คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
ปิณฑิรากวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องรับแขก แปลกใจตนเองเป็นอย่างมากที่ยอมตามคนเพิ่งพบไม่นานมาเฉย แม้เธอจะรู้ว่าเป็นเขาหมอประจำอยู่โรงพยาบาล แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับเขาเป็นการส่วนตัว หมออลันเดินกลับมาจากครัวพร้อมกับกล่องยา โชคดีที่รถคันนั้นเบรกทันเธอจึงมีแค่รอยถลอกที่ฝ่ามือเพราะใช้มันค้ำตอนล้มลงกับพื้น
หมออลันลอบมองหญิงสาวเป็นระยะเขาไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรขึ้นเธอกลัวว่าเดี๋ยวเธอจะพาลใส่เขาอีก จนเมื่อเขาทำแผลให้เธอเรียบร้อยแล้วจึงขยับลุก
“ดื่มสิเพื่อจะทำให้รู้สึกดีขึ้น” ชายหนุ่มทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดียื่นช็อกโกแลตร้อนให้ แต่หญิงสาวกลับถามหาอย่างอื่นแทน
“มีไวน์ไหม”
“หือ?”
หมอหนุ่มวางแก้วทรงสูงที่มีของเหลวสีแดงเข้มลงตรงหน้าหญิงสาว เธอฉวยเอามันไปดื่มรวดเดียวจนหมด พลันทำหน้าเหยเกเพราะเฝื่อนคอยิ่งนัก รู้สึกร้อนวูบในท้อง
“รู้ไหมเป็นผู้หญิงดื่มแอลกอฮอล์ไม่ดีนะ มันไม่ดีต่อสุขภาพ” เขาว่าขณะที่ตัวเองก็ดื่มมัน เธอยังดื่มไปอีกหลายแก้วจนยามนี้ดวงหน้าขาวเนียนแดงเถือกเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เล่นงาน
“ฉันก็ไม่รักเขามากมาย แต่มันรู้สึกเสียหน้าคุณเข้าใจไหม เขาทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า คนยิ่งไม่มีความมั่นใจอยู่ ฉันไม่ดีตรงไหนบอกสิ ฉันไม่สวยหรือไง ฉัน...ฮึก” เธอหยุดสะอึกชั่วครู่
“ใครว่าคุณไม่สวย ผมนี้เถียงขาดใจเลย” เขาว่าอย่างเอาใจเพราะไม่อยากให้เธออารมณ์เสีย ขณะสายตาอ้อยอิ่งอยู่ที่ใบหน้าสวยนั้น ยิ่งยามนี้นัยน์ตากลมโตนั้นมันฉ่ำปรือ ปากเล็กเผยอนิดดูเซ็กซี่ชะมัด ธรรมดาเขาไม่ใช่คนหมกมุ่นกับเรื่องพรรค์นี้ แต่ตอนนี้คนตรงหน้าที่กำลังนั่งโอนเอนมันทำให้เขาอยากทำอะไรที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง ไล่สายตาไปตามคอระหงลงต่ำนึกภาพที่อยู่ใต้อาภรณ์รัดรูปนั้นมันจะน่ามองแค่ไหนหนอ ก่อนกลืนน้ำลายดังเอื้อก พยายามข่มบางที่กำลังตื่นตัวลง เมินหน้าไปทางอื่นเพื่อจะได้ไม่เห็นภาพที่กำลังจะทำเขาขาดสติ
“ไม่จริงอ่ะ ถ้า..ฉันสวยจริง..ทำไมคุณไม่มองหน้าฉัน” ลิ้นพันกันจนพูดติดขัด หารู้ไม่ว่าการที่เธอทำแบบนี้เหมือนยิ่งไปกระตุ้นบางอย่างในตัวเขา
“คุณเมาแล้วล่ะ”
“ม่าย ฉัน..ไม่มาว มองหน้าฉันสิ บอกสิว่าฉัน...สวย” เธอจับคอเสื้อเขาเขย่า หมออลันจำต้องหันหน้ามอง ให้ตายสิ เธอไม่รู้หรือไงว่าเขากำลังจะทนไม่ไหว แววตานั้นของเธอมันดูเหมือนชวนเชิญเหลือเกิน นี่เธอทดสอบความอดทนเขาอยู่หรือไร เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นตอนนี้มันขาดลงเสียแล้ว เมื่อใบหน้าเล็กอยู่ใกล้เสียจนเขาสัมผัสถึงลมหายใจผสมกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ทำให้เขานึกถึงดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิกลิ่นหอมเย็นชวนให้ใจลุ่มหลงคล้ายดอกกุหลาบ และเมื่อเขามิอาข่มใจจึงกดจูบกลีบปากหวานฉ่ำอย่างอดรนทนไม่ไหวฝ่ามือหนากดแผ่นหลังเนียนเข้าหาตัวจนเขารู้สึกถึงเนินหยุ่นนุ่ม ประคองไหล่เล็กเอาไว้ โดยมือข้างที่ว่างประทับอยู่ที่บั้นท้ายเต็มตึงนวลคลึงเน้นเบาๆ จนเต็มมือ แรงต้านเล็กๆ ค่อยจางไปพร้อมกับสติที่เลอะเลือน
ปิณฑิรากลับมายังห้องพักของตนในเช้าวันต่อมา เมื่อเธอไขกุญแจเขาไปก็ต้องตกใจเป็นมาก เพราะมีคนรออยู่ในห้อง เธอทำตัวเหมือนปรกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณพ่อ พี่วาคิน”
“แกหายไหนมาทั้งคืน” น้ำเสียงดุเข้มของบิดาทำเอาเธอสะดุ้งเล็กน้อย
“หนูไปค้างบ้านเพื่อนมาน่ะค่ะ” ตอบโดยที่หลบสายตาของผู้เป็นพ่อ
“บ้านใคร” ถามย้ำราวกับเค้นสอบ
“คุณพ่อไม่รู้จักหรอกค่ะ แล้วนี่คุณพ่อมาเมื่อไหร่ค่ะ ทำไมไม่โทรฯมาบอกหนูก่อน” เปลี่ยนเรื่องคุย
“ก็แกปิดเครื่องฉันจะบอกแกได้ยังไง ฉันก็ห่วงนึกว่าเป็นอะไรเลยโทรฯหาวาคิน เหลวไหลใหญ่แล้วนะ ทีหลังอย่าปิดเครื่องอีกเข้าใจไหม เกิดมีธุระปะปัง” ตำหนิลูกสาวอย่างหัวเสีย เพราะปรกติตนไม่เคยเห็นเธอไปค้างบ้านเพื่อนคนไหน
“เอาเถอะครับ ทับทิมปลอดภัยก็ดีแล้ว พี่ก็เป็นห่วงกลัวไปเจอเรื่องไม่ดีเข้า เมื่อไม่เป็นอะไร ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ เดี๋ยวต้องไปทำงานต่อ พี่ไปนะเย็นจะแวะมาหา” แสดงอาการห่วงใยออกมา หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงปลื้มปริ่มจนแก้มปริ แต่ยามนี้เมื่อได้เห็นแล้วว่าลับหลังเธอเขาเป็นยังไง เธอจึงเมินเฉยกับอาการนี้ของเขา
หลังจากที่วาคินไปแล้ว ปิณฑิราเข้าไปอาบน้ำอาบท่า ก่อนจะออกมานั่งคุยกับบิดาต่อ
“พ่อมาคุยงานกับนายทุนใหญ่ ก็เลยแวะมาเยี่ยมแก ฝึกงานเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีค่ะ เรียบร้อยดี” เธอตอบแบบไม่ค่อยเต็มเสียง เมื่อยามนี้ใบหน้าหมอหนุ่มลอยวนอยู่ในใจ เมื่อคืนเธอไม่น่าเลยจริงๆ มีบางอย่างร้อนวูบขึ้นหน้า
“นี่แกจะจบแล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นถึงเวลาที่พ่อต้องทวงสัญญาแล้วสิ” เกริ่นนำขึ้น ปิณฑิราจึงหน้าเสีย
“หนูก็อยากคุยกับพ่อเรื่องนี้พอดีค่ะ” เธอครุ่นคิดมาดีแล้วว่าไม่อยากปล่อยให้มันเลยตามเลยอีก ไม่เพราะเรื่องพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนาของวาคินเท่านั้น ตอนนี้เธอไม่มีใจให้ชายคนนี้อีกต่อไปแล้ว
“อะไรนะ จะไม่แต่ง แกเป็นบ้าอะไรเนี่ย แกรับปากพ่อแล้วจะมากลับคำได้ยังไง แกอยากจะเรียนพ่อก็ให้เรียนแล้วจะเอาอะไรอีก อย่ามางอแงกับพ่อนะ พ่อรับปากวาคินเขาไปแล้วด้วย ยกเลิกไม่ได้เด็ดขาด”
“แต่พ่อคะ พ่อก็รู้นี่ว่าพี่วาคินเขาเป็นยังไง พ่อรู้ไหมเมื่อวานหนูไปเห็นอะไรมา หนูใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายคนนี้ไม่ได้หรอกคะ”
“เฮ้ย! คิดมากน่า ผู้ชายก็แบบนี้เดี๋ยวพอแต่งๆ กันไปเขาก็เลิกเองแหล่ะ” บอกราวกับมันเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรใส่ใจ แต่สำหรับเธอมันคือเรื่องใหญ่มาก เพราะหากต้องทนกล้ำกลืนไปตลอดชีวิตมันก็ไม่ต่างจากตายทั้งเป็น เพราะรู้ว่าเธอไม่สามารถฝากอะไรไว้กับวาคินได้ โดยเฉพาะอีกฝ่ายไม่มีความซื่อสัตย์
“เหมือนพ่อเหรอคะ จนป่านนี้พ่อก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง พ่อรู้ไหมแม่ต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานใจแค่ไหน พ่ออยากเห็นหนูเป็นเหมือนแม่เหรอคะ”
“เรื่องแม่แกใช่ว่าฉันไม่เสียใจ แต่...ตอนนี้เรากำลังแย่”
“หมายความว่าไงคะ” ปิณฑิรามองบิดาอย่างไม่เข้าใจ กสานติ์มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมองบุตรสาวอย่างชั่งใจก่อนกล่าวต่อไป
“คือ...พักก่อนพ่อเห็นว่าตลาดหลักทรัพย์มันกำลังเฟื่องฟู พ่อก็เลยลองเล่นดู พ่อซื้อหุ้นไว้หลายตัว แต่ก็นะหุ้นมันก็ขึ้นๆ ลงๆ ไม่แปลกอะไร เพียงแต่ว่าเงินที่พ่อเอาไปลงนั้น มันไม่ใช่เงินของเรา มัน..เป็นเงินของนายทุนใหญ่ และเขาก็เริ่มระแคะระคายเลยจะส่งคนมาตรวจสอบ และพ่อคิดว่าคงจะหาเงินมาชดเชยส่วนที่ขาดไปไม่ทัน แกก็รู้บริษัทเราไม่ได้ใหญ่โตอะไร และเรายังเป็นหนี้ธนคารอยู่ด้วย วาคินเขาอาจจะช่วยเราได้”
“เพราะอย่างนี้พ่อก็เลยจะให้หนูแต่งงานใช่ไหมคะ” ถามเสียงเบาหวิว
“ถือเสียว่าช่วยพ่อ ช่วยบริษัทของเราเพราะไม่อย่างนั้นเราจะไม่เหลืออะไร”
“ก็ช่างมันสิคะ เงินทองมันเป็นของนอกกาย วันหนึ่งเดี๋ยวเราก็หาใหม่ได้”
“งั้นแกพอใจจะเห็นพ่อติดคุกด้วยใช่ไหม หากนายทุนใหญ่เขาตรวจสอบได้ว่าพ่อทุจริต แกทนเห็นพ่อไปนอนในคุกได้เหรอ” กสานติ์ขึ้นเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมอ่อนตาม เพราะเขาหวังผลประโยชน์จากการแต่งงานครั้งนี้มาก
ปิณฑิราก้มหน้าลงอย่างเศร้าใจ หากเธอไม่ช่วยก็เท่ากับเป็นลูกอกตัญญู ปัญหานี้ใหญ่เกินตัวเธอจริงๆ
ความคิดเห็น