คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
ร้อยเล่ห์เทพบุตรมาร
โรงพยาบาลประจำรัฐ โคเวนทรี หมอหนุ่มหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่แฟ้มประวัติคนป่วย ใบหน้าคมคายที่ประดับไปด้วยไรหนวดสีครึ้มเครียดเคร่งอยู่ตลอดทั้งวัน เขาคือนายแพทย์ อลัน โรนัล อีแวน วัยสามสิบผู้เงียบขรึม ผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีเทาอ่อนอันแสนทรงเสน่ห์ซึ่งขณะนี้ไล่เรียงไปตามบรรทัดจนเริ่มล้าก่อนจะตัดสินใจปิดมันเพราะตาคู่คมนั้นเริ่มพร่ามัว ขยับกายกำยำสูงใหญ่ได้มาตรฐาน ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรสมชายชาตรีบิดไปมาเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่แน่นหนัดอย่างคนสุขภาพดี หลังจากที่หักโหมกับงานมาทั้งวัน ความจริงแล้วเขาควรจะออกเวรตั้งแต่บ่าย แต่ที่ยังอยู่เพื่อจะสะสางงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ เขามักโดนเบรย์เดนเพื่อนซี้ว่าอยู่บ่อยๆ ว่าบ้างานจนเกินไป ก็แน่ล่ะคนมีครอบครัวอย่างเบรย์เดน จะไปเข้าใจอะไรกับคนโสดอย่างเขา ถ้าไม่ให้อยู่กับงาน แล้วจะให้เขาไปอยู่กับใคร แล้วเขาก็ไม่ใช่หนุ่มเจ้าสำราญอย่างแดเนียลด้วย รายนั้นชอบจังกับแสงสียามค่ำคืน
หมอหนุ่มเก็บเอกสารที่ตรวจหมดแล้วกลับไปไว้ที่เดิม ก่อนหยิบโอเวอร์โค๊ทตัวหนามาสวม ค่ำคืนนี้เขามีนัดกับเพื่อนสนิททั้งสองหลังจากห่างหายไปพักหนึ่งเพราะต่างคนต่างก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เบรย์เดนนั้นมัวแต่ยุ่งวุ่นครอบครัวอันแสนอบอุ่น สองแฝดกำลังโตวันโตคืนอย่างน่าชัง นานๆ เขาจะได้รับอนุญาตจากภรรยาออกมาเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง ซึ่งในที่นี้ไม่ใช่ว่าภรรยาเขาจะดุอะไรนักหนา เพราะไมร่าเป็นคนนุ่มนวลอ่อนหวาน ที่เป็นเช่นนี้เพราะเบรย์เดนนั้นเกรงใจภรรยาเอามากๆ ตั้งแต่แต่งงานมีลูกมีเต้าเขากลายเป็นคนกลัวเมียไปโดยปริยาย
ณ สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง อาคารสไตล์คันทรี่ คลับนี้มีชื่อเสียงมานานมันถูกดัดแปลงจากบ้านเก่าแก่กลายมาเป็นไนต์คลับ ทุกค่ำคืนที่นี่ไม่เคยเงียบเหงา อลันก้าวเท้าเข้ามาภายในตัวอาคาร โดยมีพนักงานต้อนรับคอยเปิดประตูให้ หมอหนุ่มถอดเสื้อโอเวอร์โค๊ทของตนให้พนักงานเอาไปเก็บ ก่อนจะเดินเข้าไป ภายในถูกตกแต่งแบบเรียบๆ ผนังสีส้มอ่อนกลมกลืนกับแสงไฟที่ถูกปรับให้แลดูสลัว ฝาผนังนั้นประดับด้วยรูปวาดของศิลปินดังๆ ขับเน้นให้น่ามองมากขึ้นไปอีก หมอหนุ่มกวาดไปรอบๆ โต๊ะไม้ทรงกลมสไตล์วินเทจเรียงรายตามมุมต่างๆ โดยที่กลางห้องนั้นมีเวทีและดนตรีสดคลอเบาๆ เพียงเขาหันไปทางมุมซ้ายของเวที เบรย์เดนก็โบกไม่โบกมือเป็นการใหญ่ นั่งยิ้มแฉ่งอยู่กับแดเนียลเขาจึงตรงไปหาทันที
“ไง รอนานไหม พอดีฉันเคลียร์งานเพลินไปหน่อย” แจงเหตุผลที่ตนมาช้า ขณะที่ขยับเก้าอี้ตัวที่ว่างนั่งลง
“ไม่หรอก ไม่นานเลย แต่ถ้าแกมาช้าอีกหน่อยฉันจะกลับแล้ว “ เบรย์เดนแกล้งเอ่ยเล่นขำๆ แดเนียลจึงหัวเราะเบาๆ
“จะรีบไปไหนวะ ช้านิดช้าหน่อยทำเป็นโมโห หัวยังไม่เถิกเสียหน่อยน้อยใจไปได้”
“เฮ้ย! แกก็รู้นี่กว่าฉันจะได้วีซ่าจากเมียมันยากขนาดไหน รู้ไหมฉันกับแดเนียลมานั่งรอแกจนเหงือกแห้งหมดแล้ว เพลาๆ ลงบ้างได้ไหมไอ้เรื่องงาน จะบ้างานไปไหนวะ ระวังเถอะจะหาเมียไม่ได้อย่าหาว่าไม่เตือน”
“พูดเข้า ฉันยังไม่รีบหรอกเว้ย ไม่ใช่หาไม่ได้ แต่ฉันยังไม่รีบ ใช่ไหมแดเนียล ชีวิตโสดอิสระออกจะตายไป”
“อันนี้ผมเห็นด้วยกับหมอนะ คุณมีครอบครัวไปแล้วเลยไม่เข้าใจคนโสดอย่างเราหรอก ผมว่าอยู่คนเดียวสนุกออกจะตายไป” แดเนียลว่าอย่างเห็นดีเห็นงามกับหมอหนุ่ม
“เออ เอาเข้าไปให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อนฉัน ขึ้นไปอยู่บนคานกันซะแล้ว ฉันจะรอดูว่าพวกนายจะพากันกอดมันได้นานแค่ไหน อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงแบบไหนที่จะสามารถดึงพวกนายลงจากคานทองนิเวศน์ได้” สามหนุ่มพากันหัวเราะร่าอย่างครึกครื้นกับมิตรภาพที่แน่นแฟ้นมากขึ้นทุกวัน สำหรับหมออลันกับเบรย์เดนนั้นเป็นเพื่อนกันมายาวนาน ขณะที่แดเนียลซึ่งเคยเป็นคนรักเก่าของไมร่าหรือก็คือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเบรย์เดน ครั้งหนึ่งทั้งคู่เคยเกลียดขี้หน้ากันจะเป็นจะตายแต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการมาเป็นเพื่อนกันได้ในที่สุด
ระหว่างที่ทั้งสามพูดคุยกันอย่างออกรสอยู่นั้น พลันมีชายคนหนึ่งเดินเขามาทักทายเบรย์เดน หุ่นสูงล่ำวงหน้าคมเข้มออกไปทางลูกครึ่ง มีเค้าโครงชาวเอเชียหน่อยๆ
“สวัสดีครับคุณเบรย์เดน บังเอิญจริงๆ แปลกจริงผมเพิ่งเคยเห็นคุณออกมาเที่ยว” ชายคนดังกล่าวทักพร้อมแสดงอาการแปลกใจเล็กน้อย นั่นเพราะว่าตนเพียรพยายามชวนเขาออกมาเที่ยวอยู่หลายครั้ง แต่น้อยนักที่ชายหนุ่มจะยอมออกมาด้วยหากไม่ใช่เรื่องงานแล้วล่ะก็ยากที่จะเห็นเขาตามสถานบันเทิงเริงรมย์แบบนี้ วันนี้จึงประหลาดใจเอามากๆ ที่เห็นเขา
“สวัสดีคุณวาคิน นานๆ ทีน่ะครับไม่ได้มาบ่อย อ้อ...นี่หมออลันเพื่อนผม” เบรย์เดนแนะนำ วาคินจึงยื่นมือออกมาเพื่อทักทายชายหนุ่มอย่างเป็นกันเอง
“สนใจจะไปร่วมวงกับผมด้วยไหม มีสาวๆ สวยๆ เพียบ” เอ่ยชวนพลางขยิบตาตามประสาหนุ่มเจ้าสำราญ
“ผมขอบายล่ะ คือผมไม่ค่อยอะไรกับแนวนี้ อีกอย่างผมแต่งงานแล้วด้วย” เบรย์เดนปฎิเสธเสียงนุ่ม
“แหมๆ ผมล่ะปลื้มแทนภรรยาคุณจริงๆ เธอเป็นเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากๆ งั้นผมขอตัวนะครับ”
เมื่อชายคนนั้นไปแล้วสามหนุ่มจึงหันหน้ามาคุยกันต่อ โดยที่เบรย์เดนเล่าเรื่องชายคนนี้ไปพลาง ยกเครื่องดื่มขึ้นจิบไปพลางอย่างไม่ใส่ใจ
“วาคิน บรู๊ค เขาเป็นเจ้าของบริษัท แม็ค.ซีคอร์เปอร์เรชั่น ฉันกำลังจะร่วมงานกับเขา ฉันเพิ่งวางโครงการบ้านพักตากอากาศ เห็นว่าเป็นบริษัทน้องใหม่แต่ฝีมือดีฉันเลยจะให้เขามารับผิดชอบโครงการนี้พร้อมกับแดเนียล”
“ผมไม่เกี่ยงหรอกนะที่จะร่วมงานกับเขา แต่ผมไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่” สถาปนิกหนุ่มว่า
“เด็กใหม่ก็แบบนี้อย่าอะไรมากเลย ฉันก็แค่อยากดูว่าฝีมือจะคมเท่าฝีปากรึเปล่า”
“เฮ้อ! พวกนักธุรกิจ ฟังแล้วปวดหัวแทน” หมออลันโคลงศีรษะกับเรื่องที่เขาไม่อยากเข้าใจ
“แหม..ทำมาเป็นพูด เพราะงี้ใช่ไหมถึงไม่ยอมกลับบ้าน” เบรย์เดนย้อนเข้าให้พลันเหล่ตามอง เพราะเขารู้อยู่ว่าอลันไม่ชอบทำธุรกิจ เขาถึงขนาดยอมทะเลาะกับพ่อตัวเองเพราะปฏิเสธความตั้งใจที่จะให้ไปบริหารงานแทนผู้เป็นพ่อ บ้านของอลันมีธุรกิจทำจิวเวอรี่ขนาดใหญ่ระดับแถวหน้าของอังกฤษเลยก็กว่าได้ หากแต่เจ้าตัวนั้นกลับชอบที่จะเป็นหมออยู่ในรัฐเล็กๆ แห่งนี้มากกว่า ตนจึงไม่ค่อยเห็นอลันพูดถึงครอบครัวเท่าไหร่นัก
อีกมุมหนึ่ง เกล็ดน้ำแข็งโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าที่อึมครึมจนบริเวณโดยรอบกลายเป็นสีขาวโพลน ฤดูหนาวที่แสนเย็นยะเยือก ท่ามกลางเกล็ดละอองหิมะที่ฟุ้งกระจายดาษเดื่อน ไอเย็นแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ หญิงสาวร่างอรชรกระชับเสื้อตัวหนาเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายของตน แม้ภายในห้องจะมีเตาพิงที่ยังลุกโชติช่วงอยู่ตลอดเวลาแต่มันก็มิได้ช่วยคลายความหนาวเหน็บเท่าใดนัก มือเรียวนุ่มนั้นพลิกหน้ากระดาษ ขณะที่อีกข้างกอบกุมถ้วยชา กลิ่นหอมละมุนโชยมาเตะจมูก เป็นกิจกรรมอันโปรดปรานอย่างหนึ่งของเธอ ที่ได้มานั่งจิบชาร้อนๆ อ่านนวนิยายเล่มโปรดในวันหิมะโปรยเช่นนี้
ปิณฑิรา นภสินธุ์ หรือทับทิบ สาวไทยวัยยี่สิบห้า เธอได้ทุนมาเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางที่อังกฤษ และปีนี้เป็นปีสุดท้าย เธอกำลังจะเรียนจบในไม่ช้า เธอมีคนรักที่คบหาดูใจกันมาหลายปีจากการเห็นชอบของบิดา วาคินเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทของกสานติ์ผู้เป็นบิดา และหมายหมั้นปั้นมืออยากได้เป็นเขยขวัญใจแทบขาด เพราะทางนั้นหน้าที่การงานหมั่นคง มีหน้ามีตาในสังคม และที่รวยยิ่งกว่าทรัพย์ก็คือสตรีที่ไม่เคยขาด ปิณฑิรารู้ข้อนี้ดีเธอจึงไม่ได้เป็นปลื้มกับพฤติกรรมนี้เท่าไหร่นัก ครอบครัวของเธอพอมีฐานะ กสานติ์มีบริษัทจิวเจอรี่ที่กำลังเติบโตโดยมีนายทุนใหญ่ที่นี่ให้การสนับสนุน หญิงสาวนั่งละเลียดชารสนุ่มลิ้นจนกระทั่งบ่าย เธอจึงได้ลุกไปเตรียมตัวผลัดชุดใหม่เพราะวันนี้เธอต้องไปฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐโคเวนทรี่
ปิณฑิราลงมาสมทบกับเพื่อนอีกสองคนที่จะต้องไปฝึกงานด้วยกัน ซึ่งทั้งสามเรียนอยู่คลาสเดียวกันจึงสนิทกันพอดู โดยหญิงสาวเลือกเรียนสาขาแพทย์ศาสตร์สำหรับผู้เปลี่ยนสาย อาชีพสายแพทย์นั้นเป็นที่นิยมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่ได้จบสาขาแพทย์มาโดยตรง ในแต่ล่ะปีนักศึกษาไทยมาเรียนต่อที่นี่มากมายถือได้ว่าอังกฤษเป็นขุมทรัพย์แห่งปัญญาเลยก็ว่าได้ คราแรกที่เธอบอกจุดประสงค์แก่ผู้เป็นบิดาว่าเธออยากจะเรียนสาขานี้ กสานติ์นั้นมิได้เห็นดีด้วยเพราะอยากให้เธอเรียนบริหารธุรกิจ หลังจากถกเถียงกันอยู่หลายรอบเธอชนะ แต่กลับต้องแลกกับการที่เธอต้องรับปากพ่อว่าหากเรียนจบเมื่อใดเธอจะต้องแต่งงานกับวาคินทันที ตอนแรกเธอรับปากไปงั้นๆ หากแต่ตอนนี้เหมือนขยับเข้ามาใกล้ทุกทีจนเหมือนไฟลนก้น ยามนี้เธอคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมสำหรับการแต่งงาน จึงพยายามคิดหาข้ออ้างว่าอาจจะขอพ่อเรียนต่ออีกสักปี
“นี่พวกเธอ เธอรู้รึเปล่าว่าคุณหมอที่เราจะไปฝึกงานด้วยหล่อโคตรๆ เลย ฉันเคยเจอเขาหนหนึ่งตอนไปเยี่ยมญาติที่โคเวนทรี่ พอรู้ว่าเป็นเขานะฉันแทบจะกรี๊ดสลบเลย” ลิเดียพูดด้วยสีหน้าเพ้อฝันถึงหมอหนุ่มสุดฮอตประจำโรงพยาบาล
“ขนาดนั้นเชียว” ปิณฑิราว่าพลางอมยิ้มกับท่าทีกระดี๊กระด๊าของเพื่อนสาวที่ดูเป็นปลื้มกับหมอหนุ่มคนนี้เหลือเกิน
“อย่าไปเชื่อ ยัยนี่จอมเว่อร์เห็นใครก็หล่อไปหมด พอเอาเข้าจริงหน้าตาก็งั้นๆ” อลิซ หรืออลีนารีบดักคอทันที
“ฉันไม่ได้เวอร์นะ ถ้าไม่หล่อฉันยอมให้พวกเธอเหยียบหน้าเลย ฉันนะสืบประวัติเขามาหมดแล้ว โสดสนิท เป็นชายในฝันของฉันเลย” คุยโวเสียจนคงฟังพากันส่ายหน้าและเธอยังพล่ามต่อไปตลอดทาง
ครั้นเมื่อสามสาวมาถึงโรงพยาบาล พวกเธอไปรายงานตัวกับหัวหน้าแผนก ก่อนจะพากันไปยังห้องตรวจวินิธฉัย โดยขณะนั้นมีคนไข้มารออยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่หมอหนุ่มก้าวเข้ามา ปิณฑิราถึงได้รู้ว่าลิเดียไม่ได้พูดเกินจริงเลย อลีนานั้นถึงกับอ้าปากค้างอย่างลืมตัว ยิ่งเมื่อหมอหนุ่มมายืนเต็มความสูงอยู่ตรงหน้า และกล่าวทักทายสามสาวด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่มทำเอาลิเดียกับอลีนาถึงกับใบ้รับประทานกันเลยทีเดียว ต่างจากปิณฑิราที่ไม่ได้กระตื้อรื้อร้นไปกับสองสาวด้วย ไม่ใช่ว่าหมอหนุ่มจะไม่เข้าตา อันที่จริงเธอต้องยอมรับว่าหมออลันนั้นดูดีมากที่เดียว กายสูงใหญ่กำยำ ผิวเข้มคมขำไม่แปลกที่มีจะสาวๆ ตามกรี๊ด ซึ่งถ้าหากว่าเธอไม่ได้มีคนรักอยู่แล้วเธอคงหลงใหลได้ปลื้มไปกับรูปลักษณ์ที่ชวนมองราวกับสวรรค์สร้างแบบนี้
ปิณฑิราตั้งหน้าตั้งสนใจเก็บงานตรงหน้าเฝ้ามองหมอหนุ่มวนิธฉัยโรค ในอังกฤษบันทิตที่เรียนจบแล้วจะต้องลงทะเบียนเป็นเวลาสองปีก่อนซึ่งระหว่างนี้จะต้องฝึกงานตามแผนกต่างๆ ของสถานพยาบาล เธอจดทุกรายละเอียดอย่างตั้งใจ โดยที่ไม่รู้ว่าทุกกิริยาของตนอยู่ในความสนใจของหมอหนุ่ม นั่นเพราะเธอไม่ได้มีท่าทีปลื้มกับรูปลักษณ์ภายนอกของเขาเหมือนสาวๆ ทั่วไป ปิณฑิรานั้นแม้ไม่ได้เป็นที่สะดุดตา แต่เธอมีบางอย่างสะดุดใจเขา ผิวขาวเนียนละเอียดละออ พวงแก้มเปล่งปลั่งดูมีเลือดฝาด ริมฝีปากเม้มบางยามเมื่อก้มหน้าอยู่กับสมุดพกมือเล็กจดขยุกขยิก มันทำเขาเผลออมยิ้มซึ่งมันหายากมากสำหรับหมอหนุ่มที่เอาแต่หน้าดำคร่ำเคร่งอยู่แต่กับคนไข้ ผู้หญิงคนนี้สามารถดึงดูดความสนใจเขาอย่างไม่น่าเชื่อ
“โอ๊ย..ไม่อยากกลับเลย” ลิเดียโอดครวญอย่างเสียดายเมื่อการฝึกงานสิ้นสุดลง
“แหม พูดอย่างกับว่าจะไม่ได้มาอีกงั้นแหล่ะ” อลีนาย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้ เพราะลิเดียนั้นไม่ได้สนใจงานเลย เอาแต่สนใจหมอหนุ่มรูปหล่อ
“แต่เราก็ต้องไปแผนกอื่นเสียดายจัง อยากเป็นคนไข้ของหมอบ้าง เผื่อหมอจะมาดูแล “ เปรยออกมานัยน์ตาฉ่ำเยิ้ม ปิณฑิราจึงอดหัวเราะกับกิริยานี้ของเพื่อนไม่ได้
“เป็นเอามากนะเธอ” หญิงสาวแซวเล่นขำๆ
“ไปเถอะอย่าไปสนใจ ปล่อยยัยนี่เพ้อไปคนเดียว ไปหาอะไรกินก่อนกลับ”
“เอ่อ..พวกเธอไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะ...”
“ไปหาแฟน” อลีนารีบต่อก่อนที่เธอจะพูดจบนัยน์ตาล้อเลียน หญิงสาวจึงอมยิ้มนิดๆ “ตามใจ อิจฉาคนมีแฟนจัง”
หลังจากที่แยกจากเพื่อนสาวแล้ว ปิณฑิราขึ้นรถเมล์เพื่อตรงไปหาแฟนหนุ่ม ระหว่างนั่งรถเธอหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะโทรฯ บอกทางนั้น แต่ก็หยุดชะงักนิดคิดว่าไปถึงก่อนแล้วค่อยบอกดีกว่า
ครั้นเมื่อหญิงสาวมายืนอยู่หน้าคอนโดของวาคิน เพราะตนเคยมาที่นี่หลายครั้งเธอจึงมีกุญแจสำรอง หากแต่ยังไม่ทันได้ขึ้นไปก็เห็นเจ้าตัวเดินมาเสียก่อน เธอเปิดยิ้มกว้างก่อนที่มันจะหุบลงทันควันเมื่อเขาไม่ได้ลงมาคนเดียว มีแม่สาวร่างอรชรหน้าตาสะสวยลงมากับเขาด้วยเธอจึงรีบหลบข้างรถคันหนึ่งเพื่อแอบมอง วาคินเดินมาส่งผู้หญิงคนนั้นขึ้นรถแท็กซี่ก่อนจากกันยังจูบกันอย่างดูดดื่มโดยไม่แคร์สายตาใคร บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ปิณฑิราระแคะระคายถึงพฤติกรรมเหล่านี้มานานแต่วันนี้เพิ่งได้มาเห็นมันกับตา เธอทำหน้าไม่ถูกได้แต่ยืนหลบอยู่ตรงนั้น มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพราะเธอเองก็ไม่ได้มีความรักให้กับชายคนนี้มากมาย ตลอดเวลาที่คบกันเพียงเพราะผู้ใหญ่เห็นด้วย แต่กระนั้นภาพเบื้องหน้ามันก็สร้างความผิดหวังให้เธอไม่น้อย เพราะถึงยังไงชายคนนี้ก็มีฐานะเป็นคนรักของเธอแต่กลับทำเรื่องที่ผิดต่อเธอโดยไม่รู้สึกรู้สม
บนถนนที่มีรถราวิ่งกันขวักไขว่ หมออลันพารถคู่ใจแล่นไปตามถนนโดยที่สายตาคมเข้มนั้นมองหาร้านโปรด ก่อนจะกลับบ้านพักหมอหนุ่มตั้งใจจะแวะซื้ออาหารร้านเจ้าประจำกลับไปทานซึ่งก็เป็นเรื่องปรกติของเขา ชีวิตที่มีแต่งานจึงไม่ค่อยมีเวลาว่างเป็นของตัวเองเท่าไหร่ การเป็นหมอนั้นไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวและยังต้องมีภาระหน้าที่รับผิดชอบชีวิตผู้อื่นอีก
ขณะที่หมอหนุ่มสอดส่ายสายตาไปเรื่อยอยู่นั่นเอง เขาจึงได้เห็นเห็นร่างบางเดินหน้าเศร้าอยู่ริมถนน หมอหนุ่มตัดสินใจจอดรถข้างทาง เมื่อมองจนแน่ใจว่าใช่เธอจึงลงไปสอบถามด้วยความเป็นห่วงว่าเหตุใดเธอถึงมาเดินท่อมๆ ตามลำพังเช่นนี้
“เฮ้คุณ...คุณมาทำอะไรที่นี่” หมอหนุ่มเอ่ยถามขณะที่หญิงสาวมองเขาอยู่แวบหนึ่งก่อนเมินไปทาง ดูท่าแล้วเธอคงไม่อยู่ในอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก
“เดินเล่นค่ะ” เธอตอบสั้นห้วน
“อากาศหนาวแบบนี้นี่นะ” หมออลันเอียงมองอย่างสงสัย
“ทำไมคะ อากาศหนาวแล้วเดินไม่ได้เหรอค่ะ” ย้อนถามแบบคนหงุดหงิด ยามนี้เธอไม่อยากคุยกับใครโดยเฉพาะผู้ชาย เหตุการณ์สะเทือนใจที่เพิ่งประสบมามันทำให้เธอไม่อยากเสวนากับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น แต่ไหนแต่ไรมาเธอเกลียดผู้ชายมากรักหลายใจ แม้แต่พ่อบังเกิดเกล้าของเธอเองก็ยังเป็นแบบนั้น เธอถึงอยู่กับแม่สองคนมาแต่เด็ก ต่อมาเมื่อแม่เธอเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวกสานติ์จึงเพิ่งรับเธอมาอยู่ด้วยเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง เธอกับพ่อจึงไม่ได้สนิทแนบแน่นเท่าใดนัก
“อารมณ์เสียเชียว โกรธใครมาล่ะเนี่ยหืม” หมอหนุ่มว่าพลางมองคนพาลเบื้องหน้าอย่างนึกขัน
“ฉันไม่ได้โกรธใคร แต่ฉันเกลียดผู้ชาย ผู้ชายทุกคนมันก็เลวเหมือนกันหมด หาดีไม่ได้สักคน”
“อ้าวๆ คุณอย่าเหมารวมสิครับ คุณเจอคนไม่ดีมา ไม่ได้แปลคนอื่นก็ต้องไม่ดีตามไปด้วยนะ” แย้งขึ้นเมื่อตนโดนหางเลขไปด้วย
“ก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ ไม่มีอะไรต่างกันหรอก เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้ ผู้ชายอย่างพวกคุณเนี่ยมันน่าจับตอนให้หมดเลย” พูดไปพลางน้ำตามันก็ไหล ใช้หลังมือปาดน้ำตาออกแบบลวกๆ เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเธอมายืนร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นทำไมเนี่ย เธอจึงเดินหนีมาโดยหมออลันร้องเรียกตามหลัง
“เดี๋ยว! คุณจะไปไหน”
“อย่ามายุ่งกับฉัน” เธอเดินหน้ามุ่ยเตรียมจะข้ามถนนโดยไม่ได้มองว่ารถกำลังแล่น เมื่อหมออลันเห็นเช่นจึงรีบร้องบอก
“คุณ! ระวัง”
“กรี๊ด!!” หญิงสาวกรีดเสียงร้องด้วยความตกใจพร้อมเสียงรถเบรกเอี๊ยดดังลั่นถนน
ความคิดเห็น