คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Fake Chapter I:คำขอ-ปรึกษา
Fake Chapter I: คำขอ - ปรึกษา
บรรยากาศของถนนไฮเวย์ย่านชานเมืองที่ดูเงียบสงบที่ต่างกับความวุ่นวายภายในเมือง
ในยามดึก รถสปอร์ตสีขาวแล่นมาด้วยความเร็วสูง เสียงเพลงเบาๆสบายๆดังขึ้นจากขึ้นจากเครื่องเสียงชั้นดีภายในรถ...
ชายหนุ่มเรือนผมสีพิสุทธิ์ฮัมเพลงเบาๆพลางเคาะพวงมาลัยรถคันหรูตามจังหวะเพลง แอร์เย็นสบายจนทำให้เขาแทบจะไม่กังวลอะไรและประคองพวงมาลัยไปอย่างเคย.....
จนกระทั่งเสียงคำรามของเครื่องยนตร์จาการขับขี่ด้วยความเร็วสูงดังลอดเข้ามาจากภายนอกสะกิดให้ชายหนุ่มต้องผละออกจากอารมณ์สุนทรีย์และมองหาต้นตอของเสียงนั้น
หากแต่ฟิล์มกรองแสงสีทึบเป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นยิ่งนัก เห็นรางๆแต่เพียงวัตถุสีดำขนาดใหญ่ที่คาดว่าน่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์สปอร์ตและคนขับในหมวกกันน็อคสีขาว
ในไม่ช้าวัตถุที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงก็ตีขึ้นขนาบรถสปอร์ตสีขาวทำให้ชายหนุ่มสามารถมองเห็นได้ชัดขึ้น...นับว่าเขาเดาไม่ผิดนักเมื่อวัตถุนั้นคือรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตคันใหญ่
สีดำมันปลาบที่มีสมรรถนะและราคาค่อนข้างสูงโดยมีผู้ขับเคลื่อนเป็นอิสตรี...
ชายหนุ่มจับจ้องหญิงสาวในเสื้อหนังรัดรูปและกระโปรงสีขาวยาวเทียมเข่าที่แหวกข้างขึ้นจนถึงขาอ่อนเพื่อความสะดวกที่คร่อมจักรยานตร์ยนตร์คันใหญ่ไม่วางตาโดยเฉพาะทรวดทรงที่ดูเซ็กซี่เกินบรรยายแม้จะอยู่ในชุดที่ปกปิดเรือนกายเกือบทั้งหมด เรียวขาขาวเนียนได้รูปและเรือนผมสีน้ำเงินเข้มที่ปลิวสะบัดไปตามกระแสลม...
หญิงสาวปริศนาปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากแฮนด์บังคับโดยที่รถไม่เอนเอียงแต่อย่างใดและมือที่ยกขึ้นมานั้นก็เลื่อนกระจกกันลมของหมวกกันน็อคขึ้น เผยให้เห็นนัยน์ตาคมสีเดียวกับเรือนผมที่ส่องประกายในความมืดมาทางเขา...
ชายหนุ่มรู้สึกราวกับต้องมนตร์สะกดเมื่อได้สบกับเนตรสีครามที่แสนจะเย็นชานั้นหญิงสาวยกมือชูสามนิ้วโบกไปข้างหน้าเป็นเชิงบอกลาก่อนที่เจ้าตัวจะเลื่อนกระจกกันลมของหมวกกันน็อคลง ตบเกียร์ บิดคันเร่งและแซงนำไปอย่างแทบไม่เห็นฝุ่น...
ใครกันนะ...
ชายหนุ่มถามตัวเอง ภาพของหญิงสาวเมื่อครู่ยังคงติดตา...มือหนากระชับพวงมาลัยก่อนจะเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วเป็นเท่าตัว...
มอเตอร์ไซค์สปอร์ตสีดำถูกจอดในโรงรถชั้นใต้ดินของโรงพยาบาลนามิโมริ ทันทีที่เสียงเครื่องยนต์ดับลง ใบหน้าที่ถูกซ่อนไว้ในหมวกกันน็อคสีขาวก็เปิดเผย
หญิงสาววางหมวกกันน็อคบนตัวถังก่อนจะพาร่างในชุดหนังเดินออกจากโรงรถไปโดยคลาดกับรถสปอร์ตสีขาวเพียงชั่วนาที...
ชายหนุ่มผมขาวก้าวลงมาจากรถสปอร์ตคันหรูก่อนจะเอื้อมหยิบช่อดอกไม้และกระเช้าของฝากที่อยู่ในตอนหลังของรถ เมื่อได้แล้วก็ผลักประตูปิดและเดินไปอีกทางโดยไม่ได้สังเกตรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสีดำที่เพิ่งแซงเขาไปเมื่อครู่จอดอยู่ไม่ห่างกัน
---50%----
ห้อง S056...
นัยน์ตาสีน้ำเงินปรายมองป้ายชื่อหน้าประตูห้องก่อนจะใช้มือซึ่งมีถุงมือหนังห่อหุ้มอยู่ ผลักประตูเข้าไป หญิงสาวกวาดสายตามองรอบๆห้องสีขาวที่บนเตียงมีชายสูงวัยผู้หนึ่งซึ่งเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของเธอนอนอยู่ โซฟาสีเข้มข้างผนังมีหญิงสาวร่างสูงนัยน์ตาสีเปลือกไม้ เรือนผมสีน้ำเงินเข้มคล้ายๆกันกับเธอนั่งอยู่
“ไงพี่...” ซาคุยะยิ้มร่าเอ่ยทักทายผู้มาก่อน “มานานรึยัง...”
“ซักพักแล้วล่ะ...” ผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวเหลือบมองนาฬิกา “สองชั่วโมงได้...มาช้าจังนะ”
“ขอโทษนะพี่...นี่ก็รีบสุดๆแล้ว เพื่อนพี่นั่นแหละใช้งานยังกะทาสไม่รู้เจ้าสึนะมันทนการฝึกโหดมหาหินได้ยังไง”
“หึ! เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นน่ะรึ” รัล มิจจิส่งเสียงดูแคลนตามนิสัย เมื่อนึกถึงการฝึกฝนสู่ผู้บริหารระดับท็อปของทายาทซาวาดะกรุ๊ป ซาวาดะ สึนะโยชิ
ซาคุยะยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะเลือกหาที่นั่งข้างๆผู้เป็นพี่สาว
“มากันแล้วรึ รัล ซาคุยะ”
ชายสูงวัยที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยด้วยเสียงแหบโหยตามสุขภาพที่ไม่ค่อยจะดีนัก
“ถ้าไม่มาจะมานั่งอยู่ตรงนี้เรอะ/เหรอคะ”
สองพี่น้องเอ่ยตอบผู้เป็นพ่ออย่างพร้อมเพรียงราวกับนัดกันไว้เพียงแต่การใช้น้ำเสียงและคำลงท้ายแตกต่างกันออกไปทำเอาคนเป็นพ่อแทบไมเกรนขึ้นกับกิริยาของผู้เป็นลูกสาวแต่ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจ...อุปนิสัยของลูกสาวทั้งสองคนที่เหมือนและแตกต่าง....
รัล...ลูกสาวคนโต คือ สาวห้าวไม่ยอมคน ตรงไปตรงมาและขวานผ่าซากแต่ในบางทีก็ปากไม่ตรงกับใจเอาเสียเลย สมบุกสมบัน ความแกร่งกล้าเทียบเท่าชายอกสามศอกมีอาชีพเป็นครูฝึกทหารของกองทัพบกอิตาลี
ซาคุยะ...ลูกสาวคนเล็ก คือสาวมาดนิ่ง ไม่จะสถานการณ์ใดก็สามารถปรับสีหน้าได้ดีราวกับมีหน้ากากเสแสร้งอยู่ เยือกเย็น นิ่งเงียบแต่หากระเบิดอารมณ์ออกมาแล้วก็ยากจะหยุดยั้ง เป็นคนลุยๆคล้ายกับพี่สาว มีอาชีพเป็นผู้บริหารบริษัทซาวาดะกรุ๊ป...
แม้หน้าที่การงานทั้งสองจะมั่นคงและไม่มีอะไรน่าจะเป็นกังวลอะไร หากแต่ยังมีบางสิ่งที่คนเป็นพ่อรู้สึกว่ายังขาดหายไป...และหากไม่มี เขาก็คงนอนตายตาไม่หลับ
“รัล ซาคุยะที่พ่อเรียกมานี่พ่อมีเรื่องจะขอร้อง...”
นัยน์ตาสีน้ำตาลอมแดงและนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มต่างจับจ้องร่างบนเตียงสีขาวโดยฉับพลัน
“พ่ออยากให้ลูกมีใครเป็นตัวเป็นตน...พ่อจะได้สบายใจ...”
“พ่อ! ไม่...ไม่..ไม่! ฉันไม่ยอมหรอกนะ...ไม่มีทาง...พ่อจะบังคับให้ฉันหาสามีรึไง”
รัล มิจจิลุกขึ้นโวยวายโดยฉับพลันมือเรียวสวยที่กำแน่นทุบผนังข้างตัวอย่างแรง นัยน์ตาสีเปลือกไม้วาวโร่ด้วยโทสะผิดกับหญิงสาวผู้น้องที่แผ่รังสีอำมหิตออกมาเงียบๆ
“เย็นก่อนนะ รัล...ทั้งคู่ฟังนะมันอาจจะดูเป็นการก้าวก่ายเกินไปแต่พ่อต้องการให้เป็นแบบนั้นจริงๆ ถึงแม้ทั้งคู่จะกร้าวแกร่งเพียงใดก็ตามแต่แต่ลูกยังคงเป็นผู้หญิงนะ ยังไงเสียก็ยังอ่อนแอและต้องการผู้ปกป้อง...”
“นี่พ่อคิดว่าฉันอ่อนขนาดนั้นรึไงกัน...” รัล มิจจิขัดเสียงขุ่นในหน้าที่มีรอยแผลเป็นจางๆแสดงอารมณ์หงุดหงิดโดยไม่ปิดบัง
“ฟังก่อนเถอะพี่...” ซาคุยะเอ่ยเสียงเรียบกระตุกแขนพี่สาวให้นั่งลงตามเดิม
“เพราะงั้นถึงอยากให้ลูกมีใครซักคนเป็นหลักยึด คอยเป็นที่ปรึกษาเมื่อพ่อจากไป...ไม่ต้องรีบร้อนหรอกขอแค่มีใครซักคนที่ลูกจะคบหาและพ่อวางใจที่จะฝากไว้ก็เท่านั้น...แค่นี้...”
“แล้ว...”
“ถ้าเป็นพวกเพื่อนในที่ทำงานหรือเจ้านายน่ะ ไม่นับนะ...นั่นถือว่ายังไม่มากพอ...”
ยังไม่ทันที่สองสาวจะได้เอ่ยถามอะไรก็ถูกเอ่ยขัดจากคนเป็นพ่อซึ่งรู้ทันคนเป็นลูกทุกๆอย่าง ก่อนจะหันมาถามรัลลูกสาวคนโต
“ไง รัล ทางนู้นเป็นไงบ้างล่ะ...เห็นว่ามีผู้พันหนุ่มอดีตลูกศิษย์ตามแจเลยนี่...”
รัล มิจจิยิ้มแยกเขี้ยวให้ผู้เป็นพ่อแต่ไม่ทันได้ตอบอะไรเสียงโทรศัพท์มือถือคู่ใจก็ดังขึ้นทำให้ต้องเลี่ยงออกไปรับด้านนอก
“แล้วเราล่ะ...” เมื่อลูกสาวคนโตแยกออกไปผู้เป็นพ่อก็หันมาทางลูกสาวคนเล็กที่นั่งเงียบๆ
“ก็เรื่อยๆค่ะ...” ซาคุยะพูดเอื่อยๆ “การที่ได้มิลฟีโอเล่มาร่วมก็ช่วยได้เยอะไม่ต้องแข่งขันกันเองเหมือนเมื่อก่อน...เหตุการณ์สงบกว่าเมื่อก่อนเยอะ...”
“นั่นสินะ...” ผู้เป็นพ่อพยักหน้าเห็นด้วยเนื่องจากเคยได้รับรู้เหตุการณ์ก่อนๆอยู่เพราะเคยดำรงตำแหน่งชั้นสูงในบริษัทจนวางมือให้ลูกสาวคนเล็กในทุกวันนี้
เสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือฝาพับสีขาวรุ่นทันสมัยดังขึ้น หญิงสาวหยิบขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มชืดๆให้ผู้เป็นบิดา
“หนูไปก่อนนะคะพ่อ...”
“อ้าว...ทำไมรีบนักล่ะ...”
“มีงานเข้านิดหน่อยค่ะ...ประธานมิลฟีโอเล่มาจะเตรียมงานต้อนรับกันซักหน่อย...”
“อ๋อ...คนไหนล่ะ...เจ้าหญิงหรือกล้วยไม้ขาว...”
“กล้วยไม้ขาวค่ะ...”
หญิงสาวตอบเสียงเรียบแม้ในใจจะเซ็งอยู่ไม่น้อย ความจริงแล้วคืนนี้คือคืนที่เธอจะต้องไปสุดเหวี่ยงกับเพื่อนสาวๆสมัยเรียนที่นัดกันไว้ทุกเดือนนี่นา...ซาวาดะนะ ซาวาดะ หาเรื่องมาให้จริง
“บายค่ะ...แล้วจะมาหาใหม่นะคะ...”
ซาคุยะบอกลาบิดาด้วยรอยยิ้มก่อนจะออกจากห้องไป...
Full Up!! Last 50%----------------------------------
ห้อง S051...
“ไง...โชจัง...พี่เอาดอกไม้มาเยี่ยมและนี่ก็ของฝาก”
ชายหนุ่มผมขาวเอ่ยทักทายน้องชายบุญธรรมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่นบเตียงพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้และกระเช้าของเยี่ยมให้...
อิริเอะ โชอิจิรับของจากผู้เป็นพี่ชายพลางยิ้มแหยๆยื่นของให้ผู้ร่วมงานสาว(?) ที่มาอยู่เป็นเพื่อนนำไปเก็บ
“พี่เบียคุรัน...มาตั้งแต่เมื่อไรครับ...”
“เมื่อเช้า...เซอร์ไพร์สไหมล่ะ...น้องรัก...”
“ไม่ครับ...^^”
“โหดร้าย... T^T”
“ไม่แปลกนี่ครับ...ยูนิจัง ติดต่อมาทางนี้ก่อนหน้านั้นแล้ว...”
“......”
“เหมือนได้ข่าวจากคุณแกมม่าว่าเจอจับหมั้นไม่ใช่เหรอครับ...”
“ข่าวเร็วดีนี่...ใช่แล้วล่ะ...” ชายหนุ่มผมขาวถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มติของฝ่ายบริหารน่ะ...กลบข่าวฉาว สร้างความมั่นคง...”
“กับใครล่ะครับ...” โชอิจิถามพลางดันแว่นกรอบไข่ของตนให้เข้าที่
“ลูกสาวของ...อืม...หุ้นส่วนใหญ่คนหนึ่ง ชื่อ ไอริส...”
“นึกว่าใครแหม...ก็คู่ขาเก่าไม่ใช่รึไงครับ...น่าจะดีใจนะครับเธอ...”
“พูดบ้าๆน่า...” เบียคุรันเอ่ยดังลั่นก่อนจะลดเสียงลงเมื่อสำนึกได้ว่าตนอยู่ที่ใด “ใครจะคิดเอาคู่ขาที่รู้เช่นเห็นชาติกันมาก่อนมาทำเมียกันล่ะ...”
“อ้าว...ทำไมกันล่ะครับ...”
โชอิจิขึ้นเสียงสูงอย่างสงสัย...ก็จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไรเมื่อเขาเคยเห็นทั้งสองคนควงกันออกหน้าออกตา ดูจะรักกันหวานชื่นด้วยซ้ำ...
“ก็ยัยนั่นนะ...เออ ช่างมันเถอะ...เอาเป็นว่าพี่ไม่ชอบ ไม่อยากหมั้น...นายพอรู้วิธีหลีกเลี่ยงดีๆบ้างไหม...”
“เพลย์บอยกล้วยไม้ขาว...อับจนหนทางกับเรื่องแค่นี้เสียชื่อคาสโนว่าตัวพ่อหมดนะครับ”
โชอิจิเอ่ยอย่างขันๆ กับผู้เป็นพี่ชายเพื่อคลายบรรยากาศเครียดๆภายในห้องก่อนหันไปถามหญิงสาวเพียงคนเดียว ณ ขณะนี้
“คุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างล่ะ”
“ไม่รู้สิคะ...ถ้าจังๆก็คงจะหนีมั้ง...” หญิงสาวตอบยิ้มๆ “แต่ถ้ากรณีแบบท่านประธาน...ฉันคงจะหาคนรัก Fake สักคน...”
คำพูดของหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องจุดประกายความคิดของเสพย์บอยหนุ่มขึ้นมาเล็กน้อยในห้วงคำนึงเล็กๆของกล้วยไม้ขาวกำลังคิดถึงหญิงสาวปริศนาในชุดหนังสีดำที่ขับรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสีดำแซงเขาเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา
...คงจะมีโอกาสได้เจอกันหรอก...สาวเซ็กซี่นิรนามนั่นน่ะ...
“อ่านนิยายมากไปรึเปล่า ชิโอริ ฮะๆ”
โชอิจิขยับแว่นพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะได้รับค้อนวงเล็กจาก โทคิคามิ ชิโอริ
หญิงสาวที่นั่งข้างเตียง
“ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีเลือดเนื้อและความรู้สึกนะคะ...หัวหน้า...”
นัยน์ตาสีฟ้าหม่นเสมองออกนอกหน้าต่าง “ฉันเองก็เชื่อเรื่องพรหมลิขิตและเนื้อคู่เหมือนกัน”
“ขอบคุณนะครับ คุณชิโอริสำหรับไอเดียดีๆ...” เสียงนุ่มทุ้มจากชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีพิสุทธิ์เอ่ยขึ้นดึงให้ทั้งสองคนหันมามอง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นตามใบหน้าหล่อเหลาทำเอาน้องชายต่างสายเลือดหวาดผวาขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
...เห็นยิ้มอย่างนี้ทีไร...ไม่แคล้วมีเรื่องมันทุกที...
“คราวหน้าไม่ต้องเกร็งนะครับ...ผมไม่กัดคุณหรอก เรียกผมด้วยชื่อต้นก็ได้นะครับ...”
“ไม่หรอกค่ะ...ท่านประธานฉันเกรงใจ...”
“...นะครับ...”
“ก็ได้ค่ะ...คุณเบียคุรัน...”
“อา...ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ...” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงทะเล้น ขยิบตาข้างหนึ่งให้หญิงสาวก่อนจะเอ่ยแซวคนป่วยกรายๆ “ดีจังเลยนะ...โชจัง มาญี่ปุ่นไม่ทันไรมีคนรู้ใจซะแล้ว...”
“พี่ไปก่อนนะโชอิจิแล้วก็คุณชิโอริ...พรหมลิขิตของคุณอาจจะอยู่ใกล้ๆตัวคุณ”
กล้วยไม้ขาวลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้คนเบื้องหลัง
ความคิดเห็น