไม่มีพันธะ เธอคิดว่าภูรินท์ทำตัวราวกับท่อนไม้ที่ไม่รู้สึกรู้สมกับสิ่งใดโดยไม่รู้ว่ากระทำของเธอทั้งหมดกำลังจะย้อนรอยตัวเองในไม่ช้า ภูรินท์เก็บหลักฐานทุกอย่างเอาไว้ จ้างคนให้ตามดูพฤติกรรมของมัญชรี และยังเก็บภาพถ่ายเอาไว้เพื่อประกอบคำร้องขอหย่า มันคงถึงเวลาที่ภูรินท์จะทวงคืนอิสรภาพของตนแล้วกระมัง

     

    มัญชรีเอนหลังพิงเก้าอี้พักสายตาที่เพิ่งล่ะจากงาน ช่วงนี้อารมณ์เธอค่อนข้างหงุดหงิด ซึ่งอันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก กระนั้นบางอย่างที่กวนใจอยู่ไม่คลาย กระทั่งเสียงอินเตอร์คอมดังขึ้น เมื่อเมลินดารายงานจบเธอก็เข้ามาพร้อมกับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง

    “นักสืบที่คุณให้หามาแล้วค่ะ” หญิงสาวรายงานพร้อมก้มหน้าลงต่ำด้วยเกรงอามรณ์แปรปรวนของบอสสาวที่พร้อมจะระเบิดใส่ทุกเมื่อ

    “ช้าเหลือเกินนะ นานเป็นชาติเลยกว่าจะได้ ทำงานให้มันคุ้มกับเงินเดือนหน่อยได้ไหม...ออกไป!” มัญชรีจบประโยคโดยการไล่เสียงห้วนอย่างไม่สบอารมณ์

    “ค่ะ” เมลินดาก้มหน้ารับคำ จากเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นทำให้เธอไม่กล้ามองหน้ามัญชรีเลย ถูกกัดกินด้วยความรู้สึกผิดที่เกาะแน่นอยู่ภายในใจไม่สามารถสลัดมันออก เธอเพิ่งทำเรื่องที่ผิดศีลธรรมคิดถึงข้อนี้ทำให้รู้สึกเกลียดตัวเองนัก

    เมื่อเมลินดาออกไปแล้ว มัญชรีมองนักสืบหนุ่มอยู่ครู่หนึ่งก่อนสั่งให้อีกฝ่ายนั่งลงพร้อมบอกจุดประสงค์ของตนทันทีโดยไม่รีรอ

    “ฉันอยากให้คุณตามสืบเรื่องของใครคนหนึ่งหน่อย ดูว่าวันๆ หนึ่งเขาทำอะไร หรือพบใครบ้าง เขาเป็นสามีฉัน ฉันอยากรู้ว่าเขาไปติดผู้หญิงที่ไหน”

    “ครับ” อีกฝ่ายตอบรับความต้องการของลูกค้าสาวทันที

    หญิงสาวหยิบเอาข้อมูลที่จำเป็นส่งให้ ยกมุมปากนิด คราวนี้แหล่ะเธอจะได้รู้สักทีว่าใครกันที่เป็นคนทำให้ภูรินท์เปลี่ยนไป ใครที่ทำให้มนุษย์หุ่นผู้แข็งทื่อกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เธอมองเห็นความพ่ายแพ้อยู่ไกลๆ และพยายามอย่างสุดกำลังที่จะไม่ไปให้ถึง ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเมินใส่เธอแบบนี้ มันรับไม่ได้อย่างแรง ไม่เคยมีใครทำกับเธอแบบนี้ ความมั่นใจในตัวเองที่สูงเสียจนกลายเป็นคนเหย่อหยิ่งแต่ภูรินท์กลับผลักมันตกลงมา เธอยอมไม่ได้เป็นเด็ดขาด มัญชรีเอื้อมมือไปกดโทรศัพท์โทรฯออก นานพอดูกว่าทางปลายสายจะตอบรับเธอกลับมา

    “พรุ่งนี้คุณว่างรึเปล่า”

    “ไม่ว่าง พรุ่งนี้ผมมีนัด” ภูรินท์ตอบกลับมาโดยไม่เสียเวลาคิดเลย

    “ไม่เปลี่ยนเลยนะ จะสละเวลาอันมีค่าของคุณให้ฉันสักนิดไม่ได้เลยหรือ เพราะแบบนี้ไงฉันถึงเบื่อคุณมาก คุณน่ะมันตอไม้”

    “ไหนๆ ก็ทนผมมาได้ตั้งปี ก็ทนต่อไปอีกหน่อยแล้วกันนะ ไม่นานหรอก คุณจะต้องทนผมอีกไม่นาน”

    ความนัยที่แฝงอยู่ทำให้อีกฝ่ายชะงัก กระนั้นเธอปรับเปลี่ยนมันเป็นเสียงหัวเราะอย่างเยาะเย้ยแทนเพราะรู้ทันความคิดของอีกฝ่าย เธอจะไม่มีวันให้มันสำเร็จสิ่งที่เขาอยากได้มันอยู่ในกำมือ เธอเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินใจว่าจะคืนหรือไม่

    “หึ! ฉันน่ะทนได้ แม้จะรำคาญตอไม้อย่างคุณ แต่เผอิญฉันเป็นพวกนักสะสมเสียด้วยสิ อะไรที่อยู่ในมือฉันไม่มีทางหลุดไปหาคนอื่นได้เด็ดขาด คุณอาจจะแวะพักที่อื่นบ้างชั่วครั้งชั่วคราว แต่ที่สุดคุณก็ต้องกลับมาอยู่ดี” เธอบอกให้เขารู้ว่าจะไม่มีทางหนีพ้นโซ่ที่เธอใช้มันพันธนาการเขาไว้ เขาคือสมบัติของเธอ แม้ไม่เคยได้แตะต้องสมบัติชิ้นนี้ก็ไม่เป็นไรขอเพียงเธอยังถือไว้ก็พอ

     

    เย็นวันนั้นเมื่อถึงเวลาเลิกงาน เมลินดาลงมาพร้อมกับบอสสาววันนี้มัญชรีกลับช้าเพราะตอนบ่ายงานยุ่งมาก เมื่อทั้งคู่เข้าไปยังภายในลิฟต์ เมลินดากดหมายเลขชั้นที่ต้องการ ขณะนั้นมัณชรีคุยโทรศัพท์ไปพลางกับใครบางคนที่เธอรู้ได้ว่าคงไม่ใช่ภูรินท์ ฟังจากน้ำเสียงที่ใช้ เธอเริ่มชินกับเรื่องเหล่านี้ของมัณชรีแล้ว คราแรกก็ตกใจอยู่เหมือนกันที่รู้ว่านอกจากนวัฒน์มัญชรียังมีคนอื่นด้วย

    แต่แล้วขณะที่เธอคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั่นเอง จู่ๆ เสียงมือถือของกเธอก็ดังขึ้นมา เมลินดาหยิบมันออกมาจากกระเป๋าถือ ทว่าเธอก็ต้องชะงักพร้อมเหลือบมองบอสสาว เมลินดาปล่อยมันดังไปครู่หนึ่งเพราะไม่กล้ารับจนมัญชรีที่เพิ่งวางสายหันมาตวัดสายตาใส่

    “รับเสียทีสิ ปล่อยมันดังอยู่ได้ น่ารำคาญ”

    “ขอโทษค่ะ” เธอจำใจต้องกดรับและพูดเสียงเบามาก แม้จะรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไร ห้องสีเหลี่ยมแคบๆ ไม่สามารถเก็บเสียงได้ “มีอะไรคะ”

    “คุณเลิกงานรึยัง” เสียงห้าวทุ้มดังลอดมา

    “กำลังจะเลิกค่ะ”

    “ผมรอคุณอยู่เยื้องๆ บริษัทนะ”

    พอภูรินท์บอกออกมาเมลินดาตาโตทันทันที เธอลอบชำเลืองบอสสาว ก่อนกระซิบบอกเขาต่อว่า

    “ฉันจะกลับเองค่ะ”

    “จะนั่งรถเมล์ให้แออัดทำไม ผมอุตส่าห์มารับ เลือกเอาจะออกมาหาผมดีๆ หรือจะให้ผมเดินเข้าไปรับในบริษัทเลย” ภูรินท์แกล้งขู่ แม้ไม่อยู่ต่อหน้า แต่รู้ว่าเธอคงโกรธมากแน่ๆ ที่ถือวิสาสะมารับโดยไม่บอกก่อน

    เมลินดาแอบโมโหฟึดฟัดอย่างเงียบๆ ไม่กล้าตีโพยตีพายตรงนี้ เธอไม่พอใจอย่างมากแต่ก็ห้ามไม่ได้ ภูรินท์ชอบทำอะไรตามใจ เขาจะรู้ไหมนะว่าเธออึดอัดจนอกแทบจะแตก

    หญิงสาวรอจนมัญชรีขับรถออกไปก่อนตรงไปยังจุดหมายอย่างระวังระไวด้วยกลัวว่าจะมีคนเห็น เมื่อมาถึงเธอรีบเปิดประตูเข้าไปนั่ง

    “คุณคิดทำอะไรของคุณ ทำแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นเห็นรึไง”

    “เห็นก็ให้เขาเห็นไปสิ ผมไม่แคร์”

    “คุณไม่แคร์ แต่ฉันแคร์คุณเป็น...สามีเจ้านายฉันนะ”

    “ครับ...และผมก็เป็นสามีคุณด้วยเช่นกัน อย่าลืมบ่อยนักสินอนอยู่ด้วยกันทุกคืนไม่จำเสียที ต้องให้ย้ำอยู่เรื่อย”

    “ฉันไม่ได้อยากให้เป็นเสียหน่อย” เธอพูดเสียงเบาด้วยอาการหน้าบูดหน้าบึ้ง

    “เมื่อคืนไม่เห็นพูดแบบนี้เลย คุณรับผมดีจะตายไป ตอนกลางคืนคุณน่ารักมากกว่าตอนกลางวันเสียอีก ชอบปั้นหน้ายักษ์ใส่ เดี๋ยวเถอะ...ระวังนะคืนนี้จะหมดแรงเอา” ภูรินท์พูดพลางยักคิ้วพร้อมสีหน้าทะเล้นทะลึ่ง

    “พูดอะไรของคุณ แล้วนี่มารับฉันทำไม” เมลินดาเบนประเด็นไปเรื่องอื่นเพราะไม่อยากให้เขาพูดถึง ใช่ว่าเธอไม่อยากปฏิเสธ แต่ไม่รู้ทำไมชอบแพ้ใจตัวเองทุกที

    “พรุ่งนี้คุณหยุด ผมเลยมาจองตัวคุณไว้ก่อน”

    “จองทำไมคะ” หญิงสาวถามกลับอย่างไม่เข้าใจ

    “ก็วันหยุดทั้งทีผมก็อยากอยู่กับคุณ ไปเที่ยวกับผมสักวันนะ”

    “ฉันไม่ไปค่ะ” เมลินดาปฏิเสธทันควัน และก็อีกตามเคยคือ ภูรินท์มักไม่ฟัง

    “ผมขอบอกเฉยๆ นะ คุณไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ วันหยุดมันคือวันครอบครัวเพราะฉะนั้นคุณต้องอยู่กับผม ไม่ใช่แค่พรุ่งนี้ ทุกวันๆ หยุดของคุณต้องเป็นของผม”

    เมลินดาเม้มปากตนแน่น กลืนคำตอบโต้ที่รู้ว่าถึงปล่อยมันออกมาก็คงไร้ผล หากเขายืนยันเสียอย่างต่อให้เธอห้ามเท่าไรก็คงไม่ฟัง ฝ่ายชายหนุ่มเมื่อเธอเก็บคำเงียบจึงเหยียดยิ้มด้วยความพอใจก่อนขับรถออกไป

    ทว่าเวลานั้นเองหลังต้นสนต้นหนึ่งที่อยู่หน้าร้านกาแฟหญิงสาวนางหนึ่งแอบมองทั้งคู่ ก่อนพึมพำออกมาเมื่อรถแล่นออกไปแล้ว

    “ตายแล้ว นั่นสามีคุณมัญชรีนี่นา เห็นหงิมๆ แบบนี้ร้ายเหมือนนะเนี่ย ถ้าคุณมัญชรีเธอตายแน่เมลินดาเอ๊ย!” หญิงสาวส่ายหน้าเมื่อนึกถึงชะตากรรมที่กำลังรอเพื่อนร่วมงานอยู่





    """..........................................................................


    ช่วงนี้มารพักผ่อนอยู่เลยยังไม่ออกฤทธิ์ ไปเรื่อยๆ ค่ะ
    ขออภัยที่หายไปหลายวัน ช่วงนี้ไรท์รับวาดปกนิยายเลยยุ่งมาก หวังว่ายังอยู่กันนะคะ ปล เอาปกมาฝากนิด อิอิ เค้าวาดเองน้า



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×