คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : REWRITE_FAKE ep.02
ซาคุยะยืนมึนตึ้บอยู่กลางฟลอร์หลัก
ในขณะผจญกับอุบัติการณ์ที่เพื่อนสาวถูกลากลงฟลอร์
พอเริ่มได้สติก็พบว่าเหลือตัวเองยืนเด่นบนฟลอร์หลักคนเดียว
สายตาเห็นแผ่นหลังเจ้าของคลับโอบไหล่...ดูจากท่าน่าจะเป็นการล็อคคอมากกว่า...หญิงสาวสองคนเดินไปไกลลิบๆ
...หมั่นไส้จนอดจะตะโกนว่าไปไม่ได้
“เรียวเฮย์!!! อย่ากักตัวสองคนไว้นานนะ
เหลือคนกลับมาเก็บซากฉันด้วย!!!”
ถึงจะอยู่ไกลและมีเสียงเพลงดังอยู่
อีกฝ่ายก็หันขวับกลับมาและตะโกนตอบกลับทันควัน
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ
ฉันจะให้ลูกน้องมาเก็บซากเธอเอง จะบริการอย่างสุดขั้วเลย”
ซาคุยะเบ้ปาก
อดนึกค่อนขอดในใจไม่ได้ว่าพี่ชายของเคียวโกะช่างหูดีเหลือเกินแถมยังหวงแฟน
หวงน้องขั้นโคม่า บริการอย่างสุดขั้ว...ดูหน้าแล้วเรียวเฮย์คงจะหมายหัวว่าเธอต้นเหตุพา
สาวๆออกมาโชว์ลีลากลางฟลอร์หลักหลังจากที่ไม่ได้ทำมานาน...ก็นับตั้งแต่ที่ฮานะคบกับเรียวเฮย์หลังเรียนจบนั่นแหละ
...แฟนตัวเองนั่นแหละตัวดี...
ซาคุยะนึกย้อนไปก่อนหน้านั้น
เธอดวดวอดก้าแกล้มมะนาวฝานจนหมดไปครึ่งขวด เริ่มรู้สึกมึนได้ที่ ฮานะคงกลัวว่า
เธอจะดวดเอาๆจนพับคาโต๊ะให้ลำบากมาแบกมาหาม เลยพากันชวนกลุ่มสาวๆออกมา
‘ไปยืดเส้นยืดสายบนฟลอร์กันหน่อยมะ...’ ฮานะเอ่ยชวนพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
‘The Lady ไม่ได้โชว์ลวดลายมานานละ’
‘นั่นสิ...ฉันก็คิดถึงเวลาที่เราอยู่บนฟลอร์...’ เคียวโกะสำทับ
หันมาทางเธอพร้อมรอยยิ้มหวาน
‘ให้ซาคุยะจังได้คลายเครียดด้วยไง’
‘โอ้
ไม่ต้องถึงกับไปออกสเตปแบบ The Lady หรอกน่า’ ซาคุยะบอกปัด รู้สึกขนลุกซู่ๆ
สังหรณ์ไม่ดีนักกับการพยายามหว่านล้อมของเพื่อนสาว ‘ไปดิ้นกันที่ฟลอร์เล็กก็ได้นี่...’
ว่าพลางพยักพเยิดไปยังที่ยกพื้นสำหรับนัก(อยาก)เต้นที่อยู่ไม่ไกล
‘ฉันยังไม่อยากให้แฟน
ให้พี่ชายคนแถวนี้มาฉีกอกฉันนะ’
‘ไม่ได้นะคะ...’
ฮารุพูดเสียงสูงพร้อมจับแขนเธอหมับ ซาคุยะพยายามจะรั้งไว้
หากแม่สาวแรงเยอะผิดขนาดตัวนี่กลับออกแรงดึงให้เธอลุกจากโต๊ะแลวลากไปตามทางไปฟลอร์ใหญ่ ‘จะคลายเครียดกันทั้งที
มันต้องเอาให้สุดๆสิคะ ซาคุยะจัง...ไม่งั้นจะหายเครียดได้ยังไง ไปกันค่ะ!’
...แล้วก็จบอีหรอบนี้
ผิดจากที่เธอคิดซะที่ไหน... ซาคุยะนึกในใจพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย หันหน้ากลับเข้าในฟลอร์
มองหาเสื้อคลุมของตัวเองที่ถอดโยนทิ้งไว้ระหว่างเต้น ...งานกร่อยซะแล้ว
จะอยู่ต่อคนเดียวก็ไม่คงไม่สนุกเท่าไร
ซาคุยะสะดุ้งโหยง เมื่อรู้สึกถึงแรงกดเบาๆบนไหล่ทั้งสองข้างจากทางด้านหลัง
เกือบจะเผลอยกมือปัดอย่างแรงด้วยซ้ำถ้าไม่สัมผัสได้ก่อนว่าเป็นเสื้อหนังของตัวเองที่อีกฝ่ายเอามาห่มให้
“ขอบคุณค่ะ”
เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ แม้จะอดนึกหงุดหงิดกับความวุ่นวายของอีกฝ่ายไม่ได้แต่ด้วยความที่มีมารยาทมากพอเธอจึงหันกลับมามองผู้ประสงค์ดี
(ที่เธอไม่ได้ต้องการ)
แต่เมื่อได้พบกับคนที่ถือดีเข้ามาวุ่นวายกับเธอ
ซาคุยะก็อึ้งไปชั่วอึดใจ
ชายหนุ่มตรงหน้ามีรูปร่างสูงขนาดเธอใส่รองเท้าส้นสูงแล้วต้องเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อที่จะได้เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจน
หน้าตาค่อนข้างหล่อเหลา
เรือนผมสีขาวชี้ไปมาและนัยน์ตาสีอเมทริสต์พราวระยับในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมช่วงบนออกสองเม็ด
ผูกเนกไทสีขาวหลวมๆทับด้วยเสื้อกั๊กสีขาวกับกางเกงแสล็คสีเดียวกัน
“ผมเห็นคุณยืนเหม่ออยู่
แล้วก็นี่...”
นิ้วมือเรียวยาวแต่ดูแข็งแรงตามแบบผู้ชายชี้ที่เสื้อหนังที่ห่มคลุมไหล่เธอ
ก่อนจะลดลง ดวงตาสีอเมทริสต์ฉายแววเก้อเขินขณะเอ่ยต่อ
“มันถูกทิ้งอยู่กลางฟลอร์
ผมกลัวว่าใครจะมาเก็บเอาไปซะก่อน เลยหยิบมาคืนให้คุณ”
ซาคุยะเอียงคอพยายามเพ่งสายตาที่เริ่มพร่ามัวด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ พิจารณาชายหนุ่มตรงหน้า
หญิงสาวชั่งใจที่จะตัดสินว่าการเข้ามาของอีกฝ่ายนั้นมาอย่างบริสุทธิ์ใจหรือมีอะไรแอบแฝง...
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ...” กล่าวพลางสอดแขนของตัวเองเข้าไปในแขนเสื้อ
รู้สึกหงุดหงิดนิดๆกับสายตาที่จับจ้องมาไม่วางตาของอีกฝ่าย
“ขอตัวก่อนค่ะ...”
เอ่ยต่อเสียงเรียบ
เธออยากจะออกไปจากที่นี่เต็มทน
ในเมื่อไม่มีเพื่อนคนไหนอยู่แล้วก็ไม่มีประโยชน์จะอยู่บนฟลอร์ต่อ
ไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะเข้ามาหาเธอด้วยจุดประสงค์อะไรก็ตาม
เธอก็ไม่สนหรอกเพราะเธอไม่คิดที่สานต่ออะไรกับเขาทั้งนั้นแหละ
ซาคุยะหันหลังให้ชายหนุ่มผมขาว เตรียมก้าวหนีลงจากฟลอร์
แต่เพียงแค่ก้าวเดียว
แขนข้างหนึ่งของเธอก็ถูกรั้งเอาไว้ก่อนทั้งร่างจะถูกกระตุกเข้าสู่อ้อมแขนของใครคนหนึ่ง
“ปล่อย...” กระซิบเสียงเย็น หากชายหนุ่มกลับใช้แขนรั้งเอวของหญิงสาวเข้ามาแนบชิดยิ่งขึ้น
ริมฝีปากเขายิ้มพราย นัยน์ตาสีอเมทริสต์ทอประกายพราวราวกับไม่สนใจน้ำเสียงที่เหมือนขู่กลายๆนั้น
“ใจร้ายจังนะครับแค่จะขอค่าเก็บเสื้อ
ด้วยการให้เกียรติเต้นกับผมซักเพลงแค่นั้นเอง...”
“อ๋อ...” หญิงสาวลากเสียงยาว
“ที่เก็บเสื้อให้เนี่ยมีจุดประสงค์แบบนี้นี่เองสินะ...”
“แน่นอนสิครับ...” ชายหนุ่มเอ่ยทอดเสียง “ทำดีใครบ้างไม่หวังผลตอบแทน
ยิ่งกับคนสวยอย่างคุณด้วยแล้ว...”
“เฮอะ
เกลียดพวกผู้ชายก็เพราะแบบนี้...”
ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบประโยค หญิงสาวก็เอ่ยขัดขึ้น
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มทอประกายวาว
“บทว่าอยากได้ขึ้นมาก็ปากหวานชมว่าสวยไปหมดแหละ...”
“คนสวยส่วนมากจะใจร้าย ทำไมถึงเกลียดผู้ชายเหมารวมแบบนี้ล่ะครับ
ผู้ชายดีดีอย่างผมเสียใจนะรู้ไหม...”
“ไม่มีผู้ชายดีดีที่ไหน
ขอผู้หญิงเต้นรำด้วยการลำเลิกบุญคุณที่เก็บเสื้อให้หรอกนะ...”
ซาคุยะเอ่ยย้อนเสียงเรียบ
ขณะวางมือบนต้นคอของอีกฝ่าย
“เอาละ
อย่าโยกโย้อีกเลยพ่อคนเพลย์บอย รีบๆเต้นให้เสร็จไปเถอะ...”
หญิงสาวกล่าวอย่างอ่อนใจรู้ว่าคงดื้อแพ่งเอาชนะผู้ชายที่ดูจะปากว่ามือถึงนี่ไม่ได้แน่ๆ
และแอลกอฮอล์ดีกรีแรงทำให้เธอไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะแสดงอาการพยศได้อย่างที่เคย
คงต้องรีบทำตามคำขอของอีกฝ่ายให้เสร็จๆไป เธอถึงจะหลุดพ้นจากอ้อมแขนนี่ไปได้
เพลงในคลับก็เหมือนจะเป็นใจ จากเพลงจังหวะหนักๆก็พลันเปลี่ยนเป็นเพลงช้าในทันใด
“ใจร้ายจังเลยนะครับ
ผมดูเพลย์บอยตรงไหนเนี่ย...”
ซาคุยะกวาดตามองอีกฝ่ายทั่วใบหน้า
ไม่อาจจะกวาดมองทั่วทั้งตัวให้สาแก่ใจเพราะร่างกายอยู่ในท่วงท่าที่แนบชิดกันเกินไป
อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่ากับความใกล้ชิดที่มีแต่ก็แข็งใจเอ่ยประชดออกมาเบาๆ
“ทุกตรง...”
“ผ่อนคลายครับ ไม่ต้องกลัว ถึงผมจะดูเพลย์บอยอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่ทำอะไรคุณตอนนี้หรอก
คิดว่าผมเป็นเพื่อนคุณก็ได้ มัวแต่เกร็งแบบนี้ก็หมดสนุกกันพอดี”
เบียคุรันเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนคลายความกังวลให้ร่างบางในวงแขน
มือใหญ่ลูบแผ่นหลังบอบบางใต้เสื้อหนังเป็นเชิงปลอบประโลม
ซาคุยะเพิ่งรู้ตัวก็ตอนนี้เองว่าแผ่นหลังตัวเองเกร็งแข็งขนาดไหนในอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้
“คุณชื่ออะไรครับ...”
“ซาคุยะ มิจจิ...”
“ผมเบียคุรัน ยินดีที่ได้รู้จักครับซาคุยะ...เชื้อสายอิตาลีรึเปล่าครับ...”
“ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องรู้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก...มั้งคะ”
“ใจร้ายจัง...เอ คุณยังเกร็งๆอยู่เลย ไม่ชอบเหรอ...”
“ฉันไม่ค่อยชอบความใกล้ชิดกับคนต่างเพศที่ไม่ใช่คนในครอบครัวค่ะ...แล้วก็ไม่เคยปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าใกล้ชิดขนาดนี้...”
หญิงสาวเน้นเสียงคำว่าคนแปลกหน้า
แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่สะทกสะท้านเหมือนกับว่าตัวเองไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเธออย่างไรอย่างนั้น
“...น่าภูมิใจนะเนี่ยที่ผมเป็นผู้ชายคนแรก...”
“อย่าพูดกำกวม...คุณเบียคุรัน
ให้ตายเถอะ ฉันเกลียดคุณชะมัด คุณน่ะแค่มองก็รู้แล้วว่ารวมความเพลย์บอยทั้งหมดที่ฉันเกลียดเอาไว้ในตัว”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ซาคุยะ...คุณไว้ใจผมได้
ถึงผมจะเป็นเพลย์บอยแต่ผมก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง...ผมไม่เคยฝืนใจใคร
ผู้หญิงที่ผมเคยควง เธอเต็มใจมากับผมทุกคน...”
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อได้รับฟังคำพูดตรงไปตรงมาของอีกฝ่าย แสร้งเมินความนัยในคำว่าเต็มใจที่อีกฝ่ายจงใจพูดเน้นเสียง
ขณะเอ่ยตอบกลับ
“ยอมรับแล้วหรือคะ
ว่าเป็นเพลย์บอย....”
“ผมเกรงว่าคงมีแค่ความตรงไปตรงมาเท่านั้น
ที่จะทำให้ผมเปิดใจคุณได้ แม่สาวเซ็กซี่...”
ผู้ชายคนนี้มั่นใจในตัวเองอย่างร้ายกาจและคิดว่าตัวเองสามารถทำให้ผู้หญิงรอบกายยอมศิโรราบต่อตนได้ ซาคุยะสรุปในใจจากการได้พูดคุยกับชายหนุ่ม
“เพลงจบแล้วค่ะ...ฉันควรจะไปซักที...”
ซาคุยะพยายามยื้อตัวออกจากวงแขนของชายหนุ่มหลังจากเพลงสากลทำนองหวานซึ้งจบลงและกำลังขึ้นเพลงต่อไป
“อยู่กับผมต่ออีกหน่อยเถอะนะครับ...” ชายหนุ่มเอ่ยเว้าวอน
ดวงตาสีอเมทริสต์ก้มลงมองใบหน้าของหญิงสาวด้วยแววตาที่ไม่ต่างจากน้ำเสียง
ซาคุยะมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย
ลึกจนเหมือนจะจ้องมองให้ทะลุปรุโปร่งถึงวิญญาณ หญิงสาวถอนใจยาว
ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย
แต่แววตาที่แสดงถึงความสับสนว้าวุ่นใจโดยปราศจากการเสแสร้งของอีกฝ่าย
เธอสัมผัสได้ว่าลึกๆผู้ชายเพลย์บอยหน้าทะเล้นคนนี้มีเรื่องไม่สบายใจที่พูดไม่ออกอยู่ทำให้เธออดรู้สึกเห็นใจไม่ได้
“เห็นแก่ที่คุณเหมือนจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่
ฉันจะยอมทิ้งวอดก้าครึ่งขวดที่โต๊ะก็ได้...”
เบียคุรันคลี่ยิ้มยินดีเมื่ออีกฝ่ายยอมอยู่ต่อ
“เดี๋ยวผมสั่งขวดใหม่ให้คุณก็ได้...ว่าแต่วอดก้าครึ่งขวดเลยเหรอ...” ซาคุยะเบิกตากว้างตกตะลึงกับระยะห่างระหว่างใบหน้าของสองคนที่เหลือแค่ฝ่ามือกั้นอย่างกะทันหัน
จวนเจียนจะกรีดร้องออกมา หากอีกฝ่ายจะไม่ถอยออกไปเสียก่อน
ชายหนุ่มส่งเสียงในลำคอเบาๆ
ฟังคล้ายเสียงครางของแมวจอมขี้เกียจ
“ทำอะไรของคุณน่ะ...” ซาคุยะถามขึ้น เริ่มมีท่าทีหวาดระแวง
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
“ผมแค่พิสูจน์น่ะ ว่าวอดก้าครึ่งขวดน่ะเป็นเรื่องที่คุณพยายามบลัพผมว่าคุณคอแข็งรึเปล่า...”
เบียคุรันเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง...เป็นผู้หญิงที่คอแข็งเป็นบ้าเลยคุณน่ะ
รู้ตัวไหม ผู้ชายตัวโตๆบางคนเจอสิบชอตก็ร่วงแล้ว”
“ขอบคุณสำหรับคำชม...”
ไม่จริงเลยซักนิด
ซาคุยะยิ้มรับคำชมแต่ในใจกรีดร้อง เธอแค่เมาช้าแค่นั้นเอง ไม่ได้คอแข็งเลย
ตอนนี้เธออยากจะรีบไปจากที่นี่ ขึ้นไปชั้นบนแล้วเปิดห้องนอนแล้ว
ร่างกายที่รับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากเข้าไปกำลังเรียกร้องให้เธอชัตดาวน์ตัวเอง
“ก็จริงอย่างที่คุณว่านั่นแหละ
ผมมีเรื่องไม่สบายใจอยู่จริงๆ...”
เบียคุรันเปลี่ยนเรื่อง ใบหน้าที่ทะเล้นเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
ขณะจับตัวหญิงสาวหมุนไปตามจังหวะเพลง
“ไปเผลอทำใครท้องเข้าล่ะคะ...” ซาคุยะยอกย้อนหน้าตาย
“เห็นผมเป็นคนยังไงกันครับนี่
ถึงผมจะเพลย์บอยแต่เรื่องป้องกันน่ะผมรู้ดีหรอกน่า เรื่องที่เป็นปัญหาของผม คือ
เรื่องคู่หมั้นต่างหาก ผมกำลังจะถูกจับหมั้นโดยไม่เต็มใจ”
“แหม...จะหมั้นอยู่แล้วยังจะมาเที่ยวป้อสาวหน้าระรื่นนะคะ...”
“ก็ผมเต็มใจซะที่ไหนล่ะ...ผมต้องหมั้นกับลูกสาวของหุ้นส่วนใหญ่คนหนึ่งในบริษัทเพื่อความมั่นคงแล้วก็กลบข่าว...”
“เรื่องเพลย์บอย...” หญิงสาวเอ่ยดักคอเป็นเชิงรู้ทัน พลางหัวเราะคิกคักด้วยอารมณ์รื่นเริงยิ่งเห็นชายหนุ่มหันมองตาค้าง ยิ่งรู้สึกสนุกสนาน อดไม่ได้ที่จะพูดแหย่ต่อ “ดีแล้วนี่คะ
ผู้ใหญ่เขาอุตส่าห์หาสาวมาประเคนให้ถึงที่ ดีไม่ดีแม่สาวคนนี้
อาจจะกลายเป็นรักแท้ของคุณก็ได้”
เบียคุรันกระแอมในลำคอก่อนจะพูดแย้ง “อย่าพูดให้ผมสยองเล่นเลย รักแท้อะไรกัน
คงจะได้อยู่หรอก ถ้าแม่คนนี้ไม่ได้เป็นคนที่เคยเป็นคู่ควงผมอ่ะนะ
เราคั่วกันอยู่เกือบปี รู้เช่นเห็นชาติกันอยู่
ยังไงก็ไม่เอามาทำแม่ของลูกเด็ดขาด...”
ซาคุยะครางอู้ “ใช้คำได้โหดร้ายจริง
แหมนึกว่าได้หมั้นกับคู่ควงเก่าจะยิ่งเข้ากันได้ดีซะอีก
เป็นเพลย์บอยเลือกมากจังเลยนะคุณน่ะ”
“เลือกซิครับ...คนที่ควงก็ต้องเลือกที่สวย
หุ่นดี เซ็กซี่ รู้ใจกัน...แต่สำหรับคนที่จะยืนเคียงข้างกันตลอดไปล่ะก็...” นัยน์ตาสีอเมทริสต์สบกับนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มลึกล้ำ “ต้องเลือกให้ดีและใช่ที่สุด...ไม่เหมือนใครและเหมาะสมจะเป็นแม่ของลูก...”
เหมือนต่างต้องมนต์สะกด
ราวกับเวลาหยุดเดิน ริมฝีปากของร่างสูงค่อยๆลดลงมาแนบริมฝีปากบางของร่างบางในอ้อมแขน...
ซาคุยะรู้สึกราวกับว่าถูกยึดสติสัมปชัญญะไปหมดทำได้แค่เคลื่อนไหวไปตามการชี้นำของจิตใต้สำนึกอันพร่ามัวด้วยรสจูบกับแอลกอฮอล์และชายหนุ่มร่างสูง
สัญชาติญาณเตือนภัยในหัวของหญิงสาวกรีดร้องดังลั่น
ซาคุยะรู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายดูดกลืนเรี่ยวแรงผ่านจุมพิตที่ทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เธอควรจะทำอะไรซักอย่าง แต่แอลกอฮอล์เจ้ากรรมก็ทำฤทธิ์
สติของเธอถูกโจมตีด้วยความง่วงงุนจากทุกทิศทาง
...เธอไม่น่ามาใจอ่อนเห็นอกเห็นใจพ่อเพลย์บอยนี่เลย...
นี่คือห้วงความคิดสุดท้ายก่อนหญิงสาวจะสิ้นสติไป
Ö
ชายหนุ่มยกสมาร์ทโฟนของตนขึ้นมาเพื่อเก็บฉากจูบแรกอันแสนน่าประทับใจนี้เอาไว้ก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋าเสื้อ
กระชับแขนโอบประคองร่างกายของหญิงสาวหมดสติคอพับคออ่อนไปแล้วไว้แนบตัว ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ
...แผนของเขาเดินไปแล้วหนึ่งก้าว...
“โชคร้ายหน่อยนะครับ...ที่ผมเลือกคุณแล้ว...”
เบียคุรันเอ่ยกับร่างไร้สติในอ้อมแขนราวกับว่าเจ้าหญิงนิทราของเขาจะรับรู้
ในตาสีอเมทริสต์พราวระยับตามความรู้สึกเปล่งประกายท่ามกลางแสงไฟสลัว
ก่อนชายหนุ่มผมขาวจะพาซาคุยะออกไปจากคลับ
เมื่อมาถึงห้องชุดของตัวเอง เบียคุรันวางร่างอันอ่อนปวกเปียกของซาคุยะวางไว้บนเตียงกว้างภายในห้องนอนของเขาหลังจากใช้เวลากว่าสิบนาทีในการเดินทางมาจากคลับ
ร่างสูงนั่งบนเตียงข้างร่างบางที่ทอดกายหลับใหลโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นไม่ได้อยู่ในที่ๆ
เธอควรจะอยู่แต่ถูกพามายังสถานที่ที่เป็นของเขา
ชายหนุ่มมองร่างบางที่หลับตาพริ้มอย่างไร้เดียงสา
...ให้ตายเถอะ เขาไม่ได้อยาก ‘ลักหลับ’ เธอเลยซักนิด...คนสวยๆแต่ดูหยิ่งๆ ถึงแม้ว่าในตอนท้ายเธอจะดูค่อนข้างเป็นมิตรและเห็นอกเห็นใจเขาอย่างมากก็เถอะ
นอกจากนี้แล้ว...
...เธอดูบริสุทธิ์และไร้เดียงสาเป็นบ้า...
“หะๆ”
เบียคุรันหัวเราะเบาๆให้กับความคิดของตัวเอง
เขาเป็นอะไรไปกันนะถึงได้มาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาทั้งๆที่ตัวเองก็เพลย์บอยพรากพรหมจรรย์สาวๆไปหลายรายแล้ว
...คงเป็นที่ตัวเขาเอง ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ล่ะมั้ง...
“มันเป็นคราวซวยของคุณเองที่ดันบังเอิญมาเจอกับผม แล้วคุณก็ใช่แถมสถานการณ์ของคุณ...มันทำให้อะไรๆลงตัวไปหมดสำหรับเราสองคน...”
ชายหนุ่มเอ่ยเพียงลำพังราวกับหญิงสาวจะรับรู้
นิ้วมือเรียวยาวซีดขาวคลอเคลียกับเส้นผมสีน้ำเงินซอยปลายที่ยาวกระจายเต็มหมอนสีขาวก่อนมืออีกข้างจะควักเอาสมาร์ทโฟนสีขาวที่มีกล้องดิจิทัลคุณภาพสูงออกมาและเริ่มถ่ายภาพของหญิงสาวที่หลับใหลในห้องของเขา
ภาพคลอเคลียของทั้งสองโดยใช้มุมกล้องบางส่วน
เบียคุรันค่อยๆปลดเสื้อผ้าของหญิงสาวและของตัวเองไปทีละชิ้นช้าๆและถ่ายภาพไปเรื่อยโดยที่ลมหายใจเริ่มจะติดขัดด้วยอารมณ์ที่ประทุขึ้นช้าๆ
แต่เขาก็ต้องสะกดกลั้นอารมณ์เพื่อไม่เห็นเป็นการลักหลับโดยที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจ
...เขาแค่ต้องการแบล็กเมล์เพื่อบังคับให้เธอรับข้อเสนอในวันข้างหน้าเท่านั้นไม่ได้ต้องการปล้ำคนเมาหลับให้เสียชื่อเพลย์บอยพราวเสน่ห์...
ชายหนุ่มเฝ้าตอกย้ำตัวเองทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากตัวเขาเองว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลย...แต่การเห็นเรือนร่างแบบละเอียดและสัมผัสนิดๆนี่ไม่เกี่ยว...
...ก็แค่กำไรนิดๆหน่อยๆ...
เมื่อถ่ายภาพแนบชิดกันจนเกินพอที่จะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจไปว่าได้...แล้ว
เบียคุรันก็วางมือถือไว้บนหัวเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนเคียงข้างร่างของหญิงสาวที่เพิ่งจะเก็บภาพเซ็กซี่ด้วยกันไปเมื่อครู่พร้อมกับรวบร่างนุ่มนิ่มราวกับหมอนข้างชั้นดีไว้ในอ้อมแขน
ดับไฟและเข้าสู่ห้วงนิทรา....
Ö
แสงแดดยามเช้าสิ่งเข้าตาสร้างความรำคาญจนต้องพลิกตัวหนี
แต่เมื่อพลิกไปวงหน้างามก็ต้องขมวดคิ้วเพราะสัมผัสกับวัตถุบางอย่างที่เธอไม่คุ้นเคยรวมถึงกลิ่นหอมอ่อนๆจากสิ่งๆนั้น
‘เราไม่เคยมีหมอนข้างหรือตุ๊กตาสำหรับนอนกอดนี่’
หญิงสาวคิดในใจพลางขมวดคิ้ว
เมื่อวัตถุข้างกายเริ่มเคลื่อนไหวโดยการโอบรัดรอบกาย หญิงสาวครางอือ
พลางใช้มือปัดไล่เพราะเธอไม่อยากจะเคลื่อนไหวให้มากนักเนื่องจากตอนนี้หัวของเธอปวดร้าวไปหมดราวกับถูกใครทุบแถมยังหนักอึ้งจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้น
...แน่นอนว่าเป็นอาการแฮงก์จากการรับแอลกอฮอล์เกินขนาด...
วอดก้าเพียวๆครึ่งขวดเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสที่สุดและบ้าบิ่นที่สุดที่เธอเคยทำ
หญิงสาวนึกด่าตัวเองไม่ได้ที่เครียดไปกับความคาดหวังของคนเป็นพ่อมากจนเสียประสาท
แถมยังทำตัวงี่เง่าด้วยการกระดกแอลกอฮอล์ดีกรีแรงไม่ยั้งประชดชีวิตที่พ่อไม่เข้าใจอีก...
ซาคุยะคิดในใจเรื่อยเปื่อยทั้งยังไม่ลืมตาก่อนเริ่มรู้สึกแปลกๆเมื่อสัมผัสที่โอบรอบกายหายไปเปลี่ยนเป็นสัมผัสนุ่มๆชื้นๆที่ริมฝีปากก่อนจะไล่ลงมาตามลำคอและบางอย่างที่ป่ายปัดตามหน้าอก
หญิงสาวเบิกตาโพลงเมื่อถูกลุกล้ำ ก่อนจะใช้เท้าดีดคนที่ซบบนอกออกไป
เธอมองชายหนุ่มเรือนผมขาวหน้าตาหล่อเหลาที่เปลือยท่อนบน
นั่งก้นจ้ำเบ้าบนพื้นพลางสูดปากด้วยความเจ็บปวดอย่างอึ้งๆ
ก่อนจะหันมาพิจารณาสภาพตัวเองแล้วก็พบว่า...
“ว๊ายยยยยยยยย!”
หญิงสาวกรีดร้องออกมาเล็กน้อยเมื่อพบกับภาพที่ไม่น่าดูนักของตนเอง
สภาพที่เรียกได้ว่าเปลือยเปล่า ความจริงแล้วเธออยากจะกรีดร้องให้ลั่นเลยด้วยซ้ำแต่เธอมีสติมากพอที่จะไม่ทำแบบนั้นและรีบคว้าผ้าห่มสีขาวมาปิดกายตนโดยไวก่อนที่ร่างกายจะถูกแทะโลมทางสายตามากกว่านี้ ก่อนจะหันมาทางชายหนุ่มคู่กรณีด้วยดวงตาที่วาวโร่ไปด้วยความโกรธ
“นี่มันอะไรกัน...ที่นี่ที่ไหน...แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น...”
หญิงสาวรัวคำถามใส่ชายหนุ่มผมขาวที่ยังคงมองเธอนัยน์ตาพราว
เธอรู้สึกฉุนเล็กๆที่เขาทำท่าเหมือนจะมองให้ทะลุผ้าห่มสีขาวนี่และวิจารณ์เธอในใจ
นัยน์ตาสีอเมทริสต์คู่สวยใต้กลุ่มผมสีพิสุทธิ์ทอประกายเจ้าเล่ห์แบบผู้ชายที่เธอไม่เคยชอบ
“ห้องของผมครับ...เราสองคนอยู่ด้วยกันสองต่อสองเมื่อคืน...นี่คุณจำไม่ได้เหรอ...”
เบียคุรันเอ่ยเสียงทะเล้นอย่างไม่กลัวเกรงสายตาที่เหมือนจะบอกว่าเธอสามารถฆ่าเขาได้ทุกเมื่อหากได้ยินอะไรไม่เข้าหู
มันทำให้เขารู้สึกว่าเธอช่างแตกต่างและแปลกกว่าคนอื่นในสายตาเขา ไม่เหมือนใครที่เขาเคยควง
ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูงพลางใช้มือหนึ่งขยี้ผมสีขาวที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงของตน
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มของเธอวูบไหว เมื่อได้ยินคำตอบของชายหนุ่ม
ยิ่งเห็นเขาเต็มตายิ่งทำให้ความทรงจำในคลับเมื่อคืนเด่นชัดและเมื่อมันมาลงเอยในรูปนี้
...มันก็คงเดาเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอก...
“เบียคุรัน...ให้ตายเถอะ...”
หญิงสาวสบถกระโดดลงจากเตียงเก็บรวบรวมเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายบนพื้น
เบียคุรันเลิกคิ้วแปลกใจกับปฏิกิริยาของเธอ นัยน์ตาสีอเมทริสต์หรี่ลงอย่างครุ่นคิด
...ไม่มีน้ำตา...ไม่มีการฟูมฟายให้รับผิดชอบ...ไม่มีแม้แต่จะยั่วยวนเขาอีกสักนิด...แตกต่างจากสาวๆที่เขาเคยควง...น่าสนใจแฮะ
“ผมจะรับผิดชอบคุณ...”
หนึ่งประโยคจากปากของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวที่เก็บรวบรวมเสื้อผ้าตนชะงักกึก...ส่วนตัวผู้พูดเองนั้นก็นิ่งจนเดาความคิดไม่ถูก...
“หุบปาก...และลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทั้งหมด ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เราไม่เคยพบกัน...พับเรื่องรับผิดชอบงี่เง่านั่นไปซะ”
หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบแต่กร้าวแกร่งอยู่ในที...ประโยคที่มาจากร่างบางทำเอาชายหนุ่มอึ้งจนพูดไปออกไปพักใหญ่ด้วยความคาดไม่ถึง...มือเรียวหยิบกระโปรงสีขาวที่กองบนพื้นขึ้น
“แต่ว่า...”
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้เอ่ยโต้ตอบอะไรร่างบางที่รวบรวมเครื่องแต่งกายได้หมดแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว
เบียคุรันจึงทำได้แค่อ้าปากค้างก่อนจะหันมองหาเสื้อของตนบ้าง
แกร็ก!
ไม่นานนักเสียงปลดลูกบิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นพร้อมกับหญิงสาวที่ออกมาในชุดเดิมของเมื่อคืน
ก่อนนัยน์ตาสีน้ำเงินจะสบกับนัยน์ตาสีอเมทริสต์ของคนที่นั่งคอยบนเตียงอยู่ก่อนแล้ว
ไหล่ของหญิงสาวไหวเล็กน้อยเพราะตกใจแต่ไม่นานก็สงบลง
“เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ...ซาคุยะ...”
“ไม่มีอะไรแล้วทั้งนั้น...ฉันบอกคุณไปหมดแล้ว ก็ทำตามนั้น...”
“แต่ว่า...”
“หุบปากไปเถอะ!”
ซาคุยะตวาดแว้ด
นัยน์ตาขุ่นมัวอย่างเห็นได้ชัด
“ทำเหมือนกับไม่เคยพาผู้หญิงมานอนค้างงั้นแหละ...พ่อเพลย์บอย...”
หญิงสาวยืนประจันหน้ากับชายหนุ่มค้อมตัวลงเล็กน้อยเพื่อที่จะจ้องหน้าของอีกฝ่าย
มือของหญิงสาวยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมสัน ริมฝีปากบางแย้มยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะ...
เพี๊ยะ! เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังก้องในห้องสี่เหลียมที่มีแต่ความเงียบงันระหว่างคนสองคน
หญิงสาวหยัดตัวตรงถอยห่างจากชายหนุ่มหนึ่งก้าวทิ้งรอยฝ่ามือแดงเถือกไว้บนใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย
ใบหน้าของเธอนิ่งสงบ
“นั่นสำหรับเมื่อคืนและต่อจากนี้เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก เมื่อคืนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบ “อย่าคิดว่าผู้หญิงทุกคนจะเหมือนคนที่คุณเคยพบ...ฉันไม่ต้องการการรับผิดชอบของคุณไม่ว่าด้วยการกระทำหรือเงิน...ลืมมันไปซะแล้วอย่ายุ่งกับฉันอีก
คิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราทั้งสองไม่เคยพบกัน...ถ้าคุณทำได้
ฉันจะขอขอบคุณอย่างสูง...”
หญิงสาวเอ่ยพลางหันหลังให้และก้าวออกจากห้องโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่นิ่งอึ้งอยู่เบื้องหลังเพียงแต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวเธอก็ถูกแรงดึงจากด้านหลังรั้งไว้เสียก่อน
“ให้ผมไปส่งคุณนะครับ...ซาคุยะจัง...”
หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจพลางสะบัดแขนออก “ฉันกลับเองได้...”
“รถคุณอยู่ที่คลับเมื่อคืนนะครับ...ผู้หญิงออกไปคนเดียวคงอันตรายให้ผมไปด้วยดีกว่า...”
“เฮ้!”
ไม่รอให้หญิงสาวเอ่ยอะไรชายหนุ่มก็คว้าแขนของหญิงสาวและพากันออกไปจากห้องของชายหนุ่ม...ซาคุยะขัดขืนด้วยการสะบัดแขนออกเช่นเคยบวกกับสบถเล็กน้อยแต่ก็ค่อยๆเงียบและสงบลงเมื่อลงมาถึงล๊อบบี้ชั้นล่างสุดและถูกจ้องมองจากสายตานับสิบคู่
...การที่มีเบียคุรันมาด้วยก็ดีเหมือนกันแฮะ...
หญิงสาวก้มหน้างุดๆพลางคิดในใจก่อนที่เบียคุรันจะพาออกจากสถานที่อันน่ากระอักกระอ่วนนี้ไป
“แกมม่า...นั่นพี่เบียคุรันรึเปล่า...”
ยูนิ เด็กสาวผู้ได้รับการขนานนามว่า เจ้าหญิงแห่งมิลฟีโอเล่
เกาะพนักพิงโซฟาหนังสีดำในห้องโถงจ้องมองพี่ชายบุญธรรมพาสาวเดินออกไปจนสุดสายตา
ก่อนริมฝีปากจิ้มลิ้มจะเอ่ยถามผู้ดูแลของตน...
“ครับ...น่าจะใช่...ลงมานั่งรอตามปกติเถอะครับ เจ้าหญิง”
แกมม่าเอ่ยปนขัน
พลางเสยผมสีทองอย่างอ่อนใจกับกิริยาแบบเด็กๆที่อีกฝ่ายแสดงออกมา
...นี่ละนะ
เด็ก...ถึงจะแบกตำแหน่งอันหนักหนาหรือว่าวางตัวเคร่งขรึมอย่างไร
...เด็กก็คือเด็ก...
เรื่องพี่น้องคือเรื่องเดียวที่ทำให้สาวน้อยนี้แสดงกิริยาแบบสมวัยได้...ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะถูกเสียงใสๆเอ่ยขัดขึ้นมา
“นี่...แกมม่า...”
“ครับ...”
“พี่สาวคนเมื่อกี้น่ารักดีเนอะ...ถ้าได้เป็นพี่สะใภ้ก็ดีสินะ...”
“ไม่รู้สิครับ...แต่เธอก็แตกต่างกับสาวอื่นๆที่คุณเบียคุรันเคยควง...”
“เห็นเหมือนกันเหรอ...เห็นใช่ม้า...เธอขัดขืนแล้วก็ก้มหน้าตลอดเลยต่างกับยัยผู้หญิงพวกนั้นลิบลับเลย...ไอริสด้วย...”
“โปรดระวังคำพูดด้วยครับ...ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าคงไม่ดีนัก...”
“แกมม่า...”
“ผมรู้ครับ...เจ้าหญิงแต่เรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกันจะดีกว่า”
นัยน์ตาสีน้ำเงินกลมโตจ้องตาสีรัตติกาลของอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะพยักหน้าเบาๆและสงบลง
แกมม่ายิ้มน้อยๆให้กับเจ้าหญิงที่เขาคอยดูแลก่อนจะจูงมือพากันลุกออกจากโซฟาของล็อบบี้ไป
Ö
รถสปอร์ตคันหรูสีขาวจอดบริเวณโรงรถของคลับ
ชายหนุ่มดับเครื่องยนต์
หญิงสาวที่นั่งนิ่งและมองไปด้านหน้าตลอดทางจึงหันมาทางเจ้าของรถ
“ขอบคุณค่ะ...” หญิงสาวเอ่ยกับชายหนุ่มผมขาวที่มาส่ง
ค้อมศีรษะลงตามมารยาทก่อนเตรียมลงจากรถหากแต่ชายหนุ่มรั้งแขนเอาไว้
“เราจะได้พบกันอีกไหม...”
“นั่นเป็นเรื่องของโชคชะตา... ถ้าไม่พบกันอีกจะดีที่สุด
ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปและลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้หมด...แต่ถ้าพบกันอีกครั้ง...”
หญิงสาวยิ้มให้ชายหนุ่มเล็กน้อยก่อนประตูของรถสปอร์ตจะเปิดออกและพูดต่อ
“ไม่เคยมีอะไรระหว่างเรา เราไม่รู้จักกัน
ลืมฉันไปซะแล้วอย่ามายุ่งกับฉันอีก...ฉันยังคงยืนยันคำเดิม...โปรดทำตามสัญญาที่ฉันขอนี้ด้วย...”
โดยไม่รอฟังคำตอบ
ร่างบางลงจากรถสปอร์ตสีขาวและเดินไปยังมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสีดำที่จอดในโรงรถท่ามกลางรถยนต์คันหรูนับสิบ
เบียคุรันเลิกคิ้วขึ้นอย่างตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาวสวม
หมวกกันน็อคสีขาวขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันโตและขับออกไป
ภาพของซาคุยะ
มิจจิขณะขับมอเตอร์ไซค์สปอร์ตจากไปซ้อนทับกับภาพสาวปริศนาที่เขาพบยามย่ำค่ำของเมื่อวานที่ผ่านมา
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆเอนหลังพิงเบาะรถเอามือก่ายหน้าผาก
...ผมคงลืมคุณไม่ได้หรอกและก็ไม่คิดที่จะลืมด้วย...ซาคุยะ...
เบียคุรันควักสมาร์ทโฟนสีขาวขึ้นมาพลางกดดูรูปในโฟลเดอร์ที่ได้บันทึกเอาไว้ด้วยกล้องคุณภาพสูงของมือถือรุ่นนี้
นัยน์ตาสีอเมทริสต์ฉายแววเจ้าเล่ห์อีกคราพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่ราวกับรอยยิ้มของซาตาน
“ผมไม่มีทางลืมคุณ
เท่าที่คุณจะต้องจดจำผมไปชั่วชีวิต...เบบี๋ อย่าหาว่าผมใจร้ายแต่นี่คือทางเลือกที่ดีสำหรับเราสองคน
เอ...รึของผมคนเดียวน้า...”
เบียคุรันเอ่ยพลางหัวเราะเบาๆแต่สิ่งที่แฝงมาในเสียงช่างดูน่ากลัว
ชายหนุ่มกดโทรศัพท์หาใครบางคนในขณะที่ขับรถสปอร์ตสีขาวคันหรูบนถนน
“นี่การประชุมครั้งถัดไปกับซาวาดะกรุ๊ปคือเมื่อไร
ที่ไหน ใครเข้าร่วมประชุมบ้าง...”
ชายหนุ่มเงียบฟังปลายสายรายงานก่อนจะเอ่ยคำสั่งต่อไป “ครั้งหน้าผมจะร่วมด้วย เตรียมข้อมูลที่จำเป็นไว้ให้พร้อม
เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้...อ้อ ขอข้อมูลของมิสซาคุยะ
มิจจิด้วย...ละเอียดที่สุดเท่าที่จะหามาให้ได้
แม้แต่เรื่องส่วนตัวที่สุดถ้ารวบรวมได้ก็เอามาให้หมด...”
ชายหนุ่มกดตัดสายพร้อมกับหักพวงมาลัยเลี้ยวไปทางกลับที่พักของตน...
Ö
แทบจะทันทีที่กลับถึงบ้านหญิงสาวตรงเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายและหวังเป็นอย่างสูงว่าสายน้ำเย็นฉ่ำจากฝักบัวจะช่วยดับความสับสนว้าวุ่นในตัวเธอได้
หญิงสาวอยากจะกรีดร้องให้ลั่นเมื่อเห็นรอยจูบสีแดงช้ำบนต้นคอและบนเนินอกสองสามรอยหากไม่ติดว่าพี่สาวอยู่ที่ชั้นล่าง...ซาคุยะพยายามขัดให้รอยทั้งหมดจางไปแต่ยิ่งทำกลับยิ่งเกิดผลตรงกันข้ามจนเธอท้อใจ
ทิ้งรอยเหล่านั้นไว้และอาบน้ำสระผมดับอารมณ์ฟุ้งซ่านนานกว่าชั่วโมงจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
หญิงสาวจึงพาร่างที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนหนึ่งคลุมออกจากห้องน้ำ
“ซาคุยะ...เมื่อวานเธอหายไปไหนยะ
ห้องที่จองเอาไว้ก็ว่างเปล่า รู้ไหมทำคนอื่นเขาเป็นห่วง...”
ทันทีที่รับสายเสียงตวาดแว้ดๆจากคุโรคาวะ ฮานะก็ดังขึ้นจนซาคุยะต้องยกหูโทรศัพท์ออกห่างก่อนจะนำกลับมาแนบข้างหูและตอบกลับเสียงเรียบ
“แล้วใครกันละยะที่ลากกันขึ้นฟลอร์
แล้วก็พากันทิ้งฉันให้เคว้งอยู่คนเดียว...”
นึกแล้วก็อดพาลไม่ได้
ถ้าหากว่าในตอนนั้นไม่ได้ไปขึ้นฟลอร์ ไม่ได้ถูกทิ้งไว้คนเดียวก็คงจะไม่...
“ขอโทษที...” ปลายสายเอ่ยเสียงอ่อย
ลากห้วงความคิดของหญิงสาวให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน
“อย่าพูดงั้นสิ ฉันกับคนอื่นรู้สึกผิดนะเนี่ย
พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งเธอไว้คนเดียวเลยนะ...เรียวเฮย์ก็ฝากมาขอโทษที่ลูกน้องเขาสะเพร่าไม่ได้ดูแลเธอให้ดี”
“เอาเถอะ
เรื่องมันแล้วไปแล้ว...”
ซาคุยะเอ่ยปลอบเพื่อนและกล่อมตัวเองไปในตัว
เรื่องมันแล้วไปแล้วจะมานั่งคิดโทษนู่นนี่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรเปลี่ยนไป
“แล้วตกลงเมื่อคืนหายไปไหน...อย่าบอกนะว่าขับรถกลับบ้านเองทั้งๆที่ดวดวอดก้าไปครึ่งขวดน่ะ”
“อ่า...” ซาคุยะอึกอัก ก่อนจะตัดสิน “ประมาณนั้นหละ
พอดีตอนนั้นรู้สึกยังไม่ค่อยมึนเท่าไร”
“โอ้ยยยยย
ดีนะที่ไม่เจอด่านตรวจแล้วก็ไม่หลับในเอารถลงข้างทางไปซะก่อนน่ะ
ที่กระหน่ำโทรแล้วไม่รับสายนี่แสดงว่าพอถึงบ้านก็เมาหลับเป็นตายเลยสินะ...”
ปลายสายบ่นมาเป็นชุดเกี่ยวกับการขับขี่ขณะมึนเมาของเธอ
ด้วยอีกฝ่ายรู้ดีว่าถ้าเธอเมา
เธอมักจะมีอาการมึนแล้วสลบเหมือดไปดื้อๆ
นั่นสิ...เมื่อคืนที่อาจจะสลบไป
ห้องนั้นอาจจะร้อนเลยนอนละเมอถอดเสื้อผ้าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น...
ซาคุยะนึกถึงความเป็นไปได้อีกทางของเหตุการณ์เมื่อคืน
แต่เมื่อหันไปเห็นตัวเองในกระจก รอยจูบสีแดงช้ำบนร่างกายคล้ายกับรอยตราที่ทำให้เธอหมดสิ้นหนทางจะแก้ตัวว่าเมื่อคืนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
“แน่นะ...ฉันล่ะกลัวว่าจะถูกใครที่ไหนหิ้วไป...เสน่ห์น้อยซะที่ไหนล่ะ
เธอน่ะ พอได้ยินอย่างงี้แล้วค่อยหายห่วงหน่อย แค่นี้ก่อนนะ...มีธุระน่ะ บาย!”
โดยไม่รอให้พูดอะไรอีกฝ่ายก็ตัดสายไป
ซาคุยะถอนหายใจยาวดีใจที่ไม่ต้องแสร้งปั้นน้ำเสียงให้เป็นปกติทั้งๆที่ตอนนี้เสภาพจิตใจเธอไม่ค่อยจะปกติ
ความรู้สึกแย่ๆหลั่งไหลเข้ามาเมื่อคิดว่าเมื่อกี้เธอโกหกเพื่อนผู้ซึ่งเป็นห่วงเป็นใยในตัวเธออย่างเหลือล้นไปคำโต
แต่นั่นก็เป็นประโยชน์ของเธอเอง
...อย่าให้ใครรับรู้นอกจากตัวเธอเองกับเขาคนนั้นและลืมมันไปเสีย...คงจะดีที่สุด...
หญิงสาวหลับตาลงวางโทรศัพท์มือถือสีดำลงบนโต๊ะ
ระบายลมหายใจพรั่งพรูก่อนจะกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งและออกมาในชุดลำลองสบายๆอย่างเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยีนส์สวมแจ็กเก็ตสีดำพร้อมกับคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซค์คันโปรด...ดำเนินชีวิตในวันหยุดปลายสัปดาห์อย่างปกติราวกับไม่ได้มีเหตุการณ์ค่อนข้างร้ายแรงเกิดขึ้นกับเธอ...
...โดยไม่รู้ว่านับแต่นี้ต่อไป ชีวิตของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว...
ความคิดเห็น