คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Fake Chapter III: Last Night and This Morning
Fake Chapter III: Last Night and This Morning
แสงแดดยามเช้าสิ่งเข้าตาสร้างความรำคาญจนต้องพลิกตัวหนี แต่เมื่อพลิกไปวงหน้างามก็ต้องขมวดคิ้วเพราะสัมผัสกับวัตถุบางอย่างที่เธอไม่คุ้นเคยรวมถึงกลิ่นหอมอ่อนๆจากสิ่งๆนั้น
‘เราไม่เคยมีหมอนข้างหรือตุ๊กตาสำหรับนอนกอดนี่’
หญิงสาวคิดในใจพลางขมวดคิ้ว เมื่อวัตถุข้างกายเริ่มเคลื่อนไหวโดยการโอบรัดรอบกาย หญิงสาวครางอือ พลางใช้มือปัดไล่เพราะเธอไม่อยากจะเคลื่อนไหวให้มากนักเนื่องจากตอนนี้หัวของเธอปวดร้าวไปหมดราวกับถูกใครทุบแถมยังหนักอึ้งจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้น
...แน่นอนว่าเป็นอาการแฮงก์จากการรับแอลกอฮอล์เกินขนาด...เธอไม่มีทางเมาเพราะดื่มไวน์แต่ถ้าดื่มแบบกระดกรวดเดียวไม่มีพักอย่างเมื่อคืนก็ทำเอาเมาได้เหมือนกัน...
...รู้งี้เลิกดื่มตั้งแต่ตอนยัยฮานะกับยัยเคียวโกะเตือนก็ดีหรอก...
ซาคุยะคิดในใจก่อนเริ่มรู้สึกแปลกๆเมื่อสัมผัสที่โอบรอบกายหายไปเปลี่ยนเป็นสัมผัสนุ่มๆชื้นๆที่ริมฝีปากก่อนจะไล่ลงมาตามลำคอและบางอย่างที่ป่ายปัดตามหน้าอก
หญิงสาวเบิกตาโพลงเมื่อถูกลุกล้ำ ก่อนจะใช้เท้าดีดคนที่ซบบนอกออกไป เธอมองชายหนุ่มเรือนผมขาวหน้าตาหล่อเหลาที่เปลือยท่อนบน นั่งก้นจ้ำเบ้าบนพื้นพลางสูดปากด้วยความเจ็บปวดอย่างอึ้งๆ ก่อนจะหันมาพิจารณาสภาพตัวเองแล้วก็พบว่า...
“ว๊ายยยยยยยยย!” หญิงสาวกรีดร้องออกมาเล็กน้อยเมื่อพบกับภาพที่ไม่น่าดูนักของตนเอง สภาพที่เรียกได้ว่าเปลือยเปล่า ความจริงแล้วเธออยากจะกรีดร้องให้ลั่นเลยด้วยซ้ำแต่เธอมีสติมากพอที่จะไม่ทำแบบนั้นและรีบคว้าผ้าห่มสีขาวมาปิดกายตนโดยไวก่อนที่ร่างกายจะถูกแทะโลมทางสายตามากกว่านี้
ซาคุยะปกปิดความน่าอายของตน ก่อนจะหันมาทางชายหนุ่มคู่กรณีด้วยดวงตาที่วาวโร่ไปด้วยความโกรธ
“นี่มันอะไรกัน...ที่นี่ที่ไหน...แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น...”
หญิงสาวรัวคำถามใส่ชายหนุ่มผมขาวที่ยังคงมองเธอนัยน์ตาพราว เธอรู้สึกฉุนเล็กๆที่เขาทำท่าเหมือนจะมองให้ทะลุผ้าห่มสีขาวนี่และวิจารณ์เธอในใจ นัยน์ตาสีอเมทริสต์คู่สวยใต้กลุ่มผมสีพิสุทธิ์ทอประกายเจ้าเล่ห์แบบผู้ชายที่เธอไม่เคยชอบ
“ห้องของผมครับ...เราสองคนอยู่ด้วยกันสองต่อสองเมื่อคืน...นี่คุณจำไม่ได้เหรอ...”
เบียคุรันเอ่ยเสียงทะเล้นอย่างไม่กลัวเกรงสายตาที่เหมือนจะบอกว่าเธอสามารถฆ่าเขาได้ทุกเมื่อหากได้ยินอะไรไม่เข้าหู มันทำให้เขารู้สึกว่าเธอช่างแตกต่างและแปลกกว่าคนอื่นในสายตาเขา ไม่เหมือนใครที่เขาเคยควง ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูงพลางใช้มือหนึ่งขยี้ผมสีขาวที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงของตน
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มของเธอวูบไหว เมื่อได้ยินคำตอบของชายหนุ่ม ยิ่งเห็นเขาเต็มตายิ่งทำให้ความทรงจำในคลับเมื่อคืนเด่นชัดและเมื่อมันมาลงเอยในรูปนี้
...มันก็คงเดาเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอก...
“เบียคุรัน...ให้ตายเถอะ...” หญิงสาวสบถกระโดดลงจากเตียงเก็บรวบรวมเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายบนพื้น เบียคุรันเลิกคิ้วแปลกใจกับปฏิกิริยาของเธอ นัยน์ตาสีอเมทริสต์หรี่ลงอย่างครุ่นคิด
...ไม่มีน้ำตา...ไม่มีการฟูมฟายให้รับผิดชอบ...ไม่มีแม้แต่จะยั่วยวนเขาอีกสักนิด...แตกต่างจากสาวๆที่เขาเคยควง...น่าสนใจแฮะ
“ผมจะรับผิดชอบคุณ...”
หนึ่งประโยคจากปากของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวที่เก็บรวบรวมเสื้อผ้าตนชะงักกึก...ส่วนตัวผู้พูดเองนั้นก็นิ่งจนเดาความคิดไม่ถูก...
“หุบปาก...และลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทั้งหมด ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราไม่เคยพบกัน...พับเรื่องรับผิดชอบงี่เง่านั่นไปซะ”
หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบแต่กร้าวแกร่งอยู่ในที...ประโยคที่มาจากร่างบางทำเอาชายหนุ่มอึ้งจนพูดไปออกไปพักใหญ่ด้วยความคาดไม่ถึง...มือเรียวหยิบกระโปรงสีขาวที่กองบนพื้นขึ้น
“แต่ว่า...”
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้เอ่ยโต้ตอบอะไรร่างบางที่รวบรวมเครื่องแต่งกายได้หมดแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว เบียคุรันจึงทำได้แค่อ้าปากค้างก่อนจะหันมองหาเสื้อของตนบ้าง
แกร็ก!
ไม่นานนักเสียงปลดลูกบิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นพร้อมกับหญิงสาวที่ออกมาในชุดเดิมของเมื่อคืน ก่อนนัยน์ตาสีน้ำเงินจะสบกับนัยน์ตาสีอเมทริสต์ของคนที่นั่งคอยบนเตียงอยู่ก่อนแล้ว
ไหล่ของหญิงสาวไหวเล็กน้อยเพราะตกใจแต่ไม่นานก็สงบลง
“เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ...ซาคุยะ...”
“ไม่มีอะไรแล้วทั้งนั้น...ฉันบอกคุณไปหมดแล้ว ก็ทำตามนั้น...”
“แต่ว่า...”
“หุบปากไปเถอะ!” ซาคุยะตวาดแว้ด นัยน์ตาขุ่นมัวอย่างเห็นได้ชัด “ทำเหมือนกับไม่เคยพาผู้หญิงมานอนค้างงั้นแหละ...พ่อเพลย์บอย...” หญิงสาวยืนประจันหน้ากับชายหนุ่มค้อมตัวลงเล็กน้อยเพื่อที่จะจ้องหน้าของอีกฝ่าย มือของหญิงสาวยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมสัน ริมฝีปากบางแย้มยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะ...
เพี๊ยะ! เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังก้องในห้องสี่เหลียมที่มีแต่ความเงียบงันระหว่างคนสองคน หญิงสาวหยัดตัวตรงถอยห่างจากชายหนุ่มหนึ่งก้าวทิ้งรอยฝ่ามือแดงเถือกไว้บนใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย ใบหน้าของเธอนิ่งสงบแต่นัยน์ตาแสดงอารมณ์กราดเกรี้ยวออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ...”
หญิงสาวเอ่ยลอดไรฟัน พยายามสะกดกลั้นความโกรธเต็มที่
“อย่าคิดว่าผู้หญิงทุกคนจะเหมือนคนที่คุณเคยพบ...ฉันไม่ต้องการการรับผิดชอบของคุณไม่ว่าด้วยการกระทำหรือเงิน...ลืมมันไปซะแล้วอย่ายุ่งกับฉันอีก คิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราทั้งสองไม่เคยพบกัน...ถ้าคุณทำได้ ฉันจะขอขอบคุณอย่างสูง...”
หญิงสาวเอ่ยพลางหันหลังให้และก้าวออกจากห้องโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่นิ่งอึ้งอยู่เบื้องหลังเพียงแต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวเธอก็ถูกแรงดึงจากด้านหลังรั้งไว้เสียก่อน
“ให้ผมไปส่งคุณนะครับ...ซาคุยะจัง...”
หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจพลางสะบัดแขนออก “ฉันกลับเองได้...”
“รถคุณอยู่ที่คลับเมื่อคืนนะครับ...ผู้หญิงออกไปคนเดียวคงอันตรายให้ผมไปด้วยดีกว่า...”
“เฮ้!”
ไม่รอให้หญิงสาวเอ่ยอะไรชายหนุ่มก็คว้าแขนของหญิงสาวและพากันออกไปจากห้องของชายหนุ่ม...ซาคุยะขัดขืนด้วยการสะบัดแขนออกเช่นเคยบวกกับสบถเล็กน้อยแต่ก็ค่อยๆเงียบและสงบลงเมื่อถูกจ้องมองจากสายตานับสิบคู่ ณ ล็อบบี้จ้องมองมาเป็นทางเดียว
...การที่มีเบียคุรันมาด้วยก็ดีเหมือนกันแฮะ...
หญิงสาวก้มหน้างุดๆพลางคิดในใจก่อนที่เบียคุรันจะพาออกจากสถานที่อันน่ากระอักกระอ่วนนี้ไป...
“แกมม่า...นั่นพี่เบียคุรันรึเปล่า...”
ยูนิ เด็กสาวผู้ได้รับการขนานนามว่า เจ้าหญิงแห่งมิลฟีโอเล่ เกาะพนักพิงโซฟาหนังสีดำในห้องโถงจ้องมองพี่ชายบุญธรรมพาสาวเดินออกไปจนสุดสายตา ก่อนริมฝีปากจิ้มลิ้มจะเอ่ยถามผู้ดูแลของตน...
“ครับ...น่าจะใช่...ลงมานั่งรอตามปกติเถอะครับ เจ้าหญิง”
แกมม่าเอ่ยปนขัน พลางเสยผมสีทองอย่างอ่อนใจกับกิริยาแบบเด็กๆที่อีกฝ่ายแสดงออกมา...นี่ละนะ เด็ก...ถึงจะแบกตำแหน่งอันหนักหนาหรือว่าวางตัวเคร่งขรึมอย่างไร
...เด็กก็คือเด็ก...
เรื่องพี่น้องคือเรื่องเดียวที่ทำให้สาวน้อยนี้แสดงกิริยาแบบสมวัยได้...ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะถูกเสียงใสๆเอ่ยขัดขึ้นมา
“นี่...แกมม่า...”
“ครับ...”
“พี่สาวคนเมื่อกี้น่ารักดีเนอะ...ถ้าได้เป็นพี่สะใภ้ก็ดีสินะ...”
“ไม่รู้สิครับ...แต่เธอก็แตกต่างกับสาวอื่นๆที่คุณเบียคุรันเคยควง...”
“เห็นเหมือนกันเหรอ...เห็นใช่ม้า...เธอขัดขืนแล้วก็ก้มหน้าตลอดเลยต่างกับยัยผู้หญิงพวกนั้นลิบลับเลย...ไอริสด้วย...”
“โปรดระวังคำพูดด้วยครับ...ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าคงไม่ดีนัก...”
“แกมม่า...”
“ผมรู้ครับ...เจ้าหญิงแต่เรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกันจะดีกว่า”
นัยน์ตาสีน้ำเงินกลมโตจ้องตาสีรัตติกาลของอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะพยักหน้าเบาๆและสงบลง
แกมม่ายิ้มน้อยๆให้กับเจ้าหญิงที่เขาคอยดูแลก่อนจะจูงมือพากันลุกออกจากโซฟาของล็อบบี้ไป
รถสปอร์ตคันหรูสีขาวจอดบริเวณโรงรถของคลับ ชายหนุ่มดับเครื่องยนต์ หญิงสาวที่นั่งนิ่งและมองไปด้านหน้าตลอดทางจึงหันมาทางเจ้าของรถ
“ขอบคุณค่ะ...” หญิงสาวเอ่ยกับชายหนุ่มผมขาวที่มาส่ง ค้อมศีรษะลงตามมารยาทก่อนเตรียมลงจากรถหากแต่ชายหนุ่มรั้งแขนเอาไว้
“เราจะได้พบกันอีกไหม...”
“นั่นเป็นเรื่องของโชคชะตา... ถ้าไม่พบกันอีกจะดีที่สุด ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปและลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้หมด...แต่ถ้าพบกันอีกครั้ง...”
หญิงสาวยิ้มให้ชายหนุ่มเล็กน้อยก่อนประตูของรถสปอร์ตจะเปิดออกและพูดต่อ
“ไม่เคยมีอะไรระหว่างเรา เราไม่รู้จักกัน ลืมฉันไปซะแล้วอย่ามายุ่งกับฉันอีก...ฉันยังคงยืนยันคำเดิม...โปรดทำตามสัญญาที่ฉันขอนี้ด้วย...”
โดยไม่รอฟังคำตอบ ร่างบางลงจากรถสปอร์ตสีขาวและเดินไปยังมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสีดำที่จอดในโรงรถท่ามกลางรถยนต์คันหรูนับสิบ เบียคุรันเลิกคิ้วขึ้นอย่างตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างงามสวมหมวกกันน็อคสีขาวขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันโตและขับออกไป
ภาพของซาคุยะ มิจจิขณะขับมอเตอร์ไซค์สปอร์ตจากไปซ้อนทับกับภาพสาวปริศนาที่เขาพบยามย่ำค่ำของเมื่อวานที่ผ่านมา ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆเอนหลังพิงเบาะรถเอามือก่ายหน้าผาก
...ผมคงลืมคุณไม่ได้หรอกและก็ไม่คิดที่จะลืมด้วย...ซาคุยะ...
เบียคุรันควักมือถือฝาพับสีขาวรุ่นทันสมัยขึ้นมาพลางกดดูรูปในโฟลเดอร์ที่ได้บันทึกเอาไว้ด้วยกล้องคุณภาพสูงของมือถือรุ่นนี้ นัยน์ตาสีอเมทริสต์ฉายแววเจ้าเล่ห์อีกคราพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่ราวกับรอยยิ้มของซาตาน
...ภาพจากเหตุการณ์ของเมื่อคืนนี้...
Last Night...
ในระหว่างที่หญิงสาวอยู่ในช่วงมึนงง ชายหนุ่มยกมือถือสีขาวของตนขึ้นมาเพื่อเก็บฉากจูบนี้เอาไว้และลดลงก่อนหน้าที่เขาจะถอนจูบเพียงเสี้ยวนาที
เบียคุรันไล่มองลึกไปยังดวงตากลมโตสีครามที่ยังเหม่อลอยราวกับอยู่ในห้วงฝันและเปลือกตาก็ปิดลงพร้อมด้วยร่างกายของหญิงสาวอ่อนปวกเปียกราวขี้ผึ้งลนไฟในอ้อมแขน
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ...แผนของเขาเดินไปแล้วหนึ่งก้าว...
“โชคร้ายหน่อยนะครับ...ที่ผมเลือกคุณแล้ว...”
เบียคุรันเอ่ยกับร่างไร้สติในอ้อมแขนราวกับว่าเจ้าหญิงนิทราของเขาจะรับรู้ ในตาสี
อเมทริสต์พราวระยับตามความรู้สึกเปล่งประกายท่ามกลางแสงไฟสลัว ก่อนชายหนุ่มผมขาวจะพาซาคุยะออกไปจากคลับ...
...โดยที่ไม่รู้ว่ามีสายตาของเพื่อนรักจับจ้องอยู่จากอีกมุมและรับรู้ความเป็นไปโดยตลอด...
ยามาโมโตะ ทาเคชิจ้องตามแผ่นหลังของเพื่อนชายผมขาวที่เดินออกไปพร้อมกับเพื่อนสาวของ ‘จำเลยหัวใจ’ ของเขาที่นั่งจ้องเขายังกะจะทึ้งเขาให้เป็นชิ้นทั้งๆที่มือซ้ายของเธอถูกกุญแจมือเหล็กพันธนาการไว้กับมือขวาของเขา
...เบียคุรัน...แกเล่นอะไรของแกเนี่ย...ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำไง...
ชายหนุ่มผมดำขมวดคิ้วขบคิดเรื่องเพื่อนชายที่ถ่ายรูปฉาก Kiss ของตัวเองและพาร่าง
ไร้สติของซาคุยะ มิจจิออกไปมันเป็นเรื่องที่เขาไม่ค่อยชินตานักเพราะเพลย์บอยอย่างเบียคุรัน
ชอบผู้หญิงที่ยอมตามมาเองมากกว่าลักหลับหรือหักหาญน้ำใจก่อนจะสะดุดนึกถึงการพูดคุยระหว่างตัวเขาเองกับอีกฝ่ายเมื่อเกือบหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว
“เฮ้ย...เบียเจอจับหมั้นกับยัยปลิงไอริสนั่นแกยอมเหรอวะ...”
“...ใครว่าฉันจะยอมละ...”
“แล้วแกมีวิธีหลีกเลี่ยงเหรอ...ยัยนั่นน่ะไม่ใช่แค่เกาะหนึบอย่างเดียวซะเมื่อไร...”
“มีสิ...หาแฟนปลอมๆมาเล่นละครซะคน...”
“เฮ้ย...แล้วมันจะหาได้ง่ายๆเรอะ ใช่ว่าคว้าใครมาก็ได้ซะที่ไหน...”
“คืนนี้ฉันชอบใจใคร...ฉันก็จะเลือกคนนั้นนั่นแหละ...”
“ท่าเขาไม่ยอม...”
“ลากขึ้นห้องแล้วแบล็กเมล์ซะ...”
“ขำจริง...ที่พูดเนี่ยคงไม่ทำจริงๆใช่ไหม”
“...ฮะๆไม่ขอรับปากนะ...”
...เล่นกับใครก็ไม่เล่น เล่นกับแม่น้ำแข็งขั้วโลกโหดเงียบ...หากเกิดอะไรขึ้นมาละก็...
“อิตาสารวัตรบ้า! นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่นายจะทำแบบนี้ได้นะ”
เสียงตวาดแว้ดจากซาบาคุโนะ อาเมะที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำให้ชายหนุ่มละความคิดจากเพื่อนชายและเพื่อนสาวของคนตรงหน้ามายิ้มกวนๆให้กับอีกฝ่ายที่เกิดอาการเดือดดาลอย่างเห็นได้ชัด...ก่อนจะเอ่ยประโยคที่จุดสีบนใบหน้าให้กับอีกฝ่ายได้พร้อมกับเขยิบใบหน้าจนเกือบชิดกับใบหน้าของหญิงสาว...
“ผมขอจับกุมคุณในข้อหาลักขโมยหัวใจผม...ทำตัวเซ็กซี่เกินเหตุโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผมและข้อหาหลบหน้าผมตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา...ฉะนั้น ขอควบคุมตัวคุณไว้กับผมจนกว่าจะพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้”
“ไอ้คาสโนว่าเนียน ตาสารวัตรเพลย์บอย...ปล่อยฉันนะ ข้อหาอะไรงี่เง่าที่สุด...”
...ช่างเรื่องของสองคนนั่นเถอะ ตอนนี้เล่นกับจำเลยหัวใจของเขาสนุกกว่าเยอะ...แต่เกิดอะไรขึ้นมาเขาก็ไม่ช่วยหรอกนะ...
เบียคุรันวางร่างอันอ่อนปวกเปียกของซาคุยะวางไว้บนเตียงกว้างภายในห้องนอนของเขาหลังจากใช้เวลากว่าสิบนาทีในการเดินทางจากคลับของเพื่อนรักมายังห้องพักสุดหรูที่อยู่ในตึกมาเลโน่ สำนักงานของบริษัทมิลฟีโอเล่กรุ๊ปสาขาญี่ปุ่น...
ร่างสูงนั่งบนเตียงข้างร่างบางที่ทอดกายหลับใหลโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นไม่ได้อยู่ในที่ๆเป็นของเธอแต่ถูกพามายังสถานที่ที่เป็นของเขา ชายหนุ่มมองร่างบางที่หลับตาพริ้มอย่างไร้เดียงสา
...ให้ตายเถอะ เขาไม่ได้อยาก ‘ลักหลับ’ เธอเลยซักนิด...คนสวยๆแต่ดูหยิ่งๆ ถึงแม้ว่าช่วงในคลับเธอจะดูค่อนข้างเป็นมิตรแต่ก็ยังถือตัวอยู่ไม่น้อยและที่สำคัญ...
...เธอดูไร้เดียงสาเกินไป...
“หะๆ” เบียคุรันหัวเราะเบาๆให้กับความคิดของตัวเอง เขาเป็นอะไรไปกันนะถึงได้คิดถึงเรื่องไร้เดียงสาทั้งๆที่ตัวเองก็เพลย์บอยพรากพรหมจรรย์สาวๆไปหลายรายแล้ว
...คงเป็นที่ตัวเขาเอง ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ล่ะมั้ง...
“มันเป็นคราวซวยของคุณเองที่ดันบังเอิญมาเจอกับผม แล้วคุณก็ใช่แถมยังเรื่องของคุณ...มันทำให้อะไรๆลงตัวไปหมดสำหรับเราสองคน...”
ชายหนุ่มเอ่ยเพียงลำพังราวกับหญิงสาวจะรับรู้ นิ้วมือเรียวยาวซีดขาวคลอเคลียกับเส้นผมสีน้ำเงินซอยปลายที่ยาวกระจายเต็มหมอนสีขาวก่อนมืออีกข้างจะควักเอาโทรศัพท์พกพาสีขาวที่มีกล้องดิจิทัลคุณภาพสูงออกมาและเริ่มถ่ายภาพของหญิงสาวที่หลับใหลในห้องของเขา
ภาพคลอเคลียของทั้งสองโดยใช้มุมกล้องบางส่วน
เบียคุรันค่อยๆปลดเสื้อผ้าของหญิงสาวไปทีละชิ้นช้าๆและถ่ายภาพไปเรื่อยโดยที่ลมหายใจเริ่มจะติดขัดด้วยอารมณ์ที่ประทุขึ้นช้าๆ แต่เขาก็ต้องสะกดกลั้นอารมณ์เพื่อไม่เห็นเป็นการลักหลับโดยที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจ
...เขาแค่ต้องการแบล็กเมล์เพื่อบังคับให้เธอรับข้อเสนอในวันข้างหน้าเท่านั้นไม่ได้ต้องการปล้ำคนเมาหลับให้เสียชื่อเพลย์บอยพราวเสน่ห์...
ชายหนุ่มเฝ้าตอกย้ำตัวเองทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากตัวเขาเองว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลย...แต่การเห็นเรือนร่างแบบละเอียดและสัมผัสนิดๆนี่ไม่เกี่ยว...
...ก็แค่กำไรนิดๆหน่อยๆ...
เมื่อถ่ายภาพแนบชิดกันจนเกินพอที่จะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจไปว่าได้...แล้ว เบียคุรันก็เก็บกล้องไว้บนหัวเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนเคียงข้างร่างของหญิงสาวที่เพิ่งจะเก็บภาพเซ็กซี่ด้วยกันไปเมื่อครู่พร้อมกับรวบร่างนุ่มนิ่มราวกับหมอนข้างชั้นดีไว้ในอ้อมแขน ดับไฟและเข้าสู่ห้วงนิทรา....
Now Present...
ชายหนุ่มกดเลื่อนดูภาพจนหมดพร้อมด้วยรอยยิ้มพึงใจ ยิ่งนึกถึงยามเช้าที่เขาถือโอกาส
‘แกล้ง’ เธอไปเล็กๆน้อยๆแล้วยิ่งทำให้อารมณ์ดีขึ้นไปใหญ่
“ผมไม่มีทางลืมคุณ เท่าที่คุณจะต้องจดจำผมไปชั่วชีวิต...เบบี๋ อย่าหาว่าผมใจร้ายแต่นี่คือทางออกที่ผมจะบอกคุณ ทางออกที่ดีสำหรับเราสองคน เอ...รึของผมคนเดียวน้า...”
เบียคุรันเอ่ยพลางหัวเราะเบาๆแต่สิ่งที่แฝงมาในเสียงช่างดูน่ากลัว ชายหนุ่มกดโทรศัพท์หาใครบางคนในขณะที่ขับรถสปอร์ตสีขาวคันหรูบนถนน
/ไงตัวพ่อ...มีเรื่องให้ช่วยสินะครับ/
“สึนะโยชิสินะ...แหม ยังสังหรณ์ดีไม่มีเปลี่ยน”
/ขอบคุณที่ชมครับแต่มีธุระอะไรก็ช่วยรีบพูดหน่อยเถอะครับ...ถึงผมจะสังหรณ์ได้ก็เถอะ/
“โอเค...ซาคุยะ มิจจิ...หาเรื่องของเธอให้ที”
/ได้ครับ ช่วงบ่ายก็ถึงมือแล้ว...แหม ตาสูงใช่เล่นนะครับเนี่ย จริงจังรึเปล่า/
“ไม่รู้ว่าจะจริงจังไหม แต่ผมก็คิดว่าเธอน่าจะมีความต้องการคล้ายกันกับผม...”
/ก็ไม่แน่นะครับ คุณอาจเก่งแต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล่น...อ้ะ แค่นี้ก่อนนะครับเห็นทีผมต้องรีบตามแม่แมวน้อยของผมก่อน.../
“อา...บ๊ายบาย ขอให้สำเร็จละกันนะ”
/มือชั้นนี้แล้วไม่มีทางพลาดครับ...ผมก็ตัวพ่อไม่แพ้คุณหรอกน่า...ลาก่อนครับแล้วก็ประชุมอย่าลืมล่ะ...มีเรื่องสนุกรอคุณอยู่.../
“งั้นผมจะไปซักพักก็ได้...ลาล่ะ”
ชายหนุ่มกดตัดสายพร้อมกับเลี้ยวกลับไปยังที่พักของตน...
แทบจะทันทีที่กลับถึงบ้านหญิงสาวตรงเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายและหวังเป็นอย่างสูงว่าสายน้ำเย็นฉ่ำจากฝักบัวจะช่วยดับความสับสนว้าวุ่นในตัวเธอได้
หญิงสาวอยากจะกรีดร้องให้ลั่นเมื่อเห็นรอยจูบสีแดงช้ำบนต้นคอและบนเนินอกสองสามรอยหากไม่ติดว่าพี่สาวอยู่ที่ชั้นล่าง...ซาคุยะพยายามขัดให้รอยทั้งหมดจางไปแต่ยิ่งทำกลับยิ่งเกิดผลตรงกันข้ามจนเธอท้อใจ ทิ้งรอยเหล่านั้นไว้และอาบน้ำสระผมดับอารมณ์ฟุ้งซ่านนานกว่าชั่วโมงจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หญิงสาวจึงพาร่างที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนหนึ่งคลุมออกจากห้องน้ำ
/ซายะ...เมื่อวานเธอหายไปไหนยะ รู้ไหมทำคนอื่นเขาเป็นห่วง.../
ทันทีที่รับสายเสียงตวาดแว้ดๆจากคุโรคาวะ ฮานะก็ดังขึ้นจนซาคุยต้องยกหูโทรศัพท์ออกห่างก่อนจะนำกลับมาแนบข้างหูและเอ่ยเสียงอ่อย
“ขอโทษที...”
/ยัยอาเมะอีกคนทิ้งไว้ที่ฟลอร์สองคนแป็ปเดียว...โดนลากไปไหนก็ไม่รู้/
“หา...แล้วเป็นไงบ้าง”
/หายห่วงแล้ว...โทรไปแฟนเค้ารับให้ ชิ แอบไปมีแฟนก็ไม่บอกเพื่อนบ้างคงจะอายโวยวายใหญ่เลย...เหลือแต่เธอนั่นแหละ หายไปไหน/
“เปล่านี่...ไม่มีอะไรหรอกก็แค่มึนๆเลยขึ้นไปเปิดห้องพักนอนพึ่งกลับถึงบ้านเมื่อกี้”
/แน่นะยะ...ไม่ได้แอบไปกับใครใช่ไหม.../
“อะ...อืม”
/แค่นี้ก่อนนะ...มีธุระน่ะ บาย!/ ปิ๊บ!
โดยไม่รอให้พูดอะไรอีกฝ่ายก็ตัดสายไปเสียทิ้งให้ซาคุยะนิ่งอึ้งอยู่เพียงลำพัง เธอรู้สึกแย่นิดหน่อยที่ต้องโกหกคนรอบข้างแต่นั่นก็เป็นประโยชน์ของเธอเอง
...อย่าให้ใครรับรู้นอกจากตัวเธอเองกับเขาคนนั้นและลืมมันไปเสีย...คงจะดีที่สุด...
หญิงสาวหลับตาลงวางโทรศัพท์มือถือสีดำลงบนโต๊ะ ระบายลมหายใจพรั่งพรูก่อนจะกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งและออกมาในชุดลำลองสบายๆอย่างเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยีนส์สวมแจ็กเก็ตสีดำพร้อมกับคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซค์คันโปรด...ดำเนินชีวิตในวันหยุดปลายสัปดาห์อย่างปกติราวกับไม่ได้มีเหตุการณ์ค่อนข้างร้ายแรงเกิดขึ้นกับเธอ...
...โดยไม่รู้ว่านับแต่นี้ต่อไป ชีวิตของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว...
ความคิดเห็น