ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Reborn [KHR]:Fake [ByakuranX???]

    ลำดับตอนที่ #9 : REWRITE_FAKE ep.01

    • อัปเดตล่าสุด 30 ส.ค. 58


                


              บรรยากาศของถนนไฮเวย์ย่านชานเมืองที่ดูเงียบสงบที่ต่างกับความวุ่นวายภายในเมืองในยามดึก รถสปอร์ตสีขาวแล่นมาด้วยความเร็วสูง เสียงเพลงเบาๆสบายๆดังขึ้นจากขึ้นจากเครื่องเสียงชั้นดีภายในรถ

     

                ชายหนุ่มเรือนผมสีพิสุทธิ์ฮัมเพลงเบาๆพลางเคาะพวงมาลัยรถคันหรูตามจังหวะเพลง เครื่องปรับอากาศภายในรถทำงานเต็มประสิทธิภาพ สร้างความเย็นสบายจนทำให้เขาแทบจะไม่กังวลอะไรและประคองพวงมาลัยไปอย่างเคย.....

     

                จนกระทั่งเสียงคำรามของเครื่องยนตร์จาการขับขี่ด้วยความเร็วสูงดังลอดเข้ามาจากภายนอกสะกิดให้ชายหนุ่มต้องผละออกจากอารมณ์สุนทรีย์และมองหาต้นตอของเสียงนั้น หากแต่ฟิล์มกรองแสงสีทึบเป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นยิ่งนัก เห็นรางๆแต่เพียงวัตถุสีดำขนาดใหญ่ที่คาดว่าน่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์สปอร์ตและคนขับในหมวกกันน็อคสีขาว

     

                ในไม่ช้าวัตถุที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงก็ตีขึ้นขนาบรถสปอร์ตสีขาวทำให้ชายหนุ่มสามารถมองเห็นได้ชัดขึ้น...นับว่าเขาเดาไม่ผิดนักเมื่อวัตถุนั้นคือรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตคันใหญ่ สีดำมันปลาบที่มีสมรรถนะและราคาค่อนข้างสูงโดยมีผู้ขับเคลื่อนเป็นอิสตรี...

     

                ชายหนุ่มจับจ้องหญิงสาวในเสื้อหนังสีดำรัดรูปและกระโปรงทรงสอบสีขาวยาวเทียมเข่าที่แหวกข้างขึ้นจนถึงขาอ่อนเพื่อความสะดวกที่คร่อมจักรยานตร์ยนตร์คันใหญ่ไม่วางตาโดยเฉพาะทรวดทรงที่ดูเซ็กซี่เกินบรรยายแม้จะอยู่ในชุดที่ปกปิดเรือนกายเกือบทั้งหมด เรียวขาขาวเนียนได้รูปและเรือนผมสีน้ำเงินเข้มที่ปลิวสะบัดไปตามกระแสลม...

     

                หญิงสาวปริศนาปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากแฮนด์บังคับโดยที่รถไม่เอนเอียงแต่อย่างใดและมือที่ยกขึ้นมานั้นก็เลื่อนกระจกกันลมของหมวกกันน็อคขึ้น เผยให้เห็นนัยน์ตาคมสีเดียวกับเรือนผมที่ส่องประกายในความมืดมาทางเขา...

     

                ชายหนุ่มรู้สึกราวกับต้องมนตร์สะกดเมื่อได้สบกับเนตรสีครามที่แสนจะเย็นชานั้นหญิงสาวยกมือชูสามนิ้วเป็นเครื่องหมายไนกี้โบกไปข้างหน้าเป็นเชิงบอกลาก่อนที่เจ้าตัวจะเลื่อนกระจกกันลมของหมวกกันน็อคลง ตบเกียร์ บิดคันเร่งและแซงนำไปอย่างแทบไม่เห็นฝุ่น...

     

                ใครกันนะ...

     

                ชายหนุ่มถามตัวเอง ภาพของหญิงสาวเมื่อครู่ยังคงติดตา...มือหนากระชับพวงมาลัยก่อนจะเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วเป็นเท่าตัว...

     

    Ö

     

     

                มอเตอร์ไซค์สปอร์ตสีดำถูกจอดในโรงรถชั้นใต้ดินของโรงพยาบาลนามิโมริ ทันทีที่เสียงเครื่องยนต์ดับลง ใบหน้าที่ถูกซ่อนไว้ในหมวกกันน็อคสีขาวก็เปิดเผย

     

                หญิงสาวคล้องหมวกกันน็อคไว้กับแฮนด์รถก่อนจะพาร่างในชุดหนังเดินออกจากโรงรถไปโดยคลาดกับรถสปอร์ตสีขาวเพียงชั่วนาที...

     

                ชายหนุ่มผมขาวก้าวลงมาจากรถสปอร์ตคันหรูก่อนจะเอื้อมหยิบช่อดอกไม้และกระเช้าของฝากที่อยู่ในตอนหลังของรถ เมื่อได้แล้วก็ผลักประตูปิดและเดินไปอีกทางโดยไม่ได้สังเกตรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสีดำที่เพิ่งแซงเขาไปเมื่อครู่จอดอยู่ไม่ห่างกัน

    Ö

     

     

    ห้อง S056...

                นัยน์ตาสีน้ำเงินปรายมองป้ายชื่อหน้าประตูห้องก่อนจะใช้มือซึ่งมีถุงมือหนังห่อหุ้มอยู่ ผลักประตูเข้าไป หญิงสาวกวาดสายตามองรอบๆห้องสีขาวที่บนเตียงมีชายสูงวัยผู้หนึ่งซึ่งเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของเธอนอนอยู่ โซฟาสีเข้มข้างผนังมีหญิงสาวร่างสูงนัยน์ตาสีเปลือกไม้ เรือนผมสีน้ำเงินเข้มคล้ายๆกันกับเธอนั่งอยู่

     

                “ไงพี่...”   ซาคุยะยิ้มร่าเอ่ยทักทายผู้มาก่อน   “มานานรึยัง...

     

                “ซักพักแล้วล่ะ...”   ผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวเหลือบมองนาฬิกา   “สองชั่วโมงได้...มาช้าจังนะ

     

                “ขอโทษนะพี่...นี่ก็รีบสุดๆแล้ว เพื่อนพี่นั่นแหละใช้งานยังกะทาสไม่รู้ว่าเจ้าสึนะมันทนการฝึกโหดมหาหินได้ยังไง

     

                “หึเจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นน่ะรึ”    รัล มิจจิส่งเสียงดูแคลนตามนิสัย เมื่อนึกถึงทายาทหนุ่ม ผู้ดูเหมือนจะไม่เอาไหนของซาวาดะกรุ๊ป ซาวาดะ สึนะโยชิ

     

                ซาคุยะยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะเลือกหาที่นั่งข้างๆผู้เป็นพี่สาว

     

                “มากันแล้วรึ รัล ซาคุยะ

     

                ชายสูงวัยที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยด้วยเสียงแหบโหยตามสุขภาพที่ไม่ค่อยจะดีนัก

     

                “ถ้าไม่มาจะมานั่งอยู่ตรงนี้เรอะ/เหรอคะ

     

                สองพี่น้องเอ่ยตอบผู้เป็นพ่ออย่างพร้อมเพรียงราวกับนัดกันไว้เพียงแต่การใช้น้ำเสียงและคำลงท้ายแตกต่างกันออกไปทำเอาคนเป็นพ่อแทบไมเกรนขึ้นกับกิริยาของผู้เป็นลูกสาวแต่ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจ...อุปนิสัยของลูกสาวทั้งสองคนที่เหมือนและแตกต่าง....

     

                รัล...ลูกสาวคนโต คือ สาวห้าวไม่ยอมคน ตรงไปตรงมาและขวานผ่าซากแต่ในบางทีก็ปากไม่ตรงกับใจเอาเสียเลย สมบุกสมบัน ความแกร่งกล้าเทียบเท่าชายอกสามศอกมีอาชีพเป็นครูฝึกทหารของกองทัพบกอิตาลี

     

                ซาคุยะ...ลูกสาวคนเล็ก คือสาวมาดนิ่ง ไม่จะสถานการณ์ใดก็สามารถปรับสีหน้าได้ดีราวกับมีหน้ากากเสแสร้งอยู่ เยือกเย็น นิ่งเงียบแต่หากระเบิดอารมณ์ออกมาแล้วก็ยากจะหยุดยั้ง เป็นคนลุยๆคล้ายกับพี่สาว มีอาชีพเป็นผู้บริหารบริษัทซาวาดะกรุ๊ป...

     

                แม้หน้าที่การงานทั้งสองจะมั่นคงและไม่มีอะไรน่าจะเป็นกังวลอะไร หากแต่ยังมีบางสิ่งที่คนเป็นพ่อรู้สึกว่ายังขาดหายไป...และหากไม่มี เขาก็คงนอนตายตาไม่หลับ

     

                “รัล ซาคุยะที่พ่อเรียกมานี่พ่อมีเรื่องจะขอร้อง...

     

                นัยน์ตาสีน้ำตาลอมแดงและนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มต่างจับจ้องร่างบนเตียงสีขาวโดยฉับพลัน

     

                “พ่ออยากให้ลูกมีใครเป็นตัวเป็นตน...พ่อจะได้สบายใจ...

     

                เมื่อจบประโยคของคนป่วย ห้องสีขาวกว้างขวางก็เงียบงันและบรรยากาศหนักอึ้งขึ้นในชั่วอึดใจ

     

                “พ่อไม่...ไม่..ไม่ฉันไม่ยอมหรอกนะ...ไม่มีทาง...พ่อจะบังคับให้ฉันหาสามีรึไง

     

                เป็นเสียงโวยวายของรัล มิจจิและเสียงปังจากการทุบลงผนังข้างตัวอย่างแรงของมือเรียวสวยที่กรีดผ่าความเงียบงันนั้น นัยน์ตาสีเปลือกไม้วาวโร่ราวจะทำให้บรรยากาศในห้องร้อนระอุด้วยโทสะอันรุนแรงที่ฉายในดวงตานั้น

     

                ในขณะที่คนเป็นน้องสาวนั่งนิ่งเงียบอยู่ข้างกัน ทว่านัยน์ตานั่นฉายแววเยียบเย็นขุ่นมัว ใบหน้าสวยเรียบตึงไม่มีแววร่าเริงดังเคย บรรยากาศรอบตัวของเธอดูราวกับจะลดลงสู่จุดเยือกแข็ง บ่งบอกถึงความไม่พอใจของเจ้าตัว

     

                ชายสูงวัยมองสถานการณ์ตรงหน้า บรรยากาศที่แตกต่างแต่กลับมีจุดร่วมหนึ่งเดียวกัน คือ ความไม่พึงพอใจต่อคำขอร้องของเขา อดจะส่ายหัวไปมาไม่ได้ นี่เขาเลี้ยงลูกยังไงให้โตมาได้ต่างแต่เหมือนกันสุดๆขนาดนี้ อีกอย่าง...ครอบครัวของพวกเขาก็ออกจะอบอุ่นรักใคร่ แต่ลูกสาวทั้งสองคนดันเกลียดกลัวการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพศตรงข้ามขึ้นสมอง... คิดแล้วก็อดไม่ได้ที่เอ่ยปากอธิบาย

     

                “เย็นก่อนนะ รัล...ทั้งคู่ฟังนะมันอาจจะดูเป็นการก้าวก่ายเกินไปแต่พ่อต้องการให้เป็นแบบนั้นจริงๆ ถึงแม้ทั้งคู่จะกร้าวแกร่งเพียงใดก็ตามแต่แต่ลูกยังคงเป็นผู้หญิงนะ ยังไงเสียก็ยังอ่อนแอและต้องการผู้ปกป้อง...

     

                “นี่พ่อคิดว่าฉันอ่อนขนาดนั้นรึไงกัน...”   รัล มิจจิขัดเสียงขุ่นในหน้าที่มีรอยแผลเป็นจางๆแสดงอารมณ์หงุดหงิดโดยไม่ปิดบัง

     

                “ฟังก่อนเถอะพี่...”   ซาคุยะเอ่ยเสียงเรียบกระตุกแขนพี่สาวให้นั่งลงตามเดิม แม้ว่าตัวเองจะรู้สึกหงุดหงิดไม่ต่างกันนักแต่ก็จะขอลองฟังการชักแม่น้ำทั้งประเทศญี่ปุ่นของผู้เป็นบิดาดูซักที

     

                “เพราะงั้นถึงอยากให้ลูกมีใครซักคนเป็นหลักยึด คอยเป็นที่ปรึกษาเมื่อพ่อจากไป...ไม่ต้องรีบร้อนหรอกขอแค่มีใครซักคนที่ลูกจะคบหาและพ่อวางใจที่จะฝากไว้ก็เท่านั้น...แค่นี้...

     

                “แล้ว...

     

                “ถ้าเป็นพวกเพื่อนในที่ทำงานหรือเจ้านายน่ะ ไม่นับนะ...นั่นถือว่ายังไม่มากพอ...

     

                ยังไม่ทันที่สองสาวจะได้เอ่ยถามอะไรก็ถูกเอ่ยขัดจากคนเป็นพ่อซึ่งรู้ทันคนเป็นลูกทุกๆอย่าง ก่อนจะตัดบท เสออกเรื่องอื่นโดยหันมาถามรัลลูกสาวคนโต

     

                “ไง รัล ทางนู้นเป็นไงบ้างล่ะ...เห็นว่ามีผู้พันหนุ่มอดีตลูกศิษย์ตามแจเลยนี่...

     

                รัล มิจจิยิ้มแยกเขี้ยวให้ผู้เป็นพ่อแต่ไม่ทันได้ตอบอะไรเสียงโทรศัพท์มือถือคู่ใจก็ดังขึ้นทำให้ต้องเลี่ยงออกไปรับด้านนอก

     

                “แล้วเราล่ะ...”   เมื่อลูกสาวคนโตแยกออกไปผู้เป็นพ่อก็หันมาทางลูกสาวคนเล็กที่นั่งเงียบๆ

     

                “ก็เรื่อยๆค่ะ...”   ซาคุยะพูดเอื่อยๆ   “การที่ได้มิลฟีโอเล่มาร่วมก็ช่วยได้เยอะไม่ต้องแข่งขันกันเองเหมือนเมื่อก่อน...เหตุการณ์สงบกว่าเมื่อก่อนเยอะ...

     

                “นั่นสินะ...

                ผู้เป็นพ่อพยักหน้าเห็นด้วยเนื่องจากเคยได้รับรู้เหตุการณ์ก่อนๆอยู่เพราะเคยดำรงตำแหน่งชั้นสูงในบริษัทจนวางมือให้ลูกสาวคนเล็กในทุกวันนี้ สองพ่อลูกสนทนากันอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วไปของซาวาดะกรุ๊ปและกลุ่มเครือข่าย จนกระทั่งรัลกลับมา หัวข้อจึงเปลี่ยนเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับการทำงานในกองทัพของหญิงสาว

                เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง เสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือฝาพับสีดำรุ่นทันสมัยดังขึ้น ซาคุยะหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นดังนั้นคนเป็นพ่อก็อดจะถามขึ้นมาไม่ได้


                “ใครส่งข้อความมาน่ะ ซาคุยะ...”

                “สาวๆน่ะค่ะ...”   หญิงสาวตอบระบายยิ้ม ชายสูงวัยร้องอ๋อทันทีเพราะเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับกลุ่มเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของลูกสาวคนเล็กที่ติดต่อไปมาหาสู่กันบ่อยๆ

                “คืนนี้คืนวันศุกร์ปลายเดือนนี่นะ...”   ชายแก่พึมพำ หันไปก็เห็นลูกสาวคนเล็กทำหน้าแหยๆ เขาคิดช่วงเวลานี้ของทุกเดือนกลุ่มเพื่อนของซาคุยะจะนัดพบกันตามประสาสาวๆ คงจะลำบากใจที่จะต้องทิ้งเขาไว้ในห้องผู้ป่วยลำพังในคืนนี้

                “จะไปก็ไปเถอะ พ่ออยู่ได้...”   หญิงสาวยังคงทำสีหน้าลำบากใจ เขาจึงเอ่ยสำทับ 
               
                “พารัลไปด้วยก็ได้ ไปเปิดหูเปิดตา เผื่อจะเจอหนุ่มหล่อๆพอจะทำให้ลูกพ่อหวั่นไหวได้...พ่ออยู่ได้ พยาบาลพิเศษเราก็จ้างเอาไว้นี่ ไม่เอาน่า...พ่อไม่อยากให้การป่วยของพ่อกันลูกจากโอกาสที่อาจจะได้พบผู้ชายที่ใช่หรอก...”

                “ผู้ชายที่เจอกันในไนท์คลับเนี่ยนะ...คงจะดีพอที่จะฝากชีวิตได้หรอก”   ซาคุยะย่นจมูกพลางเอ่ยย้อน ก่อนจะเดินมาจูบแก้มคนเป็นพ่อ   “ดูแลตัวเองด้วยนะคะ มีอะไรก็เรียกพยาบาล อย่าดูดายอาการผิดปกติของตัวเองเด็ดขาด หนูอยากให้พ่ออยู่กับหนูนานๆ เพราะหนูยังไม่อยากมีผู้ชายเป็นของตัวเอง”

                ชายแก่ยิ้มขันก่อนจะยกมือขึ้นขยี้เรือนผมสีน้ำเงินสลวยของลูกสาวด้วยความหมั่นเขี้ยวกับคำลาแฝงนัยยอกย้อนถึงคำขอที่เขาได้เอ่ยไปเมื่อครู่

                “ไปมั้ยพี่...เที่ยวประสาสาวๆ...”

                ซาคุยะเอ่ยชวนพี่สาวที่นั่งกอดอกยกยิ้มขันกับคำพูดเธอที่โซฟาริมห้อง

                “ขอบาย...ขี้เกียจจะไปมองผู้ชายแล้วลงเอยด้วยการมีเรื่องเพราะพวกหน้าม่อ...”

                “อย่าลืมมองหาว่าที่ลูกเขยของพ่อด้วยล่ะ...”

                “อุตส่าห์แกล้งลืมแล้วยังจะตอกย้ำอีกนะ...” 

                ซาคุยะแกล้งย่นจมูกอย่างแง่งอนแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะหันหลังก้าวฉับๆออกจากห้องไป

               

     

    ในเวลาเดียวกันห้อง S051...

     

                “ไง...โชจัง...พี่เอาดอกไม้มาเยี่ยมและนี่ก็ของฝาก

     

                ชายหนุ่มผมขาวเอ่ยทักทายน้องชายบุญธรรมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่นบเตียงพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้และกระเช้าของเยี่ยมให้

     

                อิริเอะ โชอิจิรับของจากผู้เป็นพี่ชายพลางยิ้มแหยๆแล้วหันไปยื่นของให้บุรุษพยาบาลผู้ดูแลนำไปเก็บ กระซิบบอกให้อีกฝ่ายออกไปข้างนอกเพื่อพูดคุยกับผู้มาเยือนเป็นการส่วนตัว ก่อนจะกลับมาตีสีหน้าเครียดขรึมใส่ผู้เป็นพี่ชายต่างสายเลือด

               
    พี่เบียคุรัน...มาตั้งแต่เมื่อไรครับ...

     

                “เมื่อเช้า...เซอร์ไพร์สไหมล่ะ...น้องรัก...

     

                “ไม่ครับ...

     

                “โหดร้าย... ”

     

                “ไม่แปลกนี่ครับ...ยูนิจัง ติดต่อมาทางนี้ก่อนหน้านั้นแล้ว...

     

                “......

     

                “เหมือนได้ข่าวจากคุณแกมม่าว่าเจอจับหมั้นไม่ใช่เหรอครับ...

     

                “ข่าวเร็วดีนี่...ใช่แล้วล่ะ...”   ชายหนุ่มผมขาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในขณะหนุ่มแว่นมีสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม

     

                “กับใครล่ะครับ...”   ถามพลางดันแว่นกรอบไข่ของตนให้เข้าที่

     

                “ลูกสาวของ...อืม...หุ้นส่วนใหญ่คนหนึ่ง ชื่อ ไอริส...

     

                “นึกว่าใครแหม...ก็คู่ขาเก่าไม่ใช่รึไงครับ...น่าจะดีใจนะครับเธอ...

     

                “พูดบ้าๆน่า...”   เบียคุรันเอ่ยดังลั่นก่อนจะลดเสียงลงเมื่อสำนึกได้ว่าตนอยู่ที่ใด

               
    ใครจะคิดเอาคู่ขาที่รู้เช่นเห็นชาติกันมาก่อนมาทำเมียกันล่ะ...

     

                “แต่หนีมาแบบนี้ก็ใช่ว่าจะแก้ปัญหาได้นะครับ...”  

                ชายหนุ่มผมขาวสะดุ้งโหยงเอ่ยปากปฏิเสธพัลวัน   “ไม่ได้หนีซักหน่อย ใครว่าฉันหนีกัน ฉันมาดูแลงานสาขาญี่ปุ่นแทนเธอที่ป่วยต่างหากล่ะ โชจัง ฉันเป็นห่วงเธอนะไอ้น้องชาย ไม่อยากให้ทำงานหนักตอนที่ร่างกายกำลังต้องการการพักฟื้น...”
               
                โชอิจิยิ้มเครียดๆ ดวงตาสีมรกตใต้กรอบแว่นมองนิ่งที่ชายผมขาว ราวกับจะบอกว่า ผมรู้ทันหรอกน่ะ อย่ามาแหลซะให้ยาก อีกอย่างเขาแค่ผ่าตัดไส้ติ่ง ไม่ได้กระทบกระเทือนกับการทำงานแม้แต่นิดเดียว เคยป่วยหนักเจียนตายกว่านี้เขาลากสังขารไปทำงานได้ – ไอ้ตอนนั้นไม่ยักกะเห็นคุณพี่ชายมาแสดงความเห็นใจ

               
     “เพลย์บอยกล้วยไม้ขาว...อับจนหนทางกับเรื่องแค่นี้จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนนี่เสียชื่อคาสโนว่าตัวพ่อหมดนะครับ

                “แล้วจะให้ฉันทำยังไงกันล่ะ...ยัยบ้านั่นมาตื๊อที่ตึกจนฉันจะเป็นประสาทตายอยู่แล้ว ไล่ก็ไม่ไปแถมไล่ก็แสนยาก เจ้าหล่อนมีพ่อหนุนหลัง ถวายใส่พานเต็มที่...”  

                เบียคุรันบ่นออกมาชอตใหญ่เมื่อโดนหนุ่มอ่อนวัยกว่าปรามาสก่อนจะนิ่งไปอึดใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผยไต๋ออกไปเสียแล้ว หันไปก็เห็นน้องชายต่างสายเลือดทำสีหน้าเป็นเชิงบอกว่ารู้ทัน


                ‘ว่าแล้ว... โชอิจินึกในใจ ก่อนจะเอ่ยปากถาม   “แล้วนี่คิดจะทำยังไงต่อไปล่ะครับ”

                ร่างสูงทรุดลงนั่งบนเก้าอี้นวมข้างเตียงน้องชาย ยกมือใหญ่ขึ้นมาขยี้เรือนผมสีขาวของตัวเองจนยุ่งเหยิงพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะตอบออกมาอย่างจนใจ

                “คงจะดูงานที่ญี่ปุ่นไปอีกซักพักจนกว่าจะนึกอะไรดีๆได้ล่ะนะ...”   ดวงตาคมสีอเมทริสต์หันมองน้องชายบุญธรรมที่เอามือกุมท้องตัวสั่นกึกๆ คงอยากจะหัวเราะเต็มทีแต่ก็ต้องเก็บกักไว้เพราะเกรงใจเขา ไม่เคยรู้สึกว่าเจ้าเนิร์ดนี่น่าหมั่นไส้เลยจนกระทั่งวันนี้นี่แหละ

                ...ถ้าไม่ติดว่านอนป่วยอยู่พ่อจะถีบให้...

                “ขำเข้า ไอ้น้องชาย อยากขำก็ขำเลย...”   ว่าพลางกัดฟันกรอดๆ โชอิจิก็แสนซื่อพอได้ยินอย่างงั้นก็ระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น นานพักใหญ่ก่อนหนุ่มเนิร์ดจะลงไปกุมท้องโอดโอยอีกหนเพราะกระเทือนแผล

                “เอาละ ทีนี้ช่วยใช้สมองระดับอัจฉริยะของนายคิดวิธีหลีกเลี่ยงดีๆมาซักวิธีซิ...”

                “โห...พี่ครับยี่สิบห้าปีที่ผ่านมาของชีวิตผมยังจีบผู้หญิงไม่ติดซักคนเลยนะครับ มาเอาปรึกษาคำกับผมเนี่ยนะ...คาสซาโนว่าอย่างพี่คิดเอาเองจะเวิร์กกว่าไหม...”

                ดวงตาสีอเมทริสต์ตวัดมองน้องชายต่างสายเลือดเมื่อได้ยินคำยอกย้อน แววตาของชายหนุ่มซึ่งปรกติจะขี้เล่นตอนนี้ฉายแววหงุดหงิดจวนจะระเบิด ทำให้หนุ่มเนิร์ดต้องกลืนน้ำลายลงคอพลางหัวเราะเสียงแห้งก่อนจะเอ่ยอุบอิบ   “ขอโทษทีครับ...”
               
                “ไม่ใช่เรื่องเวิร์กไม่เวิร์ก โชอิจิ...” เสียงเครียดขรึม เรียกชื่อต้นเต็มยศ เขาที่อยู่กับอีกฝ่ายมาตั้งแต่เด็กย่อมรู้ดีว่านี่คือท่าทางที่แสดงว่ากำลังไม่สบอารมณ์จริงๆ

                “เสนอความเห็นมา ฉันกำลังตันและต้องการความเห็นจากคนอื่นอย่างด่วน ส่วนเรื่องใช้ได้ไม่ได้ ฉันจะตัดสินใจเอง...”

     

                “ครับ...”   โชอิจิรับคำเสียงแห้ง พยายามนึกถึงเรื่องเพ้อฝันที่พวกเลขาเคยเม้าท์หน้าห้อง นิยายรักหวานแหววที่เคยได้ยินเพื่อนร่วมชั้นสาวๆสมัยมหาวิทยาลัยเอามาพูดคุยกัน อ่า...นิยาย...

     

                “ฟังดูนิยายไปหน่อย แต่หาคนรักปลอมๆซักคนมาเป็นไม้กันหมา...ดีไหมครับ...”

     

                โชอิจิเสนอ จากความทรงจำของพล็อตนิยายน้ำเน่าที่เพื่อนสาวสมัยมหาวิทยาลัยพากันพูดคุยอย่างสนุกสนาน ดวงตาสีอเมทริสต์ฉายแสงวาวโรจน์และเปลี่ยนเป็นความพึงพอใจ

     

                “นายนี่พึ่งได้จริงๆแฮะ โชจัง...”   น้ำเสียงและท่าทางกลับมาเป็นปรกติเมื่อได้รับคำแนะนำที่ถูกใจ หนุ่มเนิร์ดที่อกสั่นขวัญหายกับความน่ากลัวของพี่ชายต่างสายเลือดก็ค่อยเรียกสติตัวเองกลับมา ยิ้มแห้งๆให้กับคำชม(ที่เขาไม่ต้องการ)จากพี่ชาย

     

                เสียงข้อความเข้าดังขึ้น เบียคุรันหยิบสมาร์ทโฟนสีขาวของตัวเองขึ้นมาดูก่อนจะคลี่ยิ้มรื่นเริง มือใหญ่สอดโทรศัพท์เก็บเข้ากระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีดำของตัวเอง

     

                “พี่ไปก่อนนะ โชจัง แล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่ ขอบคุณสำหรับไอเดียดีๆ...”

     

                ...คนรักปลอมๆ...

     

                ห้วงคำนึงเล็กๆของกล้วยไม้ขาวกำลังคิดถึงหญิงสาวปริศนาในชุดหนังสีดำที่ขับรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสีดำแซงเขาเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ถ้าเป็นเธอคนนั้นได้ก็คงจะดีไม่น้อย

     

                ...คงจะมีโอกาสได้เจอกันหรอก...สาวเซ็กซี่นิรนามนั่นน่ะ...

     

                ...แต่ถ้าบังเอิญเจอกันขึ้นมาจริงๆก็คงไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปหรอก...

     

                รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นตามใบหน้าหล่อเหลาขณะที่เจ้าตัวย่างเท้าออกจากห้องพักผู้ป่วยไปทำเอาน้องชายต่างสายเลือดหวาดผวาขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

     

                ...เห็นยิ้มอย่างนี้ทีไร...ไม่แคล้วมีเรื่องมันทุกที...


               

    Ö

     

                “ไง สึนะโยชิ...”   เบียคุรันยกสมาร์ทโฟนขึ้นต่อสายถึงเพื่อนรุ่นน้องที่เคยไปสำมะเลเทเมาด้วยกันสมัยที่อีกฝ่ายไปเรียนต่อที่อิตาลี ในทันทีที่ไถลตัวเข้านั่งประจำที่คนขับในรถสปอร์ตสีขาวคันหรู

                “ข่าวไวดีนี่ รู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่ญี่ปุ่น...”

                “ข่าวของผู้ร่วมหุ้นคนสำคัญนี่ครับ...จะพลาดได้ยังไง...แล้วจะว่าไงครับ...”   ปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงนอบน้อมหากยียวนอยู่ในที ชายหนุ่มผมขาวย้อนนึกถึงข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาอีกหน  

                “เอาสิ...บอกทางมา...ตอนนี้ฉันกำลังออกจากโรงพยาบาลเอกชนชานเมืองนามิโมริ...


                 เอ่ยตอบรับปลายสายด้วยน้ำเสียงปรีดาก่อนจะหักพวงมาลัยไปตามทิศทางที่ปลายสายบอกมา...

               
               

    Ö

     

                ซาคุยะพาร่างเพรียวในชุดหนังเดินเบียดฝ่าฝูงชนหนาแน่นในไนต์คลับ ‘The Guardians’ มาหยุดที่ชุดโซฟาสีแดงริมผนังใต้ไฟหลากสีสัน มุมวีไอพีของร้าน กระแทกตัวลงนั่งปุ ใบหน้าคมสวยบึ้งตึง ขณะเอ่ยสั่งเหล้าวอดก้าดีกรีแรงกับมะนาวฝานกับเด็กบริการเสียงห้วน

                “ดูท่าจะอยากเมาให้ลืมโลกจริงๆนะนี่...มาถึงก็เล่นวอดก้าเลยเนี่ย”   หญิงสาวเจ้าของเรือนผมหยักศกสีดำสนิทยาวประบ่า
    คุโรคาวะ ฮานะเป็นคนเอ่ยทักขึ้นมาก่อน

                “แหง...เครียดจะตายอยู่แล้ว...”   ซาคุยะเอ่ยพลางยักไหล่ ดวงตาสีน้ำเงินกวาดมองรอบโต๊ะ เมื่อเห็นสายตาหลายคู่ที่มองมาด้วยความห่วงใย หญิงสาวก็อดจะยิ้มแห้งๆแล้วส่งเสียงทักทายไม่ได้ ถึงดูเหมือนว่าจะสายไปก็ตาม  “สวัสดีสาวๆ โทษทีนะที่เสียมารยาทเมื่อกี้....”

                “โซซีเรียสจังเลยนะคะ ซาคุยะจัง...ไปเจอเรื่องอะไรมาคะนี่...”   หญิงสาวผมบ็อบสั้น
    มิอุระ ฮารุเอ่ยถามด้วยความฉงน

                “ไม่มีอะไรมากหรอก...ฉันแค่เสียเส้นนิดหน่อย...ไม่ต้องใส่ใจหรอก...”   ซาคุยะระบายยิ้มอ่อนๆปลอบขวัญเพื่อนสาวร่วมโต๊ะ มือเรียวคว้าขวดแก้วบรรจุของเหลวใสที่เด็กในร้านนำมาเสิร์ฟตั้งท่าจะเปิด หากเป็นมือเรียวของผู้ร่วมโต๊ะอีกคนที่ยึดแก้วชอตไป ทำให้หญิงสาวไม่อาจบรรลุความตั้งใจที่จะเอาน้ำเมาดีกรีแรงเข้าร่างกายได้

                “ไม่ใส่ใจไม่ได้ค่ะ...เล่นออกอาการซะขนาดนี้”   หญิงสาวเจ้าของเรือนผมตรงยาวสีน้ำตาลอ่อน 
    ซาซางาวะ เคียวโกะ เอ่ยพร้อมแตะมือที่ยังว่างลงบนมือในถุงมือหนังของซาคุยะ นัยน์ตาอ่อนหวานสีเดียวกับเรือนผมฉายแววห่วงใยชัดเจน

                “นั่นสิ ทุกทีไม่เคยเห็นเครียดขนาดนี้...เอาละ แม่สาวน้ำแข็งที่กำลังลุกเป็นไฟ...ที่นี่ไม่มี
    สาวน้อยนักสะกดจิต แต่สารภาพมาซะดีๆว่ามีเรื่องอะไร ไม่งั้นเธออดแอลกอฮอล์ทุกประเภท...”

                ฮานะเอ่ยสำทับมา คำพูดนั้นตอกย้ำถึงอาการผิดปกติที่เธอแสดงออก ซาคุยะถอนใจพรืด วางขวดวอดก้าลงกับโต๊ะ แล้วเริ่มเล่า

                “พ่อบังคับให้หาแฟนทั้งฉันทั้งพี่เลย...แถมยังดักทางไม่ให้แอบอ้างเอาเพื่อนฝูง เจ้านายไปเป็นแฟนซะอีก”

                  หญิงสาวอีกสามคนในโต๊ะครางฮือกับคำบอกเล่าของหญิงสาว แน่ละ...ใช้ชีวิตในหอพัก ในรั้วมหาวิทยาลัยมาด้วยกันสี่ปี ทำไมจะไม่รู้ว่าพี่น้องมิจจิ สวยคู่พิฆาตนี่ เกลียดกลัวการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพศตรงข้ามขึ้นสมองขนาดไหน ขนาดมีผู้ชายมาขายขนมจีบ แม่เจ้าประคุณยังไล่กระเจิง

                ...แล้วนี่ให้หาแฟน... ถ้าไปเยี่ยมคงนึกอยากจะถามอยู่เหมือนกันว่า คิดได้ยังไง...ทำยังกะไม่รู้จักลูกสาวตัวเองว่าเป็นยังไง...

                “แย่เลยนะ...”   เป็นเคียวโกะที่เอ่ยออกมาก่อน วงหน้าเป็นกังวลชัดเจนเพราะหญิงสาวเป็นพวกเกลียดผู้ชายคาสโนว่า เพลย์บอย ไม่อยากมีสัมพันธ์ลึกซึ้งคล้ายกับเพื่อนสาว เนื่องจากเห็นอะไรหลายๆอย่างมาเยอะในธุรกิจไนต์คลับของพี่ชาย จึงนึกขยาด

                “งั้นก็หาซักคนสิคะ...”   ฮารุเอ่ยแนะอย่างร่าเริงก่อนจะโดนฮานะและเคียวโกะมองปรามจนคนร่าเริงแต่ผิดเวลาหน้าหงอย

                “แล้วคิดจะทำยังไงต่อ...”   ฮานะถาม ขณะซาคุยะรินวอดก้าใส่แก้วชอตที่ได้รับคืนจากเคียวโกะจนปริ่มแล้วถือเอาไว้ในระดับสายตา ดวงตาสีน้ำเงินมองแก้วชอตพลางตอบเพื่อนสาว

                “ยังไม่รู้.....แต่คงทำใจตามที่พ่อขอไม่ลง.....”   ว่าแล้วก็กระดกของเหลวใสลงคอ หญิงสาวเหยียดยิ้มกับความรู้สึกร้อนผ่าวในช่องทางที่ของเหลวนั้นไหลไป  “เรื่องแก้ปัญหาไว้ทีหลัง วันนี้ขอเมาให้หายเครียดก่อน”   หญิงสาวเอียงคอยิ้มให้น้องสาวเจ้าของไนต์คลับ  “ฝากจองห้องกับคุณพี่ชายด้วยนะ เคียวโกะจัง...อยากเมาให้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกลากไปไหน...”

                “ได้จ้ะ...”   เคียวโกะยิ้ม บรรยากาศบนโต๊ะคลี่คลายลง สี่สาวบนโต๊ะส่งยิ้มให้กัน อดคิดถึงเพื่อนรุ่นน้องสาวน้อยอีกคนที่ตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อบุญธรรมที่อิตาลี เสียดายที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันในวันนี้

                ฮานะยกแก้วไวน์ของตัวเองของขึ้นชู ดึงให้ทุกคนต้องยกแก้วเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นมาด้วย

                “เอ้าชนแก้ว...”   ฮานะเอ่ยขึ้น   “ดื่มให้ปัญหาของซาคุยะ ดื่มเพื่อระลึกถึงสาวน้อยอีกคนที่ไม่ได้อยู่กับเราที่นี่...วันนี้ไม่เมาไม่เลิก...แล้วค่อยให้ลูกน้องของเรียวเฮย์มาเก็บซากพวกเรา...คัมไป...”

                “คัมไป...”   ทั้งโต๊ะขานรับก่อนจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของตัวเองจนหมดแก้ว

                “ฮาฮิ พูดซะน่าเกลียดเลยนะคะ...เก็บซากเนี่ย...” ฮารุเอ่ยสัพยอก

                ซาคุยะที่กระดกวอดก้าใส่ปากรัวๆ แบบลืมนับชอต วางแก้วชั่วคราว หันมาแซวเพื่อนสาว

                “ทำเป็นพูดว่าให้ลูกน้องมาเก็บซาก ยังกับว่าพี่แกจะยอมให้ใครมาแตะต้องแฟนสุดที่รักงั้นแหละ ดีไม่ดีพี่แกนั่นแหละจะลงมาหอบเธอไป
    ดูแลให้สร่างที่ ห้องส่วนตัวของเจ้าไนต์คลับน้องแท้ๆนี่ว่าหวงนักหนา พอถึงตอนนั้นขึ้นมาจะยังไงก็ช่าง

                เน้นเสียงหนักในบางคำอย่างแฝงนัยยะ ก่อนจะหลิ่วตาให้กับเคียวโกะ น้องแท้ๆของคนที่ถูกกล่าวถึง แล้วสองคนก็พากันหัวเราะคิกคัก ไม่แคร์เลยว่าเพื่อนสาวจะเขินจนตัวแทบไหม้แล้ว

                ซาคุยะเพลิดเพลินกับการพูดคุยสัพเพเหระกับเพื่อนสาวร่วมโต๊ะ มิวายจับคู่กับเคียวโกะซึ่งเป็นสาวโสด (มีผู้ชายมาจีบแต่ไม่เอา) แซะแซวเพื่อนร่วมโต๊ะอย่างฮานะ (ดีกรีคู่หมั้นจะแต่งกันอยู่ปีหน้าของเจ้าของไนต์คลับที่นั่งดื่มอยู่) และฮารุ (ได้แฟนเป็นครูสอนเปียโนซึ่งเป็นเลขาของประธานบริษัทซาวาดะกรุ๊ป – เพื่อนร่วมงานของซาคุยะ) ที่มีเจ้าของจับจองอย่างสนุกสนาน


               

    Ö

     

                เบียคุรันละเลียดวิสกี้ออนเดอะร็อคในมือ ขณะสอดส่ายดวงตาสีอเมทริสต์ไปรอบฟลอร์ชั้นล่าง มุ่งหวังจะหาหญิงสาวที่ติดตาต้องใจซักคนมาทำให้เตียงนอนในห้องชุดของเขาอุ่นขึ้น

                ยอมรับเลยว่า สถานที่ที่นั่งดื่มอยู่ตอนนี้ควรค่ากับคำว่า
    VVIP อย่างที่กล่าวอ้างจริงๆ โซฟาหนานุ่มชุดใหญ่ ชุดเดียวบนชั้นลอย มีบาร์ส่วนตัวและมองเห็นวิวข้างล่างไปอย่างชัดเจน

                ก็คงต้องขอบคุณอภินันทนาการจากคนร่วมโต๊ะเขานี่แหละ...

                ซาวาดะ สึนะโยชิ ประธานหนุ่มไฟแรงแห่งซาวาดะกรุ๊ปในสื่อ หรือสำหรับเขา เด็กเปรตเพื่อน
    รุ่นน้องที่ลามปามเขาสมัยไฮสคูลแล้วจับพลัดจับพลูยังไงไม่รู้มาสนิทสนมอยู่ก๊วนเที่ยวเดียวกันเฉยเลย คงจะเพราะความยียวนกวนบาทาแต่ว่าใจนักเลงล่ะมั้ง เลยทำให้คบกันได้จนทุกวันนี้

                เจ้านี่เป็นผู้ถือหุ้นอีกคนของไนต์คลับ ไม่ใช่หุ้นใหญ่นักเพราะหุ้นใหญ่เจ้าของร้านจริงๆคือคนที่ชื่อ
    ซาซางาวะ เรียวเฮ เห็นว่าเป็นเพื่อนรุ่นพี่สมัยมัธยมต้นของสึนะโยชิ มานั่งดื่มด้วยช่วงต้นก่อนจะปลีกตัวออกไปเพราะมีปัญหาน้องสาวพาก๊วนมาถล่มร้านข้างล่าง ดูเจ้าตัวก็เป็นนักเลงพอสมควร สึนะโยชิเล่าให้ฟังว่าเคยเป็นนักกีฬามวยสากล มารับช่วงต่อร้านจากพ่อ พอถามถึงคนน้อง เจ้าสึนะ (ชื่อเล่น) ก็ดันปิดปากเงียบแล้วทำหน้าตึงเสียอย่างงั้น...คงจะร้ายกันพอดูทั้งก๊วน ไม่งั้นเจ้าของร้านคงไม่หัวฟัดหัวเหวี่ยงตอนเดินออกไป

                เบียคุรันดึงสายตากลับมามองรอบโต๊ะตัวเอง คนที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยกันนี่ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่เพราะเป็นพวกที่เคยไปเป็นนักเรียนอิตาลีมากันทั้งนั้น

               
                ‘โกคุเดระ ฮายาโตะเจ้าหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นอิตาลีเลขาของสึนะ นั่งดื่มเงียบๆ ไม่มีพาร์ทเนอร์ มีพรายกระซิบว่า คบกับลูกศิษย์ที่ไปรับสอนเปียโนมา

                ‘ยามาโมโตะ ทาเคชิ ผู้กองหนุ่มอนาคตไกล ลูกชายอดีต ผบ.ตร. ที่ตอนนี้ผันตัวไปเปิด
    ร้านซูชิเป็นงานอดิเรกหลังเอิร์ลลี่รีไทร์ มีพาร์ทเนอร์สาวสวยออเซาะคลอเคลียไม่ห่าง

               
    แรมโบ้ ญาติผู้น้องของสึนะ อายุไม่ถึงเกณฑ์แต่โกงเข้ามาโดยใช้สิทธิของพี่ชาย เลยพยายามไม่ทำอะไรสะดุดตา นั่งดื่มเงียบๆเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา

                แล้วก็สึนะโยชิ ที่มีสาวสองคนนั่งประกบข้างออดอ้อนเอาใจ

                ...อิจฉาไหม...มีบ้าง...แต่แม่สาวพาร์ทเนอร์แบบนั้นไม่ตรงกับรสนิยมของเขาเท่าไหร่...

                บางครั้ง สึนะโยชิ ก็ค่อนขอดเขาว่าเป็นเพลย์บอยเรื่องมาก แต่ถึงเรื่องมากยังไงก็มีสาวๆยินยอมทอดกายให้เขาเสมอ

                เบียคุรันเบนสายตากลับไปที่ฟลอร์ข้างล่างอีกหน คราวนี้คิ้วเรียวของชายหนุ่มโก่งขึ้นเล็กน้อยกับการเข้ามาในฟลอร์ของแก๊งค์สี่สาวที่เรียกเสียงเป่าปากแซวได้จากผีเสื้อราตรีรอบทิศ เบียคุรันมองแล้วก็ได้แต่ฉงนกับสี่สาว สี่บุคลิกที่ไม่น่ามารวมตัวกันได้

                สาวผมหยักศกตัดสั้นประบ่า เวิร์คกิ้งวูแมนสุดมั่นในชุดเชิ้ตพอดีตัวสีชมพูอ่อนพับแขนขึ้นเหนือศอกกับกระโปรงทรงสอบสีดำ รองเท้าคัทชูส้นเข็มหนังแก้ว

                สาวผมบ็อบเทสั้น สไตล์หวานอมเปรี้ยว ในชุดเสื้อสายเดี่ยวผูกคอสีครีมสวมทับด้วยเสื้อตาข่ายแขนค้างคาวสีกรมท่า กางเกงขาสั้นกุดสีขาวสวมทับเลกกิ้งขายาวสีดำ รองเท้าบูทหุ้มข้อส้นเตารีดสีเดียวกัน
                 
                สาวหวานผมสีน้ำตาลอ่อนยาวจรดบั้นเอว เดรสวันพีซสีเขียวอ่อนคอกว้าง ยาวครึ่งต้นขา ประดับระบายที่ชาย สวมทับด้วยเสื้อคาร์ดิแกนสีเขียวเข้ม รองเท้าบูทสีน้ำตาลอ่อนสูงถึงเข่า

                หญิงสาวผมสีน้ำเงินเข้มยาวเกือบครึ่งหลังซอยปลายเล็กน้อยดูเก๋มากกว่าเซอร์ในชุดเสื้อหนังรัดรูปสีดำที่รูดซิปด้านหน้าลงจนสุดเผยให้เห็นเสื้อกล้ามซับในสีขาวคว้านคอลึกจนเห็นเนินอกกับกระโปรงสีขาวสั้นเหนือเข่าแหวกข้างสูงจนน่าหวาดเสียว รองเท้าบูทสีขาวส้นหนายาวเกือบเข่า มีลุคส์ที่ผสมผสานระหว่างความเซ็กซี่กับความเท่ และดูลึกลับน่าค้นหา

                เบียคุรันจับจ้องหญิงสาวคนสุดท้ายไม่วางตา รู้สึกคุ้นแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน ในขณะที่ชายหนุ่มมองอย่างเพลิดเพลิน ฉับพลันหญิงสาวที่ตัวเองจับจ้องอยู่เงยหน้าขึ้นมาด้านบน ริมฝีปากเหยียดยิ้มเล็กๆคล้ายอยู่ในห้วงภวังค์อันแสนสุข ดวงตาสีน้ำเงินเข้มทอประกายอ่อนเชื่อมแต่ไม่บ่งบอกอารมณ์ของเจ้าตัว เหม่อมองตรงไปเบื้องบนอย่างไร้จุดหมาย ก่อนหญิงสาวจะก้มศีรษะลงหัวร่อต่อกระซิกกับเพื่อนสาวหวาน ปิดซ่อนใบหน้าไว้หนังม่านผมสีน้ำเงินเข้มดกหนา

                ...เพียงแค่ชั่วครู่เดียวที่ได้สบตา อันที่จริงเธอแค่มองตรงไปโดยไม่สนใจการมีตัวตนของเขาที่ชั้นลอยด้วยซ้ำ แต่กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนชกที่ท้องเข้าจังๆ

                “เธอเป็นใคร...” เบียคุรันเอ่ยถามเหมือนละเมอ

                “อุ้ย กลุ่มเลดี้เคียวโกะ เลดี้ฮานะนี่...ไม่ได้เห็นกลุ่มของเลดี้ออกมาบนฟลอร์เต็มรูปแบบมานานแล้วนะนี่...”
               
                เหล่าหญิงสาวที่เป็นพาร์ทเนอร์ซึ่งตอนแรกกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ชั้นลอยพากันมาจับกลุ่มใกล้ๆระเบียง ใกล้โซฟาชุดที่พวกเขานั่ง เสียงซุบซิบชื่นชมหญิงสาวทั้งสี่ดังขึ้นประปราย แม้แต่พาร์ทเนอร์ที่ประกบสึนะโยชิกับยามาโมโตะ ก็ยังทิ้งหนุ่มหล่อมาเกาะระเบียงมองสาวๆทั้งสี่ที่ก้าวขึ้นฟลอร์หลักด้วยมาดนางพญา

                “บุญตาของฉันจริงๆ ที่ได้ดูกลุ่มของเลดี้...”

                “ก็ตั้งแต่จบมหาวิทยาลัย พวกเลดี้ก็ไม่ค่อยแวะมาที่คลับเลยนี่ มาก็แค่มาจิบเครื่องดื่มเล็กๆน้อยๆ”

                “ควรจะแก้บนอะไรดีที่ทำให้เลดี้เหล่านี้กลับคืนฟลอร์ได้น่ะ...”

                “เลดี้ฮานะเป็นคู่หมั้นของเรียวเฮย์ขุมิโจใช่มะ คนที่สั่งเคลียร์ฟลอร์น่ะ...” “ใช่แล้วล่ะ...”

                เบียคุรันมองตาม หญิงสาวที่ยกมือขึ้นโบกไปมาข้างล่างคือ หญิงสาวเวิร์กกิ้งวูแมน การออกทำสั่งด้วยท่าทีของเธอจะมีชายหนุ่มในชุดสูทสีดำที่เป็นเครื่องแบบของคลับปฏิบัติตามเสมอ ชายหนุ่มครางอ๋อยาวๆ เข้าใจว่า เลดี้ฮานะ (ที่พวกพาร์ทเนอร์เรียก) คือสาวที่เขามองว่ามีมาดเวิร์กกิ้งวูแมน มีศักดิ์เป็นคู่หมั้นเจ้าของคลับ ดูๆไปแล้วก็เหมาะกับเรียวเฮย์ดี

                “ฉันอยากรู้จริงๆว่าจะเป็นเพลงอะไร อุ๊ย เลดี้ฮารุ จับไมค์แล้ว...”

                ชายหนุ่มผมขาวมองเห็นหญิงสาวผมบ๊อบเทสั้น รับไมค์จากดีเจสาวที่คุมแท่นอยู่ เธอยืดตัวกระซิบกระซาบบางอย่าง กับดีเจก่อนจะทำสัญญาณมือโอเค

                “ยัยบ๊องนั่น
    !!”    เสียงโกคุเดระที่นั่งนิ่งมาตลอดสบถ และตัวของอีกฝ่ายที่ถลามาเกาะขอบระเบียง พอหันมาเห็นสีหน้างุนงงของเบียคุรัน ชายหนุ่มผมเงินก็อธิบายห้วนๆ “ยัยนั่น...ฮารุ...แฟนผมเองแหละ”

                “
    Good evening! Lady and Gentle man, Do you miss us?”   (สาวพาร์ทเนอร์ร้องกรี้ดเช่นเดียวกับข้างล่างที่มีเสียงตอบรับดังไม่แพ้กัน)   “Thank you so much. Today is special day. We ‘The Lady’ come back to this stage.”

                เสียงใสๆของหญิงสาวซึ่งเป็นคนรักของโกคุเดระ (ตามที่เขาอ้าง) ดังขึ้นทั่วคลับ และโกคุเดระก็ทำหน้าเหมือนจะปีนระเบียงโดดลงไปเสียให้ได้ ถ้าไม่ติดว่าแรมโบ้กับยามาโมโตะรั้งไว้อยู่

                “เอาน่า...”   นายตำรวจหนุ่มเอ่ย   “ให้เธอได้ปลดปล่อยซะบ้าง...ฉันอยากเห็นโชว์ของเลดี้ที่เขาเล่าลือกัน...”   โกคุเดระได้ฟังคำพูดเพื่อนก็ทำหน้าคลุ้มคลั่งเหมือนจะพุ่งเข้ากัดคอเพื่อนตนเอง

                “ผมก็อยากเห็นพี่เคียวโกะเหมือนกัน...”   แรมโบ้พูดด้วยสีหน้าเจ้าชู้ ก่อนจะได้รับรางวัลเป็นฝ่ามือบนกบาลจากญาติผู้พี่   “พี่สึนะ...ทำอะไรเนี่ย...”

                “เป็นเด็กอย่าไปริเล่นของสูง...”   สึนะโยชิเอ่ยเสียงขรึม ก่อนจะหันมาทางเบียคุรัน   “ถ้าคุณสงสัยผู้หญิงชุดเดรสเขียวคือเคียวโกะ น้องสาวของเรียวเฮย์เจ้าของคลับที่คุณถามถึง”

                “ไม่ค่อยเหมือนกันเลยนะ...”   เบียคุรันพึมพำ มองสาวหวานที่โบกมือทักทายคนรอบๆ

                “พี่ชายหวงมาก...”   ชายหนุ่มผมน้ำตาลเอ่ยลอยๆ เบียคุรันเลิกคิ้วข้างหนึ่งแล้วก็ลดลงเมื่ออีกฝ่ายดูจะไม่เพิ่มเติมอะไรมากกว่านั้น

                หญิงสาวทั้งสามยืนประจำมุมของฟลอร์ ผู้หญิงของโกคุเดระไปยืนประจำมุมที่เหลือ ก่อนจะโยนไมค์ให้หญิงสาวผมสีน้ำเงิน จากมุมที่เขามองเธออยู่ตรงหน้าเขาพอดี

                “
    Celebrating for my dam- life, I come back here, now. I just wanna throw my sorrow, my eager away.”   หญิงสาวรับไมค์มาจากเพื่อนและเริ่มพูด เสียงของเธอไม่ได้ความใสกังวานติดจะแหบๆนิดหน่อยแต่ฟังแล้วให้ความรู้สึกเซ็กซี่ รู้สึกอย่างได้ยินเสียงแบบนี้บนเตียง... “Just Dance!

                หญิงสาวตะโกน โยนไมค์คืนให้ดีเจ เหมือนกับเป็นสัญญาณ เพลง
    Buttons ของ Pussycat dolls ดังขึ้นและหญิงสาวทั้งสี่คนก็ออกสเต็ปแดนซ์อย่างพร้อมเพรียงกัน

                ลีลาเต้นสุดเซ็กซี่ของหญิงสาวทั้งสี่คนได้รับการตอบรับอย่างเกรียวกราวในหมู่ผีเสื้อราตรี เมื่อผ่านไปครึ่งเพลง จากท่าที่พร้อมเพรียงก็เปลี่ยนเป็นฟรีสไตล์ตามแบบของแต่ละคน แต่ก็ยังเรียกเสียงชื่นชมจากคนดูได้อย่างไม่ขาดสาย

                แต่คนที่ดึงดูสายตาที่สุดคงไม่พ้นแม่สาวผมสีน้ำเงินที่เขายังไม่รู้ชื่อ หลังจากพ้นครึ่งเพลง เธอก็เหวี่ยงเสื้อหนังสีดำตัวเองทิ้งกลางฟลอร์ แล้วออกลีลาเต้นเต็มที่ การเคลื่อนไหวร่างกายของเธอเหมือนสายน้ำไร้รูปแบบเพียงแค่ไหลไปตามกระแสของจังหวะอันเร้าใจ สะกดให้ใครหลายคนจ้องมองแม้แต่เขา

                “เลดี้ซาคุยะ นี่ไม่ว่ากี่ครั้งก็เซ็กซี่ เท่ น่าหลงใหล ทุกครั้งจริงๆแฮะ”
                “เห็นการเต้นของเลดี้แล้วเหมือนจะหลงรักเธอเลย ต่อให้ผู้หญิงเหมือนกันก็เถอะ”
                “เด็ดสุดก็เลดี้ซาคุยะนี่แหละ...”
                “ได้จูบซักทีจะไม่มีวันลืมเลย...”

                “ผู้หญิงที่คุณมองไม่วางตาตั้งแต่เมื่อกี้...เลดี้ซาคุยะ...มีเสน่ห์แบบสาวเซ็กซี่และสาวเท่ในเวลาเดียวกัน ดึงดูดทั้งผู้ชายและผู้หญิงให้หลงใหล...” 

                สึนะโยชิเอ่ยเรียบๆ ไม่แสดงความรู้สึกใดในน้ำเสียงเหมือนกับแค่บอกเล่าข้อมูลธรรมดา

                “ซาคุยะ มิจจิ ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายย่อยอีกคนของซาวาดะกรุ๊ป เรียกว่าเป็นญาติลูกพี่ลูกน้องอีกคนก็ว่าได้ แม่ดอกไม้น้ำแข็ง สวย เย้ายวน เยือกเย็นแต่หนามแหลมคม ทิ่มแทงและแช่แข็งผู้ชายทุกคนที่คิดจะกรายใกล้...”

                “มีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน?”

                “ไม่ แต่ก็ปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต สร้างความหนักใจให้คนเป็นพ่อพอดูทั้งเธอทั้งพี่สาวเธอ...ตอนนี้ คงโดนที่บ้านกดดันน่าดูถึงได้ออกมาพูดแบบนั้น...”  

                ไม่ต้องบอกก็พอเข้าใจได้ว่าหมายถึงประโยคที่เธอพูดก่อนโชว์จะเริ่ม
               
                “แน่ใจแล้วหรือครับ?”

                เบียคุรันนึกถึงปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายในหนแรกที่สบตาเธอ   “แน่สิ...”

                “ผมคงต้องขอเตือนคุณไว้ก่อนว่า นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น...”

                “ไม่ไว้ใจฉันขนาดนั้น...”

                “ผมอยากจะแน่ใจว่าไม่ได้เลือกสนับสนุนคนผิด...”

                ดวงตาสีน้ำตาลส้มเหลือบมองเบื้องล่างที่คล้ายกับเกิดกลียุค เมื่อเจ้าของคลับสั่งปิดเพลงและลากตัวสองในสี่ของแก็งค์สาวสวยออกจากฟลอร์ไป ก่อนที่หญิงสาวผมบ็อบเทจะถูกชายหนุ่มผมเงินแบกพาดบ่าออกไปนอกคลับ เหลือหญิงสาวเพียงคนเดียวที่ยังยืนมึนอยู่กลางฟลอร์เพราะจู่ๆเพื่อนก็ถูกพรากไปหมด ชายหนุ่มอ่อนวัยกว่าเบือนหน้ามาสบตาสีอเมทริสต์มองนิ่งนานอึดใจ จนเบียคุรันรู้สึกอึดอัดกับท่าทีที่เหมือนกับว่าอีกฝ่ายมีอำนาจเหนือกว่า

                ...เหมือนน้องชายที่หวงพี่สาว...เหมือนพ่อหวงลูก...

                 “โอกาสเป็นของคุณ...”   สึนะโยชิเอ่ยขึ้น   “ผมหวังว่าคุณจะพังปราการน้ำแข็งของเธอได้”

                ก่อนชายหนุ่มน้ำตาลจะจรดเท้าบนบันไดที่ทอดขึ้นชั้นบน ชายหนุ่มหยุดเหลียวหลังกับมามองเพลย์บอยที่เขาฝากความหวังเอาไว้และทิ้งท้ายว่า

                “ตระหนักด้วยนะครับว่าถ้าคุณทำเธอเสียใจ เรื่องมันอาจไม่จบแค่คุณสองคน...”

                เบียคุรันปล่อยคำพูดนั้นผ่านหูไป ขณะที่เร่งก้าวไปยังทางบันไดลงชั้นล่างเมื่อเห็นหญิงสาวที่ตัวเองหมายตาถูกทิ้งไว้เคว้งคว้างกลางฟลอร์หลัก

                ...โอกาสของเขา...

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×