คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 เลขาคนใหม่
◊
เมลินดาเข้ากรุงเทพฯ ในอีกสองวันต่อมา เธอได้อพาร์ตเม้นต์เล็กๆ แห่งหนึ่งแถวๆ ฝั่งธน หญิงสาวยื่นใบสมัครงานไปหลายที่ และมีที่หนึ่งที่ตอบรับกลับมา พรุ่งนี้เช้าเธอมีนัดสัมภาษณ์งาน แม้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่รู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทใหญ่ เป็นบริษัทเกี่ยวกับสิ่งทอที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ เธอศึกษารายละเอียดต่างของบริษัทมาพอสมควร มันคงจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีหากว่าได้ร่วมงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่แบบนี้
ชีวิตใหม่ ใช่! ชีวิตที่ปราศจากครอบครัวที่ไม่เคยเห็นความสำคัญอะไรของเธอ แม้จะชินชาแต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึก เหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกที่อ้างว้าง หลายครั้งที่เคยถามตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่าเธอมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ทุกนาทีที่เดินไปเพียงเพื่อให้รู้ว่าเธอยังมีลมหายใจ ชีวิตเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างเพียงแต่ไม่รู้อะไรกันแน่ที่ขาดหายไป หญิงสาววางแฟ้มลงหลังจากที่อ่านทวนซ้ำไปหลายรอบแล้ว ปิดตาลงเพื่อให้มันได้พักผ่อน เพื่อที่พรุ่งนี้เธอจะได้มีแรงต่อสู้โลกที่โหดร้ายใบนี้
ยามเช้าของอีกวัน เมลินดาตื่นมาแต่เช้าตรู่เมื่อได้ชำระล้างร่างกายให้ผ่องใสพร้อมรับกับชีวิตใหม่ งานใหม่ที่กำลังจะมาถึง เธอหยิบเอาเชิ้ตสีไข่กับกระโปรงทรงเอมาสวม หยิบเอกสารจำเป็นทุกอย่างขึ้นมา ตรวจตราความเรียบร้อยภายในห้องก่อนจะออกไปพร้อมกับความสดชื่น
หญิงสาวแหงนมองตึกสูงเบื้องหน้า สำนักงานใหญ่ของบริษัทอยู่ที่นี่หากแต่ยังมีโรงงานที่ต่างจังหวัดอยู่หลายแห่ง หากว่าเธอได้งานที่จริงคงโชคดีนักเพราะยุคนี้ที่มีการแข่งขันสูงมาก แต่ล่ะปีนักศึกษาจบใหญ่มากมาย หลายคนที่แม้จะจบสูงแต่ก็ยังต้องเดินเตะฝุ่นหางาน เธออาจจะได้เปรียบหน่อยที่ชั่วโมงบินสูงกว่าเพราะผ่านการทำงานมาหลายที่จึงมีประสบการณ์พอดู
เมลินดาถูกพาไปรอยังหน้าห้องของทำงานของบอสใหญ่ โดยที่หญิงสาวอีกคนบอกให้เธอนั่งรอ หล่อนมีอัธยาศัยดีใบหน้ายิ้มแย้มจึงทำให้เธอไม่รู้สึกเกร็ง
“คุณนั่งรอก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวคงมา ปรกติฉันไม่ได้ทำหน้าที่นี้หรอก ฉันอยู่แผนกบุคคล แต่เลขาคนเก่าออกไปฉันเลยต้องมาทำหน้าที่นี้แทนชั่วคราว ถ้าได้คุณมาคงดีไม่น้อยเพราะตอนนี้ฉันหัวหมุนมาก คือไม่ได้พูดให้กลัวนะ แต่บอสค่อนข้างเคี่ยวน่ะคะ แต่มันคุ้มกับเงินเดือนที่ได้รับ”
เมลินดาเพียงแค่เหยียดยิ้มบางๆ เพราะมันคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเธอ งานหนักงานหินเธอก็เจอมาแล้ว การเป็นเลขานุการสมัยนี้ไม่เหมือนก่อน โลกได้เปลี่ยนไม่ใช่แค่ทำตามคำสั่งอย่างเดียวแล้วหากแต่สมัยนี้ต้องใช้วิจารณญาณของตนเป็นหลัก มีศักยภาพมากพอที่จะตัดสินใจบางอย่างได้เองและเธอคิดว่าเธอมีคุณสมบัติเหล่านั้นพอตัว
หญิงสาวนั่งรออยู่ตรงนั้นราวๆ สิบนาที พอเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มประวัติของตนจึงได้เห็นคนๆ หนึ่งเดินตรงมา เธอรีบลุกขึ้นรับทันทีคิดว่านี่น่าจะเป็นคนที่เธอรอ
“สวัสดีค่ะ ฉันเมลินดา” เมลินดากล่าวทักทายอย่างฉะฉานหากแต่มันเต็มไปด้วยความนอบน้อม หญิงสาวร่างสูงปราดเปรียวชะงักนิด มือของเธอยังอยู่ที่ประตูเอี่ยวหน้ามามอง เธอสวมแว่นตาดำ สวมชุดรัดรูปเน้นสัดส่วนอันเพรียวบาง เธอใช้นิ้วเลื่อนแว่นตาออกเพื่อจะได้มองคนที่ทักตนได้ชัดขึ้น
“เธอเป็นใคร” มัญชรีย้อนถามด้วยอาการงงเล็กน้อย ปราดมองที่ตั้งศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนเพิ่งจะนึกได้ “อ๋อ...มาสัมภาษณ์งานใช่ไหม”
“ค่ะ”
“เข้ามาสิ” มัญชรีผงกหัวเล็กน้อยก่อนจะผลักประตูเข้าไป มัญชรีเดินไปที่โต๊ะทำงานวางประเป๋าหนังลงบนโต๊ะ ก่อนทิ้งกายเพรียวบางลงนั่งแล้วผายมือเชื้อเชิญอีกฝ่าย ใบหน้าเรียวเล็กแต่งแต้มเครื่องสำอางพอประมาณ ไม่ได้เน้นสีสันฉูดฉาดกระนั้นก็ดูโฉบเฉี่ยวในมาดนักธุรกิจสาว
“อืม...เคยทำงานมาหลายที่นี่ ผลงานก็ดีเยี่ยมได้ใบรับรองมาจากที่ทำงานเก่าด้วย ดีกว่ายัยคนก่อนเยอะเลย” มัญชรีว่าพลางสาดสายตาลงไปบนแฟ้มอย่างพอใจ “ยังไม่แต่งงานหรือ”
“ไม่ค่ะ” เมลินดาเอ่ยตอบ
“มีแฟนรึเปล่า” มัญชรียังซักต่อไป
“ไม่มีค่ะ”
“แปลก หน้าตาก็ดีทำไมหาแฟนไม่ได้” คำพูดที่ตรงพอๆ กับไม้บรรทัดมัญชรีสอบประวัติเธอเสียละเอียดยิบแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัว ถึงอย่างนั้นเมลินดาก็ตอบอย่างใจเย็น
“คงยังไม่ถึงเวลามั้งค่ะ”
มัญชรียังมองอีกฝ่ายอย่างชั่งใจ หากเทียบกับอีกหลายคนที่มาสัมภาษณ์ตนพอใจกับประวัติการทำงานของผู้หญิงคนนี้มาก เสียอย่างเดียวเมลินดาสวยเกินไป แน่ล่ะคนมีความมั่นใจสูงอย่างมัญชรีย่อมพอใจที่จะให้ตัวเองจุดเด่นที่สุด เธอคือคนที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะ บุคลิกภายนอกเธอจึงดูคอนข้างหยิ่งยโสหน่อยและตอนนี้เธอกำลังใช้สายตาอันแหลมคมประเมินอีกฝ่ายอยู่ แต่ขณะนั้นเองเสียงเปิดปิดประตูทำให้ต้องล่ะสายตาจากเมลินดา มัญชรีปรับเปลี่ยนสีหน้าจากเข้มขรึมเป็นยิ้มเย้ยเมื่อมองกายสูง
“ว้าว!...คุณสามี เกิดอะไรขึ้นเนี่ย คุณไม่เคยเหยียบเข้ามาในห้องทำงานฉันเลย แต่วันนี้เหตุไฉนถึงได้พาเท้าอันสูงส่งของคุณมาถึงนี่ได้” คำทักทายของเธอมันเต็มไปด้วยความประชดประชัน หากแต่ชายหนุ่มเพียงแค่แสดงอาการเฉยเมย เขาขยับมายืนอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาคมจ้องมองอย่างเย็นชาโดยที่เขาไม่ทันสังเกตผู้หญิงอีกคน
“ผมผ่านมาแถวนี้ เลยแวะมาเตือนคุณว่าเย็นนี้เรามีนัดทานข้าวที่บ้านพ่อแม่ผม” ภูรินท์บอกด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา ทว่าเมื่อสายตาลดต่ำลงมองเขาแทบไม่กระพริบแต่ก็ยังเก็บอาการเอาไว้ได้ เมื่อเห็นเขามองมัญชรีจึงพูดขึ้น
“นี่เมลินดา เลขาคนใหม่ของฉัน ฉันเพิ่งรับเข้าทำงาน”
ภูรินท์เพียงแค่พยักหน้ารับ เขาหันเหสายตากลับมาหามัญชรีตามเดิม เธอหันไปสั่งเมลินดาต่อราวกับว่าภูรินท์ไม่ได้เข้ามาขัดจังหวะการสัมภาษณ์ครั้งนี้เลย
“เธอเริ่มงานวันนี้ได้เลยรึเปล่า พอดีฉันรีบน่ะ”
“ได้ค่ะ ฉันพร้อมอยู่แล้ว” เมลินดารีบตอบรับแม้จะยังงอยู่เล็กน้อยที่จู่ๆ ก็ได้งานแบบไม่ทันตั้งตัว จากนั้นมัญชรีก็สั่งให้เธอออกไป เมื่อภูรินท์ขยับจะออกไปอีกคนมัญชรีจึงเรียกไว้พร้อมกับเสียงห้วนจัดคล้ายกับคนไม่พอใจ
“เดี๋ยวสิ! คุณมาเพื่อบอกฉันแค่นี้เองหรือ” ดวงตาคู่เฉี่ยวเขม่นมองชายหนุ่ม เธอนึกว่าเขาจะถามอะไรมากกว่านี้ คิดว่าอาจจะโกรธสักเล็กน้อย แต่เปล่าเลยเขายังดูเอื่อยเฉื่อยเหมือนเดิมมันช่างน่าโมโหนัก “คุณจะไม่ถามฉันสักคำหรือว่าทำไมเมื่อคืนฉันไม่กลับบ้าน”
“ก็ผมไม่ได้อยากรู้”
“ฉันไปนอนค้างกับชายชู้มาทั้งคืน เราสนุกกันมาก ฉันอยู่กับเขามีความสุขมากกว่าอยู่กับคุณ รู้เอาไว้นะคุณมันเป็นสามีที่ห่วยมาก จืดชืดและเย็นชาต่างจากเขาที่เร่าร้อนเขาปรนเปรอให้ฉันได้ทุกอย่าง และคืนนี้ฉันจะไปหาเขาอีก” เธอตั้งใจจะพูดยั่วให้เขาโมโห เพียงแต่รอยยิ้มหยันเยาะมันกลับให้เธอเดือดปรี๊ด
“งั้นหรือ ขอให้สนุกแล้วกันนะ”
เขาก็ยังเป็นเขา ไม่รู้สึกรู้สมกับอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าเธอจะยั่วยุเขาสักเท่าไหร่ หรือแม้แต่ทำให้เห็นคาตาก็ไม่ปฏิกิริยาใดๆ จากเขาผู้ชายคนนี้เยือกเย็นยิ่งกว่าธารน้ำแข็ง เมื่อทำอะไรเขาไม่ได้จึงกลายเป็นเธอที่ต้องเต้นเร่าๆ แทนเธอปัดนาฬิกาตั้งโต๊ะจนตกแตกเพื่อระบายขุ่นมัว
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ใจเย็นอยู่ได้เมื่อไหร่คุณจะเลิกเป็นหุ่นเสียที” เธอสบถออกมาอย่างรำคาญใจกับอาการไม่รู้ร้อนรู้หนาวของอีกคนเหลือเกิน
เมลินดาหอบเอาเอกสารตั้งใหญ่ที่เธอเพิ่งเบิกมา งานวันแรกทำเอาเธอยุ่งจนหัวหมุนเลยทีเดียว เพราะยังมีเอกสารหลายอย่างต้องจัดการกระนั้นเธอกลับรู้สึกสนุกกับงานใหม่มากกว่า เธอกำลังจะกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนขณะนั้นเองได้สวนทางกับภูรินท์ที่เดินออกมาพอดี เธอขยับจะหลีกทางให้เขา แต่ภูรินท์หยุดยืนอยู่ตรงหน้าสายตาที่เขาใช้มองมันทำเธออึดอัดมากเขาเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เธอต้องถอยจนหลังชิดกับผนังมือถูกยื่นออกไปเพื่อใช้มันกั้นระยะห่าง แขนข้างหนึ่งยังกอดเอกสารไว้แน่น ฝ่ามือนุ่มยันอยู่ที่หน้าท้องของเขาเพราะกลัวจะมาใกล้จนเกินไป
“คุณชื่อเมลินดาหรือ...เพราะจัง ยินดีที่ได้รู้จัก...อีกครั้ง”
เขาไม่ได้ทำอะไรเธอเลยเพียงแค่กระซิบแต่เพียงเท่านี้เธอก็เหมือนจะหายใจติดขัด ยิ่งตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเขายังจำเธอได้อยู่ เหมือนกันที่เธอเองก็จำเขาได้เช่นกัน เมื่อปีก่อนเขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ เป็นชายคนที่เธอเผลอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งทางกาย สิ่งที่เกิดขึ้นจึงทำให้เธอยังจดจำเขาอยู่ในใจ ทว่าตอนนี้เขาจะไม่ใช่คนแปลกหน้าแต่เป็นสามีของเจ้านายเธอ เธอไม่ชอบแววตาแบบนี้ของเขาเลยเพราะมันทำให้เธอนึกถึงคืนนั้นที่แสนเร่าร้อน เธอเองที่เป็นคนจุดชนวนมันขึ้นเมื่อปล่อยมันเผาไหม้ไปถึงจุดๆ หนึ่ง คิดว่ามันคงมอดดับลงไปแล้วแต่เหมือนจะไม่ใช่ รู้สึกว่ามันยังกรุ่นอยู่ในดวงตาคมเข้มนั้นอยู่ตลอดเวลา เธออยากให้ตนคิดมากไปเองจัง
ความคิดเห็น