ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Reborn [KHR]:Fake [ByakuranX???]

    ลำดับตอนที่ #6 : Fake Chapter IV: ก่อกวน

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 53


    Fake Chapter IV: ก่อกวน

     

    Jyounetsu ni fureta nara akumu wo tsunaruite miseru kara
    yuzurenai omoi hodo
     mune no tsuyosa ni kaete
    nikushimie idomu no wa
    tagiru honoo ga moetsukiru made tatakau koto wo chikatta kara

     

                    เสียงเรียกเข้าเพลง Burning Prayer ของโทรศัพท์มือถือกรีดร้องดังลั่น พร้อมกับไฟกระพริบวอบแวบและเสียงเครื่องสั่นครืดคราดปลุกร่างบางที่นอนขดตัวใต้ผ้าห่มสีดำให้ตื่นขึ้น

    ซาคุยะลุกขึ้นมาด้วยความหัวเสียก่อนจะตอบรับด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นมัว

                มีอะไร...

                /ผมโทรมารบกวนรึเปล่าเนี่ย.../

                รู้ตัวก็ดีแล้วนี่...

                /สึนะนะครับ...ผมโทรมาบอกว่าเช้าวันจันทร์นี้มีประชุม.../

                ให้มันแน่เถอะ...คงไม่เป็นเหมือนเย็นวันศุกร์หรอกนะ ถ้าเป็นอย่างงั้นอีกล่ะก็อย่าหวังว่าจะได้ตายดี...

                /ผมกลัวจังเลย...แต่อย่าลืมประชุมนะครับ ต้องมาให้ได้นะ/

                ฉันไปอยู่แล้วล่ะน่ะ...แค่นี้...

                หญิงสาวตัดบท กดวางสายอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้เอ่ยอะไรยืดเยื้ออีก ร่างบางโยนโทรศัพท์ลงบนที่นอนอย่างไม่แยแส นี่คือเช้ามืดของวันอาทิตย์ที่เธอควรจะนอนต่ออีกซักนิดเพื่อออกไปเที่ยวยามบ่ายกับก๊วนสาวโสด...แน่นอนว่าเธอต้องการพลังอีกซักเล็กน้อยเพื่อจะลากพี่สาวคนสวยไปด้วยกัน...แต่ว่า...

    Jyounetsu ni fureta nara akumu wo tsunaruite miseru kara…

    มีอะไรอีกหะ...

                /หงุดหงิดอะไรครับเนี่ย...ไม่เอาน่า เดี๋ยวก็แก่กว่าวัยหรอก...ที่รัก/

    เสียงเพลงกรีดร้องขึ้นอีกครั้ง ซาคุยะคว้าโทรศัพท์ กดรับและพูดกรอกสายอย่างหงุดหงิดโดยไม่ได้ดูแม้แต่เบอร์โทรเข้า แต่สิ่งที่ตอบกลับมาแทนที่จะเป็นเสียงของซาวาดะกลับเป็นเสียงทุ้มๆแต่กวนอารมณ์และแฝงความเจ้าเล่ห์แทน

    คุณเป็นใคร...

                /สายเข้าเซอร์ไพร์ส!เย็นชาจังเลย เบบี๋...เมื่อคืนวานเราเพิ่งจะ...กันมาเองลืมกันแล้วเหรอ/

                คำพูดกำกวมของคนปลายสายฉุดความทรงจำที่พยายามทำให้ถูกลืมไปชั่วคราวตลอดทั้งวันนี้ผุดขึ้น หญิงสาวนิ่งอึ้งด้วยความตกใจ ตัวสั่นเทิ้มตอบกลับเสียงสั่นพร่า

    นี่...คะ...คุณ...เบียคุรัน!”

                /ดีจังเลยที่ยังไม่ลืมคนแรกของคุณนะ...ที่รัก.../

                หยุดนะ...เบียคุรัน! ฉันบอกคุณไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีกและลืมมันไปซะ!”

                นัยน์ตาสีน้ำทะเลลึกวาวโร่ด้วยความโกรธ หญิงสาวลืมตัวตะโกนใส่อีกฝ่ายในโทรศัพท์เนื่องจากถูกอีกฝ่ายสะกิดความทรงจำที่อยากจะลืมมากที่สุด โดยไม่ได้คำนึงถึงว่าพี่สาวที่นอนอยู่ห้องข้างๆอาจจะได้ยินแต่อีกฝ่ายกลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเริงร่าไม่สะทกสะท้าน

                /อย่าดังไปซิที่รัก...เดี๋ยวคนอื่นเขาก็รู้หมดหรอกมันไม่ดีสำหรับคุณหรอกจริงไหม...แต่เอ...ถ้าประกาศไปเลยก็ดีเหมือนกันน้า~/

                คุณต้องการอะไรกันแน่...หญิงสาวเอ่ยเสียงเครียดเมื่อไม่รู้อีกฝ่ายต้องการอะไรแน่

                /...คุณ.../ ชายหนุ่มตอบกลับแบบไม่ต้องรอและคำตอบก็ทำให้หญิงสาวแทบจะกรี๊ดดังๆด้วยความเดือดดาล คิ้วเรียวขมวดมุ่นหญิงสาวตอบกลับเสียงเครียด

                อย่าเล่นลิ้นนะ...คุณ-เบีย-คุ-รัน...

                /ผมก็ไม่ได้เล่นซักหน่อยนี่นา...เบบี๋/

                เรื่องระหว่างฉันกับคุณควรจะจบตั้งแต่เมื่อยี่สิบกว่าชั่วโมงที่ผ่านมาแล้ว...

                /ก็ผมไม่ได้อยากจบซักหน่อย.../

                แต่ฉันอยากจบ...อย่าเจอกันอีกเลย ลืมๆมันไปซะ...

                /ต่อให้คุณอยากจบแค่ไหน...คุณก็จบไม่ได้หรอก...เรายังต้องได้เจอกันอีกอย่างแน่นอน.../

                เลิกยุ่งกับฉันซักที เบียคุรัน! คุณจะพยายามรื้อฟื้นมันทำไม มันเป็นแค่ความผิดพลาดระหว่างฉันกับคุณเข้าใจไหม! มันเป็นแค่ฝันที่เลวร้าย!”

                หญิงสาวตะคอกใส่โทรศัพท์ก่อนเสียงจะค่อยๆอ่อนลงแทนที่ด้วยเสียงสะอื้นน้อยๆ

    น้ำตาค่อยๆไหลออกมา...โดยที่อีกฝ่ายไม่รับรู้

                /...../

                คุณกำลังจะทำให้ความพยายามตลอดทั้งวันของฉันสูญเปล่า...เบียคุรัน...ฉันเกลียดคุณที่สุด...คุณไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าฉันเสียความรู้สึกขนาดไหน...การที่จะทำตัวให้เป็นปกติที่สุดในเวลาที่อยากจะร้องไห้ที่สุดมันลำบากแค่ไหน...ถ้าฉันให้ฉันพบคุณอีกในเวลาอันใกล้นี้...ฉัน....

    ได้โปรดเถอะ...

                หญิงสาวต่อว่าอีกฝ่ายขณะสะอื้นฮักๆ เมื่อรู้ตัวหญิงสาวก็พยายามใช้มือปิดกลั้นเสียงไว้และกดวางสาย...ซาคุยะโยนโทรศัพท์ไปอีกฝากของเตียงสีดำ ซบใบหน้าลงกับฝ่ามือทั้งสองและ

    ร่ำไห้แสดงความอ่อนแอออกมาเพียงลำพัง

     

                อีกฝั่งฟากของบ้านอันเงียบสงบ...บนตึกสูงใจกลางเมืองที่วุ่นวาย แม้จะยังดึกดื่นเพียงนี้แต่ทุกหนแห่งยังดารดาษไปด้วยแสงไฟ บนท้องถนนยังเต็มไปด้วยรถราวิ่งสวนกันไปมา

    แต่ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมขาวไม่ได้สนใจกับภาพเหล่านั้นผ่านผนังกระจกของห้องพักเช่นทุกวัน

    นัยน์ตาสีอเมทริสต์จ้องมองโทรศัพท์ฝาพับรุ่นล่าสุดสีขาวในมือนิ่ง...แม้อีกฝ่ายจะตัดสายไปนานแล้วก็ตามแต่...

                หยุดนะ...เบียคุรัน! ฉันบอกคุณไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีกและลืมมันไปซะ!”

              คุณต้องการอะไรกันแน่...

              เรื่องระหว่างฉันกับคุณควรจะจบตั้งแต่เมื่อสิบกว่าชั่วโมงที่ผ่านมาแล้ว...

              แต่ฉันอยากจบ...อย่าเจอกันอีกเลย ลืมๆมันไปซะ...

              เลิกยุ่งกับฉันซักที เบียคุรัน! คุณจะพยายามรื้อฟื้นมันทำไม มันเป็นแค่ความผิดพลาดระหว่างฉันกับคุณเข้าใจไหม! มันเป็นแค่ฝันที่เลวร้าย!”

              คุณกำลังจะทำให้ความพยายามตลอดทั้งวันของฉันสูญเปล่า...เบียคุรัน...ฉันเกลียดคุณที่สุด...คุณไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าฉันเสียความรู้สึกขนาดไหน...การที่จะทำตัวให้เป็นปกติที่สุดในเวลาที่อยากจะร้องไห้ที่สุดมันลำบากแค่ไหน...ถ้าฉันให้ฉันพบคุณอีกในเวลาอันใกล้นี้...ฉัน....

    ได้โปรดเถอะ...

              ทุกประโยคของหญิงสาวที่ตะคอกใส่เขาผ่านหูโทรศัพท์เมื่อครู่วิ่งวนในหัวของเขา...รวมถึงเสียงสะอื้นในประโยคท้ายๆ...เธอกำลังร้องไห้อย่างงั้นหรือ...

                การต่อต้านของเธอยิ่งทำให้เขาอยากครอบครอง...แรงต่อต้านที่แตกต่างจากทุกคนที่แทบจะศิโรราบต่อเขายามเมื่อได้ใกล้ชิดแต่เธอที่เขาเป็นคนเลือกเองกลับต่อต้านต่อสิทธิ์นั้น...

                ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้ม...ไม่ว่ายังไงเขาก็เลือกเธอแล้ว ต่อให้เธอปฏิเสธยังไงเขาก็จะลากเธอมาร่วมในละครเรื่องนี้ให้ได้... นิ้วเรียวกดปุ่มบนมือถือสองสามครั้งก่อนบนหน้าจอของโทรศัพท์มือถือจะปรากฏสิ่งๆหนึ่งที่ทำให้ดวงตาของชายหนุ่มฉายแววของมุ่งมั่นและทระนงในความเป็นต่อของตัวเองจากสิ่งดังกล่าวออกมา...

                ...คุณไม่มีทางจะจบมันได้หรอก...ซาคุยะ...ตราบใดที่ ภาพ ยังคงอยู่กับผมและตราบใดที่ผมยังไม่ต้องการให้จบ...

                เสียงฝาพับโทรศัพท์กระทบกันดังขึ้นก่อนผู้เป็นเจ้าของจะเหลือบมองหน้าปัดนาฬิกาติดผนังที่แสดงว่าใกล้เวลาที่แสงแรกของวันจะสาดส่อง ชายหนุ่มปิดปากหาวหวอดๆลุกออกจากโซฟาสีขาวเข้าไปยังห้องนอนส่วนตัวของตน นัยน์ตาสีอเมทริสต์ไม่วายฉายประกายวาววับอีกครา

                ...คุณหลีกผมไม่พ้นหรอกไม่ว่ายังไงเราก็ได้เจอกันอยู่ดี...

                ...ชักอยากรู้ซะแล้วสิว่าถ้าถึงตอนนั้นคุณจะทำหน้ายังไง...ที่รัก...

               

     

                ยามเช้ามาถึงช้ากว่าที่หญิงสาวต้องการมากนัก...ซาคุยะที่นอนไม่หลับมาตลอดหลังจากได้รับโทรศัพท์จากคนที่เธอไม่ต้องการจะพบเจอหรือแม้แต่พูดคุยเป็นครั้งที่สองไม่ว่าจะพยายามข่มตาให้หลับลงหรือทำใจให้สบายมากเท่าไรก็ตาม นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเหม่อมองแสงสีทองที่จับปลายขอบฟ้าอันเป็นสัญญาณของรุ่งสาง พลางถอนหายใจ

                ต่อให้คุณอยากจบแค่ไหน...คุณก็จบไม่ได้หรอก...เรายังต้องได้เจอกันอีกอย่างแน่นอน...

                คำพูดของชายหนุ่มวนเวียนในหัวอีกครั้ง คำพูดที่เธอเก็บไปขบคิดจนไม่เป็นอันนอนก่อนหญิงสาวสลัดคำพูดและภาพทั้งมวลของชายหนุ่มไปจากหัว มุมปากบางยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

                ...จะมัวลนลานไปทำไม...ซาคุยะ มิจจิ...ยังเหลือเวลาอีกตั้งวันที่จะทำใจให้สบายและคิดวิธีรับมือกับพ่อเพลย์บอยนั่น...ทำตัวให้เป็นปกติเข้าไว้...

                ซาคุยะเอ่ยปลอบใจตัวเอง ก่อนจะพาร่างอันอ่อนล้าของตนเข้าห้องน้ำไป...และหวังว่าสายน้ำเย็นเยียบกับอากาศยามเช้ามืดจะช่วยบรรเทาความว้าวุ่นในใจได้อีกครั้ง...

               

              Jyounetsu ni fureta nara akumu wo tsunaruite miseru kara…

                เสียงเรียกข้าวของโทรศัพท์ดังขึ้นในยามเช้า ทำให้ซาคุยะและรัลผู้เป็นพี่สาวที่กำลังเตรียมอาหารเช้าสำหรับตัวเองและของเยี่ยมสำหรับผู้เป็นพ่อที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาลขมวดคิ้ว

                ของพี่รึเปล่า... ซาคุยะเอ่ยถามผู้เป็นพี่สาวในขณะที่กำลังง่วนอยู่กับหม้อต้ม หญิงสาวยักไหล่ขึ้นข้างหนึ่งเป็นทำนองว่าตนไม่เกี่ยวก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยต่อ

                คงไม่ใช่ของฉันแน่ๆล่ะ...เพราะแก็งค์ของฉันจะออกเที่ยวกันตอนสายและถ้าเป็นเรื่องงานยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เพราะซาวาดะไม่เคยตื่นก่อนเที่ยง...

                ก็ไม่แน่หรอกน่า...แต่ก็จริง งั้นเดี๋ยวพี่ไปดูก่อนละกัน...

                อื้อ...

                ...ไม่นานนัก รัลก็ย้อนกลับเข้ามาในห้องครัวพร้อมกับมีโทรศัพท์ของเธออยู่ข้างหู เรียวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันและสายตาที่มองมาทางเธออย่างสงสัย ทำเอาซาคุยะรู้สึกไม่ค่อยจะดีเท่าไรนักมือเรียวของพี่สาวยื่นโทรศัพท์มาทางเธอพร้อมกับทำหน้าประหลาดๆ หญิงสาวมองหน้าพี่อย่างไม่เข้าใจอะไรนักแต่ก็รับมาโดยดี...

                ไงครับ...ที่รัก...

                หน้าของหญิงสาวซีดเผือดลงเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย นัยน์ตาสีน้ำทะเลลึกเหลือบมองพี่สาวที่มองมาอย่างจับผิดก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป

                สายเข้าเซอร์ไพร์ส...อึ้งจนพูดไม่ออกเลยเหรอ ฮันนี่

                หุบปากไปเลยคุณ...ฉันจะอ้วก แล้วนี่โทรมาทำไมอีก...

                สามีโทรหาภรรยามันผิดตรงไหน...

                ฉันไม่ใช่ภรรยาคุณ...เก็บไอ้คำว่าสามีกับภรรยาของคุณไปเหอะ...”

                คุณน่ะ...กับผมแล้วนะ ไม่ให้เรียกว่าภรรยาแล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ...

                ถ้าอย่างงั้นคุณก็คงมีภรรยาเป็นร้อยนู้นแหละมั้ง...คุณเบียคุรัน เก็บตำแหน่งภรรยาของคุณไปเถอะ...ฉันไม่ต้องการแล้วอีกอย่าง...

                นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มหรี่ลงเล็กน้อยหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนเอ่ยต่อ ...บางทีเราอาจจะยังไม่ได้อะไรก็ได้จริงไหม... 

                เธอรู้สึกถึงลมหายใจติดขัดเล็กน้อยของอีกฝ่าย รู้สึกดีมากขึ้นที่คำพูดแบบไม่คิดของเธอจะป่วนเขาได้ ดีไม่ดีถ้ามันเป็นเรื่องจริงและเขายอมรับ... เท่ากับว่าเธอไร้มลทินหลังจากนั้นก็ทางใครทางมัน เขากับเธอไม่มีอนาคตหรือสิ่งใดผูกพันร่วมกันแล้วนี่... ถึงตอนนี้เธอก็ไม่แคร์อะไรนักหรอก

                ...ก็มันเสียไปแล้ว ตอนนี้เธอต้องการเริ่มต้นใหม่โดยไม่มีเรื่องของคืนวันนั้นมาเกี่ยวข้องอีก

    ใช่! เธอไม่ได้ต้องการให้เบียคุรันมาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการตื้อให้เธอยอมรับเรื่องที่ผิดพลาดและเล่นไปตามเขา...

                พูดแบบนี้ผมเสียใจแย่เลย...ที่รัก...คุณลืมค่ำคืนอันเร่าร้อนของเราแล้วเหรอ

                ไม่มีเรื่องของคืนนั้นอยู่ในหัวฉันเลยต่างหากล่ะ คุณเบียคุรัน...สิ่งที่มีคือฉันเต้นกับคุณแล้วเมาหลับก่อนจะตื่นเช้ามาแล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่ที่ไหนไม่รู้กับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่นาที

                ว้า...น่าเสียดายจัง งั้นลองมาย้ำความทรงจำอีกซักรอบสองรอบดีมั้ย

                หุบปากแล้วอย่ามายุ่งกับฉันอีก...

                หญิงสาวเอ่ยเสียงเย็นพร้อมกับกดตัดสายอย่างรวดเร็วก่อนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย...

     

                เมื่อไรจะหาแฟนควงมาให้พ่อดูได้ล่ะ...

                คำถามแรกจากผู้เป็นพ่อในวันเยี่ยมสุดสัปดาห์ที่น่าจะคุยกันเรื่องอื่นทำเอาซาคุยะและรัลหน้าตึงได้ไม่ยากนัก มีดที่ในตอนแรกนั้นปอกเปลือกผลไม้ บัดนี้แทงทะลุเนื้อผลไม้นั้นไปเสียแล้ว

                ไม่มีเรื่องอะไรจะคุยแล้วรึไงพ่อ

                รัล มิจจิเอ่ยขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว นัยน์ตาสีเปลือกไม้วาวโร่ด้วยความไม่สบอารมณ์ผิดกับน้องสาวที่นิ่งเงียบหากแต่สับผลไม้ในมือเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยตามอารมณ์ที่คุกกรุ่น

                เสียงเรียกเข้าเพลง Burning Prayer ดังขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำเงินดูแช่มชื่นขึ้นเล็กน้อยด้วยหวังว่าจะเป็นสายของเพื่อนสาวหรือเรื่องงานที่จะทำให้เธอปลีกตัวไปจากผู้เป็นพ่อ หากแต่เมื่อเปิดดูหน้าจอและพบกับหมายเลขที่คุ้นตาทำให้ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดลงและรีบออกจากห้องไป...

                คุณจะโทรมาอีกทำไมไม่ทราบ...

                ซาคุยะกดรับสายด้วยมือที่สั่นเทาก่อนจะต่อว่าปลายสายโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเอ่ยชี้แจงอะไร ร่างทั้งร่างสั่นระริกด้วยอารมณ์โกรธ ทั้งโกรธพ่อและเขาด้วย

                อะไรกันล่ะที่รัก...หงุดหงิดมาเชียว...

                เลิกโทรมาหาฉันได้แล้วคุณ-เบีย-คุ-รัน...ฉันไม่อยากให้ใครรู้หรอกนะ

                ก็อย่ารับสายผมซิ...

                ...คำพูดไม่กี่คำของเขากำลังทำให้เธอสติแตก... ซาคุยะคิดอย่างหงุดหงิดพลางพยายามสะกดลมหายใจที่หอบถี่ให้เป็นปรกติเพื่อที่จะสงบสติอารมณ์ของตัวเองด้วย

                ล้อเล่นน่าที่รัก...ถึงคุณไม่รับผมก็จะกระหน่ำโทรจนคุณรับนั่นแหละ...

                โรคจิต...ว่างมากนักรึไงคุณน่ะ...

                ปากไม่ดีเลย...อยู่ใกล้ๆจะจูบสั่งสอนซะที...

                กลัวตายล่ะ...ไปอยู่กับแม่คู่ขาคนอื่นของคุณซะไป แล้วก็เลิกโทรตอแยฉันซักที...

                กล้าท้าทายผมเหรอ ที่รัก เดี๋ยวผมก็ไปแสดงตัวกับว่าที่พ่อตาซะเลย...

                หมายความว่ายังไง...

                หญิงสาวเอ่ยเสียงพร่า... มือเรียวที่กำโทรศัพท์ชื้นไปด้วยเหงื่อ ใบหน้างามซีดเซียวลงด้วยความตื่นตระหนก

                แหม...ถึงกับตกใจเลยเหรอ ผมก็แค่อยากจะบอกคุณว่าผมอยู่ใกล้ๆคุณนั่นแหละ ที่รัก...แล้วก็นะ... อีกฝ่ายเว้นช่วง อกซ้ายของหญิงสาวเต้นรัวเร็วด้วยความหวาดหวั่น

                ผมน่ะรู้เรื่องปัญหาของคุณแล้วด้วย...แหม...ถ้าต้องการใครล่ะก็บอกผมก็ได้นี่ ผมยินดีเป็นแฟนให้คุณอยู่เสมอแต่คุณสนข้อเสนอของผมรึเปล่าล่ะ...

                โดยไม่ทันได้ตอบอะไรอีกฝ่ายก็ชิงตัดสายไปเสียก่อนทิ้งให้หญิงสาวยืนกำโทรศัพท์นิ่งด้วยความสับสน งุนงงและหวั่นกลัว จนกระทั่งเสียงเพลง Burning Prayer ดังขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวจึงค่อยได้สติกลับคืนมา นัยน์ตาสีน้ำเงินเหลือบมองหน้าจออย่างหวั่นๆก่อนจะโล่งอกเมื่อพบว่าเป็น

    เบอร์ของโคโรเนโร่ เพื่อนชายในกองทัพของพี่สาว

                สวัสดีค่ะ...พี่โคโรเนโร่

                ซายะใช่ไหม...ขอถามอะไรหน่อยสิ เสียงของอีกฝ่ายออกกระตือรือร้นทำให้หญิงสาวต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัยก่อนจะคลายออกเมื่อนึกถึงข้อที่ว่านิสัยของคนปลายสายออกจะไฮเปอร์เสียหน่อย พี่สาวเธอ...เอ่อ...รัลน่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหนเธอรู้ไหม           

                เดี๋ยวนี้ไม่มีคำนำหน้าแล้วเหรอ... ซาคุยะกระเซ้ายิ้มๆ อัพเกรดขึ้นเยอะเลยนี่...พี่ชาย

                ...ก็เพราะอย่างงี้ไงหล่ะ รัลถึงได้หนีพี่มา...เว้ยเฮ้ย

                ฮะ...ว่าไงนะ...

                ปละ...เปล่า...ไม่มีอะไร แล้วตกลงว่ายังไงล่ะ รู้รึเปล่าว่ารัลอยู่ไหน

                พี่รัลอยู่กับฉัน...เขาลางานกลับมาเยี่ยมพ่อ นี่ พี่ไม่รู้เรื่องเรอะ

                ......   รีบมาหน่อยก็ดี...ตอนนี้พ่อบังคับให้ฉันกับพี่หาแฟนอยู่หละ...ระวังไว้

                เมื่ออีกฝ่ายเงียบ หญิงสาวจึงเอ่ยต่อและกดตัดสายเสียเพราะบทว่าเงียบไปอย่างนี้ก็คงอีกนานหละกว่าจะเปิดปากพูด...เพราะพ่อพันเอกแกกำลังใช้ความคิดอยู่น่ะสิ...

                หญิงสาวถอนหายใจออกมาเล็กน้อยด้วยความเหนื่อยล้าก่อนจะสาวเท้าเดินออกจะระเบียงไปในใจก็ขบคิดถึงเรื่องข้อเสนอที่อีกฝ่ายพูดถึง

                ...ถ้าหากเธอไม่เจอเขาวันหยุดของเธอก็คงไม่ยุ่งยากลำบากใจอย่างนี้หรอก....

                           

                ชายหนุ่มยิ้มอย่างพึงใจในผลงานของตนขณะมองตามร่างบางไปจนลับสายตา ความจริงเขาอยู่ใกล้ตัวเธอมากกว่าที่เธอคิดด้วยซ้ำไปเพียงแต่เธอมองไม่เห็นเขาเท่านั้นเนื่องจากมีเสาบังสายตาเธอไว้...ดูเหมือนเทพธิดาแห่งโชคลาภเปิดทางให้เขาเป็นอย่างดี เมื่อเธอบังเอิญมาเยี่ยมพ่อในเวลาที่ไล่เลียกันกับที่เขามารับน้องชาย... แน่นอนล่ะ...เขาได้รับรู้เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับ  ปัญหาที่ตัวเธอพบเจอแล้วแถมยังได้เฝ้ามองปฏิกิริยาของเธออย่างใกล้ชิด...

                ...การที่จะทำให้เธอยอมรับข้อเสนอที่เขายื่นให้อย่างเต็มใจเริ่มง่ายขึ้นมาอีกนิด...

                ทำอย่างนี้คงไม่ดีเท่าไรมั้งครับ...

                เสียงจากโชอิจิดังขึ้นพร้อมกับแสงสะท้อนจากแว่นสี่เหลี่ยมขอบมนที่เจ้าตัวดันขึ้นให้อยู่ในตำแหน่งที่สมควร โหมดเครียดๆที่เขาไม่ค่อยเจอนักจากน้องชายคนนี้

                พี่คิดจะทำอะไรอยู่...

                แล้วนายจะรู้เองล่ะน่า...โชจัง...

                จะคิดจะทำอะไรก็ช่วยบอกกันบ้างเถอะ พี่ชาย...ผมไม่อยากมีปัญหา...

                อ่านะ...จะพยายามไม่ให้มีละกัน...

                พี่ครับ... โชอิจิเอ่ยเสียงนิ่งมรกตใต้กรอบแว่นเครียดเคร่ง คนๆนั้นไม่ใช่คนที่พี่คิดจะ เล่น ด้วยได้ง่ายๆนะครับ...ถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมาเราได้มีปัญหากับซาวาดะและวองโกเล่แน่...ซึ่งผมไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น...

                ก็ใครว่าพี่เล่นล่ะน้องชาย... เบียคุรันเอ่ยด้วยน้ำเสียงระรื่นหากอเมทริสต์คู่สวยกับส่องประกายเจ้าเล่ห์จนโชอิจิเริ่มไม่สบายใจ

                ผมขอเตือนว่าอย่ายุ่งกับเธอจะดีกว่าครับ...ผมไม่รู้ว่าพี่มีอะไรๆกับเธอรึเปล่าแต่ว่า...

                ขอโทษทีที่ไม่สามารถเลิกยุ่งกับเธอตามที่ขอไม่ได้นะ...น้องชายเพราะเธอคือคนที่สำคัญที่สุดใน ละครเรื่องนี้ ...จะพยายามไม่ให้ปัญหากระทบกระทั่งก็แล้วกัน เอ...บางทีมันอาจจะทำให้อะไรๆดีขึ้นมากกว่าเดิมก็ได้นะ...

                หมายความว่าไงครับ

                เอาไว้เดี๋ยวนายก็รู้เองแหละ...แล้วก็นะ... ร่างสูงเหวี่ยงเสื้อสูทสีขาวขึ้นพาดบ่าแล้วใช้นิ้วมือเกี่ยวคอเสื้อไว้ เอ่ยทิ้งท้ายพลางทำหน้าทะเล้น

                เอาเวลาไปพิชิตใจผู้ช่วยสุดสวยของนายก่อนดีกว่า...ใช้บุคคลิกที่สองของแกให้เป็นประโยชน์ล่ะไอ้น้อง...พี่ชายไปก่อนนะ...

                ขาดคำชายหนุ่มผมขาวก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะสวนกับชิโอริ ผู้ช่วยสาวของ

    โชอิจิที่ยังคงความเคร่งขรึมภายใต้แว่นกรอบเหลี่ยมและผมรวบเป็นมวยตึงเปรี๊ยะที่เดินเข้ามา

    ทำเอาหญิงสาวงงเล็กๆกับอาการหัวเราะร่าแถมยังมีแอบขยิบตาให้เจ้านายของเธออีกด้วย

                อะไรหรือคะหัวหน้า คุณเบียคุรันเธอเป็นอะไรหัวเราะร่าไปเชียว แล้วเมื่อกี้คุยอะไรกันคะ

                เรื่องนั้นอย่าไปรู้เลยครับ...คุณชิโอริ...

                โชอิจิบอกปัด ...เรื่องอะไรล่ะจะบอก เรื่องน่าอายพรรค์นั้น...ความลับชั้นท็อปคลาสของเขาเลยด้วยซ้ำไป...สักวันถ้าถึงเวลาแล้วค่อยให้รู้เองละกัน...

                แล้วนี่รถก็ใกล้จะมาแล้วล่ะคะ...พวกเรารีบลงไปเถอะค่ะ...

                ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนเดินนำอีกฝ่ายไป รู้สึกหวั่นๆในใจเหมือนกับว่าพี่ชายตัวดีกำลังทำเรื่องป่วนๆอะไรอยู่โดยที่เขาไม่อาจรับรู้และห้ามปรามได้

     

                นี่...ซาคุยะ...คนที่โทรมาหาเธอเมื่อเช้าน่ะ...

                หืม...

                รัล มิจจิเอ่ยถึงเรื่องโทรศัพท์ที่เมื่อเช้าตนรับสายแทนขึ้นในห้องผู้ป่วย ขณะที่ผู้เป็นน้องสาวกำลังหมกมุ่นกับงานในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่นำมากับผู้เป็นพ่อ

                ซาคุยะขานรับพี่สาวด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแม้ในใจจะเต้นโครมคราม ด้วยไม่รู้ว่าพี่สาวจะได้รับฟังอะไรมา นัยน์ตาสีน้ำเงินเบนออกจากหน้าจอเพื่อสบกับนัยน์ตาสีเปลือกไม้ของผู้เป็นพี่สาว

                ...และดูเหมือนว่านัยน์ตานั้นกำลังฉายแววสนุกสนานอยู่เลยล่ะ...

                ทำไมรึ...รัล... เสียงของพ่อดังขึ้นแทรก นัยน์ตาสีเปลือกไม้ของชายสูงวัยเปล่งประกายผิดกับตลอดเวลาที่ดูอิดโรย

                ...ทำไมเธอถึงเห็นริมฝีปากของพี่สาวเหยียดยิ้มแบบชั่วร้าย มีออร่าทะมึนๆรอบกายพร้อมกับเขี้ยว ปีกแล้วก็หางปีศาจกวัดไกวไปมากันนะ...

                เขาบอกว่าเป็นแฟนเธอน่ะ...จริงรึเปล่า เห็นว่าชื่อ...อืม...เบียคุรัน...นี่ล่ะมั้ง

                จริงรึ รัล...

                ค่ะ พ่อ...เขายังพูดฝากตัวกับฉันเสียดิบดีแน่ะ...

                ราวกับโลกพลิกกลับตาลปัตร หญิงสาวรู้สึกเวียนหัวและปวดมวนในท้องอย่างบอกไม่ถูกเมื่อพี่สาวเล่นโจมตีแบบไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้ สายตาของพ่อที่มองมาทางเธอนั้นมันดูเหมือนเปล่งประกายไปด้วยความหวัง...และประกายนั่นกำลังทำให้ชีวิตเธอดับมืด...

                แฟนลูกจริงๆเหรอ ซาคุยะ...วันหลังพามาแนะนำให้พ่อรู้จักบ้างสิ

                ในตอนนี้หญิงสาวไม่อาจจะตอบอะไรไปได้เลย นอกจากคลี่ยิ้มจืดชืดให้ผู้เป็นพ่อ...ในใจนั้นพายุแห่งความไม่พอใจกำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ ใช่ เธอโกรธพี่สาวของเธอในส่วนหนึ่งที่จงใจจะใช้เรื่องนี้มาผลักความสนใจของพ่อให้มาทางเธอแต่เหนืออื่นใดเธอโกรธ ตัวการที่ไม่รู้ว่าไปมีความสุขอยู่ที่ไหนหลังจากที่คุยโทรศัพท์กันครั้งสุดท้ายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

                ...เบียคุรัน คุณกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่... หญิงสาวครุ่นคิด มือเรียวกำแน่นจนเจ็บจิกเข้าไปในเนื้อด้วยแรงอารมณ์

                ...รัล มิจจิไม่เคยหวาดหวั่นอะไรมากเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิตถ้าไม่นับเรื่องที่พ่อเธอหวัง แม้แต่ความตายคนที่เคยยืนอยู่กลางสนามรบอย่างเธอก็มองมันเป็นแค่เพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นแต่ในตอนนี้เธอกลัวใจของน้องสาวเป็นที่สุด... นัยน์ตาสีน้ำเงินครามที่ตวัดมองมาเพียงชั่วครู่นั้นมันไม่ได้กราดเกรี้ยวแต่มันสงบนิ่งราวกับท้องฟ้าก่อนเกิดพายุใหญ่อีกทั้งยังมือที่กำแน่นจนเธอกลัวว่าเล็บจะจิกเข้าไปในเนื้อนั่นอีกเล่า...

                น้องสาวเธอแต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนที่กักอารมณ์เอาไว้จนได้ที่ถึงจะระเบิดออกซึ่งผิดกับเธอที่จะระเบิดออกมาทันที ถ้าไม่สังเกตก็จะไม่รู้เลยว่าพายุร้ายกำลังก่อตัวในไม่ช้าสำหรับเธอที่เป็นพี่สาวเธอย่อมรู้ดีว่าการที่แววตาของซาคุยะนั้นเงียบสงัด ถ้ามีของอยู่ในมือละก็ของนั่นจะกลายเป็นแค่เศษซากไปในทันทีแต่ถ้าไม่เธอจะกำมือแน่นจนเล็บจิกเนื้อเลือดซิบ...แต่เธอต้องรับมือกับการโต้กลับแบบไหนกันนะ...

                คงจะเป็นการล้อเล่นกันมากกว่าเพราะหนูเพิ่งจะเจอเขาที่ผับเมื่อวานก่อนเอง...

                งั้นหรอกรึ...ไปเจอกันยังไงล่ะ

                เจอกันบนฟลอร์น่ะคะ เผอิญว่าดื่มมากไปหน่อยเลยไม่ทันระวังตัว...

                ซาคุยะพยายามอธิบายกับผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงปกติแต่ภายในใจนั้นถ้าเธอใช้ภาพลวงตาเป็นเธอจะสลายร่างเป็นผีเสื้อแล้วบินหายไปให้รู้แล้วรู้รอด ทั้งๆที่อยากจะลืมแล้วแท้ๆแต่ทำไมเธอต้องมารื้อฟื้นมันอีกล่ะนี่

                เขาเป็นยังไงบ้าง...

                ไม่คิดหวังค่ะ...พ่อคงไม่อยากให้หนูคบกับเพลย์บอยหรอกใช่ไหม...

                งั้นหรือ... ประกายตาของพ่อดูหงอยเหงาลงไปอย่างเห็นได้ชัด น่าเสียดายจริง...

                คงถึงเวลาแล้วที่เธอจะเอาคืนบ้าง ยังมีพี่รัลอีกคนนึงนี่คะ...เมื่อกี้พันเอกโคโรเนโร่เขาโทรหาหนูถามว่าพี่รัลอยู่ไหน...ดูเขาจะเป็นห่วงพี่มากๆเลย พี่ไม่ได้บอกเขาเหรอว่าพี่จะมา...ทำยังกะคนงอนแฟนแล้วหนีมางั้นแหละ...อ่ะ พ่อคะ พอดีนึกขึ้นได้ว่ามีเอกสารบางส่วนค้างอยู่ที่ออฟฟิศ หนูขอตัวก่อนนะคะ...พี่รัลกลับได้ใช่ไหม...ไปนะ บาย

                หญิงสาวพูดติดกันโดยไม่เว้นช่องว่างให้ใครได้แทรกกลาง พอดีกับที่คอมพิวเตอร์กลับเข้าไปนอนในกระเป๋าถือสีดำ พูดจบซาคุยะก็รีบจรลีออกจากห้องไปโดยไม่ทันให้ใครได้รั้งตัวเธอไว้

                หลังจากออกจากห้อง รอยยิ้มจุดขึ้นบนมุมริมฝีปากของหญิงสาว หากอุปาทานก็คงจะเห็นหางปีศาจกวัดแกว่งไปมาเบื้องหลังของหญิงสาว อย่างน้อยการแกล้งคืนพี่สาวก็ทำให้เธอ

    รื่นเริงขึ้นมาได้บ้างและเธอมั่นใจว่าพี่สาวไม่มีทางโกรธเธอเพราะคนที่เริ่มก่อนก็คือผู้เป็นพี่

                ...ขอให้โชคดี รักษาตัวรอดละกันนะคะ พี่สาว...

     

                เสียงเพลง Burning Prayer ดังขึ้นอีกครั้งบนทางเดินไร้ผู้คน หญิงสาวที่กำลังยิ้มร่าต้องหุบยิ้มโดยฉับพลันพร้อมกับควักโทรศัพท์ฝาพับสีดำในกระเป๋ากางเกงยีนส์สีดำขึ้นมา

                เพียงเห็นเบอร์ หญิงสาวก็ต้องเบือนหน้าหนีพร้อมกับเลือกที่จะกดเงียบเสียงและทำเป็นไม่ใส่ใจแรงสั่นสะเทือนจากโทรศัพท์เครื่องเล็กในมือก่อนจะรีบสาวเท้าอย่างฉับไว

                ...ทำไมต้องโทรมาตามรังควาญกันด้วยนะ อีตาเพลย์บอยประสาทเอ๊ย...ซาคุยะคิดในใจอย่างหงุดหงิดเมื่ออีกฝ่ายยังคงกระหน่ำโทรอย่างไม่ยอมแพ้ง่ายๆจนตอนนี้ปรากฏมิสคอลซึ่งเป็นเบอร์ของชายหนุ่มเพียงผู้เดียวนับสิบสาย

                แรงสั่นสะเทือนหายไปแล้วทำให้หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะเดียวกันหญิงสาวก็ย้ายตัวเองเข้าไปอยู่ในลิฟท์และกดเลือกชั้นใต้ดินที่เป็นลานจอดรถ...แต่ก็สบายใจได้แค่แปบเดียวเท่านั้นเพราะไม่นานก็มีเสียงข้อความเข้ามาและในทันทีที่เปิดอ่านเธอก็แทบอยากจะกรีดร้องให้ลั่น

                รับโทรศัพท์ผม เดี๋ยวนี้! ถ้าไม่ผมก็ไม่รับประกันนะว่าจะสะกดใจไม่ให้ลากคุณมาจูบกลางโรงพยาบาลได้ไหม...เบียคุรัน สามีของคุณ

                อะ...อีตาบ้า อีตาเพลย์บอยบัดซบ อีตาประสาท...อย่าให้ฉันเจอคุณนะ...

                หญิงสาวเข่นเขี้ยวอย่างเดือดดาลพร้อมกับสวดเจ้าของข้อความที่ส่งมาแบบหน้าไม่อายนั่นไม่ยั้ง โทรศัพท์มือถูกกำแน่นจนแทบแหลกจนรู้ตัวหญิงสาวจึงค่อยๆคลายมือออกด้วยเกรงว่ามันจะพังเสียก่อน...แต่บางทีพังๆไปซะก็ดีเหมือนกัน

                ...อีตาเพลย์บอยนั่นจะได้เลิกยุ่งกับเธอซะที...

                หญิงสาวเอนหัวพิงพนังโลหะเย็นเยียบของลิฟท์อย่างอ่อนล้า คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ในคืนเมื่อวานที่ผ่านมา...นึกโทษทุกอย่างที่ทำให้เธอต้องมาเจอกับการระรานของเบียคุรันแบบนี้

                เพราะผับ...เพราะไวน์ขวดนั้น...เพราะฟลอร์...เพราะเพลงช้านั่น...เพราะเรื่องบ้าๆนั่นที่พ่อเธอยัดเยียดให้ทำ...เพราะเขา...เพราะเธอ...

                สองมือของหญิงสาวยกขึ้นโอบกอดตัวเอง ใบหน้าของเธอดูอ่อนล้า ความคิดหมุนวนมาที่ตัวเอง...และโทษตัวเอง...เป็นเพราะตัวเธอเองที่เลือกจะเล่นกับเขา...

                ...มันเป็นความผิดพลาดของเธอทั้งหมด...และเธอก็ควรจะแก้ไขมันด้วยตัวเอง...

                เสียงของลิฟท์ที่เปิดออกพร้อมกันกับที่โทรศัพท์ในมือสั่นสะเทือนอีกครั้งกระชากหญิงสาวจากวังวนความคิดของตนเอง ซาคุยะก้าวออกจากลิฟท์ตรงไปยังรถสปอร์ตสีดำมันวับของตนด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวแต่ก็จำเป็นที่ต้องกดรับสาย....

                มีอะไร...หญิงสาวทักทายปลายสายด้วยคำพูดที่บ่งบอกถึงความไม่เป็นมิตรและน้ำเสียงที่กดต่ำอย่างหงุดหงิด

                ว้าว...ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะขับรถสปอร์ตด้วย แหม แถมยังใจตรงกันอีกต่างหากรุ่นเดียวกันเลยนะเนี่ยแต่ทำไมเป็นสีดำน้า...อย่างคุณน่าจะเหมาะกับสีน้ำเงินมากกว่านะ น้ำเงินที่เป็นประกายเหมือนดวงตาของคุณ

                ถ้าโทรมาแค่จะชมรถละก็ฉันจะวางละนะ...อีกอย่างฉันเซ็งสงครามประสาท...

                ซาคุยะบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย...แต่ในแวบหนึ่งเธอก็อดจะคิดถึงรถสปอร์ตสีขาวคันนั้นขึ้นมาไม่ได้...

                คุณนี่ประสาทแข็งเป็นบ้า...

                คงใช้แผนแบบนี้มาเยอะล่ะสิ...เสียใจคุณยังไม่รู้จักฉันดีพอ...

                ความจริงแล้วก็แค่ปากเก่งไปเท่านั้น...เธอรู้สึกหลอนๆตั้งแต่โทรศัพท์ที่ระเบียงแล้วด้วยซ้ำไป...แต่ใครจะไปยอมรับให้เสียฟอร์มล่ะ...

                หญิงสาวแทรกตัวเข้าไปนั่งในรถคันหรูของตนพลางสอดส่ายสายตาหารถสปอร์ตสีขาวที่คุ้นตา...ขณะที่ยังคงคุยกับอีกฝ่ายแบบเรื่อยๆ...

                ผมไม่เคยต้องมาตามโทรศัพท์ตื้อใครหรือคอยสโตรกแบบนี้เลยนะ...คุณน่ะเป็นคนแรกเลยนะที่ผมทำแบบนี้...ยังไงก็ช่วยใจอ่อนหน่อยเถอะน่า...

                ถือว่าเป็นเกียรติ...แต่ช่วยเก็บไปไกลๆเลย...ถ้าต้องรับมือคุณรูปแบบนี้ทุกวันมีหวังฉันประสาทกินตาย...

                ผมไม่เคยหยุดรูปแบบการจีบของตัวเอง...ไม่แน่พรุ่งนี้เช้าผมจะไปเจอคุณตัวต่อตัวเลยก็ได้น้า...

                อย่าพูดเป็นลางได้ไหม...ให้ตายเถอะแค่นี้ขนฉันลุกซู่ไปหมดแล้ว...เมื่อไรคุณจะเลิกยุ่งกับฉันซักที...

                ก็จนกว่าคุณจะรับข้อเสนอผมนั่นแหละนะ...

                แล้วไอ้ข้อเสนอที่ว่ามันคืออะไรล่ะ...

                ซาคุยะเอ่ยถามในทันทีพลางขมวดคิ้วเรียวจนแทบจะเป็นปม...ไอ้เรื่องข้อเสนอเธอก็สงสัยตั้งแต่หลายชั่วโมงก่อนที่เธอคุยโทรศัพท์กับเขาที่ระเบียงนั่นแล้ว

                มาเป็นแฟนผมไงล่ะ...

                จะบ้ารึคุณ!!!” หญิงสาวตวาดแว้ดทันทีเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยข้อเสนอของตนออกมา ฉันกับคุณเพิ่งจะรู้จักกันเมื่อวานนี่เองด้วยซ้ำไป...

                แต่เราก็...

                เงียบปากไปเลยคุณ...ฉันไม่อยากฟัง ลาก่อน...

                ซาคุยะกดปุ่มตัดสายพร้อมกับบล็อคเบอร์ของชายหนุ่มอย่างไม่รอรีก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกจากโรงจอดรถไปอย่างรวดเร็ว...ในใจของเธอตอนนี้นั้นเต้นระรัวด้วยความสับสน...

                ...ข้อเสนอแบบนี้... หญิงสาวคิดในใจเอนหลังพิงพนักเบาะหนังอย่างอ่อนล้าปล่อยให้รถเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆจนออกนอกตัวเมืองอันแสนวุ่นวาย...

                ...ถึงเธอคิดจะแก้ไขความผิดพลาดที่ได้ทำลงไปด้วยการลองคุยกับเขาเพื่อจบมันแต่เธอก็ไม่ได้ต้องการให้มันจบลงที่การผูกมัดตัวเธอกับเขาเข้าด้วยกัน ถึงมันจะเป็นข้อเสนอที่เย้ายวนอยู่ไม่น้อยก็ตามแต่...แต่ทั้งเธอและเบียคุรันต่างรู้จักกันเพียงผิวเผินในผับคืนนั้นเท่านั้น

                ...คนที่จะเป็นคนรักกันก็ต้องรู้จักกันอย่างลึกซึ้ง ต่างรับในตัวตนของกันและกันได้และผูกพันกันมาอย่างยาวนาน... นั่นคือนิยามของความรักระหว่างชายหญิงที่เธอเข้าใจ

                แต่เธอมันก็เกลียดผู้ชายอีกอย่างคนอย่างเขาคงหยุดกับใครได้ไม่นาน แค่ขั้วนิสัยก็ไปกันคนละทิศละทางแล้ว หากฝืนคบกันไปท้ายที่สุดคงเป็นเธอที่ต้องเสียน้ำตา...

                ...เธอควรจะทำยังไงดีนะ...

              Jyounetsu ni fureta nara akumu wo tsunaruite miseru kara…

                โทรศัพท์ที่เงียบไปนานดังขึ้นอีกครั้งแต่นั่นทำให้หญิงสาวกลับคืนจากภวังค์ความคิดอันวกวน นัยน์ตาสีไพลินเหลือบมองหน้าปัดขนาดเล็กที่โชว์ชื่อของคนโทรเข้ามา

                ...Reborn – Brother...

                เพียงแค่นั้นนิ้วเรียวก็เอื้อมหยิบมือถือมากดรับอย่างไม่รีรอ ถ้ารอรีวันจันทร์เธอคงเจอ

    ชุดใหญ่แหงแซะ...แค่คิดก็สยองแล้ว

                กว่าจะรับได้นะ... เสียงทุ้มจากปลายสายเอ่ยขึ้น เสียงระรื่นแต่เจือความหงุดหงิดกลายๆ

                ช่วงนี้พวกโรคจิตมันชุม...แล้วมีธุระอะไรล่ะ...พี่ชาย...

                รัลกลับมาแล้วเหรอ...

                ไปมุดอยู่ในกระดองที่ไหนมา... ซาคุยะเหยียดยิ้มกับตัวเองก็นานๆทีจะมีโอกาสได้จิกกัดคนตัวสูงปลายสายที่มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่...รีบอร์น ผู้บริหารที่ปรึกษาของวองโกเล่ที่อายุน้อยแต่กับเก่งฉกาจขนาดประธานบริษัทซาวาดะกรุ๊ป... ขนาดพี่โคโรเนโร่ยังรู้ก่อนเลย...

                ไอ้ทหารไก่อ่อนนั่นเรอะ... เสียงปลายสายแสดงความฉุนเฉียวออกมาอย่างชัดแจ้ง นี่ล่ะจุดอ่อนที่เธอชอบเอามาแหย่เขาล่ะ...รีบอร์นกับโคโรเนโร่เป็นคู่กัดกันมานาน แม้จะไม่ค่อยไปฉะกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อนเพราะทำงานกันคนละสาย แต่คนทั้งคู่ก็ไม่ชอบนักที่จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับอีกฝ่าย...

                ถ้าจะโทรมาคุยเรื่องเจ๊ ฉันจะวางแล้วนะ...

                เดี๋ยว...งานมิลฟีโอเล่ที่จะประชุมกันจันทร์นี้...จะมีผู้บริหารจากฝ่ายนู้นร่วมประชุมด้วย

                ไม่น่าจะมีปัญหานี่ทุกทีก็เป็นคุณอิริเอะกับสปาน่า...

                อิริเอะไม่สามารถมาร่วมประชุมได้เพราะถูกแพทย์สั่งระงับการทำงานไปก่อน กลัวโรคจะกำเริบ ทางนู้นเลยส่งคนมาแทน...

                ใคร...

                กล้วยไม้ขาวน่ะ...ยังไงก็ช่วยค้นไฟล์รายงานนำเสนอเก่าๆให้หน่อยนะเพราะเขาเพิ่งจะมาไม่รู้เรื่องของทางนี้มากนักไม่เหมือนอิริเอะ เธอคงต้องคอยดูแลเขาหน่อย...แล้วก็แพลนงานฉลองพันธมิตรมิลฟีโอเล่...

                กำลังทำอยู่...แต่คงได้ไม่มากเพราะยังไม่ได้ประชุมจะร่างคร่าวๆไว้ก่อนไม่ลงรายละเอียดตายตัวนะ...แค่นี้ใช่ไหมพี่ชายจะได้รีบกลับไปทำงานต่อ...

                อืม...แล้วเจอกันวันจันทร์ ขอห้ามกางเกงยีนส์เข้าร่วมประชุมนะ...

                เสียงอีกฝ่ายตัดสายไปพอดีกับที่เธอขับรถถึงบ้านอันแสนสงบ หญิงสาวลงจากรถจองมุมริมสระน้ำที่เป็นแห่งเดียวที่เย็นพอในช่วงเวลายามบ่ายอันร้อนระอุเพื่อเริ่มลงมือทำงาน

     

                ...เบียคุรันมองมือถือที่มีเพียงเสียงสัญญาณจากเครื่องตอบรับอัตโนมัติ นัยน์ตาสี

    อเมทริสต์เข้มขึ้นจนแทบเป็นสีม่วงสดด้วยความไม่พอใจ รถสปอร์ตสีขาวเริ่มทวีความเร็วขึ้นอย่างน่ากลัว

                ...เธอกล้าปิดเครื่องหนีเขาอย่างนั้นหรือ...

                ซาคุยะพยศได้อย่างร้ายกาจผิดกับทุกคนที่ยอมสิโรราบแก่เขาทันทีที่สบตา มันทำให้อีโก้ของเขาที่เคยมั่นใจว่าผู้หญิงทั้งโลกต้องถูกสยบด้วยเสน่ห์ของเขาลดลงไปกว่าครึ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...แน่ล่ะ อย่างเขาไม่เคยมีซักครั้งที่พลาดหวัง...

                เห็นที เขาคงต้องใช้วิธีอื่นในการสยบเธอบ้างแล้ว...

                ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างหมายมาดชนิดว่าสาวๆเห็นคงต้องหลงใหลในรอยยิ้ม หากแต่รอยยิ้มนั้นกลับคงเป็นเสมือนรอยยิ้มของซาตานชั่วร้ายสำหรับใครอีกคน

    ................................................................................................................
    ได้ฤกษ์อัพซักทีหลังจากวุ่นวายจากงานและกิจกรรมทั้งหลาย
    ยังจำซาคุยะกับเบียคุรัน มาดคุณชายเพลย์บอลจอมหลอกลวงได้อยู่รึเปล่าเอ่ย
    ใกล้จะปิดเทอมก็พยายามจะอัพให้นะคะ
    Ps.อยากได้คนมาช่วยแต่งฟิคอีกกว่า 10 เรื่องที่ร่างไว้...ให้จังเลย
    Ps2.ตั้งแฟมิลี่นักเขียนฟิคขึ้นมาเลยดีไหมเนี่ย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×