โปรเจคเรื่อง (ชาลี)

 อารัมภบท

          เมื่อความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีถึงขีดสุด เหล่าชาวมนุษย์ผู้สุขสบายต้องผจญกับความคลั่งบ้าสงครามระหว่างดินแดน ความเชื่อทางลัทธิศาสนาไม่ตรงกันที่มีมาอย่างยาวนานทุกยุคทุกสมัย เทคโนโลยีทางการทหารที่พัฒนาอย่างมากเพื่อใช้ประหัตประหารก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือในสงครามครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งในประวัติศาสตร์โลก หลังจากมนุษย์อยู่อย่างสันติและคอยประนีประนอมการกระทบกระทั่งกันมานาน  แต่นั่นก็เป็นเพียงแต่ในโลกเบื้องหน้าที่เราเหล่าคนปุถุชนธรรมดาเท่านั้นรับรู้  เพราะในเบื้องลึกทางด้านการเมืองนั้นต่างจดจ่องและคอยช่วงชิงผลประโยชน์จากบ่างฝ่าย ส่วนบางฝ่ายนั้นก็ต้องคอยรักษาการชกฉวยผลประโยชน์ของตนและความเชื่อทรรศนคติที่ต่างกัน ทำให้ต่างก็เร่งพัฒนาหรือแย่งชิงข่าวสารรวมทั้งสร้างข่าวต่างๆมากมาย จนกระทั่งมีข่าวกรองรายงานกันทั่วทุกหัวระแหงว่ามีการค้นพบว่าเราสามารถแหกกฎขีดจำกัดของช่วงเวลามิติตามความรับรู้ที่เราเคยได้เรียนรู้มานั้นสามารถทำได้โดยนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่ง  ทุกฝ่ายต่างอยากได้แย่งชิงตัวทั้งตัวนักวิทยาศาสตร์และวิทยาการที่ท่านคิดค้นขึ้นได้ทั้งหมด  จึงเป็นเหตุทำให้เกิดการกระทบกระทั่งของแต่ละฝ่ายรุนแรงยิ่งขึ้น  จนเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ประทุเกิดสงครามระหว่างดินแดนขึ้นมา  และเป็นที่แน่นอนว่าฝ่ายที่มีความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยี ยุทธโทปกรณ์อาวุท และกำลังพลย่อมได้เปรียบและมีชัยเหนือกว่าอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ

โครงเรื่อง ๑

          สืบความเกี่ยวเนื่องจากเหตุและสาเหตุแห่งมหาสงครามอีกครั้งในประวัติศาสตร์ของชาวโลก  โลกเกิดสงครามนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ครั้งเรายังรบกันด้วยดาบ ง้าว ขอ ธนู และเคลื่อนกำลังกองพลด้วย ช้าง ม้า วัว ควาย แล้วแต่ดินแดนไหนมีอย่างไหนให้ใช้  จนกระทั่งเราสามารถพัฒนาอาวุธมาเป็นปืน  มีรถถึง มีเครื่องบิน เป็นพาหนะ ซึ่งเทคโนโลยีส่วนใหญ่เหล่านี้ปฏิเสธไปไม่ได้เลยถ้าไม่มีสงคราม  ถึงแม้ผู้ผลิตคิดค้นไม่ได้เริ่มคิดสร้างมาเพื่อสงคราม  แต่เมื่อมีสงครามเกิดขึ้นผู้นำทัพต่างก็เห็นประโยชน์ในการนำมาใช้ในกองทัพเพื่อให้ได้เปรียบฝ่ายตรงข้ามให้มากที่สุดเพื่อให้ได้ชัยชนะ  และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เทคโนโลยีด้านต่างๆพัฒนาในระดับที่รวดเร็วมาก  และสามารถดึงเทคโนโลยีด้านต่างๆพัฒนาตามไปด้วย  จนถึงมหาสงครามโลกครั้งนี้ที่เทคโนโลยีได้ผ่านการพัฒนามาอย่างยาวนาน  เรามีทั้งชุดเกราะกึ่งหุ่นรบที่ในระดับสูงสุดของเกราะนี้สามารถใส่ในอวกาศได้  มียานรบทั้งบนบก ในน้ำ อากาศ กระทั่งนอกโลก มียานโคโลนีที่เป็นสถานีพักบนอวกาศหลายแห่ง มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บต่างๆได้อย่างรวดเร็ว มีเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายที่เร็วสุดยอด  มีอุปกรณ์อิเล็กโทนิกในเรื่องช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันต่างๆมากมาย  แต่เราก็ยังมีความเลื่อมล้ำทางด้านความคิด ความเชื่อ ลัทธิ เศรษฐกิจ อย่างมากอยู่ เรายังไม่มีความเท่าเทียมอย่างมากจนเป็นเหตุให้เกิดการประทุสงครามครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้งหนึ่งของโลก

โครงเรื่อง ๒

          นักวิทยาศาสตร์นามว่า  Dr  มาติน  เครเวล นักวิทยาศาสตร์แห่งประเทศที่เจริญที่สุดในยุคนี้เป็นคนไม่ชอบสงคราม รักความสงบ เชื่อในเหตุและผล และรู้ว่าทุกสิ่งตั้งอยู่ในพื้นฐานความเป็นจริง  เขาไม่เข้าใจว่าคนเราจะสร้างสงครามทำไมให้มีชีวิตมากมายต้องสูญเสีย ในเมื่อสักวันคนเราก็ต้องตายอยู่แล้วแค่ใช้ชีวิตให้เต็มที่ในแต่ละวันก็ยากพออยู่แล้วยังดิ้นรนไปหาทางที่วอดวายกันอีก  และในเมื่อข่าวคราวที่เขาค้นพบความลับเรื่องของเวลาและมิติจากการวิจัยมาอย่างยาวนานแพร่สะพัดไป เขาจึงตระหนักว่าภัยใกล้ถึงตัวแล้ว จึงได้รวบรวมสรรพวิชาความรู้และเทคโนโลยีที่เขาคิดค้นขึ้นใส่ลงในแคปซูนย่อสสาร  และหนีไปยังห้องแลปของตนที่มีเครื่องเปิดมิติเวลาที่เขาได้คิดค้นขึ้นเพื่อหนีย้อนเวลาไปยังอีกเวลาหนึ่งจากการตามล่าของทุกฝ่ายที่ต้องการตัวเขาและเทคโนโลยีที่เขาสร้าง แต่เมื่อเขาโผล่ยังมิติเวลาอีกด้านเขากลับพบว่าไม่ใช่โลกเดิมที่เขาอยู่ จากการปล่อยเอนดรอยด์เสมือนมนุษย์กว่าร้อยตนออกสำรวจพื้นที่กลับไม่พบสิ่งมีชีวิตที่เป็นมนุษย์เลย และในดาวดวงนี้กลับมีพระจันทร์สามดวง แต่ยังคงมีพระอาทิตย์ดวงเดียวเหมือนโลก หนึ่งในดวงจันทร์ถัดจากโลกเป็นดาวที่มีแต่น้ำแข็ง หิมะ และความหนาวเย็น ดวงจันทร์ดวงถัดไปมีแต่มหาสมุทรทั้งดาว และดวงจันทร์ดวงสุดท้ายเป็นป่าดิบชื้นสลับป่าโปร่งทั้งดาว  เมื่อเขาสำรวจได้สักระยะก็ยังไม่เห็นมนุษย์คนไหนและด้วยความที่เขาได้นำเทคโนโลยีทั้งหมดจากโลกมาเขาก็ไม่อยากให้มันเสียประโยชน์เขาจึงใช้มันสร้างเมืองไปเรื่องทั้งดาวโดยไม่ให้มีผลกระทบกับธรรมชาติบนดาวดวงนี้  ในขณะที่เขาสร้างไปเรื่อยๆเขาก็ได้พบกับร่องรอยอารยธรรมต่างๆที่เหมือนถูกทำลายไปมากมาย