ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Reborn [KHR]:Fake [ByakuranX???]

    ลำดับตอนที่ #12 : REWRITE_FAKE ep.04

    • อัปเดตล่าสุด 29 ส.ค. 58


              นี่ของชายหนุ่มคือรูปภาพของเธอซึ่งหลับใหลไม่ได้สติในอ้อมกอดของเขา ร่างของเธอถูกห่มคลุมด้วยผ้าห่มหนาสีขาวจนถึงหัวไหล่เลยดูไม่น่าเกลียดมากนัก ซาคุยะรู้สึกเหมือนกับมีพายุลูกใหญ่กำลังพัดอื้ออึงอยู่ในร่างของเธอ แน่นอนว่าเป็นพายุแห่งความโกรธเกรี้ยวมากกว่าความวาบหวาม เลือดในกายร้อนฉ่า หากมือไม้กลับเย็นเฉียบแต่ก็ยังแข็งใจตอบเสียงนิ่ง

                “แค่นี้เองหรือคะ...ฉันคิดว่าสื่อคงไม่สนหรอกค่ะ...อีกอย่างฉันก็ไม่ใช่คนเด่นคนดังอะไร ถึงภาพหลุดไปก็แค่โดนด่าประจานผ่านโซเชียลเนตเวิร์กเรื่องความหน้าไม่อายแค่นั้นแหละ”

                หากเบียคุรันกลับไม่สะทกสะท้าน ชายหนุ่มยังคงแย้มยิ้ม   “ใครว่าผมมีแค่นี้หละ...”

                ปลายนิ้วชายหนุ่มสไลด์หน้าจอ ปรากฏให้เห็นภาพของเธอนัวเนียกับเขาหลายต่อหลายภาพ ยิ่งเลื่อนไปก็เหมือนว่าเสื้อผ้าของคนทั้งสองในภาพจะน้อยลงทุกทีและความอดทนอดกลั้นของเธอก็หมดลงเมื่อหน้าจอของสมาร์ทโฟนฉายภาพด้านข้างของเธอที่เปลือยเปล่าถูกเขาที่เปลือยแค่ท่อนบนโอบกอดและเชยคางรับจุมพิตดูดดื่ม

                “พอที
    !!”   

               หญิงสาวตะโกนลั่นรถ รู้สึกโกรธจนแทบจะเสียสติ สลัดกระเป๋าเป้ที่ถ่วงร่างกายตัวเองทิ้งก่อนจะพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย มือหนึ่งวางแนบลำคอและออกแรงกด มือหนึ่งเอื้อมออกจะชิงโทรศัพท์มือถือมาจากอีกฝ่าย หากชายหนุ่มนั้นเร็วกว่าเขาเก็บโทรศัพท์ของตัวเองลงในกระเป๋ากางเกง ไม่คิดว่าหญิงสาวจะอาจหาญไปล้วงเอาออกมาแน่ๆ โอบแขนรอบเอวบางแล้วดึงให้แนบชิดตัวเองเพื่อตรึงการเคลื่อนไหวของหญิงสาวไว้ อีกมือยึดมือที่ทาบทับลำคอเขาออกแรงรั้งไม่ให้เธอได้กดลงบนหลอดลมเขาได้


                “อย่าพยายามเลย...ถึงคุณจะได้มือถือผมไป ก็ยังมีก๊อปปี้อยู่ที่คอนโดของผมแล้วก็บนคลาวด์อีกหลายโฮสต์...”

                ชายหนุ่มมองใบหน้าเรียวที่แดงก่ำสลับกับซีดเผือด รู้แล้วว่าในตอนนี้เขากำลังถือไพ่เหนือกว่า

                “ว่ายังไงครับ...จะไปกับผมดีๆได้รึยัง...”

                ซาคุยะหลุบตาลงยังไม่อยากมองหน้าอีกฝ่ายให้เสียสติไปมากกว่านี้ ก่อนเค้นเสียงตอบ

                “ฉันมีทางเลือกอื่นด้วยรึไงกัน...”  

                หญิงสาวดึงมือออกจากการกอบกุมของอีกฝ่ายและเอนตัวออก เบียคุรันที่เห็นว่าหญิงสาวไม่มีท่าทีมุ่งร้ายต่อตัวเองแล้วก็ยอมคลายแขนที่รัดร่างเธอออก หญิงสาวเด้งตัวไปนั่งแนบชิดติดประตูรถอีกฝั่งแทบจะในทันทีที่ปล่อยมือ

                “ผมได้ชมคุณไปรึยังว่าคุณใส่สูทได้เซ็กซี่มากเลย...”  

                ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ นัยน์ตาสีอเมทริสต์กวาดมองร่างบางในชุดสูทพอดีตัวที่เน้นให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจนด้วยแววตาเป็นประกาย ซาคุยะได้เห็นก็ยิ่งขยับตัวให้อยู่ห่างเขามากที่สุดเท่าที่ห้องโดยสารนี้จะอำนวย

                “อย่าทำท่าเหมือนผมเป็นโจรโรคจิตที่จ้องจะตะครุบคุณสิ...”

                “คุณน่ะยิ่งกว่าโรคจิตอีก...” ว่าพลางทำท่าขนลุกขนพองและเบ้ปากอย่างรังเกียจใส่เขา

                “ใจร้ายจริง...ผมก็แค่อยากจะตกลงอะไรเล็กๆน้อยๆแค่นั้นเอง ดีลที่จะเป็นประโยชน์กับเราสองคน”

                “เชิญด้วยการฉุดขึ้นรถมาแล้วก็ใช้รูปแบล็คเมล์ข่มขู่...ฉันคงจะเชื่อคุณลง...”  

                ซาคุยะสวนกลับเสียงเรียบขณะยกแขนกอดอกแล้วเอนหลังลงกับเบาะอย่างประชดประชัน

    Ö

     

     

                หลังจากเบื่อหน่ายที่จะมองวิวที่เต็มไปด้วยตึกสูง ซาคุยะก็ผล็อยหลับไป เมื่อดวงตาสีน้ำเงินปรือเปิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง สิ่งที่เห็นในคลองจักษุคือประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ที่เปิดอ้าไว้ให้ลมจากภายนอกโชยเข้ามา ข้างนอกนั้นเป็นระเบียงสีขาวที่ตกแต่งด้วยกระถางไม้ดอก-ไม้ประดับ ดวงตาสีน้ำเงินเบิกกว้างเมื่อหูได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งและได้กลิ่นเกลือที่โชยมาตาม-ลม ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่ง

                หญิงสาวสบถยาวเหยียดฟังไม่เป็นคำ เมื่อพบว่าก่อนหน้านี้ตัวเองนอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์และมองออกไปด้านนอกก็พบว่าตัวเองอยู่ในบ้านพักตากอากาศริมทะเลอย่างที่คาดไว้ อดจะหงุดหงิดตัวเองไม่ได้ที่หลับลึกขนาดไม่รู้สึกตัวเลยว่าอีกฝ่ายพาเธอมาถึงไหนและพาเธอเข้ามาถึงเตียงในบ้านพักนี่ได้ยังไง มือเรียวยกขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิดใจก่อนจะตวัดขาเตรียมลุกออกจากเตียง

                ซาคุยะสบถอีกชุดใหญ่เมื่อพบว่ารองเท้า เข็มขัด เนกไทและเสื้อสูทหายไปจากตัวเธออย่างไร้ร่องรอย ชายเสื้อถูกดึงออกจากกางเกงแสลคและกระดุมด้านบนถูกปลดออกสอง-สามเม็ด กวาดสายตามองทั่วห้องก็ไม่เห็นสิ่งของเหล่านั้น รวมไปถึงกระเป๋าเป้ของเธอที่เก็บของสำคัญทุกอย่างก็หายไปด้วย

                ...เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูห้องอีกด้านถูกเปิดออก...

                ดวงตาสีอเมทริสต์ฉายแววประหลาดใจเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งห้อยขาอยู่ปลายเตียง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นปกติเมื่อเอ่ยขึ้น  

               “ตื่นแล้วเหรอครับ...”  

               มองสภาพหลังตื่นที่ดูไม่เรียบร้อยนัก ที่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขา อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มเล็กๆกับภาพที่เห็น

                เรือนผมสีน้ำเงินยุ่งเหยิง เสื้อเชิ้ตสีขาวยับยู่ยี่ปล่อยชายออกนอกกางเกง กระดุมบนถูกปลดจนเผยให้เห็นเนินอกขาวและขอบบราเซียสีดำรำไร

                หญิงสาวตวัดมองตาขวางก่อนจะเอ่ยถามเสียงห้วน  “ของๆฉันอยู่ที่ไหน...”

                “กระเป๋าคุณอยู่ที่ห้องนั่งเล่นข้างล่าง อย่างอื่นก็ด้วย...ผมเห็นว่าคุณนอนหลับสนิทก็ไม่อยากกวนน่ะ เลยอุ้มคุณเข้ามาในบ้านพักนี่ แล้วก็คุณดูอึดอัด...เลยช่วยถอด...”  

                ไม่ทันจะได้พูดจนจบ หญิงสาวก็ลุกขึ้นแล้วก็เดินกระแทกไหล่เขาออกจากห้องไป ชายหนุ่มหมุนตัวเดินตามพูดต่อด้วยน้ำเสียงระรื่นเหมือนไม่นำพาต่อกิริยาทางลบที่หญิงสาวแสดงออกมา

                “อ้อ...ผมเปิดมือถือคุณตอนที่คุณหลับน่ะ เผื่อว่ามีใครจะติดต่อคุณ...มีสายเข้ามาสองสาย คุณรีบอร์นกับพี่สาวคุณ...ผมบอกเขาไปแล้วนะว่าคุณอยู่กับผม ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วก็จะกลับไปวันพรุ่งนี้”

                หญิงสาวหันขวับเมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เปลี่ยนทิศจากที่จะเดินลงบันไดเป็นชายหนุ่มที่ยืนกลางทางเดิน นัยน์ตาหญิงสาวทอประกายเย็นเยียบ มือเรียวคว้าเนกไทสีขาวของอีกฝ่ายแล้วกระชากลงมาโดยไม่ออมแรง ทำเอาชายหนุ่มต้องร้องโอดครวญออกมา หากนัยน์ตาหญิงสาวก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

                “ใครอนุญาตให้คุณยุ่งกับ
    ของส่วนตัว ของฉันกัน...”  

               หญิงสาวกล่าวเสียงเย็น  

               “ทั้งเสื้อผ้าของฉัน กระเป๋าของฉัน...แม้กระทั่ง มายุ่มย่ามกับโทรศัพท์ของฉัน...ไม่มีใครสั่งใครสอนคุณรึไงว่า มันเป็น
    การกระทำที่ไร้มารยาท...”  

               ซาคุยะสูดลมหายใจลึกก่อนจะดันอกชายหนุ่มออกแล้วปล่อยเนกไทอีกฝ่าย

                ดวงตาสีน้ำเงินปรายตามองเบียคุรันที่คู้ตัวกระอักกระไอออกมาเพราะเมื่อครู่ถูกกระชากเนกไทจนรัดคอแน่นอย่างเฉยชา  

               “ฉันยอมมากับคุณเพราะ ไอ้รูปบ้าๆ พวกนั้นแต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมให้คุณมาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉันนะ คุณเบียคุรัน กรุณาจำใส่ใจเอาไว้ซะด้วย...”

                หญิงสาวก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวตวัดแขนกอดอกฉับ เมื่อเห็นชายหนุ่มยืดตัวขึ้นยืนตรงอีกหน นัยน์ตาสีอเมทริสต์ฉายแววประหลาดชวนให้เธอขนหัวลุก หากหญิงสาวก็เลือกจะตีสีหน้าเย็นชาโต้ตอบ

                ระหว่างสองคนมีความเงียบครู่ใหญ่ ก่อนหญิงสาวจะเอ่ยขึ้น

                “ลงไปคุยกันให้เรียบร้อยที่ข้างล่าง...แล้วฉันจะได้กลับบ้านซักที...” 

                ว่าจบก็หมุนตัวก้าวลงบันไดแต่เดินลงไปได้ไม่กี่ขั้น หญิงสาวก็ถูกกระชากแขนให้หันกลับมา ซาคุยะหลับตาหวีดร้องลั่นด้วยความตกใจ และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองถูกดันพิงราวบันได แขนข้างหนึ่งถูกชายหนุ่มที่ไม่รู้ว่าก้าวลงมายืนอยู่บนบันไดขั้นเดียวกันตั้งแต่เมื่อไรยึดเอาไว้แน่น แขนอีกข้างของเขาวางพาดราวบันได เป็นเชิงกักตัวเธอไม่ให้ไปไหน ใบหน้าหล่อเหลานั้นโน้มลงมาใกล้กับใบหน้าของเธอ ใกล้จนเห็นปลายจมูกเสียดสีกัน หญิงสาวกลั้นหายใจไม่กล้าขยับเขยื้อน

                “คุณจะลงไปแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วเราจะไปหาอะไรทานกันที่ร้านอาหารแถวๆนี้ เราจะคุย
    ธุระของเรา ที่นั่น...”  

               ชายหนุ่มกระซิบแนบริมฝีปากของเธอ น้ำเสียงที่ใช้แสดงความมีอำนาจเหนือกว่าเต็มขั้น  

               “...คุณจะไม่ไปไหนทั้งนั้น...จนกว่าผมจะบอกให้คุณไป...ว่าง่ายๆหน่อยที่รัก คุณคงไม่อยากเสี่ยงกับอารมณ์หงุดหงิดของผมหรอก จริงไหม?”

                ชุดภาพที่อีกฝ่ายมีอยู่ในมือผุดขึ้นในหัวของเธอ หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น มองแววตาแข็งกร้าวของอีกฝ่ายที่ราวกับจะบ่งบอกว่าเขาเอาจริง ความหวาดหวั่นแล่นไปตามสันหลังแล้วแผ่กระจายทั่วร่าง หญิงสาวผ่อนลมหายใจแล้วหลับตาลง หลีกหนีแววตาที่เหมือนกับนักล่านั้น ควบคุมร่างกายของตัวเองให้นิ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจลึกแล้วลืมตาอีกครั้ง สวมหน้ากากสุขุมเยือกเย็นดังวิสัยปกติ 

                “เออ ตามใจคุณ...”  

               ถึงจะพยายามทำตัวให้เป็นปรกติแต่ก็ไม่วายหลุดถ้อยคำห้วนๆแสดงความไม่พอใจออกไป อดจะหงุดหงิดตัวเองที่สูญเสียความเยือกเย็นในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆไปไม่ได้

                เบียคุรันยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นหญิงสาวยอมทำตามความต้องการของเขา (แม้ความยินยอมนั้นจะมีที่มาจากการถูกเขาข่มขู่ก็ตาม) เขายอมถอยออกห่างและปล่อยมือเมื่อหญิงสาวปัดแขนของเขาออกเพื่อที่จะเดินลงไปชั้นล่าง

     

    Ö

     

     

                ทั้งสองคนมาอยู่กันที่ร้านอาหารขนาดกลางบนหาด เป็นที่ชัดเจนแน่นอนแล้วว่า เบียคุรันพาเธอมาที่ชายหาดท่องเที่ยวนอกตัวเมืองนามิโมริที่ใช้เวลาเดินทางจากในตัวเมืองราวๆสองชั่วโมงเศษ

                ซาคุยะเหม่อมองเนินเขาเขียวชอุ่มเพราะอุดมด้วยต้นไม้ มีบ้านพักหลากขนาด หลายสไตล์การตกแต่งปลูกอยู่ลดหลั่นกันไปบนเนินเขานั้น กวาดตาลงมาจนถึงส่วนที่เป็นพื้นราบก็เป็นอาคารคอนกรีตสูงที่เปิดเป็นโรงแรมริมหาด ปล่อยชายหนุ่มเป็นคนสั่งอาหารไปโดยไม่ใส่ใจ

                “บริเวณนี้เป็นของเครือมิลฟีโอเล่ รีสอร์ทกับโรงแรมที่คุณเห็น
    จิสโรเนโรเป็นส่วนที่บริหารงานโดยแม่บุญธรรมของผม ลูเช่ เดอ จิสโรเนโรบ้านที่เราจะพักกันเป็นบ้านพักอากาศส่วนตัวของครอบครัวผม ที่สร้างเอาไว้เพราะแม่บุญธรรมกับน้องสาวผมชอบทะเลที่นี่มากต้องแวะมาอยู่ทุกซัมเมอร์ แต่ตัวผมเองไม่ได้มาบ่อยนักหรอก แค่นานๆทีที่โดนตื้อมากๆจริง...”

                เบียคุรันที่สั่งอาหารเสร็จแล้วเอ่ยขึ้นเป็นเชิงบอกเล่า เมื่อเห็นหญิงสาวมองอาณาบริเวณรอบๆอย่างสนใจ เขายิ้มบางๆเมื่อเอ่ยถึงครอบครัวของตัวเอง ซาคุยะถอนสายตาจากทิวทัศน์มายังชายหนุ่ม

                “เอาล่ะค่ะ...มาเจรจาเรื่องของคุณให้เสร็จเถอะค่ะ ทั้งเรื่องงานว่าคุณจะเอายังไง...แบบไหน...”  

                ซาคุยะโน้มตัวเอาข้อศอกเท้าโต๊ะแล้วประสานมือรองใต้คาง  

                “และเรื่องภาพ...คุณต้องการอะไร...”

                การที่อีกฝ่ายเป็นถึงประธานบริษัทใหญ่ ทำให้หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจว่าการแบล็คเมล์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องเงินแน่ๆ แต่ว่าเธอก็ไม่รู้อยู่ดีอสรพิษสีขาวตัวนี้ต้องการอะไรกันแน่...และเธอหวังอย่างยิ่งว่าจะไม่ใช่เรื่องของบริษัท...มิลฟีโอเล่กับวองโกเล่ – แม่ข่ายของซาวาดะที่อิตาลี เป็นศตรูทางธุรกิจกันมานาน เพิ่งจะมาร่วมมือกันได้เพราะโชอิจิและสแปนเนอร์ ผู้บริหารของมิลฟีโอเล่รุ่นปัจจุบันเป็นเพื่อนของสึนะโยชิ...เพราะเช่นนั้นเธอถึงได้รู้สึกว่ายังไว้วางใจมิลฟีโอเล่ไม่ได้...

                ...เธอหวัง...ว่าการกระทำไร้สติของเธอจะไม่ทำให้ปัญหาบานปลาย...

                “อย่าทำหน้าเครียดสิครับ...”  

                ชายหนุ่มโปรยยิ้ม ยกปลายนิ้วจะแตะหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นของหญิงสาว หากซาคุยะสะดุ้งตัวถอยกลับ แรงจนขาเก้าอี้เขยื้อนครูดพื้นปูนขัดดังครืด เบียคุรันยกมือค้าง ใบหน้าหล่อเหลาออกอาการอิหลักอิเหลื่อเมื่อหญิงสาวดูจะหวาดระแวงเขาเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มลดมือลงวางบนโต๊ะก่อนจะปรับสีหน้าให้จริงจัง

                “คุณน่าจะรู้ว่าผมอยู่ในสถานการณ์ไหน...” 

                ชายหนุ่มเกริ่น หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ฟังในตอนแรกด้วยไม่เข้าใจว่าหล่อนไปรับรู้สถานการณ์ของเขาตอนไหน ก่อนคิ้วเรียวจะคลายออกเมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่อยู่ในคลับ เรื่องที่อีกฝ่ายเล่าให้ฟังตอนอยู่บนฟลอร์

                “...และผมรู้ว่าคุณอยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกัน”

                 สิ้นคำพูดชายหนุ่ม หญิงสาวหรี่ดวงตาลง ...เธอไม่เคยเล่าให้เขาฟังเรื่องที่เธอถูกคนเป็นพ่อกดดัน แล้วเขาพูดว่าเธออยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกันได้ยังไง...

                “ใคร-บอก-คุณ”  

               หญิงสาวเอ่ยเสียงเข้ม เน้นทีละพยางค์ บ่งบอกชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์

                ชายหนุ่มไม่ตอบหากฉีกยิ้มกว้าง ราวกับจะบอกกลายๆว่า ผมพูดถูกใช่ไหมล่ะ ซาคุยะที่เห็นดังนั้นจึงจิกมือลงโต๊ะอย่างแรงด้วยความเดือดดาล  

                “คุณสืบประวัติฉัน!!”

                “ผมรู้ว่าคุณคงไม่พอใจ...”

                “มาก...”   หญิงสาวลากเสียง   “คงต้องขอบอกว่าสถานการณ์เราต่างกันนะคะ ฉันยังมีอิสระที่จะเลือกว่าจะหาหรือไม่หา และฉันจะไม่หา ส่วนเรื่องของคุณก็เป็นเรื่องของคุณ ฉันไม่ขอเอี่ยว”

                “แน่ใจหรือครับ...”  

                ชายหนุ่มยิ้มคลายมือที่วางประสานกันไว้ออก หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาลูบเล่น หากนัยน์ตาสีอเมทริสต์นั้นยังจ้องมาที่นัยน์ตาสีน้ำเงินนิ่ง ราวกับจะข่มขู่

                หญิงสาวรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองกำลังสั่นไหวด้วยความหวาดหวั่น ได้แต่จิกเล็บลงกับฝ่ามือ และคาดหวังตัวเธอคงไม่สั่นจนอีกฝ่ายสังเกตเห็น

                “ไม่เอาน่า...ผมไม่อยากจะบังคับคุณเลยเพราะงั้นได้โปรดอย่าบังคับให้ผมทำแบบนั้นเลย...”

                เบียคุรันพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนและแววตาที่ดูเหมือนจริงใจใสซื่อ มือแข็งแรงของเขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะและผลักออกไปห่างจากตัวของทั้งคู่

                “คำพูดคุณมันขัดกับการกระทำสุดๆไปเลย...”   

               ซาคุยะเอ่ยพลางเหลือบตามองมือถือเครื่องนั้นก่อนจะเบนสายตากลับมาที่เจ้าของเครื่อง ถอนหายใจออกมาเบาๆ มือเรียวยกขึ้นเสยผม

                “คุณอยากให้ฉันร่วมมือทำอะไรกับคุณล่ะ...”   หญิงสาวหรี่ตา   “ขอบอกไว้ก่อนว่า...ฉันคงต้องขอปฏิเสธถ้ามันเกี่ยวพันกับความมั่นคงของซาวาดะ...ต่อให้ต้องแลกกับการถูกปล่อยรูปก็เถอะนะ...”

                ชายหนุ่มผิวปากหวือกับท่าทีที่หญิงสาวแสดงออกก่อนจะเอ่ยปากแซว

                “ซาวาดะควรภูมิใจนะที่ได้คนที่จงรักภักดีต่อบริษัทสุดๆอย่างคุณน่ะ...”

                ดวงตาสีน้ำเงินมองกลับด้วยแวววาววับ คล้ายจะตอกกลับว่าอย่ามาทำเป็นเล่น เบียคุรันจึงเลิกแหย่หญิงสาวแล้วพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมา
               
                “ผมต้องการให้คุณมาเป็นคนรักของผม...”   สิ้นคำของชายหนุ่ม ดวงตาสีน้ำเงินเข้มก็เบิกกว้างขึ้นด้วยตกใจในทันที หญิงสาวตัวแข็งเกร็งเมื่อได้ยินในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการให้เธอทำ

                ...บ้าไปแล้ว... หญิงสาวคิดในใจ หากหลุดออกมาเป็นคำพูดโดยไม่รู้ตัว

                “ไม่บ้าหรอกครับ...”   ซาคุยะกระพริบตาปริบๆเมื่อชายหนุ่มตอบ นัยน์ตาสีอเมทริสต์ส่องประกายพราวมองมาที่เธอ หญิงสาวจึงรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากสิ่งที่อยู่ในหัวออกไป  

                “ไหนๆก็ไหนๆ เราก็มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งขนาดนั้นแล้ว...”   ชายหนุ่มยกมือขึ้นประสานปิดบังริมฝีปากที่แย้มยิ้มเจ้าเล่ห์   “...ก็มาเป็นคนรักกันเถอะครับ พวกเราจะได้ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ ผมก็มีคุณไว้เป็นโล่กันคู่หมั้นที่บอร์ดผู้ถือหุ้นหามาให้ แถมคุณสมบัติระดับคุณ บอร์ดผมคงจะคัดค้านไม่ออกแน่ๆ”

                หญิงสาวย่นจมูกเล็กน้อย ชายหนุ่มจึงเอ่ยต่อ  

               “แถมคุณเองก็จะได้ผมไปควงอวดคุณพ่อคุณด้วย ท่านจะได้สบายใจแล้วเลิกตามจ้ำจี้จ้ำไชคุณให้รำคาญ ดีไม่ดีท่านอาจจะอาการดีวันดีคืนก็ได้ที่เห็นลูกสาวมีแฟนเป็นตัวเป็นตน เห็นไหมเราได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่...”

                หญิงสาวครางในลำคอ   “อ่อ เป็นคนรักเพื่อผลประโยชน์...คนรักหลอกๆสินะ...”

                คำว่า
    หลอกๆของหญิงสาวเหมือนอะไรซักอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกคันยิบๆ หากต้องสะกดใจไว้ไม่โต้ตอบอะไรไปและรอคอยการตัดสินใจอย่างอดทน เขามองหญิงสาวหลุบตาลงต่ำมองโทรศัพท์มือถือที่เขาปัดไปวางไว้ด้านข้าง เห็นไหล่บางขยับไหวตามจังหวะที่ถอนหายใจออกมา

                “คุณไม่ได้คิดจะให้ฉันเลือกอยู่แล้วนี่...”   ชายหนุ่มนึกชื่นชมอีกฝ่ายที่คาดเดาความคิดเขาได้อย่างถูกต้อง ว่าเขาไม่ต้องการคำปฏิเสธ...   “นานแค่ไหน...”

                “อะไรนะครับ...”  

                ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินทั้งๆที่ได้ยินคำถามนั้นเต็มสองหู หากหญิงสาวยังคงใจเย็น(หรืออาจจะปลง) จึงเอ่ยคำถามซ้ำอย่างช้าๆและชัดเจน

                “ระยะเวลาที่จะให้ฉันเป็นคนรักคุณ...นานแค่ไหน...”

                “...ผมให้คุณกำหนดดีกว่าไหม...”

                “ครึ่งเดือนก็พอ...สำหรับพ่อฉันน่ะ ควงไปให้เห็นหนเดียวก็ดีใจจนแทบจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะมั้งนั่น...”  

               หญิงสาวเอ่ย ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มบางๆเมื่อนึกถึงคนเป็นพ่อ เธอเป็นลูกสาวที่พ่อเลี้ยงมากับมือแล้วอยู่กับพ่อมาทั้งชีวิต ทำไมจะไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นแค่ทำให้ตัวเองดูป่วยหนักกว่าความเป็นจริงเพื่อให้เธอกับพี่สาวยอมหาผู้ชายของตัวเองเสียที
               
                ...ไม่ใช่ว่าเธอไม่รักพ่อหรอกนะ... แต่เรื่องแบบนี้นี่มันอดไม่ได้จริงๆ

                “ไม่...”  

                เสียงของเบียคุรันแทงทะลุผ่านห้วงคำนึงของซาคุยะ ดึงให้หญิงสาวกลับมาตั้งใจกับข้อตกลงของทั้งคู่อีกครั้ง หญิงสาวขมวดคิ้วรู้สึกถึงกลิ่นอายน่าหวาดหวั่นจากชายหนุ่ม รู้สึกว่าอีกฝ่ายมีท่าทีคล้ายทรราชย์ที่ถูกขัดใจ ซึ่งเป็นอะไรที่อันตรายสุดๆ

                ชายหนุ่มที่รู้ตัวว่าเผลอแสดงอาการเอาแต่ใจออกไป รีบกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม

                “ไม่เอาน่า...ถ้าผมควงคุณครึ่งเดือนพวกบอร์ดคงได้มองว่า คุณแค่เป็นกิ๊กอีกคนผมน่ะสิ”  

                เขาลอบยิ้มเมื่อดวงตาหญิงสาววาวขึ้นด้วยโทสะ เขาคิดไม่ผิดว่าผู้หญิงอย่างเธอนั้นยึดมั่นในศักดิ์ศรีและไม่ยอมให้ใครมองว่าตัวเองมีฐานะเป็นแค่ของเล่นแน่ๆ  

                “แล้วเขาก็จะยัดเยียดคู่หมั้นให้ผมเหมือนเดิม...เห็นใจผมหน่อยเถอะนะ ช่วยอยู่กับผมไปจนกว่าบอร์ดจะเลิกตื้อทีเถอะ...เอาเป็นว่าจนกว่าจะหมดงานความร่วมมือโปรเจ็คชอยส์ก็แล้วกัน...”

                เขาเสนอกำหนดเวลาที่ชัดเจน ก่อนจะเฝ้ามองหญิงสาวกรอกตาไปมาคล้ายกำลังตัดสินใจ เขาไม่เอ่ยเร่งเร้าอะไรอีก เพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไง...คำตอบนั้นก็ย่อมต้องเป็น...

                “ก็ได้...ตกลง...”  

               หญิงสาวกล่าวด้วยใบหน้านิ่งๆ หากบรรยากาศรอบตัวบ่งชัดว่าไม่พอใจมากๆ แต่ทำอะไรไม่ได้ ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่อายุอ่อนกว่านิดหน่อยด้วยแววตาเอื้อเอ็นดูก่อนจะยื่นมือออกมา คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความสงสัยก่อนจะกระจ่างเมื่ออีกฝ่ายพลิกมือแล้วกล่าวว่า

                “ดีมากครับ หวังว่าเราจะเป็นหุ้นส่วนที่ดี...”

                หญิงสาวจึงยื่นมือออกไปจับกับอีกฝ่าย เหมือนกับมารยาทหลังทำสัญญาธุรกิจ

                “กลับไปนี่เราควรจะทำสัญญาให้เป็นลายลักษณ์อักษรนะ...”  

                หญิงสาวเปรยก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อชายหนุ่มจรดริมฝีปากกับมือตน พยายามจะดึงมือตัวเองออกหากอีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆเช่นกัน

                “...ถึงเราจะตกลงกันแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมให้คุณลวนลามพร่ำเพรื่อหรอกนะ”

                หญิงสาวกระซิบลอดไรฟันพลางขึงตา หากชายหนุ่มกลับยิ้มออกมาบางๆพลางรูดมือตนขึ้นมายึดต้นแขนของเธอเอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

                “ไม่ใช่ลวนลามครับ เป็นการแสดงความรัก...”

                “มันไม่ใช่การแสดงความรักค่ะ มันคือละคร...”   หญิงสาวโต้กลับทันควัน   “...ฉันไม่คิดว่าเราต้องรีบเล่นขนาดนั้น”

                “เราต้องเริ่มกันตั้งแต่วินาทีเป็นต้นไปต่างหาก...”  

                ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้ซาคุยะทักท้วง หากจรดริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเธอในทันที ซาคุยะตกตะลึงเผลอเอนตัวออก หากมือที่ยึดต้นแขนไว้ไม่เอื้อให้ขยับหนีไปไกลนัก แถมคนที่จูบมาก็รุกไล่ไม่ยอมให้ได้หนี จนหญิงสาวต้องทำใจอยู่นิ่งๆ

                “ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ...”  

                เสียงของบริกรดังขึ้นข้างๆ ทำให้เบียคุรันต้องถอนจูบด้วยความเสียดาย ซาคุยะสะบัดหน้าไปด้านข้างด้วยยังไม่อยากเผชิญหน้ากับคนที่ขโมยจูบตัวเอง

                แต่เจออะไรที่เลวร้ายกว่าอย่างใบหน้าแดงก่ำของบริกรสาวและถาดอาหารสั่นๆ (จนเบียคุรันต้องช่วยอีกฝ่ายลำเลียงอาหารมาวางบนโต๊ะ) หญิงสาวเบือนไปอีกทาง ก่อนจะพบกับชายแปลกๆที่เก็บกล้องดิจิตอลด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน แถมยังสะดุ้งสุดตัวเมื่อพบว่าเธอมองจ้อง

                ซาคุยะเข้าใจคำพูดของเบียคุรันที่ว่าละครต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปในทันที

                “รีบอร์นฆ่าฉันแน่ๆ ขนาดข้อความโรคจิตเขายังไม่ให้ฉันแจ้งตำรวจเพราะกลัวจะเป็นข่าวลุกลาม แล้วนี่ ภาพจูบกับคุณเนี่ยนะ...”

                “ในฐานะคนรัก...ผมจะปกป้องคุณจากเขาเอง...ทำใจให้สบายแล้วทานอาหารให้อร่อยเถอะครับ เรากำลังอยู่ในระหว่างเดตนะ...”

                เบียคุรันเอ่ยยิ้มๆ มือก็ตักอาหารใส่จานหญิงสาวเรื่อยๆ ซาคุยะโคลงหัวไปมาด้วยความจนใจก่อนจะลงมือทานอาหารในจานของตัวเอง ก่อนที่มันจะเต็มเพราะคนร่วมโต๊ะขยันตักนู่นตักนี่ให้เหลือเกิน


     

    Ö

     

     

                สุดท้ายหญิงสาวก็ต้องพักค้างคืนที่บ้านตากอากาศอยู่ดี เพราะหลังจากทานอาหารเสร็จเบียคุรันก็เอาแต่ลากตัวเธอไปนู่นมานี่ พอเกริ่นๆเรื่องจะกลับเข้าเมืองนามิโมริ เขาก็บอกมาหน้าตาเฉยว่า รถอยู่ในอู่ของรีสอร์ตกำลังเช็ดล้างขัดเงา กว่าจะได้ก็พรุ่งนี้เช้า – คิดจะขึ้นรถโดยสารกลับเมืองอยู่หรอกพอมาที่บ้านพัก กระเป๋าก็ดันหายไป – เจ้าตัวคนทำก็พูดอย่างหน้าชื่นตาบานว่าจะคืนให้พรุ่งนี้เช้า ซาคุยะได้แต่นั่งหงุดหงิดใจอยู่คนเดียว

                “ไปเดินเล่นที่ริมชายหาดกันเถอะครับ...”

                สบถสาปแช่งในใจไปไม่เท่าไร เจ้าตัวก็โผล่มาทักตรงหน้า

                “ชุดนี้เหรอ...” ซาคุยะเลิกคิ้ว มองเขา...ร่างสูงโปร่งอยู่ในสภาพผ่อนคลายเป็นที่สุด เสื้อสูทสีขาวสุดเนี้ยบถูกถอดออกไปแล้วเช่นเดียวกับเนกไทสีเดียวกัน เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนขึ้นถึงข้อศอก ปลดกระดุมสองเม็ดบนออกโชว์แผงอกรำไร ชายเสื้อถูกยัดลงในกางเกงสแลคสีขาวโดยไม่มีเข็มขัด

                ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้าง

                “คุณน่ะ พอได้อยู่หรอก...” หญิงสาวพ่นลมหายใจ “แต่จะให้ฉันใส่ชุดนี้ไปเดินเล่นชายหาดรึ...บาย...ถ้าคุณอยากไป คุณไปคนเดียวเถอะ...อีกอย่าง...ฉัน...”

                คำพูดที่จะพูดพลันติดค้างในลำคอ ยามเมื่อคนที่ยืนตรงหน้า วางมือเท้าพนักพิงของโซฟาที่เธอนั่งอยู่ โน้มตัวลงมาจนใบหน้าแทบจะแนบชิดติดกัน นัยน์ตาสีอเมทริสต์ส่อแววคุกคามจนชวนให้หวาดหวั่น

                แต่ถึงอย่างงั้นเธอก็ยังกัดฟันพูดต่อ

               “ฉันอยากจะเริ่มทำงานซักที ถ้าหากจะกรุณาคุณช่วยรีบบอกมาว่าคุณต้องการยังไง แล้วก็ขอโน้ตบุ๊คฉันคืนด้วย...”

                ของทุกอย่างเธออยู่ในกระเป๋าทั้งโน้ตบุ๊ค เอกสารงาน โทรศัพท์มือถือแม้กระทั่งกระเป๋าตังค์ ซึ่งอีกฝ่ายเป็นคนยึดเอาไป

                เบียคุรันจุ๊ปาก ส่ายหัวไปมา “คุณนี่...เรากำลังเดตกันอยู่นะ ยังจะมาคิดเรื่องงานอยู่อีก”

                “...แล้วใครเป็นคนที่บอกว่าเราจะมาตกลงกันเรื่องงาน...”

                “ผมบอกว่ามีเรื่องอยากจะตกลงกันกับคุณต่างหาก ไม่ได้บอกว่าเรื่องงานซักหน่อย แล้วเราก็คุยกันเสร็จแล้ว...เราจะเป็นแฟนกันไปจนกว่าจะหมดโครงการความร่วมมือระหว่างสองบริษัท... แล้วตอนนี้ เราอยู่ระหว่างสร้างหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าเรากำลังคบกันอยู่”

                “แฟนปลอมๆ...”

                ซาคุยะท้วงเสียงนิ่ง ก่อนจะยักไหล่

                “โอเค...สร้างหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าเรากำลังคบกันอยู่สินะ ฉันจะยอมไปกับคุณก็ได้...แต่ขอของฉันคืนเถอะ ฉันว่าบูทหนังส้นเตารีดกับกางสแลคขายาวไปเดินชายหาดคงดูไม่จืดซักเท่าไร...”

                ชายหนุ่มยิ้มพราว

               “ไม่ต้องห่วง ตอนคุณหลับผมแวบออกไปซื้อเสื้อผ้ามาให้คุณแล้ว ทั้งสำหรับเล่นน้ำทะเลแล้วก็เสื้อผ้าสำหรับคืนนี้ด้วย...”

               ว่าแล้วก็เอี้ยวตัวไปด้านข้าง เอื้อมมือหยิบถุงกระดาษใบเขื่องซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างโซฟามาโยนปุลงบนตักของหญิงสาว

                ซาคุยะย่นจมูกใส่ เพราะมัวแต่หงุดหงิดจึงไม่ได้สังเกตถุงกระดาษที่วางไว้ใกล้ตัวแต่แรก ก่อนจะดันไหล่ของอีกฝ่ายให้ถอยออกไป ซึ่งร่างสูงก็ยอมถอยไปนั่งที่เก้าอี้นวมฝั่งตรงข้ามแต่โดยดี นึกชอบอีกฝ่ายขึ้นมานิดหน่อยที่ยังนึกถึงเรื่องจุกจิกพวกนี้ ...ก็สมกับที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิงแหละนะ

                หญิงสาวหยิบเสื้อผ้าในถุงออกมากางดู ...ไม่เลวเลย... มีเสื้อยืดสีขาวสำหรับใส่คลุมแล้วก็กางเกงขาสั้น สไตล์สบายๆเหมาะกับใส่เดินชายหาดกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวและกระโปรงตรงทรงดินสอสีดำแหวกข้างซึ่งน่าจะเป็นชุดไว้ใส่กลับในวันพรุ่งนี้

                พอล้วงก้นถุง ปลายนิ้วสัมผัสกับผ้าชิ้นเล็ก หญิงสาวจึงแหวกปากถุงแล้วชะโงกหน้าดู พลันได้เห็นสิ่งของในถุง ก็รู้สึกว่าผิวหน้าร้อนผ่าวราวกับจะไหม้

                และเหมือนคนตรงข้ามจะรู้จึงเอ่ยกระเซ้าขึ้นมา “ชอบไหม...ผมเลือกให้คุณกับมือเลยนะ...”

                ซาคุยะก้มมองของในถุงอีกครั้ง สิ่งที่อยู่ก้นถุงคือชุดว่ายน้ำแบบทูพีซสีน้ำเงินเข้ม บราตัวบนเป็นแบบบราสามเหลี่ยมผูกคอหรือทรง
    Triangle ส่วนกางเกงตัวล่างเป็นบิกินี่ผูกเชือกด้านข้างกับชุดชั้นในลายลูกไม้สีขาว

                เห็นใบหน้ามั่นอกมั่นใจเหลือเกินของอีกฝ่ายก็อดไม่ได้ที่จะยวนกลับแม้ใบหน้าร้อนผ่าว

                “ซื้อมาให้นี่คุณรู้ไซส์ฉันเหรอ...” เธอแสร้งมองชิ้นผ้าในถุงกระดาษสลับกับคนซื้ออย่างดูแคลน “ไม่ใช่ว่าซื้อมาผิดไซส์จนฉันใส่ไม่ได้หรอกนะ ลำบากไปซื้อเองอีก เปลืองเงินคุณเปล่าๆอีก...”

                ชายหนุ่มยิ้มร่าไม่ถือสากับท่าทีนั้นของหญิงสาว

                C34 – 24 – 36 ผมว่าสายตาผมไม่น่าพลาดนะ แล้วมือผมก็ไม่น่าจะโกหก...แค่สัปดาห์เดียวหุ่นคุณคงไม่เปลี่ยนไปมากมายหรอกมั้ง ที่รัก”

                “หุบปากไปเลย”

                หญิงสาวพูดเสียงเข้ม นึกอยากจะเอาของในถุงปาใส่หน้าทะเล้นๆนั่นเหลือเกิน แต่ก็ต้องสะกดจิตสะกดใจไว้เพราะการทำแบบนั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนัก แม้จะนึกเจ็บใจกับการที่อีกฝ่ายสามารถบอกสัดส่วนของเธอได้ถูกเผงซึ่งปลุกความทรงจำเลวร้ายว่าเธอพลาดท่าเสียทีให้เขาขึ้นมา

                แต่การยั่วโมโหคนที่ถือไพ่เหนือกว่าในทุกด้านอย่างเขา...ไม่ใช่สิ่งที่เธอควรทำ

                ซาคุยะโคลงหัวไปมา คงไม่มีทางเลือก   

                “ฉันจะไปเปลี่ยนชุด...”   

                ว่าแล้วก็ลุกขึ้น ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งทำหน้างงๆอยู่บนเก้าอี้นวม พร้อมคว้าถุงกระดาษและเสื้อผ้าอื่นๆเดินเข้าห้องน้ำไป

                ไหนๆก็รับปากกับอีกฝ่ายไปแล้ว จะมามัวตั้งแง่ หาเรื่องทะเลาะ ยั่วโมโหเขาก็ใช่ที่ สู้ทำๆตามที่อีกฝ่ายร้องขอไปเสียให้จบคงจะดีกว่า จะได้ไม่มากวนตัวกวนใจกันให้มากมายนัก

                อีกทั้งมาถึงทะเลนามิโมริ หลังจากที่ไม่ได้มานานแสนนานนับตั้งแต่เรียนจบ จะมามัวใส่สูททำงาน นั่งอุดอู้อยู่ในบ้านพักอยู่ทำไม

                ...หญิงสาวนึกหาเหตุผลมาปลอบตัวเอง ขณะผลัดเปลี่ยนชุดออกเป็นชุดที่ชายหนุ่มซื้อให้
               

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×