คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 คุณคือใคร
กลิ่นหอมของกาแฟคั่วบดลอยคลุ้งชวนเชิญคนที่นั่งก้มหน้าอยู่กับงานมาตั้งเช้าให้ไขว้เขวยิ่งนัก กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าที่ขึ้นชื่อนี้เป็นจุดเด่นของไร่เพียงดิน น้ำสีเข้มรสกลมกล่อมชวนให้เคลิบเคลิ้ม หากแต่แม้มันจะชวนเชิญยังไงก็ไม่สามารถดึงความสนใจของแพรวดาวให้ล่ะมือจากงานมาได้ เธอตั้งใจว่าจะเคลียร์มันให้เสร็จโดยเร็วเพื่อเธอจะได้มีว่างออกไปสำรวจตรวจตราพื้นที่ ไร่ที่แสนลึกลับแห่งนี้เป็นดินแดนห่างไกลราวกับถูกกีดกันออกจากโลกภายนอก ความสูงถึงหนึ่งพันหนึ่งร้อยเมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง อากาศที่ยังอบอุ่นในช่วงเดือนกรกฎาคม
“เฮ้อ...เสร็จเสียที” แพรวดาวปิดแฟ้มลงพร้อมกับความโล่งใจ มาทำงานสองวันแรกต้องปวดหัวกับการสะสางบัญชีที่คนเก่าทิ้งไว้ให้อย่างเละเทะ กระนั้นเธอก็ใช้ความพยายามจัดการมันจนเป็นระเบียบเรียบร้อย เหลือแต่รอผู้ตรวจสอบอีกที ทำงานของพวกนี้เธอต้องละเอียดรอบคอบ หากมีอะไรผิดพลาดแม้แต่น้อยเธออาจต้องลำบาก
เมื่องานเสร็จสิ้นลงเธอจึงได้มีเวลาออกมายืดเส้นยืดสายรับอากาศบริสุทธิ์จนฉ่ำปอด อากาศยามสายพร้อมแดดอ่อนอ่อนพาให้ใจสดชื่น กลิ่นดินจากความชื้นของหยาดน้ำค้างที่พอหลงเหลืออยู่ และกลิ่นหญ้าคละเคล้ากลิ่นกาแฟพันธุ์ดี พร้อมทิวทัศน์ของเทือกเขาที่พอมองเห็นอยู่ไกลๆ มันช่างเหมือนดินแดนในฝันที่หลายคนถวิลหา เธอยืนสูดอากาศอยู่ตรงระเบียงครู่หนึ่ง สายตามองไปทางตรงเชิงเขาอย่างเหม่อลอย นึกถึงเรื่องเมื่อคืนความสงสัยเริ่มทำงานอีกครั้ง เม้มเรียวปากของตนอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเดินลงบันไดไป หากแต่พอเท้าเหยียบพื้นเบื้องล่างยังไม่ทันได้มุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่ตั้งใจก็ต้องหยุดชะงัก
“แพรวดาว นั่นเธอจะไปไหน” น้ำเสียงเข้มขรึมของเสียงผู้จัดการไร่สาวร้องทัก หญิงสาวจึงจำเป็นต้องหันกลับไปตอบ
“แพรวเพิ่งทำงานเสร็จ เห็นว่ามีเวลาว่างเลยอยากจะออกไปเดินเล่นชมวิวแถวนี้หน่อย” เธอชี้แจงและยังส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้ แม้กระนั้นใบหน้าอีกฝ่ายยังคงเรียบตึงดุจผิวหน้านั้นเคลือบเซรามิค นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองมาหาคล้ายจ้องจับผิดก็ไม่ปาน ปรางทิพย์เดินลงมาหา
“งั้นรึ เสร็จเร็วจริง ดีเลยฉันกำลังจะออกไปที่ไร่ ไหนๆ ก็ไหนๆ ออกไปด้วยกันเลย ฉันจะได้พาเธอชมไร่ไปด้วยเลย มาสิ” ผู้จัดการไร่สาวกล่าวพร้อมพยักหน้าเรียก หากแต่พอเมื่อหันหลังให้ แพรวดาวออกอาการหน้าม่อยโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายเห็น แอบสงสัยว่าปรางทิพย์จงใจประกบเธอรึเปล่า คงกลัวว่าเธอจะแอบไปที่คฤหาสน์หลังนั้นเป็นแน่ หากเป็นเพียงบ้านร้างไม่มีคนอยู่จริง เหตุใดปรางทิพย์ถึงดูเคร่งเครียดขนาดนี้ อยากรู้เหลือเกินว่าผู้ชายคนเมื่อคืนเป็นใครกัน หัวเด็ดตีนขาดยังไงเธอก็ไม่เชื่อว่าเขาเป็นผี และเธอไม่ได้ตาฝาดหรือคิดไปเอง ถึงอย่างนั้นก็ยอมตามปรางทิพย์ไปแต่โดยดี
สีเขียวขจีลดหลั่นกันเป็นคลื่นต่างระดับ ต้นกาแฟพันธุ์ดีถูกปลูกเรียงรายเป็นทิวแถว มีคนงานอยู่เป็นจุดๆ ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตนอย่างขะมักเขม้น เมื่อเธอเดินผ่านมีบ้างบางคนที่มองสนอกสนใจ แพรวดาวเลยส่งยิ้มให้หากแต่พวกนั้นไม่เพียงไม่ยิ้มตอบกลับหันไปสนใจงานตนต่อ เธอแอบค่อนขอดในใจว่า แหม่ เป็นมิตรกันดีจริง ปรางทิพย์ตรงไปยังคนงานกลุ่มหนึ่งที่กำลังตรวจความเรียบร้อยของต้นกาแฟอยู่
“คุณชวิน วันนี้เป็นไงบ้างคะ” ปรางทิพย์เอ่ยถามชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังสั่งงานอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“วันนี้ไม่ค่อยดีครับ ต้นกล้าที่เราลงใหม่เหมือนมันยังปรับสภาพให้เข้ากับอากาศไม่ได้ ผมได้ให้คนงานเปลี่ยนปุ๋ยสูตรใหม่แล้ว คงรอดูว่ามันจะมีปฏิกิริยาอะไรไหม” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยตอบ เขาสวมหมวกปีกว้าง สวมเสื้อยืดสีครีมกับกางเกงยีนส์สีซีด กายกำยำสูงล่ำ ผิวเข้มคมขำ
“งั้นหรือคะ งั้นก็ฝากคุณด้วยนะ กาแฟพันธ์นี้เรานำเข้าจากต่างประเทศ อาจต้องดูแลมันดีหน่อย เพราะอากาศตอนนี้ค่อนข้างร้อน กลัวมันจะเฉาเสียก่อน” ปรางทิพย์ว่าและยังตรวจต้นกล้าที่อยู่ใกล้สุดอย่างกังวล
“ไม่ต้องห่วงครับ ชุดนี้ผมคุมเข้มเป็นพิเศษ” เขาบอกให้เธอวางใจ และยังเหลือบหญิงสาวคนข้างๆ ด้วยความสนใจเล็กน้อย แพรวดาวเองก็มองตอบแบบเดียวกัน เมื่อเห็นดังนั้นปรางทิพย์จึงได้แนะนำให้ได้ทั้งคู่รู้จัก
“อ่อ เกือบลืม นี่แพรวดาวพนักงานบัญชีคนใหม่คะ แพรวดาวนี่คุณชวินหัวหน้าคนงานของที่นี่”
“อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ได้ยินว่าเพิ่งมาได้สองวันเองใช่ไหม อยู่นานๆ นะครับ” เขากล่าวต้อนรับด้วยไมตรีจิตอย่างสุภาพ กระนั้นแพรวดาวมีอาการสงสัยเล็กน้อย พูดแบบนี้อีกแล้วชะรอยว่าตำแหน่งนี้คงเปลี่ยนบ่อยอย่างที่น้อยว่ากระมัง
“เช่นกันคะ” เธอเองก็ตอบรับไมตรีนี้เช่นกัน “กาแฟพวกนี้พันธุ์อะไรเหรอคะ ต้องดูแลดีขนาดนี้เลยหรือ” เธอถามพลางมองคนงานคนกำลังวัดขนาดต้นกล้าอย่างตั้งอกตั้งใจก่อนจดลงสมุดบันทึก
“ครับ มันเป็นสายพันธ์ที่ทางไร่เพิ่งจะลองนำเข้ามาปลูก แต่ก็กลัวว่ามันอาจจะไม่ถูกกับอากาศบ้านเรา แต่หากเราสามารถเพราะพันธุ์ได้จะสร้างผลกำไรให้เราไม่น้อยเลยทีเดียว สายพันธ์นี้ตลาดกำลังนิยมน่ะครับ” ชายหนุ่มอธิบายให้หญิงสาวผู้สนอกสนใจกับเจ้าต้นกล้าเล็กเล็กพวกนี้เป็นพิเศษ แพรวดาวพยักหน้ารับรู้เธอเองก็เป็นคอกาแฟตัวยง เรียกได้ว่าเสพติดคาเฟอีนเลยก็ว่าได้ รสขมนิดพร้อมกลิ่นหอมละมุนทำให้เธอหลงใหลในการดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ
“แพรวก็ชอบดื่มกาแฟนะคะ แต่ไม่เคยรู้ว่าการดูแลมันจะยุ่งยากเพียงนี้”
“ครับ เพราะพวกมันต้องการดูแลที่ต้องเข้มงวด พวกมันชอบความเย็นน่ะครับ ส่วนใหญ่มักปลูกตามดอย อราบิก้าพันธุ์นี้มันคือสายพันธุ์คาร์ติมอร์ ซึ่งในประเทศไทยของเราสามารถให้ผลผลิตได้แค่หนึ่งหมื่นต้นต่อปีเท่านั้น มันไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด”
“ว้าว...แพรวไม่รู้เลย” หญิงสาวรู้สึกทึ่งเมื่อมองเจ้าต้นกล้าเหล่านี้ และยังให้ความสนอกสนใจมันต่อ โดยที่ชายหนุ่มเองนั้นก็ดูสนใจเธอไม่น้อย แต่เพราะตำแหน่งนี้เปลี่ยนบ่อยจนหลายคนบอกมันต้องคำสาปส่วนมากอยู่ไม่นานก็ต้องมีอันระเห็จออกไป อาจเพราะข่าวที่คนลือถึงคฤหาสน์หลังนั้น และเขายังรู้มาว่าเธอมาวันแรกก็เจอดีเข้าให้แล้ว ไม่รู้ว่าเธอคนนี้จะอยู่ได้นานรึเปล่า ขณะนั้นปรางทิพย์กับชวินคุยงานกันต่ออีกพักหนึ่ง กระทั่งเสร็จสิ้นการตรวจตราทั้งปรางทิพย์และแพรวดาวกำลังจะกลับ ระหว่างนั้นเองมีคนงานวิ่งเข้ามาอย่างเหนื่อยหอบ
“คุณปรางครับ ไปดูทางนั้นหน่อยครับ มีคนงานพลัดตกจากหลังคา” ชายคนดังกล่าวแจ้ง ทั้งปรางทิพย์และชวินต่างก็มีอาการตกใจ
“ตายจริง เป็นอะไรมากไหม เราไปดูกันหน่อยเถอะค่ะคุณชวิน” ชายหนุ่มพยักหน้ารับแล้วรีบตรงไปยังที่เกิดเหตุ
เสียงร้องโอดโอยของคนงานด้วยความเจ็บปวด เขาตกลงมาจากหลังคาเพราะปีนขึ้นไปซ่อมและพลาด แพรวดาวมองเขานอนกุมขาซึ่งมีเลือดสีแดงสดไหลออกมาไม่หยุดเพราะถูกตะปูเกี่ยวขาตอนตกลงมาจนเป็นแผลยาวน่าสยดสยอง ชวินรีบรุดไปดูก่อนห้ามเลือดให้ชั่วคราว
“แผลใหญ่ขนาดนี้คงต้องไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ” ชายหนุ่มบอก มือยังใช้เศษผ้ากดเพื่อห้ามเลือด
“งั้นฉันไปด้วยค่ะ นายไปเอารถออกทีสิ” ปรางทิพย์รีบสั่งคนงานคนหนึ่ง ขณะสั่งคนที่เหลือช่วยห้ามคนบาดเจ็บไปที่รถ เธอมัวแต่กังวลกับคนงานที่บาดเจ็บจนเกือบลืมแพรวดาวไปเลย หันมามองหญิงสาวที่ทำท่าพะอืดพะอมเพราะแพรวดาวเป็นคนกลัวเลือดมาแต่เด็ก เห็นทีไรเป็นหน้ามืดทุกที แต่พอเห็นปรางทิพย์มองเธอจึงพูดขึ้นว่า
“แพรวกลับเองได้ค่ะคุณปราง” พอหญิงสาวบอกอีกฝ่ายยังไม่คลายกังวลและยังสั่งเธอซ้ำอีกว่า
“กลับให้ถึงนะแพรวดาว”
“ค่ะ” แพรวดาวยิ้มแหยๆ เมื่ออีกฝ่ายรู้ทันเธอ ไม่ใช่เพราะห่วงเธอกลับไม่ถูก แต่เพราะกลัวว่าเธอจะแวะที่อื่น แหม่กำลังคิดอยู่เชียว ถึงอย่างนั้นเมื่อเธอเดินย้อนกลับมาที่ออฟฟิศ ระหว่างทางก็คิดอะไรไปเรื่อยแต่พอมองไปทางนั้น เหมือนมีอะไรดึงดูด ใจเธอเองก็อยากทำตามคำสั่งอยู่หรอก แต่กว่าจะปลีกตัวออกมาจากปรางทิพย์ได้แถมอีกฝ่ายยังไม่อยู่เสียด้วย มันไม่ใช่โอกาสดีที่หายากหรอกหรือ เหมือนเธอต่อสู้กับตนเอง หากเดินตรงไปคือกลับไปยังออฟฟิศอย่างที่ปรางทิพย์ย้ำเธอนักหนา แต่ถ้าขวามันอาจจะพาเธอไปหาคำตอบบางอย่างที่เธอสงสัยอยู่ก็เป็นได้
แพรวดาวกวาดสายตามองไปรอบๆ เธอมาจนได้ไม่เคยเอาชนะใจตนเองได้เลย ทัศณียภาพแปลกตาไป อาจเพราะคราวก่อนเธอมาตอนกลางคืนกระมัง รอบๆ บ้านมันถูกดูแลเป็นอย่างดี สวนย่อมเล็กเล็กพร้อมน้ำพุกลางแจ้ง สายน้ำพุ่งเป็นสายออกมจากรูปั้นกามเทพตัวน้อย ประติมากรรมหินแกรนิต ไม่อยากเชื่อเลยว่าที่นี่จะไม่มีคนอยู่ มันไม่เหมือนบ้านร้างเลยจริงๆ บรรยากาศสงบเงียบ เธอไปยืนด้อมๆ มองๆ ที่ริมหน้าต่างตามประสาคนอยากรู้ มองผ่านกระจกใสเข้าไปยังด้านใน แม้จะมีม่านผืนหนาปิดไว้ กระนั้นก็พอมองเห็นข้างในได้นิดหน่อย มันสะอาดเอี่ยมอ่อง เครื่องเรือนอถูกวางอย่างเป็นระเบียบ ขณะนั้นเองเหมือนมีความเคลื่อนไหวอยู่ภายใน แพรวดาวพยายามมองผ่านผ้าม่านเข้าไป แต่ก็ไม่อาจมองได้ถนัดเพราะวิถีการมองเห็นมันแคบ เธอเดินเลาะไปตามริมหน้าต่างแต่ล่ะบาน อ้อมไปยังด้านหลัง ยกมือป้องแสงจ้าเพื่อที่จะได้เห็นด้านในได้ชัด แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้า หันขวับไปมองตามสันชาติญาณก่อยสะดุ้งโหยงสุดตัว
เบื้องหน้าของเธอคือชายร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อตัวหนามีฮูดคลุมหัวจึงมองไม่เห็นใบหน้า แพรวดาวก้าวถอยหลังเพียงก้าวเดียวก็ต้องหยุดลง
“มานี่อีกทำไม” เสียงแหบห้าวเอ่ยถามเป็นเสียงเดียวกันกับชายคนนั้นไม่ผิดแน่ เธอเปิดยิ้มขึ้นมาด้วยความพอใจเท่านี้ก็ไขข้อสงสัยเธอได้เปราะหนึ่งแล้ว
“นึกอยู่แล้วว่าคุณต้องไม่ใช่ผี คุณเป็นใคร ทำไมถึงอยู่ที่นี่ได้”
“ไปให้พ้น” ชายคนนี้ไล่เธออีกแล้ว เขาพูดคำอื่นไม่เป็นแล้วหรือไงนะ
“ไม่ไป จนกว่าคุณจะบอกว่าคุณเป็นใคร บ้านหลังนี้เป็นเขตหวงห้ามของคนในไร่ แต่คุณกลับอาศัยอยู่ที่นี่ได้ แปลว่าคุณต้องมีความสำคัญกับเจ้าของแน่” อาการดื้อดึงอย่างที่สุด ไม่ว่ายังไงเธอต้องรู้ให้ได้เพื่อที่จะลบคำสบประมาทของปรางทิพย์กับน้อย เธอต้องการจะยืนยันว่าสิ่งที่คนอื่นคิดว่าเป็นเพียงวิญญาณโหยหวนชวนสยองนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
“พูดไม่รู้เรื่องรึไง ไสหัวไป” เสียงขู่คำรามราวกับสัตย์ร้ายหากแต่ไม่ได้ทำให้หญิงสาวหวาดกลัวเลย เพราะเธอรู้ว่าเขาจะไม่ทำอันตรายเธอแน่ ความกลัวนั้นมลายหายไปสิ้นแล้ว ที่ยังอยู่คือความสงสัยอย่างเต็มเปี่ยม
“พูดอย่างอื่นเป็นไหมเนี่ย เอาแต่ไล่อยู่ได้ ฉันว่านะคุณคงอยู่คนเดียวนานเกินไป” เธอวิจารณ์การต้อนรับที่ไร้มารยาทนี้ด้วยท่าทีที่กวนอารมณ์ ชายคนนั้นสืบเท้าเข้ามาหา หากแต่แพรวดาวยังปักหลักอยู่ที่เดิมโดยไร้ความเกรงกลัวต่ออีกฝ่าย มองเข้ายกมือขึ้นชักเริ่มหวั่นทว่าเขาไม่ได้ยื่นมันหาเธอแต่ดึงเอาฮูดที่คลุมหัวออกเธอจึงได้เห็นใบหน้าเขาชัดๆ
คราแรกเธอผงะอยู่เหมือนกัน ผมยาวประบ่า หยักศกเป็นลอนคลื่นแบบธรรมชาติ ฟูยุ่งเล็กน้อย ดวงตาสีดำสนิทขึงมอง ผิวขาวซีดอาจเป็นเพราะอาจเขาคงจะคลุกตัวอยู่แต่ในคฤหาสน์ไม่ออกมาพบปะผู้คนนานแล้วก็เป็นได้ กระนั้นสิ่งที่ดึงดูดสายตานั้นกลับเป็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าและเธอจ้องมองมันอย่าลืมตัว มันไม่ใช่ความหวาดกลัวหากแต่เป็นความสนใจใคร่รู้ในสิ่งที่เห็นจนลืมมารยาทที่ดีว่าการไปจ้องหน้าคนอื่นแบบนี้อาจทำให้เขาไม่พอใจ
“นี่เธอไม่กลัวหรือ” เขาถามออกมาพร้อมความประหลาดใจเจืออยู่ในน้ำเสียง วันก่อนเห็นกลัวจนกรี๊ดสลบ
“กลัวทำไม ก็แค่รอยแผลเป็น หน้าคุณ...ไปโดนอะไรมาเหรอ”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ” เวลานี้คนที่ประหลาดใจกลับเป็นเขาเอง ปรกติคนที่เห็นเขาหากไม่กรี๊ดจนสลบคาที่ก็วิ่งหนีจนป่าราบ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับมายืนมองหน้าเขาราวกับมันจิตรกรรมบนฝาผนังที่น่าสนใจ ชายหนุ่มหันหลังกลับเพราะเห็นว่าเธอคงจะไม่ยอมไปง่ายๆ ชีวิตอันแสนสงบสุขอาจถูกเธอทำลายลงจึงเลือกที่จะเดินหนี
“เดี๋ยวสิ จะไปไหน คุณยังไม่ตอบฉันเลย แผลเป็นบนหน้าคุณนั่น แผลไฟไหม้รึเปล่า” ไม่รู้ทำไมจู่ๆ เธอก็นึกเรื่องที่น้อยเล่าขึ้นมา เจ้าของคนก่อนถูกไฟคลอกตายไปแล้ว จะเป็นชายคนนี้ได้อย่างไร แต่มีหลายอย่างที่ทำให้เธอสงสัยและเขากำลังจะเดินไปหนีไปโดยปล่อยให้เธออยู่กับความสงสัย ไม่ได้ แพรวดาวรีบวิ่งไปดักหน้าก่อนเอ่ยเรียกชื่อเขาออกมา
“ตรัยคุณ...คุณชื่อตรัยคุณใช่ไหม”
เขาไม่ตอบเดินหนีเข้าบ้านแล้วปิดประตูใส่หน้าเธอ หญิงสาวออกอาการหงุดหงิดเหลือเกิน ใช้มือยีผมยุ่งๆ ของตน แทนที่จะมาหาคำตอบกลับได้ข้อสงสัยกลับไปมากกว่าเดิม เขาจะใช่รึเปล่านะ หากใช่ทำไมเขาถึงอยากให้คนอื่นคิดว่าเขาตายไปแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นในคืนที่ไฟไหมคืนนั้นนะ
“ฉันจะกลับมาแน่ คอยดูนะ ตราบใดที่ฉันยังไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร” แพรวดาวพูดพึมพำอย่างหมายมั่นว่าจะเอาชนะให้ได้ เธอจะต้องทำให้เขาเผยตัวออกมา คราวนี้ทุกคนจะได้รู้ว่าผีไม่มีจริงเป็นแค่ชายลึกลับคนหนึ่งเท่านั้น
ความคิดเห็น