ตอนที่ 2 : LAST TALE AND WAR 2 :: เขาผู้ซึ่งรักเธอตลอดกาล 100% (RE-WRITE)
1
แถลง!! ตอนๆหนึ่งของฟิคมีประมาณ 10 หน้า A4 ขึ้นไป
ใครชอบใครรักกาอาระ! ต้อง 20% หลัง
1
“ซากุระ ซากุระจัง ซากุระ!”
“นารูโตะเหรอ…”
ฉันปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากโดนเรียกชื่ออยู่แบบนั้นกว่าร้อยรอบได้มั้ง นารูโตะนั่งอยู่ที่ข้างๆเปลพักคนไข้ในสถานพักฟื้นผู้ป่วยกองกำลังนินจาห้าแคว้นของสึนะงาคุเระ นัยน์ตาสีฟ้าสดใสนั่นมีแววเป็นห่วงฉัน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลอีกครั้ง มันเป็นบาดแผลที่ฉันคุ้นตาดีนักล่ะ ก็หมอนี่…ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อย
“ซากุระจังนี่นะ ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย”
“นะ…นารูโตะ ฮึก นารูโตะ!!”
ไม่รู้ว่าฉันเป็นบ้าอะไรกันแน่ แต่แค่เห็นนารูโตะยังคงยิ้มอย่างหมดห่วงและยังหัวเราะอย่างใจดีให้กับฉัน แค่นี้ก็ทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจถึงแม้ว่าจะต้องร้องไห้ออกมาอย่างน่าสมเพชก็ตาม แขนของฉันโอบรอบคอของนารูโตะแน่น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาแต่มันก็ยากเกินไป
“ซากุระจัง…ซากุระจังมาร้องไห้ต่อหน้าฉันแบบนี้ก็แย่น่ะสิ ฮ่ะๆ”
“มันไม่ตลกนะตาบ้านารูโตะ! บ้า บ้า บ้า!!! บ้าที่สุด!!! คิดจะตายจริงๆรึไงน่ะฮะ…ทำไมต้องตายด้วย…”
“ฉัน…”
“ฉันจะทนได้ยังไงถ้าพวก…ถ้านายตายไปต่อหน้าต่อตาฉันน่ะฮะ!!”
“โอ้ย โอ้ย ซากุระ กอดเฉยๆก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องทุบกันแบบนี้เลยน่า!~”
“ก็นายมันบ้า!! บ้าที่สุด! ฮึก”
“พวกเธอก็บ้าด้วยกันทั้งคู่นั่นล่ะน่า”
นั่นมัน…เสียงของอาจารย์คาคาชินี่ ดวงตาสีมรกตของฉันหันไปมองผู้ชายตัวสูงที่มีผ้าคาดปากกำลังเอนตัวพิงกับขอบฉากกั้นระหว่างเปลพักผู้ป่วย อาจารย์คาคาชิยิ้มออกมาผ่านดวงตาเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ทำอะไรบ้าระห่ำกันทั้งคู่เลยนะ รู้มั้ยคนเป็นอาจารย์อย่างฉันก็เป็นห่วงนะ”
“น่าๆ พวกเราก็ปลอดภัยแล้วนี่อาจารย์คาคาชิ”
“พูดง่ายแบบนั้นจะดีเหรอ? เป็นไงบ้างซากุระ รู้สึกดีขึ้นรึยังหลังจากทำอะไรบ้าๆตามนารูโตะน่ะหืม?”
“ทำอะไรบ้าๆตามผมงั้นเหรอ! อาจารย์จะหาว่าผมบ้าใช่มั้ยเนี่ย!~”
“รู้ตัวด้วยเหรอเนี่ย”
“ดีจัง…”
ดีจริงๆที่ฉันยังมีชีวิตอยู่และได้เห็นภาพแบบนี้อีกครั้ง แต่ว่า…แล้วซาสึเกะล่ะ เขาตายไปรึยัง ครั้งสุดท้ายที่ฉันจำได้เขาเข้ามาช่วยฉันไว้นี่…เขาที่เย็นชา ไร้จิตใจคนนั้นช่วยฉันจากกระสุนดาวกระจายวงจักร หรือว่าฉันจะเพ้อฝันไปเองนะ
“ทำหน้าแบบนั้นคงคิดถึงเรื่องซาสึเกะอยู่ล่ะสิ…ทางหมู่บ้านทั้งห้าได้ไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุที่พวกเธอต่อสู้กัน ร่องรอยสุดท้ายของซาสึเกะหยุดอยู่ตรงที่ที่พวกเธออยู่ และสุนัขนินจาจับกลิ่นสุดท้ายของเขาได้ที่เธอนะซากุระ”
อาจารย์คาคาชิพูดด้วยเสียงเรียบเฉย ฉันคิดว่าเขาแค่พยายามเก็บสีหน้าและความรู้สึกไม่ให้ฉันกังวลไปมากกว่านี้เท่านั้นล่ะ อาจารย์มักใจดีแบบนี้เสมอๆ
“…”
นั่นไม่ใช่ความฝัน เขาช่วยฉันจริงๆ…ซาสึเกะช่วยฉัน แต่ทำไมล่ะ?
“หลังจากที่พวกเธอทั้งคู่พักฟื้นแล้ว คิดว่าทางหน่วยสืบสวนสอบสวนคงจะเรียกตัวพวกเธอไปสอบปากคำแน่ๆ ส่วนกาอาระเองก็โดนไปสอบปากคำอยู่”
“อืม…”
“เอาล่ะ พวกเธอสองคนก็พักฟื้นให้เต็มที่เถอะนะ ฉันคงต้องไปจัดการเรื่องผนึกพลังสถิตย์ร่างคนสุดท้ายก่อน”
ฟุบ!!!
อาจารย์คาคาชิหายตัวไปแล้ว เหลือแต่ฉันและนารูโตะที่ถูกความเงียบเข้าปกคลุม ฉันไม่สามารถสรรหาคำพูดดีๆมาพูดได้ ส่วนนารูโตะเองก็คงอึดอัดใจไม่น้อย
“เอ่อ…คือ”
“ถ้าเราไม่พูดอะไร เรื่องร่องรอยสุดท้ายของซาสึเกะที่หยุดอยู่ตรงนั้นก็อาจสรุปได้ว่าเขาตายไปแล้ว”
“ซากุระจัง…?”
“ฉันรู้ว่านี่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะปิดความลับเรื่องซาสึเกะเอาไว้ แต่ขอร้องเถอะนะนารูโตะ ถ้าจุดจบของการสู้กันระหว่างซาสึเกะและนายคือการตาย ฉันขอเถอะ ยุติเรื่องนี้เอาไว้…ให้นานที่สุดจนกว่าวันนั้นจะมาถึง ฉันไม่อยากเห็นนายตาย ฉันไม่อยากสูญเสียนาย”
“แต่ซากุระจัง”
“ขอร้องล่ะ ไม่ต้องสนใจเรื่องพาเขากลับมาที่หมู่บ้าน ไม่ต้องเห็นแก่คำที่ฉันเคยขอร้อง อย่าเห็นแก่ความเป็นเพื่อนหรืออะไรทั้งนั้น ไม่ว่าอะไรที่ทำให้นายผูกพันกับซาสึเกะจนถึงขั้นยอมตาย ได้โปรด เห็นแก่ความเป็น…ความเป็นเพื่อนของฉันกับนาย ฉันไม่อยากสูญเสียนายไปอีก ฉันไม่อยากให้เกิดสงครามขึ้นอีกแล้ว”
“…”
“ฉันรู้ว่ามันยาก ฉันรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่นายจะทำตามคำขอของฉัน นี่อาจเป็นแค่การยืดเวลาของเรื่องนี้ออกไป…แต่ขอร้องอย่าจากฉันไปอีกคนนะนารูโตะ”
“…”
นัยน์ตาสีฟ้าสดใสนั่นดูหม่นลงไปเยอะเมื่อได้ยินคำขอร้องที่อาจจะเห็นแก่ตัวไปบ้าง แต่ใครไม่มาเป็นฉันจะไปเข้าใจความรู้สึกอะไรกันล่ะ ใครจะไปเข้าใจความรู้สึกของคนกลางอย่างฉัน ถึงฉันจะไม่สำคัญอะไรกับพวกเขาทั้งสองคนมากขนาดนั้น แต่…ขอเถอะนะ ให้ฉันได้ทำอะไรบ้างเถอะนะ
“ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอกซากุระ คนที่จะหยุดความเกลียดชังของซาสึเกะได้มีแต่ฉันเท่านั้น”
“…”
ฉันรู้อยู่แล้วว่าคำตอบของนารูโตะจะต้องเป็นแบบนี้ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องปฏิเสธ…คำขอร้องของฉันมันไม่ได้มีน้ำหนักอะไรขนาดนั้นจริงๆ
“ได้ ฉันจะให้นายเป็นคนที่ดับความแค้นของซาสึเกะ แต่ยืดเวลาออกไปอีกหน่อยเถอะนะ ให้นายได้พักฟื้นร่างกาย ฝึกวิชาให้มากกว่านี้ ให้เวลาฉันได้…ทำใจเรื่องนายกับซาสึเกะ ปิดเรื่องซาสึเกะไว้เป็นความลับก่อน ให้ทางหน่วยลับพวกนั้นเข้าไปใจไปก่อนว่าซาสึเกะตายไปแล้ว และเราจะช่วยกันตามรอยซาสึเกะไปด้วยกัน ให้นายได้เป็นโฮคาเงะ…”
“ซากุระจัง…”
“ขอร้องล่ะนารูโตะ นั่นคือคำขอสุดท้ายในชีวิตฉันแล้วจริงๆ ถึงนายจะไม่เข้าใจและอยากปฏิเสธ แต่ขอร้องล่ะนะ…ได้โปรดอยู่กับฉันอีกสักนิด ยืดเวลาออกไปอีกสักหน่อยนะ”
ฉันไม่รู้เลยว่าตัวเองโน้มตัวไปกอดนารูโตะเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันทั้งร้องไห้ ทั้งฟูมฟาย ทั้งพูดไม่เป็นภาษา ฉันนี่มันทั้งบ้าทั้งโง่ทั้งงี่เง่าของแท้เลยจริงๆนะ ทั้งๆที่รู้ว่าต่อให้ร้องขอให้ยืดเวลาระหว่างเรื่องของนารูโตะกับซาสึเกะออกไปนานเท่าไหร่ คนที่จะเจ็บปวดที่สุดไม่ใช่แต่จะเป็นฉันแต่ยังเป็นนารูโตะด้วย แต่ช่วงเวลานี้…ขอแค่ช่วงเวลาที่ยืดออกไปนี้ให้ฉันได้ทำอะไรบ้างเถอะนะ ในฐานะที่เพื่อนอย่างฉันไม่เคยทำ ในฐานะของนินจาคนหนึ่งที่ไม่เคยทำอะไรได้ดีเลย
“ก็ได้ซากุระจัง…เราจะยืดเวลาออกไป แต่ไม่เกินห้าปีเท่านั้นนะ และถ้าความลับเรื่องซาสึเกะแตกเมื่อไหร่…ถือว่าการยืดเวลาจบกัน”
ขอบคุณนะนารูโตะ ไม่มีคำไหนจะดีเท่าคำนี้อีกแล้ว
สงครามโลกนินจาครั้งที่สี่จบลงไปแล้วด้วยการร่วมมือกันของหมู่บ้านนินจาทั้งห้าแคว้น ฉันคงเล่าให้ฟังได้แค่ว่าคาบูโตะถูกจัดการโดยอิทาจิที่คลายคาถาสัมภเวสีคืนชีพของเขาได้ อุจิวะ อิทาจิ อุจิวะ มาดาระ และอุจิวะ โอบิโตะเองก็ถูกซาสึเกะจัดการไป และพลังสถิตย์ร่างทั้งเจ็ดนั้นก็ถูกพวกเราชาวนินจาห้าแคว้นจัดการไปเรียบร้อย และนั่นก็เป็นเวลาผ่านมาแล้วกว่าหนึ่งปี
และมันน่าแปลกนะที่ถึงแม้พวกเราจะถูกเรียกไปสอบปากคำยังไง คำให้การของพวกเราทั้งสามคนก็ออกมาตรงกันอย่างไม่น่าเชื่อ คำให้การของกาอาระ…มันตรงกับความคิดของพวกเราโดยไม่ได้ตั้งใจ ส่วนเรื่องรับโทษที่ฝ่าฝืนคำสั่งของโฮคาเงะ ฉันถูกลงโทษให้เป็นหน่วยแพทย์อยู่ในโรงพยาบาลโคโนฮะและรับภารกิจระยะไกลระหว่างหมู่บ้านสึนะงาคุเระกับโคโนฮะงาคุเระอยู่เสมอ เรียกได้ว่าฉันแทบไม่มีเวลาพักเลยทีเดียว
“ซากุระจัง ช่วงนี้ไม่ได้พักเลยสินะ”
นารูโตะที่ออกไปทำภารกิจกับฉันอยู่บ่อยๆร้องโอดครวญขึ้นมาหลังจากไม่ได้เจอกันมาเป็นอาทิตย์ แน่ล่ะ เขาเองก็โดนท่านซึนาเดะลงโทษเหมือนๆกับฉันนี่นะ แต่ยังโชคดีนะที่โทษของเรามันไม่ร้ายแรงอย่างที่ควรจะเป็น
“แทนที่นายจะเอาเวลามานั่งโอดครวญกับฉันที่นี่ ฉันว่านายควรเอาเวลาไปหาฮินาตะดีกว่านะ”
“ฮิ…ฮินาตะเหรอ! ซากุระอย่าพูดอะไรบ้าๆน่า!~”
“อ้าว ก็นายกับเธอไม่ได้กำลังเดตกันอยู่เหรอ?”
ฉันเลิกคิ้วมองหน้านารูโตะที่หน้ากำลังขึ้นสีเล็กน้อย แน่ะ! ก็เป็นแบบนี้ทุกทีสินะ
“เธอชอบนาย จะต้องให้ฉันบอกอีกกี่ครั้ง”
“แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย~”
“ซื่อบื้ออย่างนายเคยคิดเป็นกับเขาที่ไหนเล่า อ้อ!! ช่วงนี้มีงานเทศกาลดอกไม้ไฟนี่ นายน่าจะชวนเธอไปสนุกกันนะ ไหนๆก็ไม่ได้รับภารกิจอีกตั้งสามวัน”
ฉันว่าไปพลางก้มลงเปลี่ยนอุปกรณ์ทำแผลชุดใหม่ไป นารูโตะรีบฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพื่อซ่อนใบหน้าแดงๆนั่นไว้
สำหรับฉันกับนารูโตะแล้วนั้น ยังไงๆเราก็ไม่อาจเป็นไปได้มากกว่าเพื่อน ในเมื่อฉันก็ยังรักซาสึเกะมากขนาดนี้ และนารูโตะก็เป็นคนดีเกินกว่าที่จะมารอผู้หญิงอย่างฉันทั้งชาติ ดีแล้วล่ะที่นารูโตะมีฮินาตะคอยรักเขามากขนาดนี้
“ไปชวนเธอซะนารูโตะ”
“แล้วเธอล่ะซากุระจัง ไม่ไปสนุกด้วยกันหน่อยเหรอ!~”
“ฮื่อ! นายก็เห็นนี่ว่างานฉันยุ่งแค่ไหน”
“เธอโดนลงโทษหนักพอๆกับฉันเลยนี่นะ แม้แต่ช่วงนี้ป้าซึนาเดะก็ไม่ยอมให้พักเลยงั้นเหรอ”
“ฉันต้องเป็นหน่วยแพทย์สำรองที่หมู่บ้านสึนะงาคุเระในช่วงเทศกาล ช่วงนี้หมู่บ้านสึนะกำลังเร่งฟื้นฟูหมู่บ้านอย่างเร่งด่วนไม่ต่างจากเรา ที่นั่นต้องการหัวหน้านินจาแพทย์ ท่านซึนาเดะจึงจำเป็นต้องให้ฉันรับภารกิจในช่วงนี้”
“แล้วนี่จะไปคนเดียวเลยเหรอ?”
“ไม่หรอก เห็นว่าจะให้ชิกามารุกับเนจิไปด้วยน่ะ”
“เห? ชิกามารุเนี่ยนะ เขาจะไปทำอะไรที่นั่นน่ะ”
“จากสงครามเมื่อปีก่อนทำให้หมู่บ้านสึนะงาคุเระจำเป็นต้องปรับปรุงรูปแบบการป้องกันหมู่บ้าน อีกทั้งนินจาหมู่บ้านแคว้นอื่นที่ไม่ได้อยู่ในห้าแคว้นกำลังพยายามฉวยโอกาสนี้เพื่อเข้าโจมตีหมู่บ้านสึนะงาคุเระ ทางโคโนฮะจึงจำเป็นต้องส่งคนไปช่วยเหลือในฐานะพันธมิตร และชิกามารุก็เป็นคนที่ฉลาดในด้านการวางแผนมากคนหนึ่ง ส่วนเนจิเขาเป็นโจนิน เขาคงจะไปช่วยชิกามารุและเป็นหัวหน้าหน่วยครั้งนี้ล่ะมั้ง”
เวลาพูดถึงเนจิทีไร ทำไมมันทำให้ฉันฉุนพิลึกนะ หรือเพราะว่ามาดและท่าทางของเขาที่ขี้เก๊กยิ่งกว่าซาสึเกะกัน โอ้ย ช่างเถอะๆ ฉันกำลังไม่ว่างอยู่นี่นา
“โห เธอยุ่งน่าดูเลยนะเนี่ย”
“ยุ่งสุดๆเลยล่ะ แต่ก็พอ…มีเวลาไปกินอิจิราคุราเม็งกับนายอยู่นะ”
“ฮะ?”
ร้องเสียงหลงแบบนั้นทำไมกันยะ ฉันยิ้มให้กับท่าทีของนารูโตะที่ดูตลกสุดๆก่อนจะจัดการถอดเสื้อกราวน์สีขาวของตัวเองออกและแขวนมันไว้เข้าที่
“มาเถอะน่า ช่วงนี้ฉันทำภารกิจบ่อย ต้องการกินเยอะๆนะ เราจะได้แวะไปดูงานเทศกาลดอกไม้ไฟด้วยเป็นไง เขาจัดซุ้มของกินเยอะแยะเลยนะ”
“โอ้ เที่ยวกับซากุระจังเนี่ยนะ เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนะเนี่ย ฮ่าๆ”
“เว่อร์ไปย่ะ มาเถอะ ฉันว่าคนคงเต็มร้านอิจิราคุแล้วมั้ง”
“เอ้อ ใช่ รีบไปๆ”
นารูโตะนี่มีท่าทีไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆสินะ ฉันและนารูโตะเดินออกมาจากโรงพยาบาล ด้านนอกเริ่มมืดแล้ว แสงไฟที่ขนาบข้างถนนทั้งสองเส้นถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงาม ดาวบนท้องฟ้าก็เห็นชัดเจนเพราะนี่เป็นคืนเดือนมืด นารูโตะที่เดินขนาบข้างกับฉันหัวเราะร่าเหมือนคนบ้า แต่นั่นกลับไม่ทำให้ฉันรู้สึกอายเลยสักนิด มันกลับทำให้ฉันมีความสุขไปด้วย
“ร้านอิจิราคุเนี่ยอร่อยไม่เปลี่ยนเลยนะซากุระจัง”นารูโตะร้องออกมาเสียงดังหลังจากที่ฟาดราเม็งหมดไปสองชามใหญ่ บางทีฉันก็สงสัยนะว่ากระเพาะเขาทำด้วยอะไรกันแน่
“ขืนนายกินแบบนี้เรื่อยๆ ฉันว่านายอาจอ้วนตามโจจินะ”
“หา? ฉันจะอ้วนแบบนั้นเลยเหรอ ซากุระจังอย่าพูดอะไรน่ากลัวแบบนั้นสิ”
“ฮิ ฉันไม่รู้ด้วยแล้ว ไปเดินดูเทศกาลดอกไม้ไฟกันเหอะ”
นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ฉันใช้มือฉุดกระชากลากแขนนารูโตะให้เดินตามมา นารูโตะเบิกตากว้างด้วยความตกใจเล็กน้อยแต่ก็หัวเราะร่าเดินตามฉันมาอย่างรวดเร็ว เราเดินเข้าออกร้านนู้นร้านนี้ไปเรื่อย เราหัวเราะกันไม่หยุด นารูโตะทำท่าบ้าๆปัญญาอ่อนที่เกิดจากความเปิ่นของเขา มันเหมือนสมัยก่อนที่เราทีมเจ็ดอยู่ด้วย…
“เอ้อ ว่าแต่ซาอิล่ะ เขาหายหน้าไปนานเลยนะ”
“หือ? ซาอิเหรอ ฮื่อ! ซากุระจังจะไปสนใจเจ้านั่นทำไมกันล่ะ เอ้านี่! ยากิโซ…”
“สนใจเจ้านั่นเหรอครับนารูโตะ”
ไม่รู้ว่าซาอิโผล่มาจากไหน แต่ทว่าเขากลับมายืนปั้นหน้ายิ้มถือหนังสือหน้าตาเฉยราวกับว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เพราะนารูโตะตกใจตัวโยนเกือบล้มหน้าทิ่ม แต่เดี๋ยวนะ…ซาอิมากับอิโนะงั้นเหรอ นั่นไง สองคนนี้มีลับลมคมนัยจริงๆด้วย
“นาย ซาอิ! มาทำอะไรที่นี่ แล้วก็กับอิโนะด้วย!!”
นารูโตะช็อคตาแตกไปแล้ว
“ผม…ผมก็มาเดินเที่ยวงานเทศกาลสิครับ”ซาอิตอบหน้าซื่อ แต่อิโนะนะช็อคตาค้างอยู่ด้านหลังเขาไปแล้ว แน่ะ ยัยอิโนะนี่ปิดบังเรื่องซาอิแม้กระทั่งกับฉันงั้นเหรอ เดี๋ยวมีเคลียร์นะยัยบ้าอิโนะหมูตอน!
“เห นายกับเธอกำลังเดตกันอยู่เหรอเนี่ย คึคึ”
“คึคึอะไรกันล่ะครับ แล้วเดตนี่มันคืออะไรเหรอ”
แป่ว!!! ฉันล่ะสงสารอิโนะจริงๆ กำลังเดตอยู่กับผู้ชายแต่เขากลับไม่รู้ด้วยซ้ำนะว่าเดตคืออะไร ฮ่ะๆ
“ถ้าเดตหมายถึงการมาเที่ยวกันสองคน งั้นคุณซากุระกับนารูโตะก็มาเดตกันสินะครับ”
“เจ้า…เจ้าบ้าซาอิ! พูดอะไรแบบนั้นกัน ซากุระจังกับฉัน…ก็แค่”
“ช่างเถอะน่า ฉันว่าพวกเราทั้งหมดไปหาที่กินยากิโซบะกันเถอะนะ”
ฉันรีบพูดสวนขึ้นมาเมื่อนารูโตะเริ่มทำท่าทีราวกับคนไปไม่ถูก ช่างเถอะน่า ใครจะคิดยังไงกับฉันและนารูโตะ ก็ช่างมันเถอะนะ มันไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว
“ยากิโซบะ? พวกผมก็อยากไปกินด้วยกันอยู่นะครับ แต่ว่าอิโนะกับผมตกลงกันว่าจะไปหาที่นั่งรอดูดอกไม้ไฟกัน”
“งั้นเหรอ…อืม งั้นพวกนายไปกันเถอะนะ ฉันกับนารูโตะจะหาที่กินยากิโซบะนี่ก่อน ไว้เจอกันนะ”
“ครับ ไว้เจอกันนะครับ”
ฉันส่งยิ้มกว้างให้กับพวกนั้นก่อนจะเป็นคนเดินเข้าไปลากนารูโตะให้เดินตามมา เจ้าหน้าหนวดแมวที่เคยหัวเราะเหมือนคนบ้ากลับเงียบไปแล้ว นัยน์ตาสีฟ้าใสเหมือนกับทะเลของนารูโตะเบิกตากว้างในขณะที่มองมือซึ่งจับแขนเขาเอาไว้ มืออีกข้างของเขามียากิโซบะอยู่นะ ทำไมไม่ถือให้ระวังหน่อยล่ะ
“เดี๋ยวก็หกหรอกนารูโตะ”ฉันเอ็ดเสียงดุจนนารูโตะรีบกระวีกระวาดถือจานยากิโซบะให้ทรงตัวเสมอกับมือ
“เกือบไปแล้วเชียว”
“ฮ่าๆ นายนี่มันซื่อบื้อจริงๆนะนารูโตะ”
“โห ก็ซากุระจังอยู่ดีๆก็เสียงดังขึ้นมานี่นา”
นารูโตะว่าเสียงอ่อนก่อนจะวางถาดใส่ยากิโซบะลงบนโขดหินไม่ไกลจากที่จัดงานนัก ร่างบางของฉันและนารูโตะนั่งลงขนาบข้างโขดหินก้อนนั้นก่อนจะลงมือกินยากิโซบะแสนอร่อยนั่นโดยไม่ได้พูดอะไร นัยน์ตาสีเขียวมรกตของฉันก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับการมองสำรวจเทศกาลดอกไม้ไฟนี่จนลืมไปเลย…ว่าดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลกำลังแอบชำเลืองมองฉันอยู่เป็นระยะๆ
“นายมีอะไรจะถามฉันเหรอนารูโตะ?”
“อ่ะ รู้ตัวแล้วเหรอเนี่ย”
แอบจ้องแบบนั้นใครจะไม่รู้บ้างล่ะ?
“ฉันก็แค่อยากรู้ ว่ามันไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอที่ปล่อยให้ซาอิกับอิโนะเข้าใจไปแบบนั้น…”
“เรื่องเราเดตกันน่ะเหรอ?”
“เอ่อ จะว่าแบบนั้นก็ได้ล่ะ ///”
“ฮ่าๆ ใครจะคิดยังไงฉันว่ามันไม่สำคัญอีกแล้วล่ะ ที่ฉันโวยวายแต่ก่อนคงเป็นเพราะซาสึเกะล่ะมั้ง…ฮ่าๆ แต่มันก็นานมาแล้วน่ะนะ ฉันว่า…”
“ซากุระจัง เธอลืมซาสึเกะได้แล้วเหรอ”
ละ…ลืมซาสึเกะ
“…”
“เธอลืมซาสึเกะได้แล้วจริงๆเหรอ? ทำไมเธอดูไม่ใส่ใจเรื่องเขาเลยล่ะ ที่เธอขอร้องให้ฉันยืดเวลาออกไปนั่นเป็นเพราะอะไร? เธอกลัวว่าจะสูญเสียฉันไปหรือกลัวว่าฉันจะฆ่าซาสึเกะกันแน่น่ะซากุระ เธอตัดใจยอมให้ซาสึเกะตายได้จริงๆน่ะเหรอ ทั้งๆที่ตอนนั้นเธอเป็นคนเอาตัวเองเข้าไปขวางวิถี”
“นารูโตะ…นั่นมันก็ผ่านมาปีหนึ่งแล้วนะ ฉันว่า…หยุดพูดเรื่องนั้นเถอะ”
รอยยักที่ริมฝีปากของฉันมันเกิดขึ้นได้ยังไงกันนะ ทั้งๆที่ในใจของฉันมันอยากจะกรีดร้องอาละวาดโวยวายออกมาจะตายไป ฉันอยากกรีดร้องใส่หน้านารูโตะดังๆว่า
‘รู้มั้ย! ผู้หญิงอย่างฉันน่ะไม่อยากสูญเสียนายที่เป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป และฉันก็ไม่อยากให้ซาสึเกะต้องตาย!! ทำไมทุกๆจุดจบของนายกับซาสึเกะมันต้องจบลงด้วยการตายด้วยล่ะ…เราน่าจะหนีมันไปให้พ้นๆเกี่ยวกับเรื่องราวบ้าๆพวกนี้สักที!! เข้าใจมั้ยนารูโตะ’
แต่จะให้ฉันพูดออกไปได้ยังไงในเมื่อมันก็เป็นหน้าที่ของนารูโตะที่จะแบกรับความแค้นของซาสึเกะ และมันก็เป็นหน้าที่ของคน…ที่รักซาสึเกะอย่างฉัน คนที่ควรจะปล่อยให้เขาตายไปตามความผิดที่เขาก่อขึ้นกับหมู่บ้านโคโนฮะ การเป็นฮารุโนะ ซากุระก็ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายดายเลยสักนิดนะ
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เป็นวีรุบุรุษอย่างนารูโตะ ไม่ได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลอุจิวะ คนสุดท้ายอย่างซาสึเกะ ฉันเป็นเพียงแต่ซากุระ…ฮารุโนะ ซากุระที่ไม่มีความสำคัญอะไรเลย
“ถ้าเวลามันผ่านไปและทำให้ซากุระจังลืมได้จริงๆ งั้นแต่งงานกับฉันมั้ยล่ะ ทันทีที่ฉันเป็นโฮคาเงะ”
“นารูโตะ!!”
ดวงตาของฉันเบิกกว้างอย่างตกใจ แววตามุ่งมั่นนั่นของนารูโตะ…นี่มันบ้ามากเกินไปแล้วนะ คนไม่สำคัญอะไรอย่างฉันเนี่ยนะแต่งงานกับวีรบุรุษของหมู่บ้าน ตลกเถอะ!! ฉันจะแต่งงานกับนารูโตะได้ยังไงในเมื่อฮินาตะคู่ควรกับเขา รักเขา และสมควรอยู่เคียงข้างเขา เป็นคนจากตระกูลฮิวงะผู้มีขีดจำกัดสายเลือด เป็นคนที่เหมาะสมจะเป็นภรรยาว่าที่โฮคาเงะ
“ฉันพูดจริงนะซากุระ ฉันกำลังขอเธอแต่งงาน”
ฟิ้ว!!! ตูม ตูม!!!
ดอกไม้ไฟที่ถูกปล่อยขึ้นไปเหนือน่านฟ้าเหมือนเป็นเครื่องเตือนสติให้ฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลกที่เด็กเอาแต่ใจคนหนึ่งเคยพูดเอาไว้ ไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะเกิดขึ้น
“ไม่ นารูโตะ ฉันจะไม่แต่งงานกับนาย”
“เธอยังไม่ลืมซาสึเกะสินะซากุระจัง”
“ฉันไม่เหมาะกับนาย…เรียกได้ว่าไม่คู่ควร คนที่คู่ควรกับนายและรักนายมากที่สุดคือฮินาตะ นายควรจะมองเธอบ้างนะ”
“มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าคนที่คู่ควรกับคนที่ฉันชอบมันคนล่ะคนกัน! มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ”
“…”
“ฉันไม่เร่งเธอให้ตอบคำถามฉันหรอกนะซากุระจัง แต่อย่ารีบปฏิเสธฉันจะได้มั้ย ทุกเวลาที่ฉันจำได้ฉันชอบเธอมาตลอด…คนที่ฉันชอบคือเธอนะซากุระจัง หลังจากที่กลับมาจากการทำภารกิจที่สึนะ…ฉันจะมาเอาคำตอบกับเธอ”
ฉันมันบ้า…ฉันมันงี่เง่า!! เพราะทนสายตาที่จริงจังของนารูโตะไม่ไหว มันทำให้ฉันถึงกลับต้องวิ่งหนีอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง ฉันเร่งฝีเท้าเพื่อวิ่งหนีนารูโตะไปให้ไกลที่สุดโดยที่ตัวฉันเองยังหาเหตุผลไม่ได้เลยว่าทำไมต้องหนี…เพราะความจริงจังของนารูโตะ? เพราะความเป็นเพื่อน หรือเพราะซาสึเกะกัน…
“ฉันมันบ้า!! งี่เง่าและไร้ค่า ฉันเกิดมาเพื่ออะไรกัน ฉันเป็นนินจาที่ช่างไร้ค่าจริงๆ ฮึก…”
น้ำตาบ้า น้ำตางี่เง่า ความอ่อนแอทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำไมฉันถึงไม่รีบจัดการมันไปเสียให้หมด!! ทำไมฉัน…ต้องเจ็บปวดขนาดนี้ แค่คิดถึงตัวอักษรที่สลักเป็นชื่อของซาสึเกะ มันก็เหมือนสลักลึกลงไปในหัวใจฉัน และยิ่งมันฝังลึกเท่าไหร่รักแรกที่ฉันมีต่อซาสึเกะมันก็ยิ่ง...ลืมยากเท่านั้น
ร่างบางค่อยๆทรุดตัวลงกับพื้น ฉันไม่สามารถต้านทานแรงโน้มถ่วงของโลกที่กดทับลงมาได้ ฉันไม่สามารถทรงตัวได้อีกต่อไป น้ำตามากมายไหลพรั่งพรูออกมาอย่างหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ ฉันมันบ้าจริงๆ ร้องไห้ออกมาเพราะเรื่องที่มันผสมปนเปกันเนี่ยนะ? หึ
“ฉันมันไร้ค่า…ไม่แปลกใจจริงๆที่ซาสึเกะจะไม่เคยสนใจฉัน ไม่แปลกเลยที่ฉันเป็นได้แค่ตัวถ่วง…ฮึก ฉันมันไร้ค่าจริงๆ”
“ถ้าเธอคิดว่าตัวเองไร้ค่า เธอก็จะไร้ค่าไปตามสิ่งที่เธอคิด แต่ถ้าเธอเชื่อมั่นว่าตัวเองมีค่า สิ่งที่บ่งบอกถึงคุณค่าของเธอก็อยู่ในตัวเธอ ความเชื่อมั่นคือคุณค่าของมนุษย์”
“นะ…เนจิ”
มือเรียวของฉันรีบยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกในทันที ใครจะไปอยากให้คนอย่างเนจิมาเห็นตัวเองร้องไห้คร่ำครวญด้วยท่าทีน่าสมเพชแบบนี้กันล่ะ เพราะนอกจากเขาจะไม่ช่วยปลอบคุณแล้ว เขาอาจจะเหยียบคุณให้จมลงไปในผืนธรณีเลยก็ได้
“นินจาไม่สมควรร้องไห้อย่างน่าเวทนา กฎของการเป็นนินจาคือการไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา”
“ฉันเป็นนินจาที่ดีไม่ได้ นายจะพูดแบบนั้นใช่มั้ยล่ะ ฉันฝ่าฝืนกฎของนินจาที่นายรู้ ฉันฝ่าฝืนทุกๆสิ่งแม้กระทั่งกฎบัญญัติการเป็นนินจาที่ง่ายที่สุด นายคงกำลังคิดว่าทำไมฉันถึงยังเป็นนิจาอยู่ได้สินะ”
เนจิไม่ได้พูดอะไร เขาแค่นั่งลงที่โขดหินใกล้ๆกับแม่น้ำซึ่งติดอยู่กับป่าและอีกฝั่งเป็นสถานที่จัดงานเทศกาล ฉันขยี้ตาสีเขียวของตัวเองก่อนจะเช็ดน้ำหูน้ำตาออกจนหมด เนจิเหลือบตามองฉันเพียงเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจดอกไม้ไฟที่กำลังยิงขึ้นไปบนฟ้า มันสวยงามก็จริง แต่การมานั่งริมแม่น้ำดูดอกไม้ไฟกับคนอย่างเนจิ ไม่ใช่สิ่งที่สาวๆใฝ่ฝันนักหรอกนะ
“พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทาง”เสียงนุ่มทุ้มของเนจิเอ่ยขึ้นในระหว่างที่ฉันกำลังลุกขึ้นยืน ฉันเหลือบตามองเขานิดหน่อยก่อนจะพยักหน้ารับเล็กน้อย
ฉันเกลียดเขา เกลียดคนไร้หัวใจที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือเกียรติยศของตระกูล การเป็นนินจา มันต่างเกินไปที่ฉันกับเขาจะคุยกันรู้เรื่อง
“เธอคงเตรียมตัวดีแล้วสินะ”
“ค่ะ หัวหน้าเนจิ”
ฉันประชดประชัน คุณน่าจะรู้นะ เนจิกระตุกยิ้มที่มุมปากกับคำประชดนั่น เขาผุดตัวลุกขึ้นยืนและกำลังสาวเท้ามาทางนี้
“ฉันจะไปแล้ว”เสียงห้วนๆของฉันทำให้เนจิสาวเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้น ฉันรีบสาวเท้าถอยหลังจังหวะเดียวกับที่เขากระโดดเข้ามาหาฉันแทน
เข้ามาหาฉันทำไม อยากลองดีรึไงกัน ฉันยิ่งไม่ชอบขี้หน้าเนจิอยู่นะ!
“น่าแปลกนะที่ลีชอบเธอมากขนาดนั้น รวมทั้งนารูโตะด้วย”
“ละ…แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายตรงไหนล่ะ”
“รวมพลคนซื่อบื้อยังไงล่ะที่ชอบเธอ”
รวมพลคนซื่อบื้องั้นเหรอ!! คิ้วของฉันกระตุกโดยไม่รู้ตัว มือเรียวของฉันยกขึ้นกลางอากาศเพื่อหวังจะตบเขาสักป้าบที่บังอาจปากดีมาว่าคุณลีกับนารูโตะที่นิสัยดีแบบนั้น แต่เหมือนเนจิจะรู้ตัว เขาเคลื่อนไหวไปด้านหลังอย่างรวดเร็วและจับแขนฉันล็อคไว้ที่ด้านหลังแน่น หนอย! เป็นโจนินแล้วคิดจะรังแกใครก็ได้เหรอไงน่ะฮะ!!
“เธอไม่ได้เกิดมาเพื่อต่อสู้ซากุระ เธอเกิดมาเพื่อรักษาและถูกปกป้อง”
“นายสบประมาทฉันงั้นเหรอ! ฉันก็สู้ได้ไม่แพ้ใครหรอกนะ!!!”
“งั้นสินะ? เธอจะเอาอะไรไปสู้กับท่านฮินาตะที่มีเนตรสีขาว เธอจะเอาอะไรไปสู้กับอิโนะที่มีพลังย้ายร่างของยามานากะ เธอจะเอาอะไรไปสู้กับ…ซาสึเกะ คนที่มีเนตรวงแหวนได้”
“!!!”ทำไมจู่ๆเขาถึงพูดเรื่องซาสึเกะขึ้นมาล่ะ
ฉันพยายามที่จะหันกลับไปโต้ตอบเนจิ แต่เพราะเขาที่มีแรงมากกว่าฉันทั้งๆที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ มันทำให้ทั้งฉันและเขาผลัดกันรุกผลัดกันรับจนในที่สุดเขาก็เสียท่า ร่างสูงของเนจิกำลังจะล้มลงไปนอนกับพื้นหญ้า และมันเป็นจังหวะที่ฉันจะได้ใช้หมัดนี่ซัดใส่หน้าเขา
ผลั่ก!!!
แผ่นดินสะเทือนไปทั่วแต่ทว่าร่างบางของฉันกลับถูกเหวี่ยงนอนลงกับผืนดินทันทีที่หมัดกระทบเข้าหน้าเนจิ คนตัวสูงล็อคฉันไว้และจับฉันพลิกตัว ทำให้ตอนนี้แขนทั้งสองข้างของฉันถูกเนจิรวบไว้ที่ด้านหลัง และขาของเขาก็เหยียบที่ขาของฉันอยู่!! ฮิวงะ เนจิ!!
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องซาสึเกะ เขายังไม่ตายใช่มั้ยล่ะ”
“!!!!”
“เธอโกหกคนอื่นได้ แต่โกหกฉันไม่ได้หรอก”
“อึ่ก!!”
“เจอกันพรุ่งนี้นะฮารุโนะ ซากุระ หวังว่าเธอจะไม่สาย”
“ฮึ่ย!!”
นี่คือวันงานเทศกาลที่ห่วยที่สุดในชีวิตฉันเลย!!!
เช้าวันรุ่งขึ้น
ไม่ต้องบอกก็คงรู้สินะว่าฉันไม่มีสิทธิ์สาย!! ร่างบางที่สวมชุดสีแดงซึ่งเป็นสีประจำตัวแบกกระเป๋าสัมภาระออกมาตั้งแต่ไก่โห่ เวลานัดที่เราจะไปสึนะคือหกโมงครึ่ง แต่เพราะความที่ฉันอยากตอกหน้าไอ้หัวหน้าหน่วยอย่างเนจิให้หน้าหงาย! ฉันเลยมาตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า
แต่ก็ผิดคาด!!! กลับมีคนที่มาเช้ากว่าฉัน…นั่นก็คือเนจิยังไงล่ะ!! โอ้ย ฉันต้องทนรอชิกามารุอีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะออกเดินทางกับเนจิเนี่ยนะ สวรรค์ลงโทษฉันชัดๆหรือไม่นรกก็อาจจะเอ็นดูฉันเป็นพิเศษนะถึงได้ส่งเนจิมาเป็นหัวหน้าหน่วยฉันเนี่ย!
ร่างสูงที่สวมชุดสีขาว สีประจำเขานั่นล่ะ! (เบะปากล้อเลียน) หันมามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยดวงตาเบิกขึ้นเล็กน้อย แต่ก็แค่แวบเดียวที่ฉันจับอาการของเขาได้ เขากลับไปตีหน้านิ่งขี้เก๊กไม่แสดงอารมณ์เหมือนเคย! เชอะ!! คนไร้ความรู้สึก
“เธอไม่สาย แต่ก็ไม่ใช่คนแรกที่มาถึง”เขาพูดเสียงเรียบ และนั่นกระตุ้นต่อมโมโหฉันสุดๆ!!
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ!!!”เสียงแค่นหัวเราะอย่างประชดประชันดังมากพอที่จะทำให้เนจิขมวดคิ้ว เขาหันมามองฉันด้วยสายตากดดัน และฉันเลือกที่จะสะบัดหน้าหนีเขาซะ!
เอาเถอะ ไหนๆไปสึนะเราก็ไม่ได้ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว เดินทางด้วยกันแค่สองสามวันมันคงไม่แย่หรอกใช่มั้ย คงไม่แย่ใช่มั้ยล่ะ!! ใช่มั้ย!!
“ทำไมเราญาติดีต่อกันไม่ได้”เนจิพูดราวกับคนเป็นมิตร แต่ขอโทษเหอะ สีหน้าพ่อคุณน่ะไม่ได้เป็นมิตรตามคำพูดเลยนะ
“ฉันญาติดีกับนายออกนะ”
เสแสร้งขี้เฟค ยัยอิโนะมาเห็นฉันตอนนี้คงจะเอาศอกกระทุ้งท้องฉันหลายรอบแน่ๆ ข้อหาทำยัยนั่นหมั่นไส้ไปด้วยยังไงล่ะ เหอะๆ
“งั้นรึ ทำไมฉันถึงไม่คิดแบบนั้นล่ะ”
“แล้วฉันจะไปรู้กับคุณหัวหน้าหน่วยเหรอคะ อ้าว ชิกามารุมานั่นแล้ว เราควรจะรีบออกเดินทางกันนะเจ้าคะ”
“หึ!”
แค่นหัวเราะเข้าไปเถอะ ฉันไม่สบอารมณ์กับเนจิที่ทำท่าทางหยิ่งยโสเลยหันไปหาชิกามารุที่เดินหาวหัวฟูมาแทน เขายังคงเป็นเหมือนเดิม ขี้เกียจ ไม่ว่าอะไรก็ดูน่ารำคาญไปหมด แต่ก็ไม่เคยขาดตกบกพร่องกับหน้าที่
“หาว~ นี่พวกนายตื่นกันแต่ไก่โห่เลยเหรอ ไม่ขยันไปหน่อยเหรอไง”
“รีบไปได้แล้ว!!”
“นี่ฉันทำผิดอะไรงั้นเหรอ”
คนที่ผิดน่ะดูเหมือนจะไม่ใช่นายหรอกนะชิกามารุ แต่เป็นไอ้หัวหน้าหน่วยที่ขึ้นเสียงใส่นายต่างหาก! เอาชนะฉันไม่ได้เลยต้องพาลใส่ชิกามารุงั้นเหรอ โธ่เอ้ย!! ก็แค่ผู้ชายขี้เก๊กคนหนึ่งเท่านั้นล่ะน่า
“รีบไปเถอะ เดี๋ยวคุณหัวหน้าหน่วยเขาจะโมโหอีก”
“อ่า~”
“กาอาระ ดูเหมือนว่าวันนี้นายจะเหม่อบ่อยเหลือเกินนะ”
“หือ?”
ใบหน้าเค้าโครงสวยของกาอาระเลิกคิ้วนิดๆเมื่อโดนพี่สาวคนโตของตนทัก คนตัวสูงที่กำลังเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ถึงกับส่ายหน้าช้าๆเป็นเชิงปฏิเสธ เขาเผยอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้ามองพี่สาวตน
“มีเรื่องอะไรด่วนเหรอ?”
“ก็ไม่ด่วนหรอกนะ แค่ว่ากองกำลังเสริมของโคโนฮะที่ท่านโฮคาเงะส่งมาน่ะใกล้มาถึงแล้ว และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด คิดว่าคงมาถึงตอนเย็นนี่ล่ะ”
“งั้นเหรอ งั้นก็ทำการต้อนรับพวกเขาด้วยล่ะ”
“นั่นมันเป็นหน้าที่ที่นายมอบหมายให้ฉันอยู่แล้วนะกาอาระ มีอะไรกวนใจนายกันแน่น่ะฮะ?”
น้ำเสียงเคร่งขรึมของเทมาริทำให้กาอาระหน้าเหวอไปชั่วขณะ นัยน์ตาสีฟ้าอมเขียวของเขาจ้องมองพี่สาวตนอย่างลังเลใจว่าควรจะบอกเรื่องนี้ดีมั้ย? มันเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าใครจะเข้าใจนะ…อืม
“ไม่มีอะไรหรอก ไปจัดการธุระของเธอต่อเถอะเทมาริ ฉันมีเอกสารที่ต้องจัดการอีกนิดหน่อย”
“ถ้านายว่างั้นล่ะก็นะ…แต่กาอาระช่วงนี้ที่หมู่บ้านเรามีงานเทศกาลดอกไม้ไฟ ไม่คิดจะไปเที่ยวหน่อยเหรอ”
“อืม ไว้ฉันจะคิดดูอีกที”
“ได้ๆ ฉันไปล่ะนะ”
เทมาริเดินออกไปจากห้องทำงานของกาอาระแล้ว แต่คนตัวสูงยังไม่ขยับเขยื้อนไปไหนตามคำที่ได้บอกกับพี่สาวเขาสักนิด เขาควรจะกลับไปจัดการกับเอกสารและวางแผนงานในการฟื้นฟูหมู่บ้านสึนะ แต่ทว่า…ในหัวของเขากลับล่องลอยออกไป…
“ซากุระ…”
กาอาระไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงปล่อยความคิดให้ไปหาเด็กผู้หญิงเรือนผมสีชมพูกับนัยน์ตาสีมรกตบ่อยขนาดนี้ ตั้งแต่ที่เขากลับมาจากการสอบวัดระดับจูนินที่โคโนฮะเมื่อหลายปีก่อน เขาก็หยุดที่จะคิดถึงผู้หญิงผมสีชมพูคนนั้นไม่ได้จริงๆ
“ซาสึเกะ!!”
เสียงหวีดร้องนั่นยังคงดังก้องกังวานทุกครั้งที่เขาหลับตา ร่างบางเล็กๆของเด็กผู้หญิงที่พุ่งกระโจนเข้ามาขวางวิถีทรายของเขาที่กำลังจะกลายร่างเป็นชูคาคุนั้นยังติดอยู่ในสมอง เขาไม่อาจลบเลือนภาพความกล้าของเธอไปได้เลย และเพราะความกล้าหาญนั่นมันทำให้เขาหยุดโจมตีอุจิวะ ซาสึเกะ ทั้งๆที่ตอนนั้นเขากระหายเลือดและการฆ่าจะตายไป แต่ทำไมเขาถึงหยุดล่ะ เพราะอะไร?
“ฉันจะรักษาให้นายนะกาอาระ”
และเป็นอีกครั้งที่เขาและเธอได้พบกันอีกหลังจากการสอบจูนินนั่นจบลง เขาจำได้ดีว่าวันนั้นเขากำลังตามไปช่วยลูกศิษย์ของตนเองที่โดนนิจาหมู่บ้านอื่นจับตัวไป และเพราะความช่วยเหลือของนินจาโคโนฮะที่มาสมทบจึงทำให้เขาเอาชนะศัตรูและตัวเองได้ เขาสามารถควบคุมไม่ให้กลายร่างเป็นชูคาคุ และเขายังได้พบกับซากุระอีกครั้ง
เธอที่แต่ก่อนเป็นเด็กขี้แยที่ไม่รู้จักตัวเอง เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่กระโดดเข้ามาขวางวิถีทรายของเขาโดยไม่คิดชีวิตเพียงเพื่อปกป้องอุจิวะ ซาสึเกะ ผู้ชายที่กระหายแต่ความเคียดแค้น ความพยาบาท และการล้างแค้น ช่างแตกต่างจากเธอที่เปรียบเสมือนดอกซากุระ สะอาดและบริสุทธิ์แต่เข้มแข็งไม่อ่อนไหว
“สัญญาณจากเพื่อนงั้นเหรอ”
“อื้ม! พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ มีคนได้รับบาดเจ็บ”
ซากุระในตอนนั้นตั้งใจในการใช้จักระของเธอเพื่อปฐมพยาบาลเขาเป็นอย่างมาก จากเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆกลายมาเป็นนินจาแพทย์หญิงฝึกหัด เธอเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เพราะเวลาก็ผ่านไปนานมากเหมือนกันสินะ นอกจากนั้น…มันไม่ค่อยบ่อยครั้งนักที่เขาและเธอจะได้พบกัน และมันก็เป็นเพียงชั่วเวลาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นจริงๆ คำพูดแค่สองสามประโยคแต่ฝังลึกในหัวเขา
“กาอาระ!!!”
ถ้าเขาไม่ได้ยินเสียงเรียกนั่นของนารูโตะ ป่านนี้เขาจะไปอยู่ที่ไหนกันนะ เขาจะได้ดำรงตำแหน่งคาเสะคาเงะเพื่อปกป้องหมู่บ้านสึนะแห่งนี้อยู่รึเปล่า การต่อสู้กับแสงอุษาที่เปรียบเสมือนจุดพลิกผันทำให้สัตว์หางออกไปจ่ากตัวเขา…ภาพทุกอย่างมันชัดเจน
“นั่นใคร…ใครเรียก แล้วนี่คือมือใคร…แล้วกัน มือฉันเองอีกแล้วเหรอ มือของฉัน…”
กาอาระผู้ซึ่งอยู่อย่างโดดเดียวเดียวดายไม่มีใครเข้าใจ ภาพในหัวที่สะท้อนกลับมาถึงการอยู่อย่างเดียวดาย เขาที่ยังคงนั่งอยู่บนชิงช้าตัวเดิม กอดตุ๊กตาตัวเดิม เพียงลำพัง เขาเป็นใครกัน เขาคือใคร…ไร้ตัวตนหรือว่า…
“กาอาระ”
“นารูโตะ…”
นัยน์ตาสีเขียวมรกตเบิกตารอบไปทั่วทั้งบริเวณ ร่างสูงของกาอาระผุดลุกขึ้นนั่งในขณะที่มือของนารูโตะประคองเขาเอาไว้ บนผืนหญ้าสีเขียวของทุ่งกว้างที่ไม่ควรจะมีใครอยู่ กลับเต็มไปด้วยผู้คนที่ล้อมรอบเขาเอาไว้ กาอาระไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองในวินาทีนั้น…
“นี่ นี่มัน…”
“ทุกคนเขารีบวิ่งมาก็เพื่อช่วยนายยังไงล่ะ”
“ท่านกาอาระ! เป็นไงบ้างคะ”
เสียงใสของลูกศิษย์เพียงคนเดียวของกาอาระดังมาแต่ไกล กาอาระได้แต่พยักหน้ารับช้าๆเป็นการตอบว่าไม่เป็นไร ใบหน้าที่ดีใจสุดขีดของลูกศิษย์พร้อมกับเสียงตะโกนโห่ร้องของผู้คนทั่วทั้งบริเวณ ผู้คนที่พากันน้ำตาไหลเพราะโล่งใจที่คาเสะคาเงะของพวกเขารอดตาย…นี่มัน
“ทำเขาวุ่นไปหมดเลยนะ”
“ให้ตายสิ ห่วงแทบแย่เจ้าน้องบ้าเอ้ย”คันคุโร่เองที่รีบวิ่งมาก็พูดพลางหัวเราะเป็นการใหญ่
“อะไรกันเนี่ยพวกนาย วางมาดกันใหญ่เชียวนะ กาอาระน่ะเป็นคาเสะคาเงะเลยนะ! ยังจะทำปากเก่งกันอยู่ได้ เป็นแค่คนธรรมดาแท้ๆ”
เทมาริว่าเสียงดังแต่ก็ไม่วายที่จะแหวกนารูโตะออกไป คนเป็นพี่สาวคนโตรีบชะโงกหน้าเข้าไปถามน้องชายด้วยความเป็นห่วง
“กาอาระ รู้สึกยังไงบ้างน่ะ”
กาอาระไม่ตอบอะไร เขากลับพยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง แต่เมื่อเขาจะล้มลงไปนั่งกับพื้นกลับมีมือของเพื่อนที่คอยช่วยเหลือ พวกสาวๆนินจาก็ให้ความสำคัญกับเขาเป็นการใหญ่ กาอาระไม่รู้จะพูดอะไร นัยน์ตาสีเขียวของเขาได้แต่กวาดสายตามองไปโดยรอบก่อนจะหยุดลงที่…
ร่างของท่านย่าโจที่หมดสติอยู่ในอ้อมแขนของซากุระ ใบหน้าสวยที่เขาไม่ได้เห็นมาเป็นเวลานานกำลังหลั่งน้ำตาร้องไห้ออกมาเป็นสาย นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดคิดว่าจะเห็นทันทีที่ฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง...
ความเงียบเข้าปกคลุมทุ่งหญ้า คันคุโร่อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างที่แทบจะไม่เข้าหูกาอาระเลย เพราะนัยน์ตาสีเขียวอมฟ้าของเขายังจับจ้องอยู่แต่ซากุระและย่าโจที่นอนหลับอยู่ตรงนั้น…ซากุระเท่านั้นที่ร้องไห้และกอดร่างของท่านย่าโจไม่ยอมปล่อย
“ท่านกาอาระ!!”
“ไม่เป็นไร ฉันลุกเองได้”
ร่างสูงของกาอาระที่ลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองแต่เพราะเรี่ยวแรงที่สูญเสียไปมาก มือของนารูโตะจึงเป็นแรงที่ช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นมา ความเจ็บปวด ความเศร้า ความทุกข์ทรมาน กาอาระยืนจ้องมองซากุระที่อยู่ตรงนั้นด้วยความรู้สึกปนเป นัยน์ตาสีเขียวอมฟ้าสบเข้ากับนัยน์ตาสีมรกตทันทีที่ซากุระเงยหน้าขึ้นมา กาอาระเอื้อนเอ่ยคำพูดออกไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กัน
“ทุกคน…ช่วยกันภาวนาให้กับท่านย่าโจ”
“…ฮึก ท่านย่าโจ”
แม้แต่โอกาสที่จะได้อยู่ใกล้ๆกับเธอ กาอาระยังแทบไม่มีเวลาด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่พาตัวกาอาระและศพของท่านย่าโจกลับมาถึงสึนะงาคุเระ ทางฝั่งโคโนฮะก็ขอตัวกลับในทันที
“ฮะ? จะกลับเลยเหรอ พักกันสักหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ”คันคุโร่ร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินว่าพวกโคโนฮะจะกลับ
“นั่นสินะ น่าจะอยู่พักสักวันหนึ่งจะได้หายเหนื่อยสักหน่อย”เทมาริเองก็เห็นด้วยกับคันคุโร่
“ก็อยากจะพักอยู่เหมือนกันล่ะนะ”นารูโตะบอก
“คือว่าทางเราต้องกลับไปรายงานภารกิจสำคัญกับท่านโฮคาเงะ”
ซากุระว่าเสียงใส ใบหน้าของเธอแทบไม่เหลือร่องรอยของการต่อสู้อีกแล้ว นัยน์ตาสีเขียวมรกตนั่นจ้องมองมายังกาอาระที่นั่งอยู่ตรงกลางโดยไม่หวั่นเกรงอะไรอีก เธอส่งยิ้มกว้างและร่าเริง…นั่นคือเธอที่เขารู้จัก
“เอาล่ะ ถ้างั้นเราควรไปเคารพหลุมศพท่านย่าโจอีกสักครั้งก่อนกลับดีกว่านะ”
คาคาชิเป็นคนเสนอความคิดนั้น ทุกคนจึงพากันไปรวมตัวที่หน้าหลุมศพของท่านย่าโจ…
“ทุกคนบอกลาได้แล้วล่ะ”คาคาชิพูดทั้งๆที่ยังให้ไกแบกตัวเองอยู่อีกฝั่ง
ซากุระหลับตาก่อนที่จะภาวนา คำพูดต่างๆมากมายที่เธอมีให้กับท่านย่าโจถูกส่งผ่านออกไป เธอไม่มีทางได้รู้และทุกคนไม่มีทางได้เห็นเมื่อหลับตา แต่ทว่ากาอาระยังคงลืมตาอยู่ เขาเหลือบมองซากุระทุกๆครั้งที่มีโอกาสและไม่เข้าใจในตัวเองเลยสักนิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น…ความรู้สึกเจ็บปวด ปนเปไปหมดตั้งแต่วันนั้นที่เขาฟื้นมา น้ำตาที่ไหลอาบข้างแก้มซากุระ มันเป็นเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ
ซากุระและนารูโตะเป็นคนสุดท้ายที่ยืนอยู่หน้าหลุมศพของท่านย่าโจจนกระทั่งลีเรียก ซากุระจ้องมองหลุมศพนั่นอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือลูบที่ป้ายหลุมศพ นัยน์ตาสีเขียวมรกตหันกลับไปด้านหลัง สายลมพลิ้วพัดผ่านคำขอบคุณของเธอออกไป
“กาอาระ! เอกสารที่ต้องส่งให้ที่ประชุมน่ะยังไม่เสร็จอีกเหรอเนี่ย?”
คันคุโร่ทำให้กาอาระได้สติกลับคืนมา คนตัวสูงยืนเท้าโต๊ะในขณะที่โบกเอกสารไปมาต่อหน้าของน้องชายตัวเอง กาอาระเอาแต่นั่งเหม่อมาไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว และคันคุโร่ก็พยายามเรียกเขาหลายครั้งแล้ว
“อ่ะ…”
“นายมัวทำอะไรอยู่น่ะฮะ ทางที่ประชุมเร่งฉันให้เอาเอกสารไปส่งตั้งแต่สิบห้านาทีที่แล้วแล้วนะ”
“โทษที ฉันมัวแต่คิดอะไรนิดหน่อย…”
“ไม่ไหวเลยนะ ช่วงนี้นายเป็นอะไรของนายเนี่ย เดี๋ยวเหม่อเดี๋ยวเหม่อ”
มือเรียวของกาอาระเอื้อมไปคว้าเอกสารที่คันคุโร่ถือไว้มาจัดการโดยไม่สนใจคำพูดของคนเป็นพี่ที่ยืนบ่นไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนโดนดุ นัยน์ตาสีเขียวอมฟ้าที่กำลังตั้งใจกับการทำงานหยุดชะงักไปเมื่อสายตาของเขาจรดที่รูปภาพที่คุ้นเคย รูปภาพตั้งโต๊ะของแม่…แม่ของเขาและน้องชายของเธอ
‘แผลและความเจ็บปวดที่เจ็บที่ใจน่ะ มันจะต้องรักษาด้วยยาที่เรียกว่าความรักยังไงล่ะครับ’
ความรัก...หึ นั่นสินะ ความรักที่ฮารุโนะ ซากุระมีต่อซาสึเกะมันช่างเป็นความรักที่น่าสนใจ และมันเป็นสิ่งที่กาอาระไม่เคยได้รับหรือสัมผัสมาก่อน…
“คันคุโร่ มันจะเป็นไปได้มั้ยถ้าหากฉันจะได้รับยารักษาแผลที่ใจ”
“ฮะ? ที่พูดเนี่ยหมายความว่ายังไงน่ะ?”
“หึ เปล่าหรอก นี่เอกสารของนาย”
“อะไรของเขานะ ฮู้”
ไม่มีใครที่จะเข้าใจคำพูดของเขาได้นอกจากฮารุโนะ ซากุระ กาอาระเชื่อแบบนั้น เพราะคงมีแต่เธอเท่านั้นที่มีรักมั่นคงให้กับอุจิวะ ซาสึเกะ และถึงแม้ว่ามันจะผ่านมาหลายปีแล้วเธอก็ยังไม่เปลี่ยนใจ จวบจนวินาทีสุดท้ายที่ซาสึเกะประกาศตนชัดเจนและเป็นตัวอันตรายของโลกนินจา เธอก็ยังเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องชีวิตซาสึเกะเอาไว้ ถึงแม้ว่าสิ่งที่เธอทำจะผิดต่อโลกนินจา ถึงแม้ว่าเธอจะฝ่าฝืนทุกๆคำสั่งเพียงเพราะอยากยืนหยัดปกป้องคนที่ตนเองรัก คนสำคัญของเธอ
บางทีการได้เรียนรู้จุดเล็กๆที่เรียกว่าความรักจากฮารุโนะ ซากุระ…มันก็เป็นจุดยิ่งใหญ่สำหรับคนๆหนึ่ง ความรักทั้งหมดที่ฮารุโนะ ซากุระมีต่อซาสึเกะน่ะ สำหรับกาอาระแล้วเขาอยากจะครอบครองทั้งหมดนั่นจริงๆ
“เธอมีค่ามากกว่าที่ตัวเองคิดนะฮารุโนะ ซากุระ และความรักของเธอควรจะให้กับคนที่เห็นคุณค่าของมัน ไม่ใช่คนที่ไม่แม้แต่จะเหลียวแลเธอ…ฉันคือคนที่เฝ้าดูเธอตลอดมา”
“ก็ต้องแน่อยู่แล้วสิ ถ้าซากุระคือคนที่ครอบครองพลังเนตรแห่งการรักษา หึ”
เสียงนั่นดังขึ้นภายใต้ความเงียบของป่าใหญ่ ร่างสูงของใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวเพียงลำพังอยู่นอกเขตของหมู่บ้านสึนะงาคุเระ ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลา เปลือกนอกของปีศาจเย็นชาผู้ไม่เคยคิดถึงใครนอกจากตัวเอง หน้ากากที่สะท้อนกับแสงพระอาทิตย์ยามเย็นถูกลดลงครึ่งหนึ่ง ก่อนที่ประกายสีแดงฉานของเนตรต้องสาปซึ่งเต็มไปด้วยความแค้นจะเปล่งประกายลำแสง
เนตรวงแหวนของตระกูลอุจิวะ
Talk with writer :: 10 Nov 2011
วันนี้วันดี วันลอยกระทง แถมฉลองครบ 500 View ตั้งเเต่เปิดเรื่องเมื่อวันที่ 1 พ,ย 54 เวลาผ่านมาสิบวันเเล้ว สำหรับฟิคเรื่องนี้ >< แต่ดูเหมือนเราจะอัพน้อยเนอะ 555 ค่อยๆคลืบคลานกัน และวันนี้ไรท์เตอร์อารมณ์คึกมาก ได้ฤกษ์มาตอบเม้นท์คนอ่านกันแล้วนะจ๊ะ ;D
Update ฟิคตอนนี้ :: 90 หน้า A4 แล้วจ้า หลังจากผิดระเบียบไม่แต่งนิยายมาสองวัน =_=;
ตอบเม้นท์ ::
ตอบรวมๆเลยนะ
ทุกคนบอกรูปสวย ไรท์เตอร์ดีใจมาก 55
นารูโตะเป็นคนดี นั่นล่ะคือเรื่องจริงแท้แน่นอนที่สุด YY
นักอ่านทุกท่านน่ารัก เป็นกำลังให้ไรท์เตอร์หายหวัดกันอย่างถ้วนหน้า (หรือห่วงอยากอ่านฟิค 555)
ต่อให้คนกรอกหูนารูโตะ เรื่องฮินาตะ ยังไงซะ ก็ต้องรอดูกันต่อไป 55 (ไม่ได้ช่วยให้กระจ่างเลยนะ)
ไรท์เตอร์ขยันมาก!! แต่พอถึงช่วงดอง จะดองหนักที่สุดและอาจแต่งไม่จบ 555 แต่ไม่ต้องห่วง ไรท์เตอร์คิดพล็อตไปไกลมากๆแล้วว่าจะให้เกะเลวยังไง ซากุระจะต้องบัดซบแบบไหน กาอาระจะต้องเดี้ยงเยี่ยงไร นารูโตะจะต้องช้ำรักแค่ไหน 55 เนจิก็ขี้เก๊กต่อไป ไม่มีบทบาทไรมาก สำหรับพระเอกมือใหม่คนนี้ U-U 555
เอาล่ะ!! จบการตอบเม้นท์สำหรับวันนี้ ทุกคนดูตกใจเรื่องโตะขอแต่งงาน 55 แต่ยังมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ นี่ยังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลย อย่าเพิ่งตกใจกันไปเยอะเเบบนั้น O_O
คุณก็รู้ว่าคุณรักฟิคและนารูโตะมากแค่ไหน! ;p
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รู้สึกสงสารฮินาตะเหมือนกันนะ ที่โตะไม่เคยเหนฮินาตะอยู่ในสายตาเบย เจ็บปวดแทนT^T
ชิกามารุอ่ะที่ต้องไปสึนะ เพราะงานหรือว่าไปหาเทมาริกันแน่หว่า(เค้าแอบจิ้นคู่นี้++)
ใครก็ได้เอาเนจิไปเก็บที ไม่รู้ว่าจะกวนและเก๊กอีกนานแค่ไหน น่าสับหัวยิ่ง55
แต่เค้าเชียร์กาก้าอยู่นะ สู้ๆนะค่ะ ท่านคาเสะคาเงะ ถึงจะไม่มีโอกาสก็เถอะ
สาวกกาก้า ยังเชียร์นะค่ะ .......... (สุดท้ายก็เป็นกำลังใจให้ไรท์ค่ะ)
เนื้อเรื่องสมจริงสมจังมากเลย><
โฮแค่นี้ก็เริ่มนํ้าตาแตกและ T^T
แปลว่าเรื่องนี้อิเกะจะเลวใช่มิ ?? =..=
กาอาระออกแล้ว! >O<
ซากุระก็ด้วย เกะแกนี่ไม่ไหวๆ
เนจินายก็จะโหดอะไรนักหนา >o< (แต่เค้าก็ยังรักเสมอนะ)
ปล. อัพไวๆนะคะ
แพนด้า เริ่มออกมาแล้ว!!! ติดตามๆๆหนุกๆๆ
รีบต่อๆ หนุกมากกก