คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11
เช้าวันรุ่งขึ้น พันอินฝืนสังขารเร่งเดินทางต่อ แม้เพียงออจะพยายามห้าม แต่ชายหนุ่มยังคงดื้อดึงจนเธออ่อนใจ
“จะไม่พักอีกซักหน่อยเหรอคะ คุณยังเจ็บอยู่นะ” เพียงออว่านิ่วหน้านิดๆ อย่างขัดใจ เธออยากให้เขาพักผ่อนมากกว่านี้อีกซักนิด เพราะสีหน้าของเขายังดูไม่ดีเลย
“ข้ายังไหว มิต้องห่วงดอก เราจำต้องเร่งเดินทางให้ถึงเมืองข้างหน้า ด้วยเสบียงที่เราตุนมาถูกเผาทำลายไปเสียเกือบหมด ข้าเกรงว่ามันจะไม่พอสำหรับเรา” พันอินบอกเสียงทุ้มนุ่ม เหยียดยิ้มนิดๆ แต่ใบหน้าคมเข้มกลับซีดเทาแทบไม่มีสีเลือด เธอหันไปมองบุญลือเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่สินเพียงแค่ยิ้มแห้งๆให้ เพราะรู้ว่านายหนุ่มคนนี้หัวรั้นยิ่งกว่าอะไรดี ห้ามไปก็เท่านั้น
แต่ทว่าไปไม่ถึงที่หมายก็จำต้องหยุดเสียก่อน เพราะพันอินเกิดมีไข้ขึ้นสูง จนขบวนจำต้องหยุดลงแค่อีกไม่ไกลก็จะถึงเมืองข้างหน้าแล้ว พันอินก็อยากจะไปต่ออยู่เหมือนกัน แต่เพียงออไม่ยอม ค้านหัวชนฝา
“คุณพันอิน! เชื่อฉันเถอะนะ พักซักหน่อยพอให้มีแรงกว่านี้ค่อยเดินทางต่อ”
“จริงขอรับ! เชื่อแม่เพียงออเถิด ส่วนเรื่องเสบียง กระผมจะไปหาซื้อมาเองท่านพันอินมิต้องกังวลดอก”
“แต่ข้ามิได้เป็นอะไรมากนี่ เพียงแค่มีไข้อ่อนๆ ใช่ว่าจะใกล้ตายเสียเมื่อไหร่” พันอินยังเถียงต่อยังดื้อดึง
“ไข้อ่อนเหรอ? ตัวร้อนราวไฟแบบนี้ ยังอวดเก่งอีกนะพ่อคุณ” เพียงออเอื้อมมือไปแตะที่ใบหน้าชายหนุ่มมันร้อนจัดจนแทบจะทำมือเธอพองเลยก็ว่าได้ “ไม่รู้ล่ะ คุณต้องพักผ่อนนะ ส่วนเรื่องเสบียงให้บุญลือไปจัดการเถอะ” เธอว่าเสียงเข้ม และยังมองเขาอย่างดุๆ เมื่อพันอินทำท่าจะเถียง “อย่าดื้อสิ!” เธอตำหนิเขาราวกับเด็กน้อย จนบุญลืออดแอบขำไม่ได้ พันอินผู้เคร่งขรึม กลับมาถูกเพียงออปราบเสียได้ พันอินตีหน้ายักษ์ใส่ บุญลือจึงมีสีสลดลงเล็กน้อย ก่อนจะเร่งรีบออกไป
เพียงออเอาผ้าผืนบางชุบน้ำพอหมาดเช็ดตัวให้ชายหนุ่มเพื่อให้ไข้ลด เขานั่งนิ่งอยู่บนเตียงอย่างว่าง่าย ปากก็พูดพล่ามไปเรื่อย
“นี่นะถ้าเป็นสมัยฉันนะ จะจับส่งโรงพยาบาล ให้หมอฉีดยาซะให้เข็ดเลย ตัวร้อนขนาดนี้ยังอวดดีอีก” ปากว่าไปพลาง มือน้อยๆ ของเธอทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง “รู้ไหม คุณเป็นคนแรกเลยนะที่ฉันทำแบบนี้ให้ ฉันไม่เคยทำให้ใครนะ สำหรับคุณฉันยกให้เป็นกรณีพิเศษ”
พันอินนั่งอมยิ้มอย่างสุขใจ เขาไม่เข้าใจที่เธอพูดเลยซักนิด หมออะไร โรงพยาบาลอะไร เข็มฉีดยาอะไรก็แล้วแต่ที่เธอพูดถึง อย่างเดียวที่มันสนคือเขาเธอดูแลเอาใจใส่เขาดีเหลือเกิน เสียงเจื้อยแจ้วสดใสมันรื่นหูเสียนี่กระไร มองใบหน้าสวยหวาน ริมฝีปากสีอิ่มขยับไปเรื่อย ดึงดูสายตาอันกริบของเขาให้จับจ้องอยู่ไม่ห่าง หลังจากที่เช็ดตัวเสร็จแล้ว เธอแตะฝ่ามือไปบนใบหน้าหนุ่ม มันยังร้อนผ่าวอยู่เลย
“ไข้ยังไม่ลดเลย อ๊ะ! ฉันเพิ่งนึกได้ ฉันมียาพาราติดกระเป๋าอยู่นี่นา เดี๋ยวเอาให้นะ”
เพียงออขยับตัวจะไปเอายา แต่พันอินจับมือเธอไว้แน่น เอามันไปแตะที่ใบหน้าเขา เธอมองชายหนุ่มเอียงหน้านิดๆ อย่างนึกสงสัย รู้สึกแปลกๆ กับสายตาของเขา เขามองเธอแบบนี้อีกแล้ว ตอนนี้กลายเป็นว่าใบหน้าเธอเองที่ร้อนวูบขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ มือใหญ่หนาเอื้อมมา แตะไปตามพวงแก้มอย่างนุ่มนวล ความร้อนที่ส่งผ่านมาตามฝ่ามือหนาๆ มันแทบจะไม่เป็นผล เพราะใบหน้านวลร้อนอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว เหมือนมีพลังงานบางอย่างพุ่งขึ้นมาจากท้องน้อยขึ้นมาถึงอก ใจมันสั่นหวิว เธอก็อยากหลบสายตาคู่คมคู่นั้นอยู่หรอก แต่ไม่รู้ทำไมถึงทำไม่ได้ เหมือนมันถูกตรึงไว้ให้มิอาจล่ะไปได้ เมื่อตาสบประสานเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นในใจ มันสบสันระคนร้อนรุ่ม ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ น่าแปลกที่เธอดันไม่เบือนหน้าหลบกลับนั่งนิ่งเป็นหุ่นซะอย่างงั้น ริมฝีปากหนาร้อนฉ่าบรรจงแตะลงไปบนหน้าผาก ไล่เรียงลงไปตามพวงแก้มที่มันทำเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่ออย่างน่าดูชม ทำไมเธอไม่ขัดขืนก็ไม่รู้
พันอินมองใบหน้านวลฉวีที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเสน่หา ใจชายหลงเคลิ้มจนยากจะห้าม เขาเผลอทำอะไรไปไม่รู้ตัวเลย รับรู้เพียงความอ่อนนุ่มของริมฝีปากบางที่เขากำลังชิมรสหอมหวนรัญจวนใจ กายสาวที่อ่อนระทวยอยู่อ้อมกอดบุรุษหนุ่มผู้กำลังหลงใหลได้ปลื้มกับร่างแน่งน้อยที่สะกดใจเขาแต่แรกพบ หากแต่ว่าอยู่ดีๆ เหมือนเธอจะรู้สึกตัวขึ้นมา ฝ่ามือน้อยๆ ยันอกแกร่งเอาไว้ ทำให้เขาชะงัก ใจชายทีกำลังโลดแล่นอย่างเริงรมย์เป็นอันดับวูบ เมื่อเจอสายตาต่อว่าของเธอ มันมีความสับสนซ่อนอยู่หลังม่านตาสีดำขลับคู่นั้น เพียงออผละออกอย่างมึนงง และมันทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมา ที่ทำอะไรเกินเลยลงไป
“อภัยให้ข้าด้วยนะแม่ ข้าไม่ได้...”
“ช่างมันเถอะ!...อย่าทำแบบนี้อีกก็แล้วกัน” เธอบอกโดยที่ไม่กล้าสบตาเขา จะว่าไปแล้วเธอเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเขาเลย ตรงกันข้ามชั่วขณะหนึ่งเธอเองก็หลงเคลิ้มไปด้วย “คุณนอนพักซะนะ ฉัน...จะออกไปสูดอากาศข้างนอกซะหน่อย” เพียงออพูดโดยไม่มองหน้า ก่อนลุกออกไป พันอินมองตามหลังด้วยสีหน้าเศร้าสลด ใจแอบหวั่น กลัวว่าเธอจะเกลียดเขา พันอินหนอพันอิน เจ้าทำอะไรเนี่ย? รู้ทั้งรู้ว่านางมีคนรักอยู่แล้ว เหตุไฉนจึงมิหักห้ามใจ กลับปล่อยตัวกระทำการเยี่ยงนี้ลงไปได้ นึกโทษตัวเองที่ไม่สำเนียกว่าเธออยู่ไกลเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึง
เพียงออเดินลิ่วๆ อย่างมาพร้อมกับความสับสนที่วิ่งวนอยู่ในใจ ทิ้งตัวลงนั่งใต้ไม้ต้นหนึ่ง เฝ้ามองใบไม้ปลิดขั้วทิ้งตัวลงอย่างช้าๆ เธอไม่ได้โกรธที่เขาทำแบบนั้น แต่โกรธตัวเองที่ทำไมถึงหลงเคลิ้มไปอย่างง่ายดาย พยายามพร่ำบอกตัวเองว่า เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะ เธอไม่ใช่คนของที่นี่ ซักวันเมื่อเวลานั้นมาถึง เธอจะต้องไป จะต้องไม่มีความผูกพันธุ์ใดๆ กับคนที่นี่ทั้งสิ้น เธอกับเขามีความแตกต่างกันเกินไป ต่างชาติ ต่างภพ ซึ่งมันไม่อาจมาบรรจบกันได้ หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใจตอนนี้อยากกลับบ้านเหลือเกิน
บนเรือนขุนเดช เสียงก่นด่าแบบหยาบคายของเจ้าของเรือนดังขึ้น พร้อมกับอารมณ์ที่ฉุนเฉียวด้วยความโมโหสุดขีด ดวงตาแดงก่ำแลดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ทำเอาเหล่าชายฉกรรจ์ที่หมอบกระแตอยู่ในสภาพสะบักสะบอมตัวสั่นไปตามๆ กัน
“ พวกมึงนี่เลี้ยงเสียข้าวสุกเสียจริง การแค่นี้ยังทำไม่สำเร็จ แล้วกูจะเลี้ยงพวกมึงไปใย สู้หมาตัวหนึ่งยังมิได้ “
“ ขออภัยด้วยขอรับ! “ ชายคนหนึ่งเอ่ยเสียงสั่นๆ
“ แล้วนี่มันรู้หรือไม่ว่าเป็นกูให้พวกมึงไปลอบฆ่ามัน “
“ พันอินท่าจะไม่รู้ แต่นางคนนั้น...”
“ มึงหมายความว่ากระไร “
“ คือ..นางคนนั้นเหมือนจะสงสัยว่าเป็นท่านขุน แต่กระผมมิได้เอ่ยปากบอกอันใดเลยนะขอรับ “
“ พวกมึงไสหัวไปเลย ออกนอกเมืองไปซักระยะ อย่าให้ความสาวมาถึงตัวกูได้ หากมันผู้ใดกล้าปริปาก กูไม่เอาไว้เป็นแน่“ ขุนเดชสั่งเสียงเฉียบขาด ก่อนจะโยนถุงอัฐใส่อย่างอารมณ์เสีย ชายคนดังกล่าวรีบรับ จากนั้นกุลีกุจอลงไปเรือนไป
“ อ้ายพันอิน! รอดไปอีกจนได้นะมึง “ เสียงแค่นคำรามเล็ดลอดออกมาพร้อมกับเสียงบดขยี้กรามดังกรอดๆ ด้วยความเจ็บใจ
ความคิดเห็น