คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : REWRITE_FAKE ep.04
‘นี่’ ของชายหนุ่มคือรูปภาพของเธอซึ่งหลับใหลไม่ได้สติในอ้อมกอดของเขา
ร่างของเธอถูกห่มคลุมด้วยผ้าห่มหนาสีขาวจนถึงหัวไหล่เลยดูไม่น่าเกลียดมากนัก ซาคุยะรู้สึกเหมือนกับมีพายุลูกใหญ่กำลังพัดอื้ออึงอยู่ในร่างของเธอ
แน่นอนว่าเป็นพายุแห่งความโกรธเกรี้ยวมากกว่าความวาบหวาม เลือดในกายร้อนฉ่า
หากมือไม้กลับเย็นเฉียบแต่ก็ยังแข็งใจตอบเสียงนิ่ง
“แค่นี้เองหรือคะ...ฉันคิดว่าสื่อคงไม่สนหรอกค่ะ...อีกอย่างฉันก็ไม่ใช่คนเด่นคนดังอะไร
ถึงภาพหลุดไปก็แค่โดนด่าประจานผ่านโซเชียลเนตเวิร์กเรื่องความหน้าไม่อายแค่นั้นแหละ”
หากเบียคุรันกลับไม่สะทกสะท้าน
ชายหนุ่มยังคงแย้มยิ้ม
“ใครว่าผมมีแค่นี้หละ...”
ปลายนิ้วชายหนุ่มสไลด์หน้าจอ
ปรากฏให้เห็นภาพของเธอนัวเนียกับเขาหลายต่อหลายภาพ
ยิ่งเลื่อนไปก็เหมือนว่าเสื้อผ้าของคนทั้งสองในภาพจะน้อยลงทุกทีและความอดทนอดกลั้นของเธอก็หมดลงเมื่อหน้าจอของสมาร์ทโฟนฉายภาพด้านข้างของเธอที่เปลือยเปล่าถูกเขาที่เปลือยแค่ท่อนบนโอบกอดและเชยคางรับจุมพิตดูดดื่ม
“พอที!!”
หญิงสาวตะโกนลั่นรถ รู้สึกโกรธจนแทบจะเสียสติ
สลัดกระเป๋าเป้ที่ถ่วงร่างกายตัวเองทิ้งก่อนจะพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย
มือหนึ่งวางแนบลำคอและออกแรงกด มือหนึ่งเอื้อมออกจะชิงโทรศัพท์มือถือมาจากอีกฝ่าย
หากชายหนุ่มนั้นเร็วกว่าเขาเก็บโทรศัพท์ของตัวเองลงในกระเป๋ากางเกง
ไม่คิดว่าหญิงสาวจะอาจหาญไปล้วงเอาออกมาแน่ๆ
โอบแขนรอบเอวบางแล้วดึงให้แนบชิดตัวเองเพื่อตรึงการเคลื่อนไหวของหญิงสาวไว้
อีกมือยึดมือที่ทาบทับลำคอเขาออกแรงรั้งไม่ให้เธอได้กดลงบนหลอดลมเขาได้
“อย่าพยายามเลย...ถึงคุณจะได้มือถือผมไป
ก็ยังมีก๊อปปี้อยู่ที่คอนโดของผมแล้วก็บนคลาวด์อีกหลายโฮสต์...”
ชายหนุ่มมองใบหน้าเรียวที่แดงก่ำสลับกับซีดเผือด
รู้แล้วว่าในตอนนี้เขากำลังถือไพ่เหนือกว่า
“ว่ายังไงครับ...จะไปกับผมดีๆได้รึยัง...”
ซาคุยะหลุบตาลงยังไม่อยากมองหน้าอีกฝ่ายให้เสียสติไปมากกว่านี้
ก่อนเค้นเสียงตอบ
“ฉันมีทางเลือกอื่นด้วยรึไงกัน...”
หญิงสาวดึงมือออกจากการกอบกุมของอีกฝ่ายและเอนตัวออก
เบียคุรันที่เห็นว่าหญิงสาวไม่มีท่าทีมุ่งร้ายต่อตัวเองแล้วก็ยอมคลายแขนที่รัดร่างเธอออก
หญิงสาวเด้งตัวไปนั่งแนบชิดติดประตูรถอีกฝั่งแทบจะในทันทีที่ปล่อยมือ
“ผมได้ชมคุณไปรึยังว่าคุณใส่สูทได้เซ็กซี่มากเลย...”
ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ
นัยน์ตาสีอเมทริสต์กวาดมองร่างบางในชุดสูทพอดีตัวที่เน้นให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจนด้วยแววตาเป็นประกาย
ซาคุยะได้เห็นก็ยิ่งขยับตัวให้อยู่ห่างเขามากที่สุดเท่าที่ห้องโดยสารนี้จะอำนวย
“อย่าทำท่าเหมือนผมเป็นโจรโรคจิตที่จ้องจะตะครุบคุณสิ...”
“คุณน่ะยิ่งกว่าโรคจิตอีก...”
ว่าพลางทำท่าขนลุกขนพองและเบ้ปากอย่างรังเกียจใส่เขา
“ใจร้ายจริง...ผมก็แค่อยากจะตกลงอะไรเล็กๆน้อยๆแค่นั้นเอง
ดีลที่จะเป็นประโยชน์กับเราสองคน”
“เชิญด้วยการฉุดขึ้นรถมาแล้วก็ใช้รูปแบล็คเมล์ข่มขู่...ฉันคงจะเชื่อคุณลง...”
ซาคุยะสวนกลับเสียงเรียบขณะยกแขนกอดอกแล้วเอนหลังลงกับเบาะอย่างประชดประชัน
Ö
หลังจากเบื่อหน่ายที่จะมองวิวที่เต็มไปด้วยตึกสูง
ซาคุยะก็ผล็อยหลับไป เมื่อดวงตาสีน้ำเงินปรือเปิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
สิ่งที่เห็นในคลองจักษุคือประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ที่เปิดอ้าไว้ให้ลมจากภายนอกโชยเข้ามา
ข้างนอกนั้นเป็นระเบียงสีขาวที่ตกแต่งด้วยกระถางไม้ดอก-ไม้ประดับ
ดวงตาสีน้ำเงินเบิกกว้างเมื่อหูได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งและได้กลิ่นเกลือที่โชยมาตาม-ลม
ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่ง
หญิงสาวสบถยาวเหยียดฟังไม่เป็นคำ
เมื่อพบว่าก่อนหน้านี้ตัวเองนอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์และมองออกไปด้านนอกก็พบว่าตัวเองอยู่ในบ้านพักตากอากาศริมทะเลอย่างที่คาดไว้
อดจะหงุดหงิดตัวเองไม่ได้ที่หลับลึกขนาดไม่รู้สึกตัวเลยว่าอีกฝ่ายพาเธอมาถึงไหนและพาเธอเข้ามาถึงเตียงในบ้านพักนี่ได้ยังไง
มือเรียวยกขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิดใจก่อนจะตวัดขาเตรียมลุกออกจากเตียง
ซาคุยะสบถอีกชุดใหญ่เมื่อพบว่ารองเท้า
เข็มขัด เนกไทและเสื้อสูทหายไปจากตัวเธออย่างไร้ร่องรอย
ชายเสื้อถูกดึงออกจากกางเกงแสลคและกระดุมด้านบนถูกปลดออกสอง-สามเม็ด
กวาดสายตามองทั่วห้องก็ไม่เห็นสิ่งของเหล่านั้น รวมไปถึงกระเป๋าเป้ของเธอที่เก็บของสำคัญทุกอย่างก็หายไปด้วย
...เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูห้องอีกด้านถูกเปิดออก...
ดวงตาสีอเมทริสต์ฉายแววประหลาดใจเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งห้อยขาอยู่ปลายเตียง
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นปกติเมื่อเอ่ยขึ้น
“ตื่นแล้วเหรอครับ...”
มองสภาพหลังตื่นที่ดูไม่เรียบร้อยนัก
ที่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขา อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มเล็กๆกับภาพที่เห็น
เรือนผมสีน้ำเงินยุ่งเหยิง
เสื้อเชิ้ตสีขาวยับยู่ยี่ปล่อยชายออกนอกกางเกง
กระดุมบนถูกปลดจนเผยให้เห็นเนินอกขาวและขอบบราเซียสีดำรำไร
หญิงสาวตวัดมองตาขวางก่อนจะเอ่ยถามเสียงห้วน “ของๆฉันอยู่ที่ไหน...”
“กระเป๋าคุณอยู่ที่ห้องนั่งเล่นข้างล่าง
อย่างอื่นก็ด้วย...ผมเห็นว่าคุณนอนหลับสนิทก็ไม่อยากกวนน่ะ
เลยอุ้มคุณเข้ามาในบ้านพักนี่ แล้วก็คุณดูอึดอัด...เลยช่วยถอด...”
ไม่ทันจะได้พูดจนจบ
หญิงสาวก็ลุกขึ้นแล้วก็เดินกระแทกไหล่เขาออกจากห้องไป
ชายหนุ่มหมุนตัวเดินตามพูดต่อด้วยน้ำเสียงระรื่นเหมือนไม่นำพาต่อกิริยาทางลบที่หญิงสาวแสดงออกมา
“อ้อ...ผมเปิดมือถือคุณตอนที่คุณหลับน่ะ
เผื่อว่ามีใครจะติดต่อคุณ...มีสายเข้ามาสองสาย คุณรีบอร์นกับพี่สาวคุณ...ผมบอกเขาไปแล้วนะว่าคุณอยู่กับผม ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วก็จะกลับไปวันพรุ่งนี้”
หญิงสาวหันขวับเมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม
เปลี่ยนทิศจากที่จะเดินลงบันไดเป็นชายหนุ่มที่ยืนกลางทางเดิน
นัยน์ตาหญิงสาวทอประกายเย็นเยียบ
มือเรียวคว้าเนกไทสีขาวของอีกฝ่ายแล้วกระชากลงมาโดยไม่ออมแรง
ทำเอาชายหนุ่มต้องร้องโอดครวญออกมา หากนัยน์ตาหญิงสาวก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“ใครอนุญาตให้คุณยุ่งกับ ‘ของส่วนตัว’ ของฉันกัน...”
หญิงสาวกล่าวเสียงเย็น
“ทั้งเสื้อผ้าของฉัน กระเป๋าของฉัน...แม้กระทั่ง
มายุ่มย่ามกับโทรศัพท์ของฉัน...ไม่มีใครสั่งใครสอนคุณรึไงว่า มันเป็น
การกระทำที่ไร้มารยาท...”
ซาคุยะสูดลมหายใจลึกก่อนจะดันอกชายหนุ่มออกแล้วปล่อยเนกไทอีกฝ่าย
ดวงตาสีน้ำเงินปรายตามองเบียคุรันที่คู้ตัวกระอักกระไอออกมาเพราะเมื่อครู่ถูกกระชากเนกไทจนรัดคอแน่นอย่างเฉยชา
“ฉันยอมมากับคุณเพราะ ‘ไอ้รูปบ้าๆ’
พวกนั้นแต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมให้คุณมาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉันนะ
คุณเบียคุรัน กรุณาจำใส่ใจเอาไว้ซะด้วย...”
หญิงสาวก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวตวัดแขนกอดอกฉับ
เมื่อเห็นชายหนุ่มยืดตัวขึ้นยืนตรงอีกหน
นัยน์ตาสีอเมทริสต์ฉายแววประหลาดชวนให้เธอขนหัวลุก หากหญิงสาวก็เลือกจะตีสีหน้าเย็นชาโต้ตอบ
ระหว่างสองคนมีความเงียบครู่ใหญ่
ก่อนหญิงสาวจะเอ่ยขึ้น
“ลงไปคุยกันให้เรียบร้อยที่ข้างล่าง...แล้วฉันจะได้กลับบ้านซักที...”
ว่าจบก็หมุนตัวก้าวลงบันไดแต่เดินลงไปได้ไม่กี่ขั้น
หญิงสาวก็ถูกกระชากแขนให้หันกลับมา ซาคุยะหลับตาหวีดร้องลั่นด้วยความตกใจ และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองถูกดันพิงราวบันได
แขนข้างหนึ่งถูกชายหนุ่มที่ไม่รู้ว่าก้าวลงมายืนอยู่บนบันไดขั้นเดียวกันตั้งแต่เมื่อไรยึดเอาไว้แน่น
แขนอีกข้างของเขาวางพาดราวบันได เป็นเชิงกักตัวเธอไม่ให้ไปไหน ใบหน้าหล่อเหลานั้นโน้มลงมาใกล้กับใบหน้าของเธอ
ใกล้จนเห็นปลายจมูกเสียดสีกัน หญิงสาวกลั้นหายใจไม่กล้าขยับเขยื้อน
“คุณจะลงไปแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วเราจะไปหาอะไรทานกันที่ร้านอาหารแถวๆนี้
เราจะคุย ‘ธุระของเรา’
ที่นั่น...”
ชายหนุ่มกระซิบแนบริมฝีปากของเธอ น้ำเสียงที่ใช้แสดงความมีอำนาจเหนือกว่าเต็มขั้น
“...คุณจะไม่ไปไหนทั้งนั้น...จนกว่าผมจะบอกให้คุณไป...ว่าง่ายๆหน่อยที่รัก
คุณคงไม่อยากเสี่ยงกับอารมณ์หงุดหงิดของผมหรอก จริงไหม?”
ชุดภาพที่อีกฝ่ายมีอยู่ในมือผุดขึ้นในหัวของเธอ
หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น มองแววตาแข็งกร้าวของอีกฝ่ายที่ราวกับจะบ่งบอกว่าเขาเอาจริง
ความหวาดหวั่นแล่นไปตามสันหลังแล้วแผ่กระจายทั่วร่าง
หญิงสาวผ่อนลมหายใจแล้วหลับตาลง หลีกหนีแววตาที่เหมือนกับนักล่านั้น
ควบคุมร่างกายของตัวเองให้นิ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจลึกแล้วลืมตาอีกครั้ง
สวมหน้ากากสุขุมเยือกเย็นดังวิสัยปกติ
“เออ ตามใจคุณ...”
ถึงจะพยายามทำตัวให้เป็นปรกติแต่ก็ไม่วายหลุดถ้อยคำห้วนๆแสดงความไม่พอใจออกไป
อดจะหงุดหงิดตัวเองที่สูญเสียความเยือกเย็นในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆไปไม่ได้
เบียคุรันยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นหญิงสาวยอมทำตามความต้องการของเขา
(แม้ความยินยอมนั้นจะมีที่มาจากการถูกเขาข่มขู่ก็ตาม)
เขายอมถอยออกห่างและปล่อยมือเมื่อหญิงสาวปัดแขนของเขาออกเพื่อที่จะเดินลงไปชั้นล่าง
Ö
ทั้งสองคนมาอยู่กันที่ร้านอาหารขนาดกลางบนหาด
เป็นที่ชัดเจนแน่นอนแล้วว่า เบียคุรันพาเธอมาที่ชายหาดท่องเที่ยวนอกตัวเมืองนามิโมริที่ใช้เวลาเดินทางจากในตัวเมืองราวๆสองชั่วโมงเศษ
ซาคุยะเหม่อมองเนินเขาเขียวชอุ่มเพราะอุดมด้วยต้นไม้
มีบ้านพักหลากขนาด หลายสไตล์การตกแต่งปลูกอยู่ลดหลั่นกันไปบนเนินเขานั้น
กวาดตาลงมาจนถึงส่วนที่เป็นพื้นราบก็เป็นอาคารคอนกรีตสูงที่เปิดเป็นโรงแรมริมหาด
ปล่อยชายหนุ่มเป็นคนสั่งอาหารไปโดยไม่ใส่ใจ
“บริเวณนี้เป็นของเครือมิลฟีโอเล่
รีสอร์ทกับโรงแรมที่คุณเห็น ‘จิสโรเนโร’ เป็นส่วนที่บริหารงานโดยแม่บุญธรรมของผม ‘ลูเช่ เดอ จิสโรเนโร’ บ้านที่เราจะพักกันเป็นบ้านพักอากาศส่วนตัวของครอบครัวผม
ที่สร้างเอาไว้เพราะแม่บุญธรรมกับน้องสาวผมชอบทะเลที่นี่มากต้องแวะมาอยู่ทุกซัมเมอร์
แต่ตัวผมเองไม่ได้มาบ่อยนักหรอก แค่นานๆทีที่โดนตื้อมากๆจริง...”
เบียคุรันที่สั่งอาหารเสร็จแล้วเอ่ยขึ้นเป็นเชิงบอกเล่า
เมื่อเห็นหญิงสาวมองอาณาบริเวณรอบๆอย่างสนใจ เขายิ้มบางๆเมื่อเอ่ยถึงครอบครัวของตัวเอง
ซาคุยะถอนสายตาจากทิวทัศน์มายังชายหนุ่ม
“เอาล่ะค่ะ...มาเจรจาเรื่องของคุณให้เสร็จเถอะค่ะ
ทั้งเรื่องงานว่าคุณจะเอายังไง...แบบไหน...”
ซาคุยะโน้มตัวเอาข้อศอกเท้าโต๊ะแล้วประสานมือรองใต้คาง
“และเรื่องภาพ...คุณต้องการอะไร...”
การที่อีกฝ่ายเป็นถึงประธานบริษัทใหญ่
ทำให้หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจว่าการแบล็คเมล์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องเงินแน่ๆ
แต่ว่าเธอก็ไม่รู้อยู่ดีอสรพิษสีขาวตัวนี้ต้องการอะไรกันแน่...และเธอหวังอย่างยิ่งว่าจะไม่ใช่เรื่องของบริษัท...มิลฟีโอเล่กับวองโกเล่
– แม่ข่ายของซาวาดะที่อิตาลี เป็นศตรูทางธุรกิจกันมานาน
เพิ่งจะมาร่วมมือกันได้เพราะโชอิจิและสแปนเนอร์
ผู้บริหารของมิลฟีโอเล่รุ่นปัจจุบันเป็นเพื่อนของสึนะโยชิ...เพราะเช่นนั้นเธอถึงได้รู้สึกว่ายังไว้วางใจมิลฟีโอเล่ไม่ได้...
...เธอหวัง...ว่าการกระทำไร้สติของเธอจะไม่ทำให้ปัญหาบานปลาย...
“อย่าทำหน้าเครียดสิครับ...”
ชายหนุ่มโปรยยิ้ม
ยกปลายนิ้วจะแตะหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นของหญิงสาว หากซาคุยะสะดุ้งตัวถอยกลับ
แรงจนขาเก้าอี้เขยื้อนครูดพื้นปูนขัดดังครืด เบียคุรันยกมือค้าง ใบหน้าหล่อเหลาออกอาการอิหลักอิเหลื่อเมื่อหญิงสาวดูจะหวาดระแวงเขาเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มลดมือลงวางบนโต๊ะก่อนจะปรับสีหน้าให้จริงจัง
“คุณน่าจะรู้ว่าผมอยู่ในสถานการณ์ไหน...”
ชายหนุ่มเกริ่น
หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ฟังในตอนแรกด้วยไม่เข้าใจว่าหล่อนไปรับรู้สถานการณ์ของเขาตอนไหน
ก่อนคิ้วเรียวจะคลายออกเมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่อยู่ในคลับ
เรื่องที่อีกฝ่ายเล่าให้ฟังตอนอยู่บนฟลอร์
“...และผมรู้ว่าคุณอยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกัน”
สิ้นคำพูดชายหนุ่ม หญิงสาวหรี่ดวงตาลง
...เธอไม่เคยเล่าให้เขาฟังเรื่องที่เธอถูกคนเป็นพ่อกดดัน
แล้วเขาพูดว่าเธออยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกันได้ยังไง...
“ใคร-บอก-คุณ”
หญิงสาวเอ่ยเสียงเข้ม เน้นทีละพยางค์
บ่งบอกชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์
ชายหนุ่มไม่ตอบหากฉีกยิ้มกว้าง
ราวกับจะบอกกลายๆว่า ผมพูดถูกใช่ไหมล่ะ
ซาคุยะที่เห็นดังนั้นจึงจิกมือลงโต๊ะอย่างแรงด้วยความเดือดดาล
“คุณสืบประวัติฉัน!!”
“ผมรู้ว่าคุณคงไม่พอใจ...”
“มาก...” หญิงสาวลากเสียง “คงต้องขอบอกว่าสถานการณ์เราต่างกันนะคะ
ฉันยังมีอิสระที่จะเลือกว่าจะหาหรือไม่หา และฉันจะไม่หา
ส่วนเรื่องของคุณก็เป็นเรื่องของคุณ ฉันไม่ขอเอี่ยว”
“แน่ใจหรือครับ...”
ชายหนุ่มยิ้มคลายมือที่วางประสานกันไว้ออก
หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาลูบเล่น
หากนัยน์ตาสีอเมทริสต์นั้นยังจ้องมาที่นัยน์ตาสีน้ำเงินนิ่ง ราวกับจะข่มขู่
หญิงสาวรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองกำลังสั่นไหวด้วยความหวาดหวั่น
ได้แต่จิกเล็บลงกับฝ่ามือ และคาดหวังตัวเธอคงไม่สั่นจนอีกฝ่ายสังเกตเห็น
“ไม่เอาน่า...ผมไม่อยากจะบังคับคุณเลยเพราะงั้นได้โปรดอย่าบังคับให้ผมทำแบบนั้นเลย...”
เบียคุรันพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนและแววตาที่ดูเหมือนจริงใจใสซื่อ
มือแข็งแรงของเขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะและผลักออกไปห่างจากตัวของทั้งคู่
“คำพูดคุณมันขัดกับการกระทำสุดๆไปเลย...”
ซาคุยะเอ่ยพลางเหลือบตามองมือถือเครื่องนั้นก่อนจะเบนสายตากลับมาที่เจ้าของเครื่อง
ถอนหายใจออกมาเบาๆ มือเรียวยกขึ้นเสยผม
“คุณอยากให้ฉันร่วมมือทำอะไรกับคุณล่ะ...” หญิงสาวหรี่ตา
“ขอบอกไว้ก่อนว่า...ฉันคงต้องขอปฏิเสธถ้ามันเกี่ยวพันกับความมั่นคงของซาวาดะ...ต่อให้ต้องแลกกับการถูกปล่อยรูปก็เถอะนะ...”
ชายหนุ่มผิวปากหวือกับท่าทีที่หญิงสาวแสดงออกก่อนจะเอ่ยปากแซว
“ซาวาดะควรภูมิใจนะที่ได้คนที่จงรักภักดีต่อบริษัทสุดๆอย่างคุณน่ะ...”
ดวงตาสีน้ำเงินมองกลับด้วยแวววาววับ
คล้ายจะตอกกลับว่าอย่ามาทำเป็นเล่น เบียคุรันจึงเลิกแหย่หญิงสาวแล้วพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมา
“ผมต้องการให้คุณมาเป็นคนรักของผม...” สิ้นคำของชายหนุ่ม
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มก็เบิกกว้างขึ้นด้วยตกใจในทันที
หญิงสาวตัวแข็งเกร็งเมื่อได้ยินในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการให้เธอทำ
...บ้าไปแล้ว... หญิงสาวคิดในใจ
หากหลุดออกมาเป็นคำพูดโดยไม่รู้ตัว
“ไม่บ้าหรอกครับ...” ซาคุยะกระพริบตาปริบๆเมื่อชายหนุ่มตอบ
นัยน์ตาสีอเมทริสต์ส่องประกายพราวมองมาที่เธอ
หญิงสาวจึงรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากสิ่งที่อยู่ในหัวออกไป
“ไหนๆก็ไหนๆ
เราก็มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งขนาดนั้นแล้ว...”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นประสานปิดบังริมฝีปากที่แย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ “...ก็มาเป็นคนรักกันเถอะครับ
พวกเราจะได้ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่
ผมก็มีคุณไว้เป็นโล่กันคู่หมั้นที่บอร์ดผู้ถือหุ้นหามาให้ แถมคุณสมบัติระดับคุณ
บอร์ดผมคงจะคัดค้านไม่ออกแน่ๆ”
หญิงสาวย่นจมูกเล็กน้อย
ชายหนุ่มจึงเอ่ยต่อ
“แถมคุณเองก็จะได้ผมไปควงอวดคุณพ่อคุณด้วย
ท่านจะได้สบายใจแล้วเลิกตามจ้ำจี้จ้ำไชคุณให้รำคาญ
ดีไม่ดีท่านอาจจะอาการดีวันดีคืนก็ได้ที่เห็นลูกสาวมีแฟนเป็นตัวเป็นตน
เห็นไหมเราได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่...”
หญิงสาวครางในลำคอ “อ่อ เป็นคนรักเพื่อผลประโยชน์...คนรักหลอกๆสินะ...”
คำว่า ‘หลอกๆ’ ของหญิงสาวเหมือนอะไรซักอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกคันยิบๆ
หากต้องสะกดใจไว้ไม่โต้ตอบอะไรไปและรอคอยการตัดสินใจอย่างอดทน เขามองหญิงสาวหลุบตาลงต่ำมองโทรศัพท์มือถือที่เขาปัดไปวางไว้ด้านข้าง
เห็นไหล่บางขยับไหวตามจังหวะที่ถอนหายใจออกมา
“คุณไม่ได้คิดจะให้ฉันเลือกอยู่แล้วนี่...” ชายหนุ่มนึกชื่นชมอีกฝ่ายที่คาดเดาความคิดเขาได้อย่างถูกต้อง
ว่าเขาไม่ต้องการคำปฏิเสธ...
“นานแค่ไหน...”
“อะไรนะครับ...”
ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินทั้งๆที่ได้ยินคำถามนั้นเต็มสองหู
หากหญิงสาวยังคงใจเย็น(หรืออาจจะปลง) จึงเอ่ยคำถามซ้ำอย่างช้าๆและชัดเจน
“ระยะเวลาที่จะให้ฉันเป็นคนรักคุณ...นานแค่ไหน...”
“...ผมให้คุณกำหนดดีกว่าไหม...”
“ครึ่งเดือนก็พอ...สำหรับพ่อฉันน่ะ
ควงไปให้เห็นหนเดียวก็ดีใจจนแทบจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะมั้งนั่น...”
หญิงสาวเอ่ย
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มบางๆเมื่อนึกถึงคนเป็นพ่อ
เธอเป็นลูกสาวที่พ่อเลี้ยงมากับมือแล้วอยู่กับพ่อมาทั้งชีวิต
ทำไมจะไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นแค่ทำให้ตัวเองดูป่วยหนักกว่าความเป็นจริงเพื่อให้เธอกับพี่สาวยอมหาผู้ชายของตัวเองเสียที
...ไม่ใช่ว่าเธอไม่รักพ่อหรอกนะ...
แต่เรื่องแบบนี้นี่มันอดไม่ได้จริงๆ
“ไม่...”
เสียงของเบียคุรันแทงทะลุผ่านห้วงคำนึงของซาคุยะ
ดึงให้หญิงสาวกลับมาตั้งใจกับข้อตกลงของทั้งคู่อีกครั้ง
หญิงสาวขมวดคิ้วรู้สึกถึงกลิ่นอายน่าหวาดหวั่นจากชายหนุ่ม
รู้สึกว่าอีกฝ่ายมีท่าทีคล้ายทรราชย์ที่ถูกขัดใจ ซึ่งเป็นอะไรที่อันตรายสุดๆ
ชายหนุ่มที่รู้ตัวว่าเผลอแสดงอาการเอาแต่ใจออกไป
รีบกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เอาน่า...ถ้าผมควงคุณครึ่งเดือนพวกบอร์ดคงได้มองว่า
คุณแค่เป็นกิ๊กอีกคนผมน่ะสิ”
เขาลอบยิ้มเมื่อดวงตาหญิงสาววาวขึ้นด้วยโทสะ เขาคิดไม่ผิดว่าผู้หญิงอย่างเธอนั้นยึดมั่นในศักดิ์ศรีและไม่ยอมให้ใครมองว่าตัวเองมีฐานะเป็นแค่ของเล่นแน่ๆ
“แล้วเขาก็จะยัดเยียดคู่หมั้นให้ผมเหมือนเดิม...เห็นใจผมหน่อยเถอะนะ
ช่วยอยู่กับผมไปจนกว่าบอร์ดจะเลิกตื้อทีเถอะ...เอาเป็นว่าจนกว่าจะหมดงานความร่วมมือโปรเจ็คชอยส์ก็แล้วกัน...”
เขาเสนอกำหนดเวลาที่ชัดเจน
ก่อนจะเฝ้ามองหญิงสาวกรอกตาไปมาคล้ายกำลังตัดสินใจ เขาไม่เอ่ยเร่งเร้าอะไรอีก
เพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไง...คำตอบนั้นก็ย่อมต้องเป็น...
“ก็ได้...ตกลง...”
หญิงสาวกล่าวด้วยใบหน้านิ่งๆ
หากบรรยากาศรอบตัวบ่งชัดว่าไม่พอใจมากๆ แต่ทำอะไรไม่ได้
ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่อายุอ่อนกว่านิดหน่อยด้วยแววตาเอื้อเอ็นดูก่อนจะยื่นมือออกมา คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความสงสัยก่อนจะกระจ่างเมื่ออีกฝ่ายพลิกมือแล้วกล่าวว่า
“ดีมากครับ
หวังว่าเราจะเป็นหุ้นส่วนที่ดี...”
หญิงสาวจึงยื่นมือออกไปจับกับอีกฝ่าย
เหมือนกับมารยาทหลังทำสัญญาธุรกิจ
“กลับไปนี่เราควรจะทำสัญญาให้เป็นลายลักษณ์อักษรนะ...”
หญิงสาวเปรยก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อชายหนุ่มจรดริมฝีปากกับมือตน
พยายามจะดึงมือตัวเองออกหากอีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆเช่นกัน
“...ถึงเราจะตกลงกันแล้ว
แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมให้คุณลวนลามพร่ำเพรื่อหรอกนะ”
หญิงสาวกระซิบลอดไรฟันพลางขึงตา
หากชายหนุ่มกลับยิ้มออกมาบางๆพลางรูดมือตนขึ้นมายึดต้นแขนของเธอเอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ไม่ใช่ลวนลามครับ
เป็นการแสดงความรัก...”
“มันไม่ใช่การแสดงความรักค่ะ
มันคือละคร...” หญิงสาวโต้กลับทันควัน “...ฉันไม่คิดว่าเราต้องรีบเล่นขนาดนั้น”
“เราต้องเริ่มกันตั้งแต่วินาทีเป็นต้นไปต่างหาก...”
ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้ซาคุยะทักท้วง
หากจรดริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเธอในทันที ซาคุยะตกตะลึงเผลอเอนตัวออก
หากมือที่ยึดต้นแขนไว้ไม่เอื้อให้ขยับหนีไปไกลนัก
แถมคนที่จูบมาก็รุกไล่ไม่ยอมให้ได้หนี จนหญิงสาวต้องทำใจอยู่นิ่งๆ
“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ...”
เสียงของบริกรดังขึ้นข้างๆ
ทำให้เบียคุรันต้องถอนจูบด้วยความเสียดาย
ซาคุยะสะบัดหน้าไปด้านข้างด้วยยังไม่อยากเผชิญหน้ากับคนที่ขโมยจูบตัวเอง
แต่เจออะไรที่เลวร้ายกว่าอย่างใบหน้าแดงก่ำของบริกรสาวและถาดอาหารสั่นๆ
(จนเบียคุรันต้องช่วยอีกฝ่ายลำเลียงอาหารมาวางบนโต๊ะ) หญิงสาวเบือนไปอีกทาง
ก่อนจะพบกับชายแปลกๆที่เก็บกล้องดิจิตอลด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน
แถมยังสะดุ้งสุดตัวเมื่อพบว่าเธอมองจ้อง
ซาคุยะเข้าใจคำพูดของเบียคุรันที่ว่าละครต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปในทันที
“รีบอร์นฆ่าฉันแน่ๆ
ขนาดข้อความโรคจิตเขายังไม่ให้ฉันแจ้งตำรวจเพราะกลัวจะเป็นข่าวลุกลาม แล้วนี่
ภาพจูบกับคุณเนี่ยนะ...”
“ในฐานะคนรัก...ผมจะปกป้องคุณจากเขาเอง...ทำใจให้สบายแล้วทานอาหารให้อร่อยเถอะครับ
เรากำลังอยู่ในระหว่างเดตนะ...”
เบียคุรันเอ่ยยิ้มๆ
มือก็ตักอาหารใส่จานหญิงสาวเรื่อยๆ
ซาคุยะโคลงหัวไปมาด้วยความจนใจก่อนจะลงมือทานอาหารในจานของตัวเอง ก่อนที่มันจะเต็มเพราะคนร่วมโต๊ะขยันตักนู่นตักนี่ให้เหลือเกิน
Ö
สุดท้ายหญิงสาวก็ต้องพักค้างคืนที่บ้านตากอากาศอยู่ดี
เพราะหลังจากทานอาหารเสร็จเบียคุรันก็เอาแต่ลากตัวเธอไปนู่นมานี่
พอเกริ่นๆเรื่องจะกลับเข้าเมืองนามิโมริ เขาก็บอกมาหน้าตาเฉยว่า
รถอยู่ในอู่ของรีสอร์ตกำลังเช็ดล้างขัดเงา กว่าจะได้ก็พรุ่งนี้เช้า – คิดจะขึ้นรถโดยสารกลับเมืองอยู่หรอกพอมาที่บ้านพัก
กระเป๋าก็ดันหายไป – เจ้าตัวคนทำก็พูดอย่างหน้าชื่นตาบานว่าจะคืนให้พรุ่งนี้เช้า
ซาคุยะได้แต่นั่งหงุดหงิดใจอยู่คนเดียว
“ไปเดินเล่นที่ริมชายหาดกันเถอะครับ...”
สบถสาปแช่งในใจไปไม่เท่าไร
เจ้าตัวก็โผล่มาทักตรงหน้า
“ชุดนี้เหรอ...” ซาคุยะเลิกคิ้ว
มองเขา...ร่างสูงโปร่งอยู่ในสภาพผ่อนคลายเป็นที่สุด
เสื้อสูทสีขาวสุดเนี้ยบถูกถอดออกไปแล้วเช่นเดียวกับเนกไทสีเดียวกัน
เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนขึ้นถึงข้อศอก ปลดกระดุมสองเม็ดบนออกโชว์แผงอกรำไร
ชายเสื้อถูกยัดลงในกางเกงสแลคสีขาวโดยไม่มีเข็มขัด
ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“คุณน่ะ พอได้อยู่หรอก...” หญิงสาวพ่นลมหายใจ
“แต่จะให้ฉันใส่ชุดนี้ไปเดินเล่นชายหาดรึ...บาย...ถ้าคุณอยากไป
คุณไปคนเดียวเถอะ...อีกอย่าง...ฉัน...”
คำพูดที่จะพูดพลันติดค้างในลำคอ
ยามเมื่อคนที่ยืนตรงหน้า วางมือเท้าพนักพิงของโซฟาที่เธอนั่งอยู่
โน้มตัวลงมาจนใบหน้าแทบจะแนบชิดติดกัน
นัยน์ตาสีอเมทริสต์ส่อแววคุกคามจนชวนให้หวาดหวั่น
แต่ถึงอย่างงั้นเธอก็ยังกัดฟันพูดต่อ
“ฉันอยากจะเริ่มทำงานซักที ถ้าหากจะกรุณาคุณช่วยรีบบอกมาว่าคุณต้องการยังไง แล้วก็ขอโน้ตบุ๊คฉันคืนด้วย...”
ของทุกอย่างเธออยู่ในกระเป๋าทั้งโน้ตบุ๊ค
เอกสารงาน โทรศัพท์มือถือแม้กระทั่งกระเป๋าตังค์ ซึ่งอีกฝ่ายเป็นคนยึดเอาไป
เบียคุรันจุ๊ปาก ส่ายหัวไปมา
“คุณนี่...เรากำลังเดตกันอยู่นะ ยังจะมาคิดเรื่องงานอยู่อีก”
“...แล้วใครเป็นคนที่บอกว่าเราจะมาตกลงกันเรื่องงาน...”
“ผมบอกว่ามีเรื่องอยากจะตกลงกันกับคุณต่างหาก
ไม่ได้บอกว่าเรื่องงานซักหน่อย
แล้วเราก็คุยกันเสร็จแล้ว...เราจะเป็นแฟนกันไปจนกว่าจะหมดโครงการความร่วมมือระหว่างสองบริษัท...
แล้วตอนนี้ เราอยู่ระหว่างสร้างหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าเรากำลังคบกันอยู่”
“แฟนปลอมๆ...”
ซาคุยะท้วงเสียงนิ่ง ก่อนจะยักไหล่
“โอเค...สร้างหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าเรากำลังคบกันอยู่สินะ
ฉันจะยอมไปกับคุณก็ได้...แต่ขอของฉันคืนเถอะ ฉันว่าบูทหนังส้นเตารีดกับกางสแลคขายาวไปเดินชายหาดคงดูไม่จืดซักเท่าไร...”
ชายหนุ่มยิ้มพราว
“ไม่ต้องห่วง
ตอนคุณหลับผมแวบออกไปซื้อเสื้อผ้ามาให้คุณแล้ว ทั้งสำหรับเล่นน้ำทะเลแล้วก็เสื้อผ้าสำหรับคืนนี้ด้วย...”
ว่าแล้วก็เอี้ยวตัวไปด้านข้าง
เอื้อมมือหยิบถุงกระดาษใบเขื่องซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างโซฟามาโยนปุลงบนตักของหญิงสาว
ซาคุยะย่นจมูกใส่ เพราะมัวแต่หงุดหงิดจึงไม่ได้สังเกตถุงกระดาษที่วางไว้ใกล้ตัวแต่แรก
ก่อนจะดันไหล่ของอีกฝ่ายให้ถอยออกไป
ซึ่งร่างสูงก็ยอมถอยไปนั่งที่เก้าอี้นวมฝั่งตรงข้ามแต่โดยดี
นึกชอบอีกฝ่ายขึ้นมานิดหน่อยที่ยังนึกถึงเรื่องจุกจิกพวกนี้
...ก็สมกับที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิงแหละนะ
หญิงสาวหยิบเสื้อผ้าในถุงออกมากางดู
...ไม่เลวเลย... มีเสื้อยืดสีขาวสำหรับใส่คลุมแล้วก็กางเกงขาสั้น สไตล์สบายๆเหมาะกับใส่เดินชายหาดกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวและกระโปรงตรงทรงดินสอสีดำแหวกข้างซึ่งน่าจะเป็นชุดไว้ใส่กลับในวันพรุ่งนี้
พอล้วงก้นถุง ปลายนิ้วสัมผัสกับผ้าชิ้นเล็ก
หญิงสาวจึงแหวกปากถุงแล้วชะโงกหน้าดู พลันได้เห็นสิ่งของในถุง
ก็รู้สึกว่าผิวหน้าร้อนผ่าวราวกับจะไหม้
และเหมือนคนตรงข้ามจะรู้จึงเอ่ยกระเซ้าขึ้นมา
“ชอบไหม...ผมเลือกให้คุณกับมือเลยนะ...”
ซาคุยะก้มมองของในถุงอีกครั้ง
สิ่งที่อยู่ก้นถุงคือชุดว่ายน้ำแบบทูพีซสีน้ำเงินเข้ม
บราตัวบนเป็นแบบบราสามเหลี่ยมผูกคอหรือทรง Triangle
ส่วนกางเกงตัวล่างเป็นบิกินี่ผูกเชือกด้านข้างกับชุดชั้นในลายลูกไม้สีขาว
เห็นใบหน้ามั่นอกมั่นใจเหลือเกินของอีกฝ่ายก็อดไม่ได้ที่จะยวนกลับแม้ใบหน้าร้อนผ่าว
“ซื้อมาให้นี่คุณรู้ไซส์ฉันเหรอ...”
เธอแสร้งมองชิ้นผ้าในถุงกระดาษสลับกับคนซื้ออย่างดูแคลน
“ไม่ใช่ว่าซื้อมาผิดไซส์จนฉันใส่ไม่ได้หรอกนะ ลำบากไปซื้อเองอีก
เปลืองเงินคุณเปล่าๆอีก...”
ชายหนุ่มยิ้มร่าไม่ถือสากับท่าทีนั้นของหญิงสาว
“C34 – 24 – 36 ผมว่าสายตาผมไม่น่าพลาดนะ
แล้วมือผมก็ไม่น่าจะโกหก...แค่สัปดาห์เดียวหุ่นคุณคงไม่เปลี่ยนไปมากมายหรอกมั้ง
ที่รัก”
“หุบปากไปเลย”
หญิงสาวพูดเสียงเข้ม นึกอยากจะเอาของในถุงปาใส่หน้าทะเล้นๆนั่นเหลือเกิน
แต่ก็ต้องสะกดจิตสะกดใจไว้เพราะการทำแบบนั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนัก
แม้จะนึกเจ็บใจกับการที่อีกฝ่ายสามารถบอกสัดส่วนของเธอได้ถูกเผงซึ่งปลุกความทรงจำเลวร้ายว่าเธอพลาดท่าเสียทีให้เขาขึ้นมา
แต่การยั่วโมโหคนที่ถือไพ่เหนือกว่าในทุกด้านอย่างเขา...ไม่ใช่สิ่งที่เธอควรทำ
ซาคุยะโคลงหัวไปมา
คงไม่มีทางเลือก
“ฉันจะไปเปลี่ยนชุด...”
ว่าแล้วก็ลุกขึ้น
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งทำหน้างงๆอยู่บนเก้าอี้นวม
พร้อมคว้าถุงกระดาษและเสื้อผ้าอื่นๆเดินเข้าห้องน้ำไป
ไหนๆก็รับปากกับอีกฝ่ายไปแล้ว
จะมามัวตั้งแง่ หาเรื่องทะเลาะ ยั่วโมโหเขาก็ใช่ที่
สู้ทำๆตามที่อีกฝ่ายร้องขอไปเสียให้จบคงจะดีกว่า จะได้ไม่มากวนตัวกวนใจกันให้มากมายนัก
อีกทั้งมาถึงทะเลนามิโมริ
หลังจากที่ไม่ได้มานานแสนนานนับตั้งแต่เรียนจบ จะมามัวใส่สูททำงาน
นั่งอุดอู้อยู่ในบ้านพักอยู่ทำไม
...หญิงสาวนึกหาเหตุผลมาปลอบตัวเอง
ขณะผลัดเปลี่ยนชุดออกเป็นชุดที่ชายหนุ่มซื้อให้
ความคิดเห็น