คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Fake Chapter V: การประชุม
อีกครั้ง...ที่ซาคุยะนอนไม่หลับ...
แต่คราวนี้เลวร้ายกว่าครั้งแรกนักเพราะเธอ ‘จำเป็น’ ต้องแบกสังขารที่อยู่ในสภาวะสะลึมสะลือพร้อมจะล้มไปกองกับพื้นได้ทุกเมื่อมาที่ออฟฟิศเพื่อประชุม
...ครั้งนี้เธอภาวนายิ่งนักให้สึนะโยชิแอบไปหาสาว...แต่ว่าคงไม่ได้หรอกเพราะถึงสึนะโยชิไม่อยู่รีบอร์นก็ต้องเปิดประชุมให้ได้แหละ...งานสำคัญนี่นาทนเสียหน้านิดหน่อยก็พอ
...ตอนนี้เธอขอแค่ให้ถึงห้องประชุมอย่างรวดเร็วที่สุดเพื่อที่จะแอบหลับสักงีบสองงีบ
ทำไมเธอถึงได้อยู่ในสภาพแบบนี้น่ะหรือ...
เวลาดึกของเมื่อวาน...
เสียงเคาะแป้นพิมพ์ยังคงดังอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับเจ้าของที่จ้องหน้าจอแอลซีดีของ
คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอย่างขะมักเขม้น
งานของเธอเดินหน้าไปมาก พวกเอกสารอะไรก็แค่หาแฟ้มเก่ามาปรับ พรุ่งนี้ก็แค่ให้อีกฝ่ายรอรับรูปเล่มจากเลขาเพราะเธอได้เมล์ไฟล์ให้จัดการไปแล้ว...ตอนนี้ก็แค่ร่างแผนงานคร่าวๆเกี่ยวกับงานเลี้ยงประกาศการเป็นพันธมิตรระหว่างมิลฟีกับซาวาดะ (หรือจริงๆแล้วก็คือเครือ
เสียงริงโทนของมือถือที่เงียบไปนาน(หลังจากที่เธอได้บล็อกเบอร์ของเบียคุรัน)ดังขึ้นอีกครั้ง...หญิงสาวที่กำลังจึงกับคว้าโทรศัพท์มารับโดยที่ไม่ได้มองหน้าจอ
“ฮัลโหล...”
“คุณทำให้ผมหัวเสียได้มากที่สุดนับตั้งแต่เกิดมาเลยรู้ไหม...ที่รัก”
บัดซบ...ใช่ บัดซบ... หญิงสาวได้แต่สบถในใจอย่างหยาบคายพร้อมกับกัดริมฝีปากระงับอารมณ์เดือด... เบียคุรันเปิดฉากการก่อกวนทางโทรศัพท์อีกครั้งหลังจากเงียบไปนานเพราะถูกบล็อกเบอร์ไม่ให้โทรเข้า...
...แล้วนี่มันอะไรกัน...
“แล้วใครให้คุณมายุ่งกับฉันหนักหนาล่ะหะ...ถ้าคุณเลิกตอแยฉัน ชีวิตคุณก็รื่นเริงเหมือนเดิมนั่นแหละ...”
“ก็เผอิญผมอยากยุ่งกับคุณอ่ะนะ...ยิ่งคุณวิ่งหนี...”ปลายสายเว้นช่วง “ผมก็ยิ่งอยากวิ่งไล่...คุณคิดว่าแค่บล็อกเบอร์แล้วจะหนีผมได้หรือ...ดาร์ลิ้งค์”
“เพราะฉันคิดว่าหนีคุณได้ไง...” ซาคุยะกัดฟันกรอดๆ “นี่...ฟังนะคุณ คนแต่ละคนย่อมมีหน้าที่และภาระรับผิดชอบต่างกันไป คุณอาจจะรวยจัดจนว่างงานแต่ฉันไม่ได้เป็นอย่างคุณซักหน่อย ฉันไม่ว่างพอจะมานั่งรอรับโทรศัพท์ทำสงครามประสาทกินกับคุณหรอกนะ ฉัน-มี-งาน-ต้อง-ทำ-อย่าง-เร่ง-ด่วน”
“ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้นเลยนี่นา...ถึงกับปลีกเวลาคุยกับผมไม่ได้เลยงั้นเหรอ...ที่รัก...ถ้างานมันลำบากนักก็ลาออกมาเป็นภรรยาของเบียคุรันคนนี้ไม่ดีกว่าเหรอ...”
“ขอปฏิเสธ...” หญิงสาวตอบอย่างไม่เสียเวลาคิด “คุณอาจจะคิดว่างานอาจจะผ่อนผันไปก่อนได้...นั่นคือความคิดของพวกไร้ความรับผิดชอบ ดิฉันเป็นเพียงมนุษย์เงินเดือนที่จะต้องทำงานที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบให้ดีที่สุดและตรงต่อเวลาที่สุดเพื่อแลกกับเงินเดือนทุกบาททุกสตางค์”
ริมฝีปากงามเหยียดยิ้มออกราวกับเย้ยหยันปลายสายทั้งๆที่ยังไงอีกฝ่ายก็ไม่มีทางเห็น
ตระกูลมิจจิ...1 ใน 4 จตุรเทพแห่งวองโกเล่
ส่วนเรื่องความรับผิดชอบและความตรงต่อเวลา...อันนี้ก็ไม่ได้โกหกเหมือนกัน...
ลงถ้าเธอเบี้ยวงานขึ้นมา...จะได้เจอรีบอร์นเอาปืนไล่ยิงเอาน่ะสิ...
“โหวว...ซาวาดะเคี่ยวขนาดนั้นเชียว...” ปลายสายโห่น้ำเสียงทะเล้น “นี้ขนาดซาคุยะ มิจจิ ทายาทหนึ่งในสี่ของจตุรเทพแห่งวองโกเล่ยังต้องทำงานปานนี้...น่าดีใจแทนพนักงานทั้งหลายนะเนี่ย แล้วก็น่าสงสารคุณสุดๆไปเลย”
ซาคุยะรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ติดขัด มือไม้สั่นและอุณหภูมิร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว
...เขารู้...แต่รู้ได้ยังไง..
เธอชักจะเริ่มหลอนมากขึ้นทุกที...
“คุณไม่จำเป็นต้องมาห่วงใยฉันหรอกนะ...เอาละ พอที...ฉันขี้เกียจเล่นสงครามประสาทกับคุณแล้ว...”
“จะตกลงแล้วเหรอ...ที่รัก”
“ไม่มีทาง...เรื่องนั้นน่ะ...แต่ฉันมีงานต้องทำและฉันต้องการจะพักผ่อนให้เร็วที่สุด ไม่มีเวลามาคุยเล่นหรอกนะ”
หญิงสาวเอ่ยเสียงเซ็งหางตาเหลือบมองหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลที่ตั้งบนโต๊ะทำงานที่บัดนี้
“อ้อ...ประชุมระหว่างมิลฟีโอเล่และซาวาดะกรุ๊ปสินะ...”
อีกครั้งที่ชายหนุ่มปลายสายรู้...เธออดจะแปลกใจอีกไม่ได้...
รู้ดีซะจริงนะพ่อคุณ... เธอคิดอย่างขวางๆ
“พรุ่งนี้...คุณจะต้องแปลกใจสุดๆไปเลยหล่ะ ที่รัก...แต่งตัวสวยๆแล้วพบกันที่ตึกซาวาดะนะ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณอีกเยอะแยะเลยแหละ...”
ถ้าไม่คิดว่าหูฝาดไป เธอรู้สึกได้ว่าในประโยคท้ายนั้น...น้ำเสียงของชายหนุ่มดูเจ้าเล่ห์และน่าหวาดหวั่นเป็นที่สุด...
“อย่าโหมงานนักหล่ะ...ที่รัก พักผ่อนให้เพียงพอด้วย...ผมเป็นห่วง ถ้าจนเที่ยงคืนแล้วไฟห้องนอนของคุณยังไม่ดับ พรุ่งนี้ คุณโดนทำโทษแน่
”
“คุณนี่มัน...” ยังไม่ทันให้พูดอะไร อีกฝ่ายก็ชิงตัดสายไปเสียก่อน...
ซาคุยะกำโทรศัพท์แน่นซบหน้าลงกับท่อนแขนบนโต๊ะ...
เขาชนะแล้ว...ในตอนนี้เธอหลอนและคิดไม่ตก จนความง่วงงุนที่เคยมีอันตรธานหายไปหมดและอารมณ์ในการทำงานก็หมดไปด้วย
สรุปก็คือเธอไม่ได้นอนเลยจนเกือบเช้า...แถมช่วงเวลานั้นก็ช่างไร้ค่าเมื่ออารมณ์ทำงานนั้นหมดไปหลังคุยโทรศัพท์กับคนที่เธอไม่พึงประสงค์
บัดซบจริงๆเลย...ถ้าเฮียรีบอร์นรู้มีหวังควงปืนไล่ยิงเธอก่อนเข้าประชุมเป็นแน่...
“ไอ้เจ้าซาคุยะ!!!!!!นี่แกแต่งตัวอะไรของแกหะ...”
หญิงสาวกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างเบื่อหน่าย เพิ่งจะนึกถึงไปไม่ทันไรก็มาเสียแล้ว...ตายยากซะจริงนะ
เฮียรีบอร์น
“ก็สูทไง...เหมือนกับที่เฮียใส่อยู่นั่นแหละ
”
“ทำไมถึงใส่ชุดนี้มาฮะ...ประชุมนะเว้ย ประชุม...ประชุมใหญ่ซาวาดะ มิลฟีโอเล่ แกเป็นผู้หญิงแต่งตัวแบบนี้มันใช้ได้เรอะ”
“น่ารำคาญน่า...เฮีย” หญิงสาวเอ่ยเสียงหน่ายโบกมือเรียวที่ยังอยู่ในถุงมือหนังสีดำไปมาคล้ายไม่ใส่ใจ “เฮียห้ามแค่กางเกงยีนส์เองไม่ใช่เหรอ...เข้าใจฉันหน่อยเหอะ”
“ไม่เข้าใจและไม่อยากเข้าใจด้วยเว้ย...อย่าทำตัวให้เหมือนไอ้รัลมากจะได้ไหม แค่ใส่ชุดกระโปรง แต่งตัวสวยๆซักวันมันจะตายรึไง หยุด...อย่าอ้างว่าแกต้องขับมอเตอร์ไซค์ ไอ้รถสปอร์ตราคาเหยียบล้านของแกน่ะซื้อมาประดับโรงรถให้สนิมกินเล่นรึไง”
“ชิ...” หญิงสาวได้แต่สบถและเชิดหน้าขึ้นอย่างขัดใจเมื่อรีบอร์นไม่เปิดโอกาสให้เธอได้โต้แย้งแม้แต่นิดเดียว... จะอะไรนักหนาอ่ะก็ห้ามไม่ให้ใส่กางเกงยีนส์นี่...ก็เลยใส่ชุดสูทกางเกง
ไม่ใช่ยีนส์ซักหน่อย...
“เฮียจะให้ฉันสวยไปอวดใครล่ะ...โหย ระดับนี้แล้วไม่มีใครสนหรอก เชื่อเหอะ”
“เถียงกับแกแล้วปวดหัวว่ะ...ซายะ ตามใจแกเหอะ...แล้วเรื่องแผนงาน...”
ซาคุยะที่ยิ้มร่ากับการยกธงขาวเรื่องการแต่งกายของเธอกลับต้องเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มชืดๆเมื่ออีกฝ่ายถามหางานที่สั่งไว้
“ได้แค่นิดเดียวเองอ่ะเฮีย...เมื่อคืนก็เกือบโต้รุ่งยังง่วงนอนอยู่เลยเนี่ย แต่ไอเดียมันตันอ่ะทำงานไม่ได้เลย...เจอโทรศัพท์โรคจิตโทรกวนตอนสี่ทุ่ม...ความคิดกระจัดกระจายหมด”
“ให้มันได้ยังงี้สิ...ดีนะที่ทางมิลฟีโอเล่โทรมาเลื่อนงาน”
“ห๊ะ...”
“เออ...กล้วยไม้ขาวโทรมา โทรมาปุบปับตอนสี่ทุ่มกว่าว่าขอเลื่อนงานเอามาปรึกษากันวันนี้ ทางเขาอยากมีส่วนร่วมเพราะปีนี้อยากให้เป็นงานใหญ่”
บัดซบ...แล้วไอ้ที่เธอพยายามเรียกความคิดตัวเองอยู่ครึ่งค่อนคืนมันก็เปล่าประโยชน์งั้นสิ
ซาคุยะหมุนตัวออกจากบริเวณหน้าห้องประชุม จนเรือนผมสีน้ำเงินเข้มสะบัดพลิ้วหากแต่ก้าวออกไปไม่กี่ก้าวก็ถูกดึงคอเสื้อไว้ก่อน
“แกจะโดดไปไหนฮะ...ซาคุยะ”
“ฉันไม่เบี้ยวงานหรอกน่ะ...” หญิงสาวหันขวับ แยกเขี้ยวใส่ที่ปรึกษาบริษัทที่เปรียบได้กับพี่ชายอีกคน เพราะรีบอร์นนั้นถือเป็นเพื่อนเก่าที่ค่อนข้างสนิทสนมกับรัล มิจจิเป็นอันมาก...แน่นอนรวมทั้งโคโรเนโร่ด้วย
“แต่แกกำลังจะเบี้ยว...ไอ้ซายะ...”
“หมายความว่ายังไง...”
“แกต้องอยู่รับแขกเป็นเพื่อนฉัน...”
“เฮีย...” หญิงสาวลากเสียงยาวโอดครวญ “ฉันง่วง...ตาฉันมันจะปิดอยู่แล้วแถมร่างกายของฉันมันพร้อมจะล้มลงไปกองกับพื้นได้ตลอดเวลาเลยเนี่ย”
“แค่นี้ทนไม่ได้ก็ไปตายซะ...”
แกร๊ก! เสียงสับนกเปลี่ยนกระสุนปืนลูกโม่ของรีบอร์นช่างเป็นตัวขู่ที่ทำงานได้ดีเสมอ สำหรับคนทั้งบริษัท...หรือแม้แต่ตัวเธอเอง
...และในที่สุดเธอก็ต้องมายืนอยู่หน้าประตูห้องประชุมข้างรีบอร์น แต่ทว่าผมสีน้ำเงินเข้มถึงรวบขึ้นเกล้าโดยใช้กิ๊บสีขาวอันใหญ่ติดไว้หลวมๆ ปล่อยปอยผมด้านหน้าหล่นเคลียข้างแก้ม
ที่ต้องติดนี่ก็เพราะคำสั่งรีบอร์นที่ว่า...ปล่อยผมยาวแล้วมันดูไม่เรียบร้อย...
Jyounetsu ni fureta
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นระหว่างช่วงการต้อนรับผู้บริหารที่เริ่มทยอยมาถึงทำให้หญิงสาวต้องผละจากการพูดคุยทักทายอย่างออกรสกับสาวๆที่คุ้นเคยกันอย่าง เคียวโกะที่มาประชุมแทนพี่ชาย
สึนะโยชิราวฟ้ากับเหว มาล้วงโทรศัพท์ที่ยังส่งเสียงเพลง Burning Prayer อยู่ไม่เลิกราจากกระเป๋าเสื้อสูท
หญิงสาวดูหน้าจอก่อนจะพบกับชื่อ
...Lal Sister...
หญิงสาวโชว์หน้าจอมือถือให้รีบอร์นที่ยืนอยู่ไม่ห่างกันนักดูเพื่อเป็นเชิงของอนุญาติก่อนจะเดินหลบฉากออกไปไม่ไกลนักแล้วนิ้วเรียวก็กดรับสาย
“ฮัลโหล...”
“นี่มันหมายความว่ายังไงกันหะ...”
“ถามแบบนี้จะรู้ไหมเนี่ยเจ้...เล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น...”
“ทำไมโคโรเนโร่ถึงโผล่มาที่บ้านได้...”
“เห...” ซาคุยะอุทานอย่างงงๆในขณะที่ปลายสายยังคงสบถงึมงำไม่ขาดปาก
“อะไรจะไวปานนั้น...เพิ่งโทรมาถามหาพี่เมื่อวาน มาเช้านี้โผล่ไปอยู่หน้าบ้านเลยเรอะ”
“ก็ใช่น่ะสิยะ...นี่เธอบอกหมอนั่นว่าฉันอยู่ญี่ปุ่นเหรอ...”
“อืม...ก็เขาถามหา เห็นสนิทกัน ฉันก็คิดว่าแค่เป็นห่วงที่พี่มาไม่บอกกล่าวเขาก่อน
“นั่นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรอกเหรอ...”
“เรื่องจริงต่างหากล่ะเจ้...” หญิงสาวบอกเสียงหน่ายก่อนจะเสริมขึ้น
“เจ้ก็อย่าเพิ่งไปอาละวาดฟาดงวงฟาดงาล่ะ...”
“สภาพตอนนี้แกจะให้ฉันสงบอารมณ์ได้อีกเรอะ ซาคุยะ ฉันไม่ได้ใจเย็นพอจะอดทนหรอกนะยิ่งตอนก่อนจะมาน่ะ...”
“เกิดอะไรขึ้น...” ซาคุยะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกดต่ำ ...เธอรู้สึกว่ามันแปลกๆตั้งแต่ที่โคโรเนโร่โทรมาหาเธอแล้ว ระหว่างสองคนนี้ต้องเกิดอะไรซักอย่างขึ้นแน่ๆ...
...เธอต้องการจะรู้ความจริง...
ปลายสายอึกอัก ส่งผลให้หญิงสาวต้องถอนใจ พี่สาวเธอปากหนักเสมอในสิ่งที่ไม่อยากจะพูดและนั่นคือสิ่งที่น่ากลัว...เพราะการที่ไม่พูดออกมามันทำให้ไม่สามารถล่วงรู้และอาจจะกลายเป็นไม่สามารถช่วยอะไรได้... แต่อุปนิสัยของเธอก็ไม่ได้ต่างกับพี่สาวนักหรอก...
“เจ้คิดให้ดีๆ ยังไงพี่เค้าก็เพื่อนเจ้...รักษามิตรภาพไว้จะดีกว่าแล้วก็ยังเรื่องของพ่ออีก...บางที เรื่องนี้อาจจะทำให้พ่อรามือจากเราบ้าง เจ้มีทางเลือกอยู่ในมือแล้วที่เหลือก็แล้วแต่เจ้”
ซาคุยะเอ่ยเสียงเรียบเป็นเชิงให้คำแนะนำ ก่อนจะกดตัดสายปล่อยให้อีกฝ่ายอ้ำอึ้งกับสภาวการณ์ที่ยากจะตัดสินใจแต่นั่นคือสิ่งที่พี่สาวของเธอควรจะเผชิญหน้ากับมันด้วยตัวเอง
...รัล มิจจิควรจะหยุดหลับหูหลับตาและหันกลับไปมองใครบางคนที่หลงรักและคอยไล่ตามเธอมานานแสนนานเช่นเดียวกันกับที่เธอมักจะคอยเฝ้ามองเขาอย่างไม่รู้ตัว...
ซาคุยะยัดโทรศัพท์มือถือสีดำลงกระเป๋าเสื้อสูทดังเดิมก่อนจะหันหลังกลับมายังห้องประชุม หญิงสาวลดความเร็วฝีเท้าลงในขณะที่ห่างจากประตูห้องประชุมไม่กี่เมตร คิ้วเรียวพลางขมวดด้วยความสงสัยเมื่อเธอพบพี่ชายคนสนิทอย่างรีบอร์นกำลังคุยอย่างออกรสกับใครบางคน
แต่ที่เท่าที่เธอสังเกตเห็นก็คือร่างสูงโปร่งที่เต็มไปด้วยสีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ปลายผมสีขาวที่ชี้โด่เด่ราวกับไม่ได้ถูกใส่ใจกับสูทสีขาวสะอาดตัดกับเสื้อเชิ้ตสีดำที่ใส่ไว้ข้างใน...สิ่งที่เห็นทำให้ใจของเธอกระหวัดนึกถึงใครอีกคน... หญิงสาวกัดปากฉับเพื่อสะกดความรู้สึกไม่ให้นึกถึงเพลย์บอยตัวฉกาจที่เพิ่งจะก่อสงครามประสาทกับเธอเมื่อคืนวานจนไม่ได้หลับได้นอน
“เฮ้! มัวยืนทื่อทำไมอยู่ล่ะ ไอ้ซายะ...มาช่วยกันรับแขกหน่อยสิโว้ย”
เสียงตะโกนด่าดังลั่นของรีบอร์นฉุดหญิงสาวออกจากความคิด นัยน์ตาสีน้ำเงินเบิกกว้างอย่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นคู่สนทนาจากการเบี่ยงตัวของรีบอร์น
ทำไมกัน!
หญิงสาวอยากจะตะโกนให้ก้องเพื่อระบายความตึงเครียดภายในหากแต่ไม่สามารถจะทำได้อย่างใจคิด ดังนั้น ดวงหน้าสวยจึงได้ตีหน้าเคร่งขรึมเรียบเฉยเพื่อปิดบังความรู้สึกทั้งมวลถึงแม้จะมีความรู้สึกมากมายหลายหลากอัดแน่นอยู่ภายในใจจนแทบจะระเบิดออกมา
“นี่ เบียคุรัน...กล้วยไม้ขาวแห่งมิลฟีโอเล่ที่เป็นตัวแทนมาประชุมในวันนี้...แล้วก็นี่ ซาคุยะ มิจจิ หนึ่งในผู้บริหารของซาวาดะกรุ๊ป”
เสียงเรียบๆของรีบอร์น ผู้บริหารชั้นนำที่เป็นที่นับถือของนักธุรกิจทั้งโลกหรือแม้แต่เขาเอง อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีไม่น้อยกับครอบครัวของเขามานานแสนนานเอ่ยแนะนำเขาแก่
ชายหนุ่มยื่นมือออกไปเพื่อเช็กแฮนด์แสดงความรู้จักโดยดวงตาสีอเมทริสต์ก็ไล่มอง
บอกให้ใส่ชุดสวยๆมาก็เล่นแง่ใส่สูทแบบผู้ชายมาซะงั้นล่ะ... เบียคุรันยิ้มออกมาบางเบา เมื่อเห็นหญิงสาวที่แสร้งตีหน้าเรียบถลึงตาใส่เขาหากแต่ยังมีมารยาทพอที่จะเอื้อมมือมาเช็กแฮนด์กับเขาก่อนจะชักมีกลับอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับนัยน์ตาสีน้ำเงินที่ลดประกายวาวโรจน์ลงอย่างรวดเร็วและเรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เราเข้าไปในห้องประชุมได้รึยัง...เฮียรีบอร์น”
“ไอ้ห่วยยังไม่มา...”
เบียคุรันยิ้มขบขันเมื่อได้ยินสรรพนามที่ผู้บริหารอาวุโสอย่างรีบอร์นใช้เรียกลูกศิษย์ตัวเองหรืออีกนัยหนึ่งก็คือประธานซาวาดะกรุ๊ปคนปัจจุบัน
“นินทาอะไรผมกันล่ะครับ...”
เสียงของผู้ถูกนินทาดังขึ้นก่อนจะปรากฏตัวในชุดสูทสีน้ำตาลอ่อนเข้ากับกับสีผมน้ำตาลประกายทองที่ไม่เป็นรูปเป็นทรง
“ไอ้ห่วยสึนะ...สายตลอดศก แกเป็นประธานบริษัทก็ช่วยมีความรับผิดชอบหน่อยสิเว้ย
รีบอร์นไม่รอให้ประธานไม่เอาไหนได้เอ่ยอะไรเริ่มสวดเทศน์ในทันที ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นเมื่อนัยน์ตาของตนสะดุดเข้ากับรอยฝ่ามือแดงเถือกบนใบหน้าซีกขวาของ ‘ซาวาดะ สึนะโยชิ’
“แมวข่วนน่ะ...อย่าสนเลย...” สึนะโยชิบอกปัดยิ้มๆก่อนจะหันมาคุยกับหญิงสาวคนเดียวในวงสนทนา “ไงซาคุยะ...คืนวันศุกร์ดีไหม...”
“ดีกับผีน่ะสิ...” หญิงสาวเอ่ยเสียงเข้ม “นายปล่อยให้ฉันกับพวกพนักงานอีกสิบกว่าคนนั่งรออยู่ที่บริษัทส่วนนายไปเที่ยวสาว...มันน่าจะฆ่าให้ตายจริงๆ นายทำให้ฉันผิดนัดกับแก็งค์...”
เบียคุรันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางจ้องมองหญิงสาวที่หันไปต่อว่าต่อขานประธานหนุ่มแห่งซาวาดะกรุ๊ปโดยไม่ได้ให้ความสนใจแก่เขา(ความจริงเธอก็หลีกเลี่ยงที่จะสนใจเขาตั้งแต่เข้ามาในวงสนทนา) ที่มาที่ไปในวันนั้นคงจะเป็นการที่เจ้าหล่อนกับเพื่อนสาวๆในแก็งค์ไปดื่มกันที่ผับ
...และนั่นทำให้เขาพบกับเธอ...
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเล็กน้อยในเวลาเดียวกันที่นัยน์ตาสีไพลินบังเอิญหันมาเห็นเข้าพลันแปรเป็นสีเข้มคล้ายจะถามว่า มองหาอะไร ก่อนจะสะบัดไปทะเลาะกับประธานหนุ่มแห่งซาวาดะ
...เขา...รู้สึกเหมือนไม่สบอารมณ์เท่าไร...
“จะทะเลาะกันอีกนานไหมพวกแกน่ะ...เข้าห้องประชุมได้แล้ว!”
เสียงตวาดจากรีบอร์นกลายเป็นสัญญาณสงบศึกของทั้งคู่ก่อนทั้งหมดจะพากันเข้าไปในห้องประชุมที่มีผู้บริหารคนอื่นๆรออยู่
“ต่อไปคุณซาคุยะ จะมาสรุปรายงานทั้งหมดให้เราฟังนะครับ...”
เสียงนุ่มทุ้มของสึนะโยชิดังขึ้นเป็นสัญญาณ หญิงสาวง่วนอยู่กับคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปของตนเล็กน้อยก่อนจะก้าวออกไปยืนหน้าจอฉายสไลด์อย่างมาดมั่น
...แน่นอนว่าทั้งหมดอยู่ในสายตาคู่คมสีอเมทริสต์ของเบียคุรัน
“ผลสรุปจากไตรมาสที่ผ่านมานะคะ เราจะเห็นได้จากกราฟที่ปรากฏบนหน้าจอนี้ว่า...”
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกวาดตามองเพื่อสะกดความสนใจจากผู้ฟังโดยรอบ น้ำเสียงไพเราะที่ไล่ระดับต่ำสูงตามจังหวะเนื้อความในการนำเสนอฟังเสนาะหูราวกับเสียงดนตรี มือเรียวกวัดแกว่งไปมาประกอบคำพูด ปอยผมสีน้ำเงินพลิ้วไปตามการเคลื่อนไหวดูน่ามองไปเสียทั้งหมด...เธอไม่ได้เคอะเขินหรือออกอาการประหม่านับว่ามาดมั่นเอาการ
...เขามองคนไม่ผิดเลยจริงๆ...
ชายหนุ่มคิดในใจขณะที่นัยน์ตาสีอเมทริสต์ยังคงจ้องมองไปทางร่างระหงที่ยืนหน้าจอโปรเจ็คเตอร์โดยหลีกเลี่ยงที่จะกวาดสายตามาทางที่เขาอยู่
...เมินเข้าไปเถอะ ยังไงวันนี้เธอก็หนีเขาไปไหนไม่พ้นหรอก...
ในที่สุดการประชุมก็จบลงเมื่อได้ข้อสรุปที่แน่นอนว่า งานฉลองพันธมิตรอย่างซาวาดะ(วองโกเล่) กับมิลฟีโอเล่จะเริ่มขึ้นในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้าภายใต้ชื่อ ‘Celebration Cielo Alliance: Sawada&Millfiore’ โดยขั้นตอนงานที่เหลือจะมีคณะตัวแทนผู้บริหารจากทั้งสองคอยควบคุมอย่างใกล้ชิดและปรึกษาหารือกันตลอดเวลาเพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์และเป็นที่พึงพอใจแก่ทุกฝ่ายมากที่สุด
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มของหญิงสาว แลดูเป็นประกายแช่มชื่นมากขึ้นแตกต่างจากในช่วงเช้าที่ดูอิดโรยเป็นอย่างมาก มือเรียวเอื้อมไปปลดกิ๊บตัวโตที่ตรึงเรือนผมของตนเอาไว้ตลอดเช้าที่ผ่านมา เส้นไหมสีน้ำเงินเข้มเกือบดำทิ้งตัวยาวสยายติดจะยุ่งเหยิงอย่างไร้ระเบียบ
ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นและผู้เกี่ยวข้องเกือบสิบชีวิตเริ่มทยอยออกจากห้องประชุมใหญ่เช่นเดียวกับหญิงสาวที่รีบเก็บแฟ้มเอกสารและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของตนลงกระเป๋าก่อนจะรวบทั้งหมดมาถือไว้ในอ้อมแขน หากเมื่อจะเดินออกไปกลับมีเสียงหนึ่งเรียกทักขึ้น
“ไอ้ซายะ...แกจะรีบไปไหนของแกน่ะหะ”
“อ้าวเฮ้ย พอดีเลยเฮีย เอ้า! เอาไอ้นี่คืนไป”
ซาคุยะโยนกิ๊บเหน็บผมสีขาว(ที่ไม่อาจทราบได้ว่าอีกฝ่ายเอามาจากไหน จะว่าพกไว้เองก็ดูขัดๆพิกลกระไรอยู่) ให้ชายหนุ่มรุ่นพี่ที่มีเอกลักษณ์คือหมวกปีกกว้างกับจอนงอนโค้ง อีกฝ่ายก็ไวพอกันที่สามารถรับของที่ส่งมา(ด้วยการโยนใส่แบบไม่ให้ได้ตั้งตัว) ได้
“แล้วแกจะไปไหนฮะ! ทำยังกะจะมีใครมาไล่ฆ่า”
“ไม่มีใครมาตามฆ่าฉันหรอกเฮียแต่กลัวแค่ว่าถ้าฉันไปช้ากว่านี้ เฮียโค่คงโดนเจ๊ฆาตกรรมเพราะมาเซอร์ไพรส์ไม่ให้ตั้งตัวแล้วฝาบ้านฉันคงเต็มไปด้วยรอยกระสุนอีกอย่างทำงานอยู่ในออฟฟิศมันอุดอู้จะตาย ไปน้า...”
พลันร่างบางก็ถลาออกไปจากห้องประชุมราวกับลมพัด โดยมีเสียงโหวกเหวกโวยวายของรีบอร์น ที่ปรึกษาหนุ่มแห่งซาวาดะกรุ๊ปเป็นแบ็กกราวนด์
นัยน์ตาสีม่วงอเมทริสต์ของผู้เฝ้ามองอยู่ในมุมมืดทอประกายยิ้มแย้ม ก่อนจะเดินตามหลังแม่กวางพยศที่ไม่ได้สำเหนียกเลยว่าจะโดนพยัคฆ์ขาวตะครุบในอีกไม่ช้านี้แล้ว
ซาคุยะเดินลงมาที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินอย่างแช่มชื่น (เมื่อหาเรื่องหนีออกจากออฟฟิศซึ่งมีตัวป่วนประสาทมาเดินร่อนอยู่ได้...) โดยไม่ได้นึกหวาดระแวงอะไรเลยแม้แต่น้อย ขาเรียวก้าวฉับๆอย่างคล่องแคล่วไปยังรถมอเตอร์ไซค์ Honda CBR สีดำคู่ใจที่จอดอยู่ไม่ไกล พลันหางตาของหญิงสาวก็สังเกตเห็นรถสปอร์ตสีขาว Citroen GT ที่วิ่งอยู่ข้างหลัง...
หญิงสาวผิวปากหวือ แน่ละ!รถหรูๆราคาหลักสิบล้านแบบนี้ใช่ว่าจะเห็นกันได้ง่ายๆตามท้องถนนเสียเมื่อไรกัน บางทีอาจจะเป็นพวกหุ้นส่วนที่มาประชุมแล้วอยากอวดของแพงก็เป็นได้หญิงสาวคลี่ยิ้มหยันๆก่อนหลบฉากไปด้านข้างเพื่อเป็นการให้ทางกับอีกฝ่ายด้วยเห็นว่าคงต้องการจะออกไปเพียงมีเธอเดินขวางทางอยู่
แต่กลับไม่ใช่!!
คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมเคลื่อนรถไปข้างหน้า นัยน์ตาสีน้ำเงินเพ่งมองเข้าไปในกระจกรถที่ติดฟิล์มกรองแสงทึบจนมองไม่เห็น ก่อนจะขนลุกขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่ารถของ ‘ใครบางคน’ ที่เธอเคยนั่ง แม้ในตอนนั้นเธอจะไม่ได้สังเกตอะไรมากเพราะกำลังเฟลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมันมีลักษณะเหมือนเจ้า Citroen คันนี้อย่างกับฝาแฝด!
หญิงสาวออกเดินหน้าค่อยๆเร่งความเร็วขึ้นจนกลายเป็นวิ่งเพื่อให้ถึง CBR สีดำคู่ใจให้เร็วที่สุด...จริงอยู่ Citroen จะไม่เห็นกันได้ง่ายตามท้องถนนด้วยราคาเฉียดสิบล้านแล้วคนรวยระดับอภิมหาเศรษฐีที่สามารถเก็บมันไว้ในคอลเล็กชั่นในที่ประชุมวันนี้ก็มีมากมาย แต่เธอจะไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั้น
เมื่อถึงรถ หญิงสาวปัดกระเป๋าสะพายไปด้านข้างก่อนจะเสียบกุญแจ เตรียมขึ้นคร่อม หากแต่ชั่วเสี้ยววินาทีที่รถสปอร์ตสีขาววิ่งเขามาใกล้ด้วยความเร็วก่อนจะหยุดตรงที่เธอยืนอยู่ ประตูได้ถูกเปิดออกพร้อมกับที่หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีอะไรมาดึงเอวแล้วฉุดเธอเข้าไปในนั้น!
ปึก!
หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างและเหมือนว่าพื้นที่ของเธอจะถูกจำกัดอยู่ในช่องเล็กๆที่มีวัตถุแข็งแกร่งวางกั้นเธอไว้ทุกด้านก่อนรถจะเคลื่อนที่ต่อด้วยความเร็วสูง นานทีเดียวกว่าสติที่ปลิดปลิวไปจากการถูกจู่โจมอย่างฉับพลันของซาคุยะจะกลับคืนมานัยน์ตาสีน้ำทะเลลึกกระพริบๆปริบๆสองสามคราเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่และสภาวะรอบกายในตอนนี้เป็นความจริง มือเรียวควานหากระเป๋าสะพายที่บรรจุแล็ปท็อปและเอกสารเป็นตั้งก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งออกเมื่อมันยังคงอยู่ติดตัวเธอโดยไม่มีร่องรอยความเสียหายอะไร
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะครับ ที่รัก...”
หญิงสาวสะดุ้ง รู้สึกเหมือนขนอ่อนหลังต้นคอพากันลุกชันเมื่อได้ยินเสียงนุ่มทุ้มที่คุ้นหู(จากการถูกอีกฝ่ายโทรก่อกวนหลายครา) กระซิบอยู่ใกล้ๆจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนๆเป่ารดใบหู
________________________________________________________________________
TalkZ:
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ (โค้ง - - _ _)
พอดีว่ามันมึนๆอะไรหลายอย่าง
ถูกกระแส Y โจมตี (ติดฟิค Y) ...เลยเกิดอาการทำใจไม่ได้เมื่อต้องกลับมาแต่ง นอร์มอล
ถูกกระแส K Pop ถล่มด้วยแหละ
อีกอย่างก็คือ ตัน...ไปต่อไม่ได้...
จะพยายามอัพให้นะคะ (ถ้าไม่ตัน+ไม่ติดฟิคอื่น)
ขอโทษทุกๆคนที่รออ่านจริงๆนะคะ
ความคิดเห็น